แนะนำตัวและทักทายนักอ่าน
‘รตี วรรลยางกูร’ ชื่อเล่น ‘ฟ้า’ ค่ะ อาชีพหลักทำธุรกิจส่วนตัวคือเปิดบริษัททัวร์ที่ไทยและพม่า และก็เป็นเอเจนซีนำเข้าแรงงานต่างชาติแบบถูกกฎหมาย สำหรับงานเขียนนั้นเป็นงานอดิเรกที่ทำแล้วเหมือนเสพติด เริ่มเขียนนิยายตั้งแต่อายุ 13 ปี เขียนไปเรื่อย ถูกผิด ได้เรื่องบ้าง ไม่ได้เรื่องก็เยอะ จนตอนนี้อายุแตะเลขสามแล้วก็หยุดเขียนไม่ได้ ยินดีมากๆ ที่ได้แนะนำตัวตนที่แท้จริงให้ผู้อ่านทุกท่านรู้จัก และก็ยินดีที่ได้รู้จักผู้อ่านทุกท่านค่า
‘บุพเพข้ามฟ้า’ เป็นนิยายแนวไหนและมีเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?
ขอนิยาม ‘บุพเพข้ามฟ้า’ ว่าเป็นนิยายรักโรแมนติกเชิงท่องเที่ยวแล้วกันค่ะ เป็นเรื่องราวของ ‘อนล’ หนุ่มนักธุรกิจผู้คลั่งไคล้การทำงานและนิยมความสมบูรณ์แบบเป็นที่สุด เขามีเหตุจำเป็นต้องเดินทางมายังย่างกุ้งเพราะ ‘เฌออร’ คู่หมั้นของตนเองประสบอุบัติเหตุความจำเสื่อม เพราะไม่อยากให้งานแต่งที่จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางธุรกิจมหาศาลต้องเสียหาย อนลต้องช่วยกู้คืนความทรงจำของคู่หมั้นโดยการตามหาบุคคลนิรนามในความทรงจำของเธอ โดยมี ‘ภากร’ เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็กซึ่งย้ายมาทำงานที่นี่เป็นผู้ช่วย
แล้วโชคชะตาก็พัดให้เขามาเจอกับ ‘นันดา’ สาวเจ้าถิ่นที่ไม่รู้ว่าเข้ามาเป็นตัวช่วยหรือตัวป่วน สาวพม่าจอมแสบลูกสาวเจ้าของโรงแรมที่อนลเข้าพัก ผู้ที่เข้ามาทำให้ความสมบูรณ์แบบในชีวิตของเขาต้องสั่นคลอน คอยก่อกวนให้หัวใจรู้สึกแปลกๆ ได้ตลอดเวลา และด้วยภารกิจไม่คาดฝันนี้ ก็ทำให้ชายหนุ่มผู้ไม่เคยเงยหน้าออกจากตัวเลขยอดขายในจอคอมพิวเตอร์ ได้ออกเดินทางไปยังหลายสถานที่ของประเทศที่ไม่เคยอยู่ในความคิดว่าจะได้มาเยือน โดยที่เขาเองก็ไม่เคยรู้เลยว่านี่จะเป็นการออกเดินทางที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาไปทั้งชีวิต
ได้แรงบันดาลใจในการคิดพลอตและเขียนเรื่องนี้มาจากไหน?
