ต้องมนตร์เสน่ห์เมืองเหนือใน ‘นาคาเกี้ยวจันทร์’ โดย คามิเลียสีชมพู

บทสัมภาษณ์

บทสัมภาษณ์นักเขียน ‘คามิเลียสีชมพู’ กับผลงานนิยายเรื่อง ‘นาคาเกี้ยวจันทร์’

 

 

เล่มนี้เป็นนิยายพีเรียดที่เกิดในป่าทางเหนือ แรงบันดาลใจของเซตติงนี้มาจากไหน?
       สำหรับแรงบันดาลใจของเรื่องนี้จริงๆ แล้วมาจากความเชื่อเรื่องพญานาคค่ะ เพราะเคยได้ยินได้ฟังผู้เฒ่าผู้แก่เล่าให้ฟังเกี่ยวกับสถานที่สถานที่หนึ่งคือ ‘ดอยนาคบุ่น’ ดอย ก็คือภูเขา นาค ก็มาจากคำว่า พญานาค ส่วนคำว่า บุ่น นั้นแปลว่า ชอนไช มุด ดำลงไป ประมาณนั้นค่ะ ภายในดอยนาคบุ่นนั้นจะเป็นถ้ำที่มีทางเชื่อมกันไปมา เปรียบเหมือนเส้นทางการเลื้อยของพญานาค นอกจากนั้นยังมีเรื่องความเชื่อของพญานาคที่นอนอ้าปากเอาไว้จนกลายเป็นถ้ำใหญ่อีกตำนานหนึ่งด้วย จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเป็น ‘นาคาเกี้ยวจันทร์’ ค่ะ
       ส่วนเซตติงนั้นตั้งใจให้เป็นเซตติงของป่าในเขตทางแพร่ค่ะ เนื่องจากการเดินทางสมัยก่อนนั้นไม่มีรถรา จึงอาศัยการเดินและโดยสารสัตว์ต่างๆ ไป ในที่นี่ฉันเลือกเป็นช้าง เพราะคุณพ่อของฉันเคยเล่าว่า สมัยก่อนปู่ย่าตายายของฉันค่อนข้างมีฐานะ เรามีช้างเป็นของตัวเอง มีบ้านหลังใหญ่ ที่สำคัญชาติพันธุ์ของพวกท่านเป็นขมุ ก่อนพ่อจะมาแต่งงานกับแม่ที่เป็นต่องสู่ค่ะ จากเรื่องนี้เองก็ทำให้ฉันได้ค้นพบว่าจริงๆ แล้วฉันมีเชื้อสายที่น่าตื่นตาตื่นใจดีค่ะ (ฮา)

ประทับใจที่รู้ว่าล้านนาสมัยก่อนผู้หญิงเป็นผู้นำครอบครัว ช่วยเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้สักหน่อย
       เรื่องราวนี้เป็นมาแต่ช้านานมากแล้วค่ะ เพราะทางเหนือนั้นส่วนใหญ่เรานับถือผี (ในส่วนนี้จะขอข้ามส่วนความเป็นมาของของศาสนาผีไป) ศาสนาผีนั้นสืบทอดกันทางผู้หญิง จะสังเกตได้จากเรามีความเชื่อเรื่องผีปู่ย่าที่ลูกสาวคนโตจะต้องเป็นผู้สืบต่อดูแล อีกทั้งเรื่องผีมดผีเม็งที่ร่างทรงต้องเป็นผู้หญิงหรือผู้มีสายเลือดทางฝ่ายหญิงเท่านั้น (แม้ปัจจุบันจะเปลี่ยนไปบ้างแล้วนะคะ) และเหตุที่ผู้ชายต้องเข้าไปเป็นไพร่หลวง ซึ่งก็หมายรวมถึงการเป็นทหาร การออกไปรบนั้นอาจทำให้บาดเจ็บ พิการ หรือล้มตายไปก็มี พ่อแม่จึงนิยมยกสมบัติให้กับลูกสาวมากกว่า เพราะจะได้มีคนสืบตระกูลต่อไป
       สำหรับเรื่องชีวิตประจำวันนั้น ในสมัยก่อนผู้ชายต้องแต่งเข้าบ้านผู้หญิง เนื่องจากต้องเข้ามาเป็นแรงงานให้บ้านฝ่ายหญิง ทำนาให้บ้านฝ่ายหญิง จึงไม่น่าแปลกใจหากผู้หญิงจะเป็นใหญ่ในครอบครัว และเมื่อสามีตัวทำอะไรผิดพลาดก็เพียงเฉดหัวออกไป เพราะตอนเข้ามานั้นฝ่ายชายก็มีเพียงแค่ห่อผ้ากับดาบเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้นประเพณีนี้ก็จะต่างออกไปหากฝ่ายชายเป็นผู้มีฐานะดี แต่สุดท้ายแล้ว การสืบทอดผีก็จะยังสืบไปทางฝ่ายหญิงอยู่ดีค่ะ
       แม้ปัจจุบันหลายๆ สิ่งจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่หากลองสอบถามผู้เฒ่าผู้แก่เกี่ยวกับเรื่องผีปู่ย่าดู ก็จะรู้ว่าต้นขั้ว (บ้านเก๊า) ของเรือนผีปู่ย่าจะอยู่ที่บ้านของพี่สาวคนโต หรือลูกสาวคนใดคนหนึ่งในบ้านค่า

 

 

