โศกนาฏกรรมความรัก ใน ลอดริ้วทินกร โดย theneoclassic

บทสัมภาษณ์

หากพูดว่าเนื้อในของมันคือนิยายการเมืองก็ย่อมได้ ใน ลอดริ้วทินกร โดย theneoclassic


อยากทราบแรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องนี้ “จริงๆ เนิร์ดอยากเขียนแนววรรณกรรมหรือพีเรียดมานานแล้วครับ เราโตมากับงานพวกนี้เลย ชื่นชอบคุณโศภาค สุวรรณ, แก้วเก้า (ผู้เป็นแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งในการเขียนเรื่องนี้) , พนมเทียน เราคลั่งภาษาโบราณมาก พออ่านมันจะรู้สึกเหมือนเราเข้าไปอีกโลกหนึ่ง คิดว่าสักวันอยากจะเขียนอะไรทำนองนี้บ้างครับ เรื่องแรงบันดาลใจ เนิร์ดผุดไอเดียของลอดริ้วทินกรมาจากวันหนึ่งที่เนิร์ดลองไล่ลำดับญาติ แล้วพบบางชื่อที่เราได้ยินแล้ว เอ๊ะ... เอ๊ะในเรื่องราวของเขา เรามานั่งคิดว่า เฮ้ย ที่ได้ยินมามันจริงปะวะ เหลือเชื่อนะที่เขาจากไปนานแล้วแต่เรื่องราวของเขายังถูกเล่าขานไม่จบสิ้น ผมก็เลยคิดว่าเอาล่ะ... เราจะสร้างเรื่องราวของเด็กชายคนหนึ่งที่จะใหญ่โตจนถูกพูดถึงไปตราบนานเท่านาน เกริก ประจิมอารักขา จึงถือกำเนิดขึ้น”


แล้วเรื่อง ลอดริ้วทินกรเป็นแนวไหนคะ “โครงหลักเลยคือดรามาชีวิตครับ นำเสนอโชคชะตาของตัวละคร แต่หากอ่านกันดีๆ แบบเจาะลึกลงไป ผมซ่อนประเด็นเรื่องชนชั้นไว้ในนั้น หากพูดว่าเนื้อในของมันคือนิยายการเมืองก็ย่อมได้ สารค่อนข้างหนักมากทีเดียว อาจเคร่งเครียดตอนอ่านนิดหน่อย แต่พอจบคุณจะโล่งไปพร้อมกับมัน จากนั้นก็นั่งซึม และตกตะกอนได้ในที่สุด อันนี้อิงจากนักอ่านเค้าว่ากันนะ”


เล่าเรื่องย่อสั้นๆ ให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ ลอดริ้วทินกร เล่าถึงเด็กหนึ่งคนหนึ่ง 'เกริก ประจิมอารักขา' ที่ต้องอยู่กับความผิดที่บรรพบุรุษทำไว้ เป็นอีลีทที่ถูกถีบลงมาจากที่สูง เขาสร้างตัวเองขึ้นมาใหม่จากการล่มสลายของสาแหรก จนได้มีพื้นที่ของตัวเองในที่สุด เขาคิดว่าตัวเองมีอำนาจอยู่ในมือ แต่แล้วรากฐานที่ตนพยายามก่อร่างสร้างปั้นกลับต้องสั่นคลอน เพราะการปรากฏของบางตัวละครที่เข้ามาพัวพัน จนเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น เล่าไม่ได้แล้วงับ สปอย อิอิ ไปอ่านกันนะจ๊ะ”


theneoclassic คิดว่า จุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ตรงไหนคะ “ถ้าให้เข้าข้างตัวเองคือภาษาครับ เนื่องจากเป็นแนวพีเรียด มันจึงไม่เป็นการปิดกั้นการเขียน ผมใช้ภาษาแบบตะวันตก อย่างที่วรรณกรรมสมัยรัชกาลที่ 6 มักใช้กัน ผมบรรยายให้เห็นภาพชัด อ่านแล้วมองออกเป็นฉากๆ จนให้ความรู้สึกคุกคาม ลุ้น กดดัน โศกาไปพร้อมกับตัวละคร น้ำตาหยด แหมะๆ แม้แต่คนเขียนเองก็ตาม ต่อมาก็คือเรื่องพลอต สำหรับผม นิยายเรื่องนี้แสบสันต์มากกว่านิยายเรื่องอื่นๆ ของผมมาก ไม่เคยปิดกั้น คิดอะไร กรองไว้ แล้วใส่ไม่ยั้ง ตอนต่อตอนไม่ปล่อยให้พัก โดยได้อินสไปร์จากซีรีส์อเมริกาที่ชอบทุบหัวคนดู ตอนเขียนสนุกดีครับ มันคือการทำสิ่งที่อยากทำจริงๆ ทุกอย่างมันจึงโฟล์วไปหมด ไม่มีจุดไหนที่อยากกลับไปแก้ต้นฉบับเลย (ยกเว้นคำผิด มุแง้)”


