“มาภา” ถ่ายทอดความรักหวาน อบอวลด้วยน้ำหอมแสนละมุน ใน “ดอกหญ้าในขวดแก้ว”

บทสัมภาษณ์

จุดเริ่มต้นของนวนิยายอาจจะมาจากเรื่องราวที่แตกต่างกัน ทั้งความรักของตัวเอง คนรอบข้าง หรือแม้กระทั่งประโยคเดียวจากเพลงเพลงหนึ่ง แต่สำหรับ “มาภา” เรื่อง “ดอกหญ้าในขวดแก้ว” เริ่มมากจาก บทกวีของ ‘ชาร์ลส์ โบดแลร์’ ที่เคยกล่าวไว้ว่า สี กลิ่น และโน้ตดนตรี เป็นสามสิ่งที่เร้าอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ได้ง่ายที่สุด ง่ายกว่าตัวหนังสือหรือภาพเคลื่อนไหวเสียอีก เพราะสามารถรับรู้ได้ทันที ไม่ต้องตีความ ไม่ต้องใช้ความพยายามทำความเข้าใจอะไรเลย

“ตอนเขียนงาน อิ๊มนำศิลปะสามสิ่งนี้มาใช้สร้างโทน อารมณ์ และบรรยากาศให้กับเรื่องราว ลองผิดลองถูก พยายามฝึกฝนไปเรื่อยๆ ยิ่งเรารู้ตัวว่าเป็นคนไม่ค่อยชอบเรื่องราวหวือหวาหรือหนักหน่วง ชอบเขียนอะไรเรียบๆ เน้นไปทางงานแนวแครัคเตอร์เบส คือเน้นตัวละครเป็นหลัก เน้นที่มิติของตัวละครและความซับซ้อนในจิตใจมนุษย์ ซึ่งเรื่องแนวนี้จะค่อนข้างเครียด หรือบางทีก็น่าเบื่อ ความสนุกเลยอยู่ที่การดีไซน์กลวิธีการเล่า การดำเนินเรื่อง มุมมอง การใช้ภาษา การสร้างบรรยากาศ เพื่อให้เรื่องราวยังน่าติดตาม คาดเดาไม่ได้ ที่ผ่านมามีนักอ่านเคยพูดกันแล้วว่าเวลาอ่านงานของเราจะเหมือนมองเห็นสีอยู่ในตัวหนังสือ บ้างก็บอกว่าเหมือนได้ยินเสียงดนตรีในถ้อยคำ ทีนี้ก็เลยอยากลองจับเอากลิ่นน้ำหอมมาใส่ในงานเขียนบ้าง คิดว่าน่าจะโรแมนติกดีนะคะ” นักเขียนสาวกล่าวถึงที่มาของนวนิยายเรื่องนี้

ความรักในเรื่องนี้ผู้เขียนบอกว่า เป็นความประทับใจที่มีต่อกันตั้งแต่วัยเยาว์ เวลานั้นยังไม่ใช่ความรักแบบหนุ่มสาว สำหรับพระเอก มันเป็นความประทับใจที่นางเอกเห็นคุณค่าในตัวเขาขณะที่เขาไม่เห็นค่าของตัวเอง ส่วนนางเอก เป็นความปลาบปลื้มใจ ความน้อยใจ การรอคอย ความรู้สึกผูกติดกับพระเอกไว้โดยไม่รู้ตัว แล้วค่อยๆ ซึมลึก พอตามหาพระเอกพบก็เฝ้ามอง กลายเป็นความภูมิใจและแอบรัก

“อิสรา พระเอกเรื่องนี้เป็นคนที่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงค่ะ มีความรู้สึก แต่ไม่เพ้อฝัน มีสัญชาตญาณที่ดี และมั่นใจในตัวเองมากๆ แครัคเตอร์นี้พัฒนาขึ้นมาจากความรักของพ่อกับแม่ ที่ทำทุกอย่างเพื่อเขา ในเรื่องจะค่อยๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงจากเด็กชายขี้กลัว Self – esteem ต่ำ จนกลายมาเป็นนักปรุงน้ำหอมผู้ประสบความสำเร็จ มาดนิ่ง จะกวนๆ แบบหน้าตาย ใส่ใจละเอียด แล้วก็อบอุ่นมากกกก ส่วนนางเอก พื้นฐานนิสัยของนางเอกก็มาจากการเลี้ยงดูที่ดีเหมือนกัน เพ็ญภพเป็นนักบัลเลต์ ที่ก้าวเข้าสู่วงการนางแบบด้วยเหตุผลบางอย่าง มี Strong Personality เป็นตัวของตัวเองสูง ที่ต้องสร้างตัวละครนี้แบบนี้ เพราะเธอจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเรื่อง ถ้าเธอไม่ใช่คนแบบนี้ คงทำอะไรอย่างที่ทำนั้นไม่ได้”

อย่างที่เห็นจากหน้าปกก็คงจะทราบกันแล้วว่า เรื่องนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับน้ำหอม ซึ่งมาภาต้องลงมือหาข้อมูลเพื่อให้ได้ข้อมูลที่สมจริง

