B13s.t กับผลงานแนวแฟนตาซีกลิ่นอายมังงะ ‘Zokenyo อสูรตนสุดท้าย’

บทสัมภาษณ์

  

  “ผู้เขียนนั้นเริ่มมาเขียนนิยายได้เพราะมาจากการผู้เขียนชอบเขียนการ์ตูนค่ะ แต่เพราะตอนนั้นยังเด็ก และรู้สึกว่าการเขียนการ์ตูนเรื่องยาวเป็นเรื่องใหญ่ ซ้ำยังยุ่งยาก รวมถึงตอนนั้นเพิ่งรู้ว่ามีเว็บสำหรับลงนิยายได้ ซ้ำเราก็อ่านนิยายมาบ้าง เลยอยากลองแต่งการ์ตูนที่คิดไว้เป็นนิยายดู จึงได้ลองแต่งนิยายลงเว็บเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นก็เขียนนิยายมาถึงปัจจุบันค่ะ”

ธนาภา นักเขียนเจ้าของนามปากกา B13s.t เล่าถึงเส้นทางนักเขียนของตัวเอง โดยตอนนี้เธอสร้างสรรค์ผลงานออกมาเป็นรูปเล่มแล้ว 2 เรื่อง นั่นคือ Cubic และล่าสุดคือ Zokenyo อสูรตนสุดท้าย ซึ่งเรื่องนี้เป็นผลงานแรกที่เธอเขียนขึ้นจากการ์ตูนเรื่องยาวที่คิดไว้ ดังนั้นจึงมีกลิ่นของการ์ตูนผู้ชายและผู้หญิงแบบสมัยก่อนร่วมกัน มีเรื่องของปีศาจ เทพเจ้า นักปราบปีศาจ การต่อสู้ และเรื่องรักพอหอมปากหอมคอ

“โซเคนโยเริ่มลงมือเขียนครั้งแรกตอนเราอยู่มัธยมปลายค่ะ น่าจะสักม.5 ก่อนได้วางแผงเป็นเล่มช่วงระหว่างรอขึ้นปีหนึ่งของศิลปากร ซึ่งแรงบันดาลใจก็ง่ายๆ ค่ะ เราเป็นคนอ่านการ์ตูน ดังนั้นบอกได้เลยว่ามาจากการ์ตูนบู๊ๆ ของเด็กผู้ชายที่เราชอบอ่านนั่นแหละค่ะ ตบๆ ผสมๆ เขย่าๆ (ฮา) ก็ออกมาเป็นโซเคนโยที่เขียนออกมาครั้งแรกค่ะ”

Zokenyo อสูรตนสุดท้าย เคยตีพิมพ์มาแล้วเมื่อสิบปีก่อน และ B13s.t ได้นำกลับมารีไรต์อีกครั้ง โดยพยายามคงของเก่าไว้ให้มากที่สุด เพิ่มข้อมูลต่างๆ ให้แน่นมากขึ้น ตบ ปรับ และแต่งให้เรื่องสมเหตุสมผลมากขึ้น แต่การดำเนินเรื่องหลักยังเป็นแบบเดิม


“เมื่อเราโตและกลับไปอ่านงานเก่าๆ ของตนจะพบข้อผิดพลาดได้เยอะต่างจากตอนนั้นตามประสบการณ์ที่มากขึ้น กระนั้นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยก็คือเพราะตอนนั้นเราแต่งมันด้วยความสนุกจากใจจริงๆ เราไม่ตั้งเงื่อนไขกับมันมาก ไม่คิดมากตอนที่แต่ง ปล่อยตามใจและอารมณ์ล้วนๆ ดังนั้นแม้จะเห็นข้อผิดพลาดมากมายแต่ก็ยังคงสนุกมากสำหรับเรา มันมีกลิ่นของ ความดิบ ความไม่รู้เดียงสา มันเลยยังคงมีเสน่ห์สำหรับเรา และแบบนั้นเราก็เลยยังอยากคงกลิ่นเดิมๆ ของก่อนรีไรต์ไว้อยู่ จึงพยายามเพิ่มเนื้อหาเข้าไปมากกว่าการตัด หรือสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด ซึ่งสรุปก็คือโซเคนโยรีไรต์ฉบับปัจจุบันนี้ก็ยังคงดำเนิน เรื่องเช่นเดิม แต่สมเหตุสมผลและข้อมูลแน่นขึ้น มีการปรับชื่อตัวละครบ้างบางตัว และเพิ่มเนื้อหาเข้าไปเยอะกว่าเดิมค่ะ”

ฉากและเรื่องของนวนิยายเรื่องนี้จะเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น ดังนั้นผู้เขียนจึงต้องทำการบ้านอย่างหนักกับการหาข้อมูล ทั้งจากหนังสือ อินเทอร์เน็ต และสอบถามจากผู้รู้

