ดื่มด่ำรักครั้งแรกท่ามกลางสายฝนพรำ ใน ดั่งฝนบนฟ้า โดย เนวิกา

บทสัมภาษณ์

ดื่มด่ำกับเซตติงเมืองนอกท่ามกลางสายฝนพร่ำและรักครั้งแรกใน ดั่งฝนบนฟ้า โดย เนวิกา


แนะนำเรื่องดั่งฝนบนฟ้าดั่งฝนบนฟ้าเป็นเรื่องราวของดั่งฟ้า สถาปนิกสาววัยสามสิบกว่าๆ ผู้หวังว่าจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและทุ่มเทเวลาให้แก่การทำงานอย่างเต็มที่ จนทำให้ความสัมพันธ์ยาวนานกับคนรักแตกหักลง หลายปีผ่านไปได้กลับไปเจอคนที่เป็นรักแรกในเมืองเอดินบะระ สกอตแลนด์ ซึ่งทั้งรักแรก ทั้งแฟนเก่า ต่างก็ทำงานในสายงานเดียวกันและไปทำงานในเมืองเดียวกันช่วงเวลาเดียวกัน หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มเกิดเหตุร้ายขึ้นกับนางเอก ทำให้ต้องตามสืบว่าใครคือคนร้าย เรียกได้ว่ามีสืบสวนบางส่วน แต่ส่วนที่อยากเน้นจริงๆ คือความสัมพันธ์อบอุ่นและเรียบง่ายของคนวัยทำงานมากกว่า”


ที่มาหรือแรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องนี้ “อันที่จริงที่มานั้นเรียบง่ายมากค่ะ เดิมทีเรื่องนี้เริ่มจากการวางเซตติง เพราะหลังจากรู้แน่ชัดแล้วว่ากำลังจะไปเรียนต่อ ก็ตั้งใจแล้วว่าจะเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองนี้เพื่อให้ตัวเองได้ย้อนกลับมาอ่านแล้วคิดถึงช่วงเวลาที่อาศัยอยู่ที่นั่น เอดินบะระได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งเวทมนตร์ ด้วยอาคารบ้านเรือนก่ออิฐสีน้ำตาลที่ชวนให้หวนถึงช่วงเวลาในอดีต มีทัศนียภาพงดงามใต้ท้องฟ้าสีเทาซึ่งฝนโปรยเป็นนิตย์ ในเมืองที่บรรยากาศชวนเหงาเช่นนี้ ไม่มีคำไหนจะเหมาะไปกว่าคำว่าคิดถึง ทั้งคิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว คิดถึงเมืองไทย และคิดถึงคืนวันที่ผ่านพ้นไปแล้ว ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้เองที่ทำให้กลั่นออกมาเป็นเรื่องราวของรักครั้งแรกที่เคยคิดถึงกันและได้หวนคืนมาพบอีกครั้งค่ะ”


เรื่องนี้เขียนจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนเลยใช่ไหม “เรื่องนี้เริ่มเขียนจากจินตนาการค่ะ ระหว่างที่เขียนไปก็มีพี่ที่เรียนด้วยกันถามว่าจะเขียนนิยายถึงชีวิตเรียนโทมั้ย ซึ่งตอนนั้นก็ส่ายหน้าแล้วหัวเราะ เพราะชีวิตจริงที่นู่นมันน่าเบื่อ หดหู่มาก เช้ารีบตื่นมาอ่านหนังสือ เก็บข้อมูลวิจัย ไปห้องสมุด เขียนวิทยานิพนธ์ ชีวิตวนอยู่แบบนี้เก้าเดือน จนกระทั่งมีคนคนหนึ่งที่เคยเจอกันสมัยเรียน ม.ปลาย เรียนกันคนละสาขา แฟลตอยู่ตรงกันข้าม ก่อนหน้านั้นแทบไม่คุยกัน (ฮา) อยู่ดีๆ มาจับพลัดจับผลูไปกินข้าวกัน ไปๆ มาๆ ก็ไปห้องสมุดด้วยกันทุกวัน กลายเป็นว่าประสบการณ์ตรงที่เกิดทีหลังไปคล้ายกับพลอตหลักของนิยายมากกว่า จากที่เคยตั้งคำถามว่าคนที่ห่างกันไปนับสิบปีจะบังเอิญกลับมาเจอกันแบบนี้ได้ไหม สุดท้ายก็ได้คำตอบที่ชัดเจนกับตัวเองค่ะ (ฮา)”


