แนะนำตัวและทักทายนักอ่าน
ชื่อ ‘ตวงทิพย์ ยุวชิต’ เป็นชื่อจริงนามสกุลจริงที่ใช้เขียนนิยายค่ะ ชื่อเล่นชื่อ ‘ปอ’ เรียนจบปริญญาตรี สาขาวิชาเอกวรรณกรรมสำหรับเด็ก เริ่มงานเขียนครั้งแรกด้วยการเขียนบทละครโทรทัศน์ ต่อมาก็มีโอกาสได้เขียนบทละครวิทยุ บทละครเด็ก นิทาน วรรณกรรมเยาวชน จนมาถึงนิยาย ปัจจุบันก็ยังเขียนงานหลายๆ รูปแบบตามแต่ความสนใจและตามแต่ผู้ว่าจ้างด้วยค่ะ
‘รักนี้ไม่มีตำหนิ’ เป็นนิยายแนวไหน และมีเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร?
‘รักนี้ไม่มีตำหนิ’ เป็นนิยายแนวโรแมนติก-ดรามา เป็นเรื่องราวชีวิตของ ‘เอม อัจจิมา’ นักแสดงสาวที่หลงตัวเองว่าสวยเลิศเลอจนดูถูกดูแคลนคนอื่น โดยเฉพาะคนพิการเธอจะสมเพชเวทนาเป็นพิเศษ แต่แล้วชีวิตก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่ออัจจิมาประสบอุบัติเหตุที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล ซ้ำร้ายความผิดพลาดในอดีตยังตามมาทำร้ายเธออีก นางเอกที่สูงส่งเหมือนนางฟ้าจึงตกสวรรค์ในชั่วข้ามคืน คนที่มาช่วยพาเธอก้าวข้ามความเจ็บปวดก็คือผู้กำกับหน้าใหม่ที่เธอเคยปรามาสว่าเขาไร้ฝีมือ เขาจะช่วยกำกับชีวิตของอัจจิมาใหม่ให้กลับมามีความสุขได้อย่างไร งานนี้ไม่ง่าย มีดรามามากมายรอให้ฝ่าฟันค่ะ
นอกจากจะต้องลุ้นชีวิตของนักแสดงสาวแล้ว ผู้อ่านยังต้องลุ้นเรื่องราวในละครที่ถ่ายทำอยู่ในเรื่องด้วยค่ะ เรื่องนี้เป็นละครซ้อนละคร อ่านนิยายเรื่องเดียวเหมือนได้อ่านสองเรื่องพร้อมกันเลยค่ะ
ได้แรงบันดาลใจในการเขียน ‘รักนี้ไม่มีตำหนิ’ มาจากไหน?
แรงบันดาลใจในการเขียนก็มาจากตัวเองนี่แหละค่ะ เนื่องจากปอพิการตั้งแต่กำเนิด ชื่อโรคอย่างเป็นทางการก็คือโรคสมองพิการ ฟังดูร้ายแรงนะคะ แต่ความจริงอาการของโรคก็คือขาทั้งสองข้างและแขนซ้ายเกร็ง ทำให้เดินเองไม่ได้ ยกเว้นมีที่จับเกาะ แต่ก็โชคดีที่แขนขวาและสมองยังใช้งานได้ดีอยู่ค่ะ
กลับมาที่เรื่องที่มาของเรื่องต่อนะคะ นิยายเรื่องนี้เป็นงานที่เขียนขึ้นในการอบรมการเขียนนิยาย ‘อ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ ๓’ ที่จัดโดยเว็บไซต์อ่านเอา ซึ่งการอบรมนี้มีระยะเวลาการส่งผลงานจำกัด ตามหลักการเขียนนิยายบอกไว้ว่าเราควรเขียนเรื่องที่เรารู้มากที่สุดและอยากเล่ามากที่สุดจึงจะเขียนได้เร็วที่สุด หลังจากเรียนจบมาปอก็ทำงานอยู่ที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีประสบการณ์มากนัก เรื่องที่พอรู้และพอจะจับมาเขียนนิยายได้ก็คือเรื่องในกองถ่ายละคร และเรื่องที่อยากจะเล่าก็คือความรู้เกี่ยวกับการดูแลคนพิการรวมถึงความในใจบางประการของคนพิการที่อยากถ่ายทอดให้สังคมเข้าใจ ปอคิดว่าในเมื่อเราเป็นคนพิการที่เขียนนิยายได้ก็ควรจะใช้โอกาสนี้บอกเล่าเรื่องราวในแง่มุมที่น้อยคนจะเข้าใจ ด้วยเงื่อนไขสองประการนี้จึงเกิดเป็นพล็อตนิยายเรื่องนี้ค่ะ