“เรื่องนี้ต้องทำการบ้านหนักมากเลยค่ะ เพราะเป็นเรื่องค่อนข้างไกลตัว ส่วนขั้นตอนการจัดการข้อมูลจะแบ่งเป็นสองส่วน คือหนึ่ง อ่านศึกษา ถามผู้รู้ โชคดีว่ามีเพื่อนคนฝรั่งเศสทำงานอยู่ที่ Givaudan ถามคนเดียวแทบจะครอบคลุมเรื่องสารสกัดต่างๆ เลยค่ะ พอรู้หลักพื้นฐานคร่าวๆ แล้วว่าน้ำหอมประกอบด้วยท็อปโน้ต มิดเดิลโน้ต เบสโน้ต แต่ก็ใช่ว่าจะเขียนได้ เพราะเรามองไม่เห็นภาพกลิ่น จึงต้องลองหากลิ่นนั้นๆ มาดมเทียบ เช่น เรารู้ว่าดอกซ่อนกลิ่นเป็นดอกไม้ที่ให้กลิ่นหอมแน่นหนัก นวลทึบ ติดจะฉุนไปด้วยซ้ำ พอเอามาผสานกับกลิ่นมะนาว หรือใบมะกรูด จะทำให้โปร่งขึ้น สว่างขึ้น ทีนี้เราก็จะสงสัยรู้ว่ามันโปร่งขึ้นอย่างไร จึงต้องขวนขวายหาน้ำหอมที่มีโน้ตทั้งสองตัวนี้มาลอง ซึ่งไม่ได้ทำแบบนี้แค่ครั้งเดียว ในเรื่องมีเอ่ยถึงโน้ตกลิ่นประมาณเจ็ดสิบกลิ่น ก็ลองมาแล้วเกือบร้อยกลิ่น ตอนนั้นท้อมาก เพราะรู้สึกเกินความสามารถของตัวเอง แต่เราถอยไม่ได้แล้ว พยายามคิดว่ามันคือการลงทุนเพื่องานศิลปะที่อาจจะเป็นชิ้นเอกก็ได้ สุดท้ายก็ออกมาเป็นข้อมูลที่แม่นยำ สมบูรณ์ในตัวมันเอง

"ส่วนที่สอง เมื่อเรามีข้อมูลก้อนใหญ่สำหรับเขียนนิยายแล้ว เราจะเลือกและออกแบบสัดส่วนของเนื้อหาอย่างไรไม่ให้กลายเป็นการถมข้อมูลลงในหน้าหนังสือ ทำอย่างไรให้เราสามารถใส่ข้อมูลลงไปแค่สิบเปอร์เซ็นต์ โดยที่คนอ่านยังสัมผัสได้ว่ามีอีกเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัด เพราะเราไม่อยากให้ก้อนข้อมูลนั้นทำลายอรรถรส และที่สำคัญ ทำลายโทนบรรยากาศของเรื่อง เราต้องการให้อารมณ์ความหวาน ความอบอุ่นมันอบอวลเข้มข้นอยู่ในเรื่องตั้งแต่พระ – นางพบกันไปจนจบ เลยต้องเลือกสละบางอย่าง จึงออกมาเป็นนิยายเล่มบางๆ เล่มนี้”

นอกจากจากเรื่องราวเกี่ยวน้ำหอมแล้ว ผู้เขียนยังต้องการนำเสนอเรื่อง “อัตลักษณ์” อีกด้วย

“Self เป็นสิ่งทำให้คนเราแต่ละคนแตกต่างกัน ไม่ว่าสายอาชีพไหน จะดูต่ำต้อยหรือสูงค่าในสายตาคนอื่นอย่างไร ถ้าเราจริงจังกับมัน ทำมันให้ทะลุในหนทางของตัวเอง ไม่มีวันที่เราจะพบกับความล้มเหลวแน่ๆ ค่ะ อิ๊มอยากให้นิยายเรื่องนี้เป็นกำลังใจให้คนที่มีความฝัน หรือมีเป้าหมาย ลองฮึดสู้ทุ่มเทกับมันให้ถึงที่สุดสักครั้ง เพราะความสำเร็จที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ จะทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วคุณค่าที่เราสร้างให้ตัวเองนั่นแหละ จะทำให้เราเป็นสุข”

แล้วน้ำหอมกลิ่นไหนสื่อถึงคนอ่านของมาภา และกลิ่นไหนที่คิดว่าสื่อถึงมาภาในการรับรู้ของคนอ่าน

“น้ำหอมที่อิ๊มอยากใช้เพื่อสื่อถึงคนอ่านของมาภาคือ Shalimar โดย Guerlain ค่ะ เพราะน้ำหอมกลิ่นนี้ผ่านวันเวลามายาวนานเกือบร้อยปี มีการปรับสูตรให้เข้าถึงง่ายขึ้นตามยุคสมัย แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอย่างไร ชาลิมาร์ก็ยังหอม และมีค่าเสมอ ส่วนมาภาในการรับรู้ของคนอ่าน น่าจะเป็น Rose 31 โดย Le Labo ค่ะ เป็นกลิ่นที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม บางคนบอกว่าเหม็น บางคนว่าหอม รูปลักษณ์ขวดอาจจะดูเหมือนแอลกอฮอร์ล้างแผล แต่ข้างในหอมซับซ้อน ต้องใช้เวลาถึงจะเห็นความจริงใจของกลิ่นค่ะ”

หากใครที่กำลังมองหานิยายหวานละมุน อ่อนโยน อบอุ่น พาฝัน อ่านแล้วเหมือนมีน้ำหอมอบอวลกำจายอยู่ในอากาศตลอดเวลา “ดอกหญ้าในขวดแก้ว” เป็นเรื่องที่อยากจะแนะนำให้ได้อ่านกัน