ตั้งแต่เรียนจบใหม่ๆ ฟ้าได้มีโอกาสทำงานในบริษัทไอทีแห่งหนึ่งที่มีเพื่อนร่วมทีมเป็นคนพม่า และนั่นทำให้เราได้มีโอกาสเดินทางไปย่างกุ้งเรื่อยๆ และหลังจากลาออกมาก็ได้เริ่มต้นทำธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้ได้เดินทางและรู้จักสถานที่ท่องเที่ยวในพม่ามากขึ้น ตั้งแต่วันแรกที่บินลงย่างกุ้งจนถึงวันนี้ ความรู้สึกที่มีต่อเมืองนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย คือรู้สึกมาตลอดว่าย่างกุ้งเป็นเมืองที่เจ๋ง ด้วยความที่เราได้ไปใช้ชีวิตที่นั่นแบบคนพม่าจริงๆ ไม่ใช่แค่ไปเที่ยว มันทำให้เราเห็นมุมมองหลายแบบที่มันอาจไม่ได้ทันสมัย สวยงาม หรูหรา แต่มันว้าวสำหรับเรามาก ขณะที่โลกเทคโนโลยีหมุนเร็วมาก แต่พม่ากลับมีความเป็นยุคเก่า แล้วก็หมุนไปพร้อมโลกสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ทำให้เมืองเขาเป็นเมืองที่น่ารักมาก
เชื่อมาตลอดว่าการเขียนนิยาย ถ้าเขียนจากเรื่องที่เรารู้จริง คุ้นเคย มันจะง่ายแล้วเราก็จะสนุก พม่าจึงเป็นหนึ่งในหัวข้อที่อยากเขียนถึงมาตลอด แต่ไม่อยากได้อารมณ์สงครามเสียกรุง หรือวิญญาณภพชาติที่แล้ว ซึ่งเป็นมุมมองที่คนอ่านมักจะได้อ่านถ้าเป็นนิยายที่เขียนเกี่ยวกับพม่า แต่เราอยากได้ความปัจจุบัน โชว์ความว้าวของพม่า นำเสนอสถานที่แปลกๆ ใหม่ๆ สวยๆ ให้คนอ่านได้เห็นเหมือนอย่างที่เราไปเห็นมาแล้วประทับใจ
แนะตัวละครหลัก
‘อนล’ นักธุรกิจหนุ่มที่ชีวิตยุ่งตลอดเวลา สนใจแต่กับหน้าจอโทรศัพท์ที่เต็มไปด้วยยอดขาย สิ่งที่เกลียดที่สุดคือความผิดพลาดที่ตัวเองควบคุมไม่ได้ แต่เรื่องราวไม่คาดฝันทำให้ต้องมาใช้ชีวิตที่พม่า และได้ออกเดินทางไปยังหลายสถานที่ที่ล้วนให้ความทรงจำที่ไม่อาจลืมกลับมา
‘นันดา’ สาวพม่าลูกสาวเจ้าของโรงแรม หญิงสาวผู้มีนิสัยซื่อตรง เปิดเผย ว่องไว เจ้าของดีกรีนักศึกษามหาวิทยาลัยอินเตอร์ เพราะสนธิสัญญาขอใช้ทางผ่านพื้นที่ ทำให้เธอต้องจำยอมไปเป็นผู้ช่วยนักสืบให้กับอนล คนที่เธอเปรียบเปรยถึงตลอดว่าเป็นมิสเตอร์ไม้บรรทัด และไม่เข้าตาตนเองอย่างที่สุด
‘เฌออร’ หญิงสาวผู้เพียบพร้อมทั้งหน้าตา ฐานะ สังคม เธอมีชีวิตที่ใครหลายคนต้องอิจฉา แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าเบื้องหลังความสมบูรณ์แบบนั้น เธอคือนกน้อยในกรงทอง เธอถูกจับหมั้นกับอนลด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ทั้งที่จริงเธอชอบชีวิตอิสระและรักการเดินทางจนเป็นเจ้าของเพจท่องเที่ยวในเฟซบุ๊กที่มีผู้ติดตามหลักหมื่น
‘ภากร’ หนุ่มวิศวกรผู้สภาพ อ่อนโยน ใจดี เติบโตมากับอนลและเฌออร จึงกลายเป็นทั้งเพื่อนสนิทของอนล และพี่ชายที่แสนดีของเฌออร เพราะความไม่กล้าอาจเอื้อมทำให้เขาแอบรักเฌออรอยู่เงียบๆ เสมอมา
นิยามความรักของพระ-นาง เป็นอย่างไร และคิดว่าความต่างของทั้งสองคนจะเป็นอุปสรรคเรื่องความรักหรือไม่?
