อาละดินสาวหรือจินนี่เจ้าเล่ห์ ฝ่ายใดจะต้องสยบ ใน มนตร์ทรายเสกรัก

บทสัมภาษณ์

  ใครว่ายักษ์จินนี่ในตะเกียงวิเศษและอาละดินไม่มีจริง วลัชสิตา ได้เนรมิตตัวละครในเทพนิยายสองตัวนี้ขึ้นในนิยายรักทะเลทราย มนตร์ทรายเสกรัก เพียงแต่ยักษ์จินนี่ตนนี้ไม่ได้ใจดีมอบพรสามประการเพียงร้องขอ และเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน อาละดินจะต้องอยู่ข้างกายจินนี่จอมเจ้าเล่ห์ไปตลอดกาล

       ผู้เขียนเล่าว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องของยาสมีนที่อยากหนีจากการแต่งงานที่พ่อบังคับ แต่เพราะไว้ใจผิดคน ทำให้ถูกแม่เลี้ยงพาตัวไปส่งให้ชีคเฒ่าที่หวังร่างกายของเธอ แต่เธอก็หนีออกจากฮาเร็มมาได้ และได้รับการช่วยเหลือจากชายหนุ่มที่เป็นเหมือนยักษ์จินนี่จากตะเกียงวิเศษ แต่เมื่อเขาเปิดเผยสถานะว่าคือชีคนาซเซอร์แห่งรัฐซาฮาบียา เธอก็รู้สึกเหมือนหนีเสือปะจระเข้ เพราะเขาเจ้าเล่ห์มาก เนื่องจากเธอไปให้คำสัญญาว่าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขาพาเธอหนี แต่มีหรือที่อาละดินสาวที่ไม่ยอมใครง่ายๆ แถมยังไม่กล้าไว้ใจใครเพราะสิ่งที่แม่เลี้ยงทำไว้จะยอมสยบ งานหนักจึงตกอยู่ที่จินนี่จอมเจ้าเล่ห์อย่างชีคนาซเซอร์ที่ต้องทำให้เธอรักและไว้ใจ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการ

        วลัสชิตาบอกว่า “จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้เริ่มมาจากคุยกับเพื่อนเรื่องนิทานดิสนีย์ แล้วก็เลยนึกถึงเรื่องอาละดินขึ้นมา แต่ว่าไม่ได้นึกถึงอาละดินกับเจ้าหญิง กลับนึกถึงอาละดินกับยักษ์จินนี่ แล้วพอนึกถึงยักษ์จินนี่ก็นึกถึงยักษ์ตัวสีฟ้า เลยมาคิดว่าบางที...ยักษ์อาจจะหล่อก็ได้นะ ก็เลยเป็นที่มาขอจินนี่จอมหื่นและเจ้าเล่ห์อย่างชีคนาซเซอร์กับอาละดินสาวอย่างยาสมีนที่อยากได้พร แต่จะให้พระเอกเราให้พรแค่สามข้อก็ยังไงอยู่ เลยเป็นที่มาของพรทุกประการแบบมีข้อแลกเปลี่ยนที่แสนเจ้าเล่ห์” 

“จุดเด่นของเรื่องนี้คือเรื่องความเชื่อใจและการยินดีทำทุกอย่างเพื่อความรัก เนื่องจากนางเอกมีประสบการณ์แย่ๆ ที่ถูกแม่เลี้ยงที่คิดว่าจะช่วยเหลือส่งเธอเป็นนางฮาเร็ม แล้วพระเอกเองที่คิดจะช่วยก็ดันใช้เธอเป็นตัวล่ออีก เธอก็เลยไม่ไว้ใจไม่เชื่อใจ ในขณะที่พระเอกพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้นางเอกรักและเชื่อใจตัวเอง ทั้งยังพยายามปกป้องเธอทุกอย่าง จนเธอยอมเชื่อและฝากหัวใจไว้ที่เขา เรื่องนี้จึงเป็นการสอนว่าความรักเปลี่ยนคนได้เสมอ ทำให้คนที่ไม่คิดเชื่อใจใครมาเชื่อได้ ทำให้คนเจ้าเล่ห์ยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องผู้หญิงที่รักโดยไม่เกี่ยงวิธีการ”

 
        เมื่อถามถึงฉากชอบที่สุดในเรื่อง วลัชสิตาบอกว่า “มีฉากที่ชอบเยอะมากเลยจนเลือกไม่ถูก แต่ถ้าฉากที่ชอบที่สุดก็ต้องฉากที่พระเอกวางแผนจัดการแม่เลี้ยงของนางเอกแล้วมองดูอีกฝ่ายถูกไฟคลอกตาย คือตอนคิดฉากนี้คิดหลายรอบมากว่าจะจัดการแม่เลี้ยงนางเอกยังไงดี แล้วทำยังไงที่จะให้รู้สึกว่าพระเอกไม่ใช่ยักษ์จินนี่ที่แสนใจดีสำหรับทุกคน แต่เป็นแค่ยักษ์จินนี่ที่ทำเพื่อคนที่รักคนเดียวเท่านั้น (ฮิ้ว... ^o^)”


       นอกจากนี้ เจ้าของผลงานยังเล่าอีกว่านิยายเรื่องนี้ได้เคยถูกโพสต์ให้อ่านบนโลกออนไลน์ มียอดเข้าชมบนเว็บไซต์ hongsamut มากถึงเกือบ 100,000 ครั้ง และได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดี  “จากการที่เอาลงในเว็บเด็กดีและเว็บห้องสมุด ทำให้นักอ่านอยากมีจินนี่ส่วนตัวแบบนี้ และบางส่วนก็หมั่นไส้แม่เลี้ยงและน้องสาวของนางเอก บ้างก็ว่าพระเอกเจ้าเล่ห์ที่ทำให้นางเอกพูดผูกมัดตัวเอง แต่โดยรวมจะปลื้มพระเอก และลุ้นกันว่าพระเอกจะช่วยนางเอกยังไง”


        คุยกันถึงตรงนี้แล้ว แทบจะอดใจไม่ไหวต้องไปตามหาจินนี่ส่วนตัวบ้าง ส่วนนักอ่านท่านใดอยากเสพเรื่องราวโรแมนติก-คอเมดีน่ารักๆ ท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุ หยิบ มนตร์ทรายเสกรัก ผลงานของวลัสชิตามาลองชิม รับรองไม่ผิดหวังต้องรีบอ่านให้จบภายในคืนเดียวแน่นอน

        ก่อนจากกันไป วลัสชิตาขอทิ้งท้าย "ขอขอบคุณเว็บเด็กดีและเว็บห้องสมุดสำหรับพื้นที่ในการอับนิยายให้นักอ่านได้อ่านกัน ขอบคุณนักอ่านทุกคน ทั้งนักอ่านเงาและไม่เงาที่เป็นแรงใจในการเขียนนิยายเสมอมา ยังไงก็ต้องขอฝากผลงานเรื่อง มนตร์ทรายเสกรัก ไว้ในอ้อมกอดของนักอ่านทุกท่านด้วยนะคะ (ทำตาปริบๆ อ้อนสุดฤทธิ์ >...<) เชื่อได้เลยว่าทุกคนจะต้องอยากมีจินนี่ส่วนตัวแน่นอน และสามารถแวะไปพูดคุยกันได้ที่เพจ https://www.facebook.com/waluchsita นะคะ จุ๊บๆ >3<”