สิ่งที่ยากที่สุดในการเขียนเรื่องนี้คืออะไร “อย่างแรกคือเรื่องข้อมูลในการเขียน ข้อมูลที่นำมาประกอบเรื่องนี้ ทั้งในส่วนหน้าที่การงานของนางเอกที่เป็นสถาปนิกและพระเอกที่เป็นสตาร์ตอัปค่อนข้างไกลตัว ด้วยความที่แครักเตอร์ของสองคนนี้เป็นคนมุ่งมั่นในการทำงานมาก ยิ่งทำให้ไม่สามารถละข้อมูลตรงนี้ได้เลย กับข้อมูลที่ยากๆ อีกคือเรื่องกฎหมาย การกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร เรื่องการรักษาพยาบาลในสกอตแลนด์ รวมถึงประวัติศาสตร์ของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เป็นต้น และตอนที่เขียนเป็นช่วงที่เรียนหนักมาก ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าหลักสูตร ป.โทที่สหราชอาณาจักรส่วนใหญ่ใช้เวลาหนึ่งปี และเวลาหนึ่งปีนั้นกลับกลายเป็นการทุ่มเทให้แก่การเรียนอย่างเต็มที่ จนสมองแทบไม่มีที่ว่างสำหรับการเขียนนิยายเรื่องนี้ให้ปะติดปะต่อ จะมาต่อทีก็ต่อไม่ติดเพราะต้องไปทำวิทยานิพนธ์ก่อน ไม่มีเวลามานั่งหาข้อมูลเรื่องนี้ ไม่มีเวลามามองตัวละครของตัวเองในเชิงลึกเพื่อให้มีการตัดสินใจที่เป็นเหตุเป็นผล กลับมาไทยก็ดิ้นกับการหางานในสายงานตัวเอง จนเมื่อชีวิตจริงเริ่มนิ่งถึงได้เริ่มเขียน ดั่งฝนบนฟ้า อีกครั้ง แต่ก็ดีใจและถือว่าเรื่องนี้จบในเวลาที่เหมาะสม เพราะการเขียนตอนที่กลับมาอยู่ไทยแล้วทำให้เรื่องนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของความคิดถึงอย่างชัดเจน”


อะไรคือเสน่ห์ของสกอตแลนด์ ประทับใจอะไรในประเทศนี้ “ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรม และธรรมชาติค่ะ ทั้งสามอย่างนี้ของสกอตแลนด์เป็นเอกลักษณ์และมีความโดดเด่นในตัวเองเหมือนไม่ได้อยู่ในสหราชอาณาจักร แต่เหมือนประเทศเอกราชในยุโรปมากกว่า หลักๆ เลยเมื่อคิดถึงสกอตแลนด์คนจะคิดถึงตึกก่อด้วยอิฐสีน้ำตาลและทัศนียภาพที่มีทั้งภูเขา เนินลดหลั่นมา ทำให้เมืองมีความสูงต่ำ เป็นความสวยแบบที่ถ่ายรูปอย่างไรก็ไม่จับใจเท่าของจริง หรือถ้าเป็นเมืองเล็กๆ อย่างเซนต์แอนดรูส์ สเตอร์ลิง ก็ล้วนแต่มีเสน่ห์ในตัวเอง และหากใครไปสกอตแลนด์ ขอเชียร์ให้ขึ้นไปทางเหนืออย่างไฮแลนด์ มีธรรมชาติที่ขึงขังอลังการมาก แต่ถ้าจะเที่ยวจริงๆ ต้องเตรียมตัวเรื่องอากาศนิดหน่อย เพราะหนาวมากค่ะ หนาวชื้นตลอดปี ใครไปเที่ยวแล้วได้เจอแดดที่สกอตแลนด์ ขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆ ค่ะ”


นิยามความรักของพระเอก-นางเอก “เป็นความสัมพันธ์ที่เหมือนฝน ซึ่งในที่นี้หมายความได้หลักๆ คือ หนึ่ง เป็นเรื่องธรรมชาติ เหมือนกับฤดูฝนที่เมื่อถึงเวลาก็มาเอง ไม่ว่าเราจะพร้อมหรือไม่พร้อมก็ตาม และสอง เป็นสิ่งที่ให้ความเย็นใจอยู่เสมอ”


มุมมองด้านความรักของตัวละครหลักในเรื่องเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง และส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของแต่ละคนมากน้อยแค่ไหน “ความรักของตัวละครหลักทั้งสามตัวละครอย่างดั่งฟ้า ก้องกิตติ์ และสมุทร อิงกับรูปแบบของความรักที่เปลี่ยนไปตามวัย รักในวัยรุ่นคือความรักที่เกิดจากความหลงใหลได้ปลื้ม เพียงได้เจอหน้ากันก็มีความสุขแล้ว เราอาจตกหลุมรักใครสักคนเพียงเพราะเขาใจดีหรือเขาหน้าตาดี ขณะที่รักในวัยทำงานนั้นซับซ้อนกว่ามาก ในเมื่อต่างคนต่างมีความฝัน มีหน้าที่การงานที่ต้องบรรลุ มีครอบครัวของตน รักที่จะนำไปสู่การเป็นคู่ชีวิตนั้นต้องการความเข้าใจ ความเรียบง่าย เต็มไปด้วยความสบายใจ