“ในเรื่องนี้อยากให้ชะตากรรมของตัวละครทุกตัวให้ข้อคิดกับคนอ่านครับ นิยายเรื่องนี้ดำเนินเรื่องอย่างฉาวโฉ่งฉ่าง ตัวละครแต่ละตัวขับเคลื่อนด้วยราคะ (คำว่า ‘ราคะ’ นี้ไม่ได้หมายความไปในแนวเซ็กชวลเพียงอย่างเดียวนะ มันคือความอยาก ความต้องการ ปรารถนา ครับ) ทุกคนพบเจอจุดจบที่ต่างกันไป และเมื่อเรารีเลตได้ เราจะพบว่านี่แหละคือสิ่งที่สังคมนี้เป็น นี่ละที่คนรอบข้างกายเราเป็น หรือนี่ละคือสิ่งที่เรากำลังเผชิญ มันอาจไม่ได้ช่วยเเปลี่ยนแปลงอะไรแบบทันทีทันใด แต่หวังว่าตัวละครเหล่านี้จะทำให้เราฉุกคิด และทำให้ทุกอย่างดีขึ้น โดยมีตัวอย่างจากพวกเขา” เรื่องนี้เป็นนวนิยายแนวไหน และแปลกใหม่จากเรื่องก่อนหน้า ยังไงบ้าง


เรื่องนี้คาแรกเตอร์ของพระเอก-นายเอก เป็นยังไง “พูดตรงๆ คือเรื่องนี้ไม่มีพระเอก-นายเอกครับ หรือถ้ามี ทุกตัวก็สามารถเป็น พระเอก-นายเอก/นางเอกได้ ไม่ว่าจะเป็น เกริก-เมืองราม, อามีน-น่านปิง, ดิเรก-อภิรดี ก็ตาม คาแรกเตอร์แต่ละตัวจะแตกต่างกันไปอย่างชัดเจน เกริกนั้นเป็นเด็กจองหอง ที่เก่ง และมีความทะเยอทะยาน ส่วนเมืองรามนั้น คือน้ำที่ช่วยชะโลมจิตใจ , อามีน คือคนหนุ่มผู้ไม่ยี่หระต่อสิ่งใด เป็นขบถที่ใช้ชีวิตอย่างคนนอก ผิดแผกจากผู้อื่น , น่านปิง เด็กซื่อ หัวช้า แต่สิ่งที่ตัวละครที่น่านับถือหนึ่งอย่าง คือเขาดำเนินชีวิตด้วย ‘หัวใจ’ , ดิเรก ก็เป็นชายที่ต้องรับผิดชอบหน้าตาวงศ์ตระกูล เป็นคนเก็บความรู้สึก แต่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ , อภิรดี หล่อนคือหญิงสาวที่แตกสลาย เพราะการแบกรับศักดิ์ศรีที่ไม่ใช่ของตัวเอง ผมชอบทีมตัวละครในนิยายเรื่องนี้มาก แต่ละคนมีความต้องการของตัวเอง ทุกคนล้วนเทาในปริมาณเท่ากันครับ”


ฉากที่นักเขียนชอบที่สุดคือฉากไหนคะ “สำหรับผม น่าจะเป็นฉากที่เกริกตัดสินใจสาบานต่อพระเจ้าในวันที่ทุกอย่างดำมืดแปดด้าน ตอนเขียนผมร้องไห้ไปพร้อมกับเกริก แต่ก็ขนลุกเกาแขนตัวเองไป นักอ่านหลายคนคิดว่าเกริกไม่เคยทำได้อย่างที่สาบาน แต่ถ้าหากอ่านถึงตอนจบ แล้ววิเคราะห์กันดีๆ ทุกสิ่งที่เกริก อ้อนวอนออกมาจากปากล้วนเกิดขึ้นจริงทุกอย่าง ผมต้องการจะบอกว่านี่ไง เบื้องบนฟังคำร้องขอและประทานสิ่งที่นายต้องการมาแล้ว แต่นายแค่ไม่เคยรู้ตัว เป็นอีกสัญญะที่ผมแฝงไว้ หลบเร้นไม่ต่างจากความหมายของชื่อเรื่องครับ”


หาข้อมูลในการนำมาเขียนเรื่องนี้จากที่ไหนบ้างคะ “หลายแหล่งเลยครับ หลักๆ ก็ต้องเป็นอินเทอร์เน็ต แต่ข้อเสียของอินเทอร์เน็ตคือเราได้แค่ข้อมูล แต่เราไม่เคยได้มู้ดในยุคนั้น และการทำนิยายเกี่ยวกับยุคนั้นมันสำคัญมาก มันเป็นยุคที่ความศิวิไลซ์เบ่งบาน ความเจนเทิ่ลแมนนั่งไขว่ห้างจิบชาและนินทาการเมืองกับกลุ่มเพื่อนชาย การแตะหมวกทักทาย ชมรมอาหารกลางวัน การเล่นบิลเลียต เพราะฉะนั้นผมจึงต้องทำการบ้านให้หนักขึ้นกว่าเดิม

