เขาหวังเหลือเกินว่าเธอจะช่วยค้นหา “ความลับ” ที่ซุกซ่อนมานานได้!

บทสัมภาษณ์


เพราะสงสัยในประวัติอันคลุมเครือของคนในครอบครัว เขาจึงหวังเหลือเกินว่าเธอจะช่วยค้นหา “ความลับ” ที่ซุกซ่อนมานานได้!

จากความรักที่แสนอบอุ่นซาบซึ้งใจใน Till My Last Breath ตราบลมหายใจสุดท้าย สู่ความรักบทใหม่ที่ “ณารา” ต้องการปะติดปะต่อเพื่อเติมเรื่องราวให้เต็มผ่านตัวละครรุ่นหลาน

“เล่มนี้เป็นเรื่องราวของคิริลค่ะ สายลับที่เป็นคนช่วยพระ-นางจากเล่มก่อน ตอนที่เขียนเล่มที่แล้วจบ ความรู้สึกยังค้างคาค่ะ เลยอยากจะเล่าเรื่องราวของเขาต่อ”

ณาราให้นิยามความรักที่ต้องเลือกใน Over The Rainbow ณ ปลายรุ้งฉันจะรอเธอ ว่ามันคือความรักที่ต้องเสียสละความสุขส่วนตัว เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติ แต่เป็นความรักที่มั่นคง ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน ความรักก็ยังคงอยู่เสมอ ซึ่งณารามองว่า “ความรักมันเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลาเมื่อชายและหญิงมีหัวใจตรงกัน แต่หากรักโดยไม่คำนึงถึงหน้าที่และคนรอบข้างแล้ว ความรักนั้นก็จะเต็มไปด้วยปัญหาและความทุกข์ ดังนั้น ความรักและหน้าที่ควรจะดำเนินไปพร้อมๆ กันอย่างเหมาะสม แต่เมื่อต้องเลือก หน้าที่ที่มีต่อประเทศชาติย่อมมาก่อนความรักค่ะ”

ในอดีต...คิริลและวาเลริญ่าพบกันภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ปกติยิ่ง ความใกล้ชิดทำให้หนุ่มสาวไม่สามารถหักห้ามใจรักได้ แต่ด้วยหน้าที่ต่อประเทศชาติจึงต้องยอมเสียสละ แยกจากกันด้วยหัวใจแหลกสลาย พร้อมกับสัญญาต่อกันว่า...จะพบกันใหม่ที่ปลายรุ้ง

ด้วยเรื่องราวความรักที่เข้มข้นและน่าติดตามตั้งแต่หน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายต้องสอดประสานกับเล่มแรก ณาราจึงกล่าวถึงความ “ยาก-ง่าย” ในการเขียนเล่มต่อนี้ว่าจริงๆ นอกจากเรื่องไทม์ไลน์ของนิยายสองเรื่องที่ต้องตรงกันแล้วก็เขียนไม่ยากค่ะ แต่ตัวคนเขียนเองติดภารกิจงานประจำที่ยุ่งมากจนคิดอะไรไม่ออก พองานโล่งขึ้นหน่อยก็เขียนออกมาได้ราบรื่นดีค่ะ ต้องขอโทษแฟนๆ นักอ่านด้วยนะคะที่ทำให้รอนานนิดนึง”

โดยณาราไม่ลืมฝากทิ้งท้ายถึงแฟนๆ นักอ่านว่าอยากขอบคุณเพื่อนๆ นักอ่านทุกท่านที่ยังรอคอยผลงานของณาราและยังสนับสนุนผลงานด้วยดีเสมอมา ขอบคุณทุกกำลังใจที่คอยถามไถ่ ทำให้พี่รู้ว่ายังไม่ลืมกัน ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”