“โซเคนโยจะเป็นเกี่ยวกับปีศาจญี่ปุ่น เราก็ซื้อหนังสือเกี่ยวกับปีศาจญี่ปุ่นมาเลยค่ะ และหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตประกอบ บวกกับมีการ์ตูน หนัง ซีรี่ย์ หรืออนิเมะที่มีข้อมูลเกี่ยวกับญี่ปุ่น และข้อมูลตามเว็บบล็อกของคนที่เคยอยู่ เคยศึกษา แม้แต่กระทู้ที่เกี่ยวข้องเราก็หาอ่านหมดเท่าที่จะหาได้ที่มันเกี่ยวกับข้อมูลของนิยายที่เราจะเอามาเขียนค่ะ รวมถึงยัง สอบถามจากเหล่านักอ่านที่มีความรู้ และเข้าไปลองศึกษาถึงภาษาของเขาในเว็บที่มีการสอนภาษาด้วย ซึ่งถือเป็นโชคดีมากที่สมัยนี้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นในประเทศเรานั้นเยอะมาก มีทั้งคนที่ศึกษาที่นั่นนำประสบการณ์มาเล่าหรือคนที่ไปเที่ยวแล้วนำมาเล่าก็ตามที หรือแม้แต่คนใกล้ตัวก็มีข้อมูลให้เราเยอะมากค่ะ ส่วนเราก็คัดกรองว่าจะใช้ข้อมูลใดบ้างมาประกอบนิยายที่เราเขียน”

จากเรื่อง Cubic จนมาถึง Zokenyo อสูรตนสุดท้าย จะเห็นว่ามีผลงานของ B13s.t มีกลิ่นอายมังงะ ซึ่งเธอคิดว่านั่นเป็นเอกลักษณ์ของเธอ

“ชอบเขียนนิยายที่มีกลิ่นการ์ตูนมังงะ และชอบเรื่องที่มีการต่อสู้ วางแผน โดยเฉพาะตัว นางเอกหรือตัวเอกที่เอาตัวรอดเก่ง เรื่องราวที่มีกราฟขึ้นลงให้ตื่นเต้นและสนุกได้ตลอดทั้งเรื่อง แล้วก็มีรักสักเล็กน้อย ซึ่งความจริงโดยส่วนตัวก็ไม่ได้ถนัดแนวรักสักเท่าไหร่ แต่มักใส่มาเพื่อให้เป็นสีสันอีกแบบของนักอ่าน ให้อ่านสู้ๆ วางแผนๆ เหนื่อยๆ ก็มาพักกับรักบางเล็กๆ น้อยๆ เหมือนคอแห้งๆ ได้ดื่มน้ำดับกระหาย แต่ถ้าให้เขียนรักเป็นหลักเลยคงไม่ไหวจริงๆ”

นอกจากเขียนนิยายแล้ว B13s.t ยังวาดการ์ตูนอีกด้วย โดยเธอวาดอย่างจริงจังครั้งแรกตอน ม.3 พร้อมทั้งส่งการ์ตูนเรื่องสั้นเข้าประกวดกับนิตยสารการตูนรายเดือน Boom และได้รับรางวัลที่ 1 ผู้เขียนบอกว่ายังเก็บถ้วยรางวัลกับนิตยสารที่ลงภาพเธอเอาไว้ ต่อมาหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัย มีเวลามากขึ้น จึงวาดส่งให้ สนพ. การ์ตูนไทยสตูดิโอพิจารณา

“เพราะตอนจบใหม่ๆ เรามีเวลามากขึ้นแล้ว เราจึงวาดไปส่งให้สนพ. การ์ตูนไทยสตูดิโอ พิจารณาค่ะ ก็ผ่านและได้เขียนการ์ตูนแนวสยองขวัญลงประจำจนได้ออกเล่มรวมมาสองเล่มค่ะคือ School end และเรื่อง นิทานในความมืด แล้วนอกนั้นก็จะเขียนรวมอยู่ประปรายกับนักเขียนท่านอื่น แต่ก็ทำได้สักพักก็หยุดค่ะเพราะมีเรื่องรีไรต์โซเคนโย และเรื่องคุณพ่อที่เริ่มป่วยเข้ามา จึงจำเป็นต้องตัดงานออกไปสักงาน เลยหยุดเขียนการ์ตูนไป แต่พอผ่านไปสักสองปีก็มาเจอว่ามีเว็บสำหรับลงการ์ตูนของคนไทย และเราเพิ่งเห็นว่ามีนักเขียนการ์ตูนไทยอีกมากที่กำลังพยายามอยู่ และที่น่าตกใจกว่าคือมีผู้คนติดตามการ์ตูนไทยเหล่านั้นมากกว่าที่เราเคยคิดไว้มากๆ จนเราอยากกลับมาเขียนอีก ช่วงหลังที่เริ่มเขียนนิยายใกล้เสร็จจึงมาเขียนการ์ตูนลงเว็บ เพราะไม่มีทั้งเดทไลน์และไม่มีข้อกำหนดอะไร การเขียนจึงง่าย ไม่กดดันตัวเอง สามารถเขียนได้เมื่อไหร่ก็ลงเมื่อนั้นจึงยิ่งสนุกมาก และเหมาะสมกับช่วงเวลาที่เราไม่ค่อยพร้อม ตอนนี้จึงมีการ์ตูนลงเว็บอีกเรื่องเป็นแนวรักคอมเมดี้ เรื่อง boy meets girl สามารถหาอ่านได้ในเว็บ Ookbee comic ค่ะ และคิดว่าถ้าชีวิตพร้อมกว่านี้เมื่อไหร่ ก็น่าจะกลับไปเขียนการ์ตูนแบบมืออาชีพอีกครั้งค่ะ”

