“ศึกรบก็หนักหนา ศึกรักยังต้องแบกรับ” ใน “มนตราสิตางศุ์” โดย ณารา

บทสัมภาษณ์

         หากใครได้อ่าน “มารีมายา” เรื่องราวของแม่มดสาว “มารี” ต้องไม่พลาด “มนตราสิตางศุ์” ซึ่งเป็นเรื่องราวของลูกสาวแม่มดมารีนั่นเอง เพราะเรื่องราวยังไม่จบในเล่มนั้น เมื่อยังมีเหล่าฟอเมอเรียนที่ต้องการเลือดของแม่มดทั้งสองเผ่าเพื่อบูชายันต์เทพของพวกเขา และเพื่อความอมตะ “ดมิสา” ลูกสาวของมารีและธาย คือความหวังของเหล่าแม่มดว่าจะเป็นผู้มอบพลังให้กับนูเอด้าเพื่อปราบเหล่าภูติต่อไป โดยในเรื่องนี้ภารกิจที่เผ่าเนเมดและเผ่าพาโธลานมีร่วมกันคือ กำจัดภูติฟอเมอเรียนที่คิดจะจับแม่มดสองเผ่าดื่มเลือดเพื่อความเป็นอมตะ

          “นอกจากภารกิจต่อสู้กับภูติฟอเมอเรียนแล้ว ความรักของพระ-นางก็มีอุปสรรคใหญ่คือ ธาย พ่อที่หวงลูกสาวสุดชีวิต และไม่สนับสนุนให้แต่งงานกับนูเอด้า ความรักจะออกแนว วัวแก่กินหญ้าอ่อน และมีพ่อตาจอมจุ้นค่ะ” ณารากล่าวถึงความรักของพระ-นางเรื่องนี้

           ส่วนบุคลิกเด่นของพระ-นางนั้น ณาราบอกว่า “นูเอด้าเป็นตาแก่กินเด็ก เป็นคนดี เก่งกาจ รักเดียวใจเดียวและมุ่งมั่น น่ารักค่ะ ส่วนดมิสา ก็อ่อนเยาว์ ไร้เดียงสา คิดว่าตัวเองถูกบังคับใจ ทั้งที่ตัวเองก็รักนูเอด้า แต่ไม่อยากยอมรับเท่านั้น แถมมีพ่อตานิสัยเสียอย่างธาย ผสมโรง เลยทำให้ความรักของหนุ่มรุ่นเดอะกับสาวน้อยจึงวุ่นวายมากกว่าเดิม”

           ผู้เขียนยอมรับว่าการเขียนนวนิยายที่ผสมเรื่องราวแฟนตาซีลงไปด้วยนั้นยากมาก เพราะไม่ค่อยได้เขียนแฟนตาซีสักเท่าไหร่จึงต้องมีคนช่วยเช่น “แพรณัฐ” ที่ช่วยให้คำแนะนำปรึกษาจนพลอตลุล่วง

           ท้ายสุด ณารา ทิ้งท้ายไว้ว่า “ขอฝากนิยายเรื่องมนตราสิตางศุ์ที่เคยลงในขวัญเรือนกับเพื่อนนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ เป็นอีกเรื่องที่ถามหามานานมาก ดีใจที่จบลงด้วยดี และขอบคุณที่ถามไถ่ ทำให้ช่วยกระตุ้นให้เขียนจบได้ตามกำหนดค่า ขอบคุณมากๆ นะคะ”

           นักอ่านสามารถติดตามผลงานของณาราได้ทุกเล่มที่ www.satapornbooks.com และร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