พลิกแนวเขียนแบบ Foxxtrot

บทสัมภาษณ์

หลายคนอาจเลือกทำในสิ่งที่ตนถนัดเพื่อความมั่นใจถึงผลลัพธ์ที่ออกมา แต่สำหรับ Foxxtrot เจ้าของผลงานนิยายแฟนตาซีชื่อดังอย่าง "The Dragon’s Heart ผลึกใจมังกร" กลับไม่คิดเช่นนั้น เธอเลือกที่จะลองเปลี่ยนแนวเขียนจากแนวแฟนตาซีซึ่งเป็นแนวถนัดไปจับปากกาเขียนนิยายรักเพื่อทดสอบความสามารถตัวเอง

“สาเหตุหลักคืออยากทดสอบความสามารถในการเขียนนิยายของตัวเองค่ะ เพราะความพยายามในการแต่งนิยายก่อนหน้านี้ทั้งที่จบและไม่จบล้วนเป็นแนวแฟนตาซีทั้งสิ้น เรียกได้ว่าไม่เคยลองแนวอื่นมาก่อนเลย เราเลยมาคิดว่าถ้าเกิดจริงๆ แล้วมีแนวที่เราถนัดและแต่งได้ดีมากกว่าแฟนตาซีอยู่ล่ะ งั้นมาลองดูกันดีกว่า หลังจากนั้นพล็อตหลายๆ แบบก็เริ่มผุดขึ้นมาไม่หยุด ทั้งแนวสืบสวนฆาตกรรม แนวรักดราม่า แนวเอาตัวรอด แนวคอเมดี บางเรื่องยังเป็นวุ้นอยู่ในหัวส่วนบางเรื่องก็เริ่มทดลองแต่งไปบางแล้ว

“ส่วนสาเหตุรองคือบังเอิญคิดพล็อตที่น่าสนุกได้และนักอ่านเชียร์กันมาก พอเรื่อง The Dragon's Heart จบเราเลยตัดสินใจว่าจะท้าทายตัวเองอย่างเป็นทางการด้วยการแต่งนิยายรักจริงๆ จังๆ ค่ะ”

พล็อตที่ว่าได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระทู้บ่นเรื่องละครไทยในเว็บไซต์เด็กดีถึงความน้ำเน่า และความไม่สมเหตุสมผลของเนื้อเรื่อง และลักษณะเฉพาะของพระเอกและนางเอก

“เช่นว่าพระเอกจับนางเอกไปข่มขืนเพื่อแก้แค้นใครสักคนในครอบครัวนางเอก โดยที่ลักษณะเฉพาะเลยคือพระเอกต้องหล่อรวยล่ำและเถื่อน ส่วนนางเอกจะน่ารักบอบบางอ่อนโลก นิดๆ หน่อยๆ ก็ร้องไห้ แรกๆ ก็ขัดขืนแต่ไปๆ มาๆ ก็หลงไปกับสัมผัสพระเอกและสุดท้ายก็ดันตกหลุมรักคนที่ข่มขืนเธออีก (เอาเข้าไป) เราเลยมาคิดว่าถ้าเกิดนางเอกไม่ยอมล่ะ ถ้านางเอกเก่งพอที่จะเอาตัวรอดเองได้แถมร้ายพอที่จะเล่นงานพระเอกกลับได้ด้วยล่ะ แล้วพระเอกอีก ทำไมทุกเรื่องต้องเหมือนกันหมด หล่อรวยฟันมาแล้วทั่วราชอาณาจักร ทำไมไม่มีพระเอกเวอร์จิ้นเหมือนนางเอกที่ยังบริสุทธิ์อยู่บ้าง ก็เลยออกมาเป็นพล็อตเรื่องทัณฑ์ลวงรักอย่างที่เห็นค่ะ”