เล่าถึงตัวละครหลักคร่าวๆ
ตัวละครหลักของเรื่องนี้มีสองคู่ค่ะ คู่หลักคือความรักของนางร้ายกับผู้กำกับ ส่วนคู่รองคือความรักของนางเอกกับผู้ช่วยผู้กำกับ ทั้งสองคู่มีปมความขัดแย้งร่วมกัน นั่นคือ ฝ่ายหนึ่งพยายามแสดงให้เห็นว่ารักไม่ว่าจะมีอุปสรรคมากน้อยเพียงใด ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งก็คิดว่าตนเองไม่คู่ควรกับคนที่ตัวเองรัก
พูดถึงคู่หลักก่อนนะคะ ‘อัจจิมา’ นางร้ายที่เป็นนางเอกของเรื่องนี้ เป็นนักแสดงที่หลงตัวเอง เธอดูถูกดูแคลนผู้ร่วมงานทุกคนที่เธอเห็นว่าด้อยกว่า เปิดเรื่องมาเธอก็ดูไม่ค่อยน่ารัก แต่จะว่าเธอก็ไม่ได้ เพราะเธอเป็นคนสวย แสดงละครก็เก่ง เป็นลูกสาวคนเดียวที่แม่ตามใจ เลยหลงคิดไปว่าใครๆ ก็ต้องตามใจเธอ พอมาเจอกับพระเอกซึ่งเป็นคนตรง เธอก็รับไม่ได้ที่เขาตำหนิเธอต่อหน้า อัจจิมาเข้าใจว่า ‘แดนสรวง’ ซึ่งเป็นผู้กำกับหน้าใหม่ไม่ชอบเธอ จึงกีดกันไม่ให้เธอได้เป็นนางเอก ส่วนแดนสรวงก็ผิดหวังที่หญิงสาวที่เขาแอบชอบมาตลอดไม่ได้นิสัยดีน่ารักอย่างที่คิด เขารับไม่ได้ที่เธอดูแคลนทีมงานของเขาจึงเผลอพูดดูถูกเธอให้เจ็บใจบ้าง ไม่นึกว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำของเขาจะทำร้ายเธอได้มากมายเมื่อเธอต้องกลายเป็นคนพิการ
เมื่อเขาได้เข้ามาใกล้ชิดเธอเขาก็พบว่าอัจจิมาก็น่ารักในแบบของเธอ ที่เธอดูร้ายนั้นเป็นเพียงเกราะที่เธอสร้างไว้เพื่อปกป้องไม่ให้ใครมารังแก คล้ายกับเขาที่ภายนอกดูเป็นคนแข็งๆ แต่ภายในอ่อนไหวและใส่ใจทุกรายละเอียด ความชื่นชมแบบแฟนคลับที่มีอยู่แต่เดิมก็พัฒนาเป็นความรัก แดนสรวงบอกรักด้วยการกระทำอยู่ตลอดเวลา อัจจิมาก็รับรู้ แต่ยิ่งรู้ซึ้งก็กลับยิ่งคิดว่าตนเองไม่สมบูรณ์เหมือนเดิมแล้ว ถึงอย่างไรไม่คู่ควรกับคนดีๆ อย่างเขา
ส่วนคู่รองนั้นนางเอกสาวก็เฝ้าตามง้อผู้ช่วยผู้กำกับปากแข็งที่รักเธอสุดหัวใจ แต่ย้ำกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าตนเองไม่คู่ควร
ถ้าจะให้นิยามความรักระหว่างพระเอก-นางเอกจะนิยามได้ว่าอย่างไร?
เป็นความรักไม่มีข้อจำกัดค่ะ ไม่ว่าคนสองคนจะต่างกันแค่ไหน ในแง่ไหน ทางกายภาพ ทางสังคม ถ้าใจตรงกัน รักกันด้วยใจจริง ก็ไม่มีอะไรขวางกั้นได้ค่ะ เพราะแท้จริงแล้วความรักเป็นเรื่องของใจล้วนๆ เรื่องอื่นล้วนเป็นเรื่องภายนอกทั้งสิ้นค่ะ
ผู้อ่านอาจคิดว่าพระเอกอย่างแดนสรวงแสนดีเกินไป คงมีแต่ในนิยาย คนอะไรจะให้อยู่ฝ่ายเดียว แต่ในชีวิตจริงคนแบบนี้มีมากมายค่ะ ทั้งพระเอกแสนดี และนางเอกแสนดีที่มีความสุขที่จะเป็นผู้ปกป้อง ดูแล แค่ได้รักตอบแทนก็รู้สึกเหมือนหัวใจถูกเติมเต็มแล้ว รักของคู่นี้อาจไม่ฉ่ำหวาน แต่ลึกซึ้งและไม่โลกสวยค่ะ
การเขียนเรื่องนี้ยาก-ง่ายอย่างไรบ้าง?