ความสัมพันธ์ในวัยเรียนของดั่งฟ้าและก้องกิตติ์ไม่ได้ซับซ้อน เพียงได้เจอกันก็มีความสุข ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างดั่งฟ้ากับสมุทร คือตัวอย่างของความรักที่คบกันมานานแต่กลับเลิกกัน เพราะตอนรักกันเมื่อวัยรุ่น อาจจะมองว่าความรักอย่างเดียวก็เพียงพอ ไม่ได้มองว่าแล้วเป้าหมายระยะยาวคืออะไร พอต่างฝ่ายต่างโตเข้าวัยทำงาน มีสิ่งที่ต้องทำ ทัศนคติเริ่มไปกันคนละทาง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจทำให้เริ่มตั้งคำถามกับคนรัก และโตไม่ทันกันในที่สุด ขณะที่ดั่งฟ้าเมื่อหวนมาเจอก้องกิตติ์ในวัยสามสิบกว่า ต่างฝ่ายต่างบรรลุฝันที่ตั้งไว้ จึงเริ่มพบว่าการมีใครสักคนอยู่ชื่นชมความฝันด้วยกัน มีวันธรรมดาที่งดงามไปด้วยกัน เข้าใจและเคารพกันก็คงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย เป็นความรักที่เกิดขึ้นเมื่อฤดูกาลของมันมาถึง ก็เหมือนกับคำว่าคนที่ใช่คือคนที่ใช่ในช่วงเวลาหนึ่ง เพราะเมื่อเติบโตขึ้นมา คนที่ใช่ก็อาจไม่ใช่อีกต่อไป โดยรวมๆ แล้วความรักในเรื่องนี้ของตัวละครทุกตัวคือส่วนผสมของทัศนคติและเวลาที่ผันผ่านค่ะ”


มีสารอะไรต้องการสื่อกับคนอ่านเป็นพิเศษผ่านเรื่องนี้ไหม “ชีวิตของเรามีหลายแง่ อาจมีเรื่องที่ทำได้เต็มที่อย่างเรื่องงาน ซึ่งโดยส่วนตัวก็เชื่อมั่นในการทำงานให้เต็มที่ เพราะสุดท้ายแล้วผลดีก็ตกอยู่กับตัวเรา ขณะที่ความรักนั้นเป็นเรื่องค่อนข้างเหนือการควบคุม ในวันที่เราวิ่งตาม มันอาจไม่เคยหยุดรอ ในวัยที่เราอยู่นิ่งๆ มันอาจหยุดอยู่ตรงหน้า ถ้าพูดแบบนางเอก ความรักก็เปรียบเหมือนการตกแต่งภายในของบ้าน บ้านคือหนึ่งในปัจจัยสี่ เราอาจอยู่บ้านโดยที่ไม่ต้องตกแต่งก็ได้ แต่ถ้าเลือกที่จะตกแต่งภายใน ก็ให้เป็นแบบที่เราชอบและสบายใจที่จะอยู่ด้วย ความรักก็เช่นเดียวกัน เป็นสิ่งที่เลือกมีหรือไม่มีก็ได้ แต่ถ้าเลือกมีแล้วก็ขอให้เป็นสิ่งที่เสริมชีวิตเราให้ดีกว่าตอนไม่มี

นอกจากนี้แล้วก็มีเรื่องของโรคซึมเศร้า เราได้ยินข่าวน่าเศร้าที่เกิดขึ้นจากโรคนี้มามากพอแล้ว การรับฟังกันอย่างจริงใจ การอยู่เคียงข้างกัน ไม่ละเลยความรู้สึก รวมถึงการพบจิตแพทย์ ย่อมทำให้สถานการณ์ดีขึ้นไม่น้อย”


นักเขียนฝากผลงาน “แล้วเตรียมไปเปียกฝนฤดูใบไม้ร่วงที่เมืองหนาวแห่งแดนเหนือด้วยกันนะคะ :) ขอบคุณจากใจค่ะ”


ติดตามความสนุกใน ดั่งฝนบนฟ้า ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์สถาพรบุ๊คส์ www.satapornbooks.com ร่วมรีวิวหนังสือ และพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ นักอ่าน ได้ที่ แฮชแท็ก #ดั่งฝนบนฟ้า