พูดถึงเสน่ห์ ‘ไอ้เงี้ยว’ ตรงไหนที่ทำให้ ‘เกี้ยวจันทร์’ หลงรัก?
       จริงๆ แล้ว ‘ไอ้เงี้ยว’ มีหลายๆ จุดที่น่าหลงเลยค่ะ (ว้าย!) อาจจะเป็นที่ดวงตาก็ได้กระมังคะ เพราะฉันชอบการบรรยายส่วนที่บอกว่า ‘ดวงตาสุกใสดั่งน้ำค้างกลางไพร’ มันต้องใสมากจริงๆ ค่ะ (ฮา) แต่สำหรับ ‘เกี้ยวจันทร์’ อาจจะหลงรักไอ้เงี้ยวที่เขาเป็นคนพึ่งพาได้ แข็งแรง และเป็นการเป็นงานก็ได้ค่ะ (ดูเป็นการเลือกสามีตามสมัยนิยมเลยค่ะ) เพราะส่วนใหญ่ไอ้เงี้ยวเข้ามาในปางก็เพื่อคลุกคลีอยู่กับคนในปาง และด้วยความที่เป็นคนตัวใหญ่ แข็งแรง จึงทำงานหลายๆ อย่างได้ดี แบกหามก็ได้ ทำงานหนักก็ได้ เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงให้กับครอบครัวได้ดีเชียวค่ะ

แล้วไอ้เงี้ยวหลงเสน่ห์เกี้ยวจันทร์ตรงไหน?
       ตรงนี้อาจพูดได้ว่าหลงเสน่ห์แม่ตั้งแต่แรกเห็นก็ว่าได้ค่ะ เพราะเกี้ยวจันทร์เป็นลูกสาวสะฅ่วยที่มาจากเมืองใหญ่ ผิวพรรณต้องงาม เสื้อผ้าต้องสวย ดูจากการแต่งกายแต่ละชุดของนางก็พอจะจินตนาการกันได้นะคะว่าต้องอลังการมากๆ แน่เลย แม้หลายๆ ชุดจะเป็นผ้าซิ่นธรรมดา แต่สีสันฉูดฉาดน่าดูค่ะ เกี้ยวจันทร์เป็นคนเด็ดเดี่ยว (บางทีอาจเรียกว่าเอาแต่ใจถึงขั้นที่ว่าดูคล้ายจะเหยียดผู้อื่น ฮาาา) เธอนิสัยไม่เหมือนชาวปาง มีระเบียบกว่า และเป็นคนแรกที่ทำให้ไอ้เงี้ยวรู้สึกได้ถึงพลังอำนาจของเพศหญิงก็ได้ค่ะ (แว้ดๆ ประมาณนั้น ฮาๆๆๆ)

 

 

สมมุติว่าแม่และยายของเกี้ยวจันทร์ไม่เสีย สองคนนี้จะพบกันอย่างไร?
       บางทีสองคนนี้อาจไม่ได้พบกันก็ได้ค่ะ ฟังดูเป็นเรื่องที่น่าเศร้านะคะ แต่บางทีเขาอาจจะมาพบกันในยุคปัจจุบันเลย ในยุคที่มีห้าสหายอยู่พร้อมหน้ากันน่ะค่ะ

ฝากอะไรถึงนักอ่าน
       สำหรับเรื่อง ‘นาคาเกี้ยวจันทร์’ นี้ ฉันกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า ตอนเขียนเรื่องนี้ ฉันสนุกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาก แม้จะแอบเสียดายที่ไม่อาจเขียนตอนล่าสัตว์ได้ลึกนัก แต่ก็พอทำให้ฉันได้ศึกษาเรื่องของการเข้าป่าล่าสัตว์สมัยก่อนได้บ้าง (แม้จะไม่มากนักก็ตามนะคะ) แต่สิ่งที่ฉันหวังว่าคุณๆ ของฉันจะชื่นชอบ น่าจะเป็นเรื่องของความเชื่อ และวิถีที่เกิดขึ้นภายในเรื่องก็ได้ค่ะ หลายๆ เรื่องเป็นตำนานเก่าแก่ และหลายๆ เรื่องนั้นเป็นเรื่องเล่าที่ผู้เฒ่าผู้แก่มักเล่าให้เด็กๆ ฟังก่อนนอน มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ เลยและฉันไม่อยากให้มันหายไป เมื่อฉันมีโอกาสหยิบยกมาเล่าให้คุณๆ ได้อ่าน มันก็เหมือนการได้เผยแพร่เรื่องราวเหล่านี้ออกไป แม้จะมีการแต่งเติมเพื่ออรรถรสเข้าไปบ้าง แต่ก็เพื่อไม่ให้น่าเบื่อจนเกินไป และหากมีโอกาส ฉันเองก็อยากจะบอกเล่าเรื่องราวที่ได้รับรู้มาให้คุณๆ ได้อ่านได้ฟังกันอีกนะคะ
       สุดท้ายนี้ก็อยากขอบพระคุณทุกๆ ท่านที่คอยสนับสนุน ‘คามิเลียสีชมพู’ ด้วยดีตลอดมา หวังว่า ‘นาคาเกี้ยวจันทร์’ จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ได้เข้าไปอยู่ในดวงใจของทุกคนนะคะ รักๆ ค่ะ

 

 

ติดตามความสนุกใน นาคาเกี้ยวจันทร์ ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์สถาพรบุ๊คส์ www.satapornbooks.com หรือดาวน์โหลดอีบุ๊กได้ที่ Application : Satapornbooks,  MebNaiin AppHytextOokbeePinto E-BookSE-ED และ comico

ร่วมรีวิวหนังสือและพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ นักอ่านได้ที่แฮชแท็ก #นาคาเกี้ยวจันทร์

...

ผลงานนักเขียน