เพราะนิยายรักเป็นแนวไม่ถนัด ฉะนั้นตอนเขียนเรื่องนี้ Foxxtrot จึงกังวลอย่างมากว่าจะไม่ออกมาดีอย่างที่เคยเขียน “เพราะเราไม่สันทัดฉากหวาน ขนาดเรื่องมังกรกว่าจะทำใจเขียนฉากให้พระ-นางสวีตกันก็ปาเข้าไปเกือบสี่สิบตอนแล้ว แต่ตอนนั้นคนอ่านเขาก็โอเคกันนะคะ คงเพราะมันเป็นแนวแฟนตาซีและมีปริศนาให้ไขเยอะ ในขณะที่นิยายรักคนอ่านจะค่อนข้างคาดหวังมากกว่าว่าจะมีฉากมุ้งมิ้งมาให้ฟินบ่อยๆ แต่ฟ็อกซ์ชอบที่จะเห็นความสัมพันธ์ของพระ-นางพัฒนาไปอย่างช้าๆ ค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า ก็เลยเอาความแปลกและความฮาของตัวละครเข้าสู้แทน และหลังจากเริ่มอ่านนิยายรักกับดูหนังรักมากขึ้นเพื่อศึกษาแนวทางการแต่ง เราก็พบว่านิยายรักมีความหลากหลายมากกว่าที่คิด บางเรื่องพระ-นางยังไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำก็ยังรักกันได้ หลังๆ มาฟ็อกซ์เลยเริ่มสบายใจกับความแปลกของนิยายตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังแอบกังวลเป็นพักๆ อยู่ดี”

ถึงจะเป็นนิยายเหมือนกัน แต่ทั้งสองแนวก็มีวิธีการคิดและการทำงานแตกต่างกัน “แนวแฟนตาซีจะยากตรงที่ต้องคิดเนื้อเรื่องให้คนอ่านว้าวได้ตลอดเวลา เวลาบรรยายก็ต้องงัดสิ่งที่อยู่ในหัวเราออกมาสร้างเป็นรูปธรรมและทำให้คนอื่นเข้าใจเหมือนเราให้ได้ ส่วนนิยายรักจะยากที่ความรู้สึกของตัวละครค่ะ จะบรรยายอารมณ์นี้ออกมาในลักษณะไหนดีแล้วทีนี้ตัวละครนั้นจะทำอย่างไรต่อไป ในความคิดของเรา นิยายรักจะขับเคลื่อนด้วยอารมณ์เป็นหลัก ส่วนแฟนตาซีจะเป็นเหตุการณ์ที่เรียงร้อยต่อกันเป็นลูกโซ่มากกว่า”

นอกจากนี้ Foxxtrot ยังฝากเทคนิคเฉพาะตัวสำหรับนักเขียนที่อยากลองเปลี่ยนแนวเขียนดูบ้างแต่ไม่มีความมั่นใจด้วยว่า “ต้องแยกก่อนว่าไปต่อไม่ได้เพราะไม่สามารถบรรยายได้หรือว่านึกเรื่องไม่ได้กันแน่ ซึ่งการแต่งนิยายที่ไม่ใช่ทางถนัดสามารถทำให้ตันได้ง่ายๆ ทั้งจากไม่คุ้นเคยกับการเขียนและเพราะไม่รู้ว่าควรกำหนดเรื่องให้ไปในทิศทางไหนดี หากเป็นเพราะบรรยายไม่ออกก็ต้องแก้ด้วยการอ่านนิยายรัก ศึกษางานจากนักเขียนท่านอื่นว่าเขามีกลเม็ดเคล็ดลับอย่างไรในการบรรยาย ส่วนการนึกฉากต่อไปไม่ได้ส่วนมากมักมีปัญหามาจากการวางพล็อต ฟ็อกซ์เองก็ไม่ใช่คนพล็อตแน่น หลายฉากหลายตัวละครก็เป็นฉากด้นสด เพียงแต่เรามีตอนจบในใจที่แน่นอน และเราแน่วแน่ว่าทุกฉากทุกหน้าเราทำไปเพื่อให้มั่นใจว่าจะได้ตอนจบแบบนั้น”

Foxxtrot ได้ทดสอบฝีมือด้วยการพลิกแนวเขียนและทำได้สำเร็จแล้ว อย่าลืมไปร่วมพิสูจน์เรื่องรัก-คอเมดี แหวกแนวขนบละครไทยกันได้ใน ทัณฑ์ลวงรัก ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ และ www.satapornbooks.com