อย่างแรกเลยคือผมต้องหารีเสริช ผมต้องการสร้างโรงเรียนกินนอนชายล้วนอันดับหนึ่งในพระนครอย่างซื่อตรงที่สุด ผมจึงค้นคว้าจากหนังสือ ‘นายใน’ ของคุณ ชานันท์ ยอดหงษ์ หาเรื่องความเป็นชายในยุคนั้นอย่างเดียวเลยครับ เด็กนักเรียนชายสมัยนั้นทำอะไร มีแนวคิดอย่างไร มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร เปรียบได้กับไบเบิ้ลของนิยายเรื่องนี้เลย และเมื่อเราได้มู้ดแล้ว เราต้องรู้ว่าคนสมัยนั้นเขาพูดกันอย่างไร โชคดี๊ดีที่ผมเรียนจบการแสดง แล้วช่วงปีสามผมได้ไปช่วยเล่นละครทีสิสของรุ่นพี่ ชื่อเรื่อง ‘ตบตา’ ครับ เป็นบทละครพระราชนิพนท์ในรัชกาลที่ 6 ซึ่งตรงตามบริบทเป๊ะ! คิดได้ผมก็วิ่งไปห้องเก็บของ เอาบทละครที่เคยเล่นขำๆ มาอ่านซ้ำอีกครั้งเพื่อใช้เทียบ หากคนอ่านลอดริ้วทินกรก็จะรู้สึกว่าภาษาพูดในเรื่องค่อนข้างประหลาด มันประดักประเดินแต่เออว่ะ เก๋ดี ก็จะบอกไว้ว่าผมอิงจากบทละครพูดเรื่องนี้ คนสมัยก่อนเขา Posh กันมากๆ พูดอย่างกับกลอน แต่ละคำแสบถึงทรวง หึๆ และสุดท้าย ผมต้องมีนิยายที่เป็น ‘ครู’ ให้กับโพรเจกต์นี้ หนังสือที่มีบทบาทเป็นวิทยาทานให้แก่กันมากที่สุดก็เห็นจะเป็น ‘ช่อมะลิลา’ ของคุณแก้วเก้าครับ เป็นเรื่องราวในยุคใกล้เคียงกับลอดริ้วทินกร แต่จะเก่ากว่าอยู่หลายปี ย้อนกลับไปยังวันแรกที่ผมยังลังเลใจว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีไหม ผมได้ไปอ่านนิยายเรื่องนี้เข้า คุณแก้วเก้าทำให้นิยายย้อนยุคสนุก ลุ้น แต่ก็เข้มข้นเต็มไปด้วยประเด็นการเมืองได้ดีเยี่ยมขนาดนี้ได้ เราก็ต้องทำให้ได้สิ เรานับถือท่านเป็นครูเสมอ หากน้องๆ เด็กรุ่นใหม่ที่แวะมาอ่านบทสัมพาษณ์นี้ อยากแนะนำให้ลองหยิบนิยายของคุณเก้าเก้าขึ้นมาลองอ่านผ่านๆ ตาก่อนก็ได้ครับ แต่ขอบอกเลยว่าวางไม่ลงแน่ ท่านเจ๋งจริงๆ”


และสุดท้ายนี้ให้นักเขียนได้ฝากผลงานไว้กับนักอ่านหน่อยค่ะ “ฝากลอดริ้วทินกร นิยายเรื่องใหม่ที่ได้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์ Deep ด้วยนะครับ อาจจะแตกต่างไม่ใช่อย่างงานเก่าๆ ของผม แต่รับรองได้ว่าสนุกสนานเข้มข้นไม่แพ้กัน ไม่ต้องกลัวว่าปวดใจ เสียน้ำตา หรือว่ากดดันเกินรับไว้ คิดเสียว่าได้ออกกำลังกายให้หัวใจกระปรี้กระเปร่า พอเราวงกลับไปอ่านฟีลกู๊ดเราจะได้อินมากขึ้นไง (โดยเฉพาะนิยายตลกของ theneoclassic อิอิ) ทักทายมาพูดคุย ติดต่องานทานหมูกะทะ ออกเดต Greeting กันได้ เพียงแค่เสิร์ช ‘theneoclassic’ ในสื่อโซเชียลทุกแพลตฟอร์มนะคร้าบ (ตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดน้า)”


ติดตามความสนุกใน ลอดริ้วทินกร ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์สถาพรบุ๊คส์ www.satapornbooks.com

*เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป*

ร่วมรีวิวหนังสือ และพบปะพูดคุยกับเพื่อนๆ นักอ่าน ได้ที่ แฮชแท็ก #ลอดริ้วทินกร