ถ้าจะนิยามความรักที่เกิดขึ้นระหว่างอนลกับนันดา คิดว่าถ้าเรียกให้โรแมนติกก็คงเป็นเรื่องของบุพเพสันนิวาส โชคชะตาฟ้าลิขิต หรือจริงๆ อาจจะเป็นเวรรกรรมอันใดก็แล้วแต่ก็ได้ สิ่งนั้นก็ได้นำพาให้คนสองคนซึ่งอยู่กันคนละประเทศ ไม่น่ามีเส้นทางใดในชีวิตจะมาบรรจบกันได้ แต่สุดท้ายได้มีช่วงเวลาร่วมกันที่เมียนมา ประเทศที่เชื่อว่าพอพูดถึงหลายๆ คนก็คงพอคุ้นหู แต่ไม่คุ้นเคยอย่างแน่นอน จนบางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าการที่เราได้เดินทางไปยังต่างแดน มันอาจจะเป็นเรื่องของสวรรค์ข้างบนลิขิตก็ได้ ฟ้ามองว่าความต่างของคนสองคนไม่ได้เป็นอุปสรรค์เรื่องความรักเลย แต่มันจะยิ่งเป็นการเข้ามาเติมเต็มซึ่งกันและกัน คนหนึ่งขาดบางสิ่ง แต่อีกคนมีสิ่งนั้น มันเป็นเหมือนการเติมรสชาติชีวิตให้กลมกล่อมลงตัวที่สุด
ความท้าทายในการเขียนเรื่อง ‘บุพเพข้ามฟ้า’
จริงๆ ในเรื่องการลงมือเขียนนั้น เรื่องนี้แทบไม่มีอะไรติดเลย เพราะเราเขียนจากความประทับใจของเราจริงๆ ประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพม่ามาเกือบสิบปีทำให้เรามีข้อมูลมากพอที่จะเขียน แต่ถ้าจะเท้าความ ความท้าทายและความยาก คงเป็นตอนที่จะทำให้เรื่องนี้เขียนจบมากกว่า
อันที่จริงแล้วนิยาย ‘บุพเพข้ามฟ้า’ คือนิยายที่จะเขียนเพื่อส่งประกวดในโครงการสำหรับนักเขียนโครงการหนึ่ง ในตอนช่วงก่อนถึงกำหนดส่งไม่ถึงสองอาทิตย์ ตอนนั้นเขียนได้อยู่ที่ราวๆ 80% ก็มีเหตุการณ์สูญเสียครั้งใหญ่ของครอบครัว ด้วยความยุ่งมากทั้งเรื่องจัดงานและเอกสารต่างๆ ตอนนั้นคิดจะตัดใจเลิกเขียนและไม่ส่งเข้าประกวดแล้ว เพราะคิดว่ายังไงก็เขียนเสร็จไม่ทันแน่ๆ แต่มันก็มีความเสียดายอยู่ลึกๆ เพราะเราเชื่อว่านิยายเรื่องนี้มีดี มานั่งคิดสองจิตสองใจอยู่หลายวัน แต่สุดท้ายก็กลั้นใจอัดเขียนจนจบให้ทันกำหนดส่ง แม้จะเป็นการส่งแบบที่เรารู้อยู่แก่ใจว่าบทท้ายๆ เละเทะมาก และเป็นการเขียนส่งทั้งที่รู้ว่านิยายเรื่องนี้จะไม่มีวันชนะ และสุดท้ายเรื่องก็ไม่ผ่านการพิจารณาจากโครงการตามระเบียบจริงๆ ค่ะ
แต่หลังจากนั้นผ่านไปเกือบครึ่งปีเหมือนกัน พี่หมอโอ๊ตหรือเจ้าของนามปากกา ‘พงศกร’ ผู้เป็นคนดูแลโครงการนี้ก็ โทร. ตรงเข้ามาพูดคุยเรื่องที่จะขอนำนิยายมาลงบนเว็บไซต์ที่พี่หมอโอ๊ตดูแลอยู่ ตอนนั้นรู้สึกดีใจมากๆ ที่ได้รับโอกาสดีๆ แบบนี้จากนักเขียนในดวงใจ ซึ่งนั่นก็เป็นช่องทางที่สำนักพิมพ์พิมพ์คำได้มาพบเจอนิยาย และให้โอกาสอันยิ่งใหญ่ให้นิยายเรื่องบุพเพข้ามฟ้า ออกมาเป็นรูปเล่มจนถึงวันนี้ค่า ขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุนทุกฝ่าย และก็ขอบคุณตัวเองที่ไม่ล้มเลิกเขียนไปเสียก่อนค่า
ในฐานะคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในเมียนมา รตีชอบเมืองไหนที่สุด และถ้าแนะนำให้ไปเที่ยวได้หนึ่งที่ รตีอยากแนะนำที่ไหน?