สำหรับ B13s.t การเขียนนิยายง่ายกว่าการเขียนการ์ตูนในเรื่องการปฏิบัติ และลงมือ ขณะที่การเขียนการ์ตูนจะง่ายกว่าในการอธิบายเนื้อเรื่องเพราะไม่ต้องมาคิดคำ แต่หากถามว่าอย่างไหนยากกว่า เธอขอบอกแบบตรงไปตรงมาเลยว่าการ์ตูน

“เพราะการ์ตูนทั้งอุปกรณ์และวิธีการเยอะและหลายขั้นตอนกว่านิยายอย่างไม่ต้องสงสัย นิยายเรามีแค่คอมพ์ เปิดหน้าเวิร์ดเราก็พิมพ์ได้เลย แต่การ์ตูนมันขั้นตอน อุปกรณ์ และการลงมือมันเยอะกว่านั้นมาก แต่ทั้งสองอย่างส่งเสริมกันมากๆ ค่ะ เพราะการ์ตูนเมื่อออกมาเป็นรูปเราต้องคิดภาพออกมาให้ชัด เราจึงเหมือนฝึกการคิดภาพในหัวไว้อยู่แล้ว เมื่อเขียนเป็นนิยายเราจึงสามารถสร้างภาพแบบในการ์ตูนหรือหนังในหัวเราออกมาได้ค่อนข้างชัดเจน ซึ่งช่วยได้มากในการบรรยาย รวมถึงการลำดับภาพเหคุการณ์ต่างๆ ด้วย ขณะที่นิยายจะช่วยในเรื่องการวางโครงเรื่องหรือการดำเนินเรื่อง เวลาเขียนการ์ตูนเราจึงไม่ค่อยมั่วและมีแผนในหัวไว้ค่ะ ดังนั้นเรื่องจะไม่ออกมาเละเทะ และมีเนื้อเรื่องที่ซับซ้อนรวมถึงนุ่มลึกมีมิติมากขึ้นด้วย”

นอกจากนี้ B13s.t ยังเได้แสดงฝีมือด้วยการวาดปก Zokenyo เองอีกด้วย โดยเธอเล่าถึงคอนเซปต์ในแต่ละปกว่า

“เนื้อเรื่องมันเป็นเกี่ยวกับทายาทอสูร หรือมนุษย์ที่มีความเป็นยักษ์หรือปีศาจในตัว หน้าปกเราจึงให้ตัวละครเอกใส่หน้ากากยักษ์ หรือปีศาจเพื่อสื่อให้เห็นว่าใต้เนื้อหนังของมนุษย์พวกเขามีความเป็นยักษ์และปีศาจอยู่ค่ะ ส่วนหน้าปกของกินเท็นชิที่เป็นรูปหมาป่าสื่อว่าเขาใช้ความเป็นหมาป่ามาทับตัวตนที่เป็นเทพเจ้าของตน ซึ่งจะต่างจากปกของเลนยะ โยชิฮาระ และเลนโยที่ใส่หน้ากากยักษ์และปีศาจ เพราะทั้งสามคนนี้มีความเป็นปีศาจซ่อนอยู่ในตัวเหมือนกัน เรียกว่าปกของกินเท็นชิสื่อไปคนละแบบกับสามปกที่เหลือเลยค่ะ”

ก่อนจากกันไป B13s.t ได้เผยว่าตอนนี้มีโปรแกรมเขียนนิยายสามเรื่อง ซึ่งเรื่องแรกที่น่าจะได้เห็นกันก่อนคือเรื่อง ‘The Legend of Bluefire (มังกรผู้เฝ้าหอคอย)’ และเรื่องที่สองคือ ‘รักนี้พยายามน้ำเน่า’ เป็นแนวรักคอเมดี ฉีกแนวทุกแนวที่เขียนมาเรื่อง ส่วนอีกเรื่องยังซ่อนไว้หลังม่านในนามปากกาอื่น เป็นแนวผจญภัยแบบออกทะเลผสมแฟนตาซีเบาๆ ซึ่งลงให้อ่านในเว็บไซต์ไปแล้ว 4 ตอน

พูดคุยกับ B13s.t กันไปแล้ว อย่าลืมหยิบ Zokenyo อสูรตนสุดท้าย มาไว้ในอ้อมใจอีกสักเรื่อง

Zokenyo อสูรตนสุดท้าย โดย B13s.t มีทั้งหมด 4 เล่มจบ พร้อม Boxset สวยงาม มีวางจำหน่ายแล้วที่ www.satapornbooks.com และร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป