‘สำลีสีชมพู’ ชวนมาหาความสุขรอบๆ ตัวใน ‘What if...ถ้าวันนั้นฝนไม่ตก’

บทสัมภาษณ์

บทสัมภาษณ์นักเขียน ‘สำลีสีชมพู’ กับผลงานนิยายเรื่อง ‘What if...ถ้าวันนั้นฝนไม่ตก’

 

 

แนะนำเรื่อง What if...ถ้าวันนั้นฝนไม่ตก
       เป็นนิยายแนวโรแมนติก-ดรามา เกี่ยวกับหญิงสาวผู้มีความหลังอันเจ็บปวดกับวันฝนตกและชายหนุ่มผู้หวาดกลัวการมีความรักค่ะ ต่างฝ่ายต่างก็มีบาดแผล ทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันในฐานะ Friends with benefits ไร้การผูกมัด แต่หัวใจนางเอกของเรากลับถลำลึกจนเกินห้าม ขณะที่ความรักเต็มไปด้วยอุปสรรค ปัญหาชีวิตก็เข้ามาทักทายนางเอกของเราไม่หยุด

แนะนำพระ-นางของเรื่อง
       พระเอกของเราคือ ‘พี่ดีน’ มีชื่อจริงว่า ‘ธันวา’ เนื่องจากเกิดเดือนธันวา ที่เลือกเดือนนี้เพราะเป็นเดือนที่ประเทศไทยอยู่ในฤดูหนาว ซึ่งฝนตกน้อยมากหรือแทบจะไม่ตกเลย อีกทั้งยังเป็นเดือนที่มีเทศกาลรื่นเริงอย่างวันคริสต์มาสและวันส่งท้ายปี ความหมายแฝงคือพี่ดีนเป็นทั้งพื้นที่ปลอดภัยและความรื่นรมย์ในชีวิตนางเอกของเราค่ะ แครักเตอร์ของพี่ดีนเป็นคนเคร่งขรึม แต่ก็ซ่อนความขี้น้อยใจของลูกคนกลางเอาไว้ ในส่วนของ ‘พัทธ์ธีรา’ ผู้เป็นนางเอกของเรื่อง เธอมีอดีตฝังใจในวัยเด็กที่ก้าวผ่านไปไม่ได้ แม้จะดูสดใสและอ่อนหวาน เจออะไรก็ยิ้มสู้ในสายตาคนภายนอก แท้จริงแล้วเป็นคนอ่อนไหวมาก

 

 

ทำไมถึงเลือกถ่ายทอดเรื่องโรคซึมเศร้าผ่านนวนิยาย?
       เราโตมากับครอบครัวที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต รวมทั้งมีคนใกล้ชิดที่เป็นโรคซึมเศร้า อีกทั้งตัวเองก็เผชิญกับโรคนี้อยู่ ทำให้อยากถ่ายทอดเรื่องโรคซึมเศร้าผ่านตัวละครที่เรารักมากๆ อย่างพัทธ์ธีรา ในสังคมปัจจุบันอาจยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ไม่มากนัก อาจจะเข้าใจว่าคนเป็นโรคซึมเศร้าต้องดูเศร้าซึมตลอดเวลา แต่ไม่หรอกค่ะ พวกเขาก็หัวเราะได้ ยิ้มได้ และใช้ชีวิตในสังคมได้เหมือนคนทั่วไป และอยากสื่อให้ทุกคนรู้ว่าการพบจิตแพทย์เป็นเรื่องปกติ จิตใจของมนุษย์ก็ป่วยได้เหมือนกับสุขภาพกายนี่ละค่ะ ซึ่งส่วนที่สำคัญที่ทำให้เราเขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาคือเราอยากให้พัทธ์ธีราได้มีความสุขในตอนจบ เพราะเราเชื่อว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้ามีโอกาสที่จะหาย เชื่อว่าพวกเขาจะค้นพบความสุขในชีวิตได้อีกครั้งค่ะ
 

 

ในการสร้างตัวละครที่มีปมปัญหาค่อนข้างหนักยาก-ง่ายแค่ไหน และต่างจากเรื่องที่ผ่านๆ มาไหม?
       ยากค่ะ ยอมรับเลย 555 เสียน้ำตาไปเยอะมาก โดยเฉพาะตอนเขียนพาร์ตปมปัญหาครอบครัว โดยที่ต้องพยายามให้ปมมันทั้งดรามาและเป็นเหตุเป็นผลไปพร้อมๆ กันด้วย อารมณ์เวลาเขียนแตกต่างกับเรื่องก่อนๆ ที่ถือว่าค่อนข้างนุ่มฟูมากเลยค่ะ

เราได้เรียนรู้อะไรจากความสัมพันธ์ของคู่พระ-นางในเรื่องนี้บ้าง?
       ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อาจจะเจ็บปวดกันน้อยกว่านี้ถ้าต่างฝ่ายต่างพูดความจริงที่ซ่อนไว้ในใจ คงไม่เข้าใจผิดจนปวดใจขนาดนี้ ธันวาเองถ้าไม่เก็บงำความรู้สึกมากเกินไป แสดงให้พัทธ์ธีราเห็นความรักที่เขามี ก็อาจจะสร้างความมั่นคงให้ชีวิตคู่ได้มากกว่าที่เป็นค่ะ

 

 

มีสารอะไรต้องการฝากถึงผู้อ่านผ่านเรื่องนี้เป็นพิเศษไหม?
       สิ่งที่อยากจะฝากถึงผู้อ่านทุกคนคือ บาดแผลที่มองไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มีอยู่จริงหรือไม่เจ็บ บาดแผลของคุณ แม้คนอื่นจะไม่เห็น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันไม่มี บาดแผลของคนอื่นก็เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ก็อยากให้ทุกคนใจดีกับตัวเอง แม้ในวันที่โลกอาจจะไม่ใจดีกับคุณเท่าไหร่ มีความสุขกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบกาย บางทีวันหนึ่งเราอาจจะรู้สึกว่าดีจังที่วันนี้ฝนตกก็ได้ค่ะ

ฝากผลงาน
       ขอฝากพี่ดีนกับน้องพัทธ์จากเรื่อง ‘What if... ถ้าวันนั้นฝนไม่ตก’ ด้วยนะคะ หวังว่าทุกคนจะสนุกสนานและมีความสุขไปกับวันฝนตกค่ะ

 

 

ติดตามความสนุกใน  What if...ถ้าวันนั้นฝนไม่ตก ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์สถาพรบุ๊คส์ www.satapornbooks.com หรือดาวน์โหลดอีบุ๊กได้ในวันที่ 4 กันยายน 2566 เป็นต้นไป ทาง Application : Satapornbooks,  MebNaiin AppHytextOokbeePinto E-BookSE-ED และ comico

ร่วมรีวิวหนังสือและพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ นักอ่านได้ที่แฮชแท็ก #ถ้าวันนั้นฝนไม่ตก

...

ผลงานนักเขียน