จริงๆ พม่ามีเมืองน่าเที่ยวเยอะมากจริงๆ แต่ส่วนมากคนจะไม่คุ้นเคยเพราะเป็นประเทศที่ไม่ได้มีการโปรโมตการท่องเที่ยวมากนัก สำหรับเมืองที่ชอบที่สุดเท่าที่ไปมาคือเมืองพินอูลวิน ซึ่งก็เป็นเมืองที่ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้ยินเลยเหมือนกัน แต่พอได้ไปเยือน ตอนนั้นคิดเลยว่าถ้าได้มีโอกาสเขียนนิยาย อยากเขียนถึงเมืองที่มีบรรยากาศแบบนี้
มันเป็นความประทับใจกึ่งงงงวยว่ามีเมืองแบบนี้อยู่บนโลกด้วยหรือ ปกติแล้วจะเป็นที่รู้กันว่าถนนต่างจังหวัดของพม่าคือค่อนข้างหัวสั่นหัวคลอน แต่สำหรับเส้นทางไปพินอูลวินคือถนนสี่เลนตัดเรียบกริบ เส้นทางคือค่อยๆ โค้งไต่ขึ้นไปบนเขาสูงจนก้อนเมฆมาลอยอยู่ข้างๆ ขึ้นมาสูงมากจนท้อจริงๆ แต่แล้วพอมาถึงกลับเจอเมืองที่ใหญ่มาก ผู้คนคึกคัก มีมหา’ลัย มีห้างสรรพสินค้าแบบใหญ่โตทันสมัย แล้วความพิเศษคือเป็นเมืองที่มีกลิ่นอายความเป็นอังกฤษเพราะตามประวัติศาสตร์คือเป็นเมืองตากอากาศของทหารอังกฤษเมื่อสมัยอาณานิคม ต้นไม้ดอกไม้ที่นี่คือไม้เมืองหนาวที่สีสวยมากๆ ที่สำคัญคืออากาศ อากาศเย็นตลอดปี กลายเป็นสถานที่ที่เราไม่ได้คาดหวัง แต่กลับประทับใจเกินคาดมากจริงๆ
มีข้อคิดที่อยากฝากผ่านนิยายเรื่องนี้ไหม หรืออยากนำเสนอมุมมองไหนเป็นพิเศษบ้าง?
อยากให้ทุกคนออกเดินทางค่ะ แล้วจะพบว่าตลอดการเดินทางมันเต็มไปด้วยเรื่องราวและความหมายจริงๆ เราจะได้พบเจอกับสิ่งใหม่ๆ วัฒนธรรมแปลกๆ ผู้คนต่างเชื้อชาติต่างภาษา และสถานที่ที่สวยจนไม่รู้จะบรรยายออกมาอย่างไร มันคือการเติมพลังอย่างหนึ่งให้ชีวิต บนโลกใบนี้มีสถานที่สวยงามเยอะมากจริงๆ แม้หลังจากจบทริป สิ่งที่เหลือจะเป็นแค่ของที่ระลึกบางชิ้นและความทรงจำ แต่คือทุกสิ่งที่เราเจอมันจะเปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดจริงๆ ค่ะ
ฝากผลงานและช่องทางการติดตาม
ขอฝากผลงานทั้งสองเรื่องที่ได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์พิมพ์คำไว้นะคะ ทั้งนิยายเรื่อง ‘บุพเพข้ามฟ้า’ และนิยายเรื่อง ‘เล่ห์รักสัจจา’ ทั้งสองเป็นผลงานที่คนเขียนรู้สึกภูมิใจและชื่นชอบมากจริงๆ ถ้าหากผู้อ่านท่านไหนชอบนิยายรักโรแมนติก ก็ขอฝากทั้งสองเรื่องไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะค้า
ติดตามความสนุกใน บุพเพข้ามฟ้า ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์สถาพรบุ๊คส์ www.satapornbooks.com หรือดาวน์โหลดอีบุ๊กได้ที่ Application : Satapornbooks, Meb, Naiin App, Hytext, Ookbee, Pinto E-Book, SE-ED และ comico
ร่วมรีวิวหนังสือและพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ นักอ่านได้ที่แฮชแท็ก #บุพเพข้ามฟ้า
...