โดยรวมนับว่างานนี้ยากพอสมควรเลยค่ะ เพราะปอเพิ่งเขียนนิยายเป็นเรื่องที่สามเท่านั้น ปกติปอพิมพ์งานช้า เมื่อต้องมาเขียนนิยายในเวลาจำกัดก็ยิ่งกดดันค่ะ แต่ตลอดเวลาที่เขียนต้นฉบับเรื่องนี้มีแต่ความรู้สึกสนุกค่ะ ยิ่งเวลาส่งงานใกล้เข้ามาก็ยิ่งมีแรงฮึด ขยายเรื่องให้ยาวไปอีก ยิ่งเขียนก็ยิ่งชอบ ยิ่งรู้สึกอยากให้พล็อตเรื่องที่เราคิดว่าสนุกได้เผยแพร่ไปถึงผู้อ่าน อินถึงขั้นสัญญากับตัวละครว่าจะเขียนให้จบให้ทันเวลาให้ได้เลย
ส่วนที่เขียนง่ายและเข้าทางที่สุดก็น่าจะเป็นบทสนทนาค่ะ ยิ่งเป็นละครซ้อนละครที่ได้ลองเขียนครั้งแรกก็ยิ่งสนุกใหญ่ ความที่ปอเคยเขียนบทละครโทรทัศน์มาก่อนก็เลยถนัดเขียนบทสนทนา ถ้าใครชอบนิยายที่เดินเรื่องกระชับฉับไว เรื่องนี้ก็น่าจะถูกใจนะคะ
มีข้อคิดที่อยากฝากผ่านนิยายเรื่องนี้หรืออยากนำเสนอมุมมองไหนเป็นพิเศษไหม?
อยากฝากข้อคิดเรื่องการยอมรับความจริงและไม่ยอมแพ้ชีวิตค่ะ ไม่ว่าชีวิตเราจะประสบเคราะห์ร้ายสักแค่ไหนก็อยากให้ทุกคนยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น การพร่ำบ่นว่าโลกไม่ยุติธรรมไม่ได้ช่วยอะไร ขอให้อดทน ต่อสู้ อย่างเข้มแข็ง แล้วสักวันหนึ่งเรื่องร้ายๆ ก็จะผ่านไป และเรื่องดีๆ จะต้องหมุนเวียนเข้ามาค่ะ
อีกเรื่องที่อยากฝากก็คืออยากให้ผู้อ่านเก็บความรู้เกี่ยวกับการดูแลช่วยเหลือคนพิการที่สอดแทรกไว้ในเรื่องไปใช้เพื่อจะได้ช่วยเหลือคนพิการอย่างเข้าใจและไม่ดูถูกดูแคลนกันค่ะ
ฝากผลงานและช่องทางติดตาม
ปอขอฝากผลงานนิยายเรื่อง ‘รักนี้ไม่มีตำหนิ’ และวรรณกรรมเยาวชนเรื่อง ‘เตลิด’ ไว้ด้วยนะคะ ทั้งสองเรื่องตีพิมพ์กับสถาพรบุ๊คส์ค่ะ สองเรื่องสองแนว สนุกทั้งคู่ รับรองไม่ผิดหวังค่ะ
ผู้อ่านอ่านแล้วมีความคิดเห็นอย่างไร ติชมกันได้เต็มที่ ปอยินดีรับฟังนะคะ ตามไปพูดคุยกันได้ที่เฟซบุ๊กของปอ ค้นหาด้วยชื่อนามสกุลของปอ สะกดเป็นภาษาอังกฤษนะคะ
ติดตามความสนุกใน รักนี้ไม่มีตำหนิ ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์สถาพรบุ๊คส์ www.satapornbooks.com หรือดาวน์โหลดอีบุ๊กได้ที่ Application : Satapornbooks, Meb, Naiin App, Hytext, Ookbee, Pinto E-Book, SE-ED และ comico
ร่วมรีวิวหนังสือและพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ นักอ่านได้ที่แฮชแท็ก #รักนี้ไม่มีตำหนิ
...