บทที่ ๔

ที่ชาร์จแบต

ใครจะคิดว่าประโยคที่ว่า ‘แล้วพบกันใหม่’ ของวันเวลาจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เช้าวันต่อมาตรัยคุณก็ต้องประหลาดใจที่เห็นว่าคนไข้รายแรกของวันไม่ใช่คนที่เขาคิด แทนที่จะเป็นคุณลุงหัวล้าน ฟันเลี่ยมทอง ชอบใส่เสื้อลายดอกเหมือนว่าทุกวันเป็นวันสงกรานต์ คนไข้ที่ก้าวเข้ามาในห้องทำงานคนแรกกลับเป็นวันเวลาเสียนี่ 

“สวัสดีค่ะ พี่คุณ”

คนถูกเรียกชื่อเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ

“เธอมาทำอะไรที่นี่อีก วิว”

“ถามแปลกๆ วิวก็มารับการบำบัดจากพี่น่ะสิ” หญิงสาวกล่าวยิ้มๆ ก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้แบบไม่ต้องรอให้เชื้อเชิญ ซึ่งก็ไม่แปลกที่จะไม่ถูกเชิญ เพราะตรัยคุณมัวแต่อึ้งว่าเธอโผล่มาที่นี่ได้อย่างไร “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปวิวเป็นคนไข้ของพี่ ช่วยดูแลวิวด้วยนะคะ”

“หมายความว่ายังไงที่ว่าเป็นคนไข้ของพี่”

“อ้าว ป้าดวงยังไม่ได้บอกหรือคะ วิวลงทะเบียนเป็นคนไข้ของศูนย์นี้แล้ว และนักจิตวิทยาที่วิวเลือกก็คือพี่คุณ”

นักจิตวิทยาผู้ถูกเลือกนิ่งค้างอย่างตกใจ แม้จะฟังจากวันเวลาแล้ว แต่เขาก็อยากได้รับคำยืนยันอยู่ดี ดังนั้นเมื่อตั้งสติได้ ชายหนุ่มจึงรีบต่อสายหาดวงพรเพื่อถามว่าเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ ซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่าจริง

“ใช่ค่ะ คุณวิวลงทะเบียนเป็นคนไข้แล้ว เธอมีความเครียดที่ต้องบำบัดหลายเรื่อง และเธอเจาะจงเลือกอาจารย์คุณเป็นนักจิตวิทยาของเธอค่ะ”

“แต่เช้านี้ผมมีนัดคนไข้รายอื่นไว้แล้ว”

“อ๋อ ถ้าเป็นเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง คุณมนัสโทร. มาขอแคนเซิลนัดเช้านี้ค่ะ เพราะมีธุระด่วน ป้าเห็นว่าคิวของอาจารย์ยังว่างเลยแทรกนัดของคุณวิวเข้าไปแทน เพราะเธอต้องการบำบัดเร็วที่สุด”

ก็เป็นเช่นนั้นละ ฟังคำยืนยันแล้วก็เหนื่อยใจ ครั้นหันมองใบหน้าระรื่นของคนไข้สาวซึ่งนั่งคอยท่าอยู่แล้ว ก็ยิ่งเหนื่อยใจและปวดหัวหนักเป็นสองเท่า

“เราจะเริ่มบำบัดกันได้หรือยังคะ”

ตรัยคุณผ่อนลมหายใจ ก่อนจะจ้องมองเธอเขม็ง

“เธอต้องการอะไรจากพี่”

“ถามพิลึกอีกละ วิวก็ต้องการรับคำปรึกษาและการบำบัดจากพี่น่ะสิคะถึงได้มา”

“แล้วทำไมถึงต้องเจาะจงเป็นพี่ด้วย” เขาถามอย่างสงสัย เมื่อวานก็ไม่เห็นวันเวลาจะมีท่าทีอยากรับการบำบัดหรือปรึกษาปัญหาอะไรกับเขาเลย เธอไม่แม้แต่จะเอ่ยถึงเรื่องนี้ด้วยซ้ำ แต่มาวันนี้กลับอยากเป็นคนไข้แบบปุบปับ รูปการณ์มันไม่ชวนให้คิดหรือยังไงว่าเธอมีอะไรแอบแฝง “ที่ศูนย์นี้มีนักจิตวิทยาอีกหลายคน ไม่สิ ศูนย์อื่นก็มีเยอะแยะ ทำไมถึงต้องเลือกที่นี่ และทำไมต้องเลือกพี่”

“ก็วิวอยากได้พี่นี่นา” 

“อยากได้?” ชายหนุ่มทวนถาม กดเสียงต่ำอย่างอันตราย เห็นอย่างนั้นวันเวลาที่เมื่อครู่ทำหน้าซื่อตาใสก็หัวเราะ รีบแก้คำพูดใหม่

“วิวหมายถึงอยากได้พี่เป็นนักจิตวิทยาส่วนตัวไว้ปรึกษา วิวแค่คิดว่าถ้าเป็นคนคุ้นเคยกัน น่าจะคุยกันง่าย ดีต่อการบำบัดรักษามากกว่าก็เท่านั้นเอง”

“เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า พี่ว่าความสัมพันธ์ของเราอยู่ห่างไกลคำว่า ‘คุ้นเคย’ นะ” ชายหนุ่มว่าต่ออย่างใจร้าย ทำเอารอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวเลือนหายไป “วิวเป็นคนไข้ของพี่ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้”

“ทำไมไม่ได้ล่ะคะ”

“เพราะพี่อาจมีไบแอส จนทำให้การบำบัดไม่ราบรื่นเท่าที่ควร และมันจะไม่ส่งผลดี ถ้าเธอตั้งใจจะมาบำบัดรักษาจริงๆ น่ะนะ เอาอย่างนี้ดีกว่าเดี๋ยวพี่จะรีเฟอร์เคส ติดต่อเพื่อนนักจิตวิทยาคนอื่นให้วิวแทน ที่นี่มีนักจิตวิทยาเก่งๆ หลายคน เอาคนที่อยู่ห้องติดพี่นี่ก็ได้ เธอชื่อล้านนาที ปกติจะรับแต่เคสเด็กและครอบครัว แต่ถ้าเธอโอเค พี่จะคุยให้ล้านนาทีรับเธอเป็นเคสพิเศษ พี่ว่าพวกเธอสองคนน่าจะคุยกันได้ง่ายนะ เพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกัน อายุก็พอๆ กัน เป็นเพื่อนกันได้ เธอน่าจะชอบ”

“ไม่ค่ะ วิวไม่ชอบ” วันเวลาปฏิเสธเสียงแข็งทันควัน

“วิว”

“พี่คุณเอาแต่พูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว โยนวิวไปให้คนนั้นคนนี้เหมือนวิวเป็นลูกระเบิด ถามวิวสักคำหรือยังว่าวิวต้องการเปลี่ยนนักจิตวิทยาไหม”

“ก่อนรีเฟอร์เคส พี่ต้องถามความสมัครใจของคนไข้ก่อนอยู่แล้ว และที่พี่พูดไปเมื่อกี้ก็เพื่อจะชี้แจงให้เห็นเหตุผลที่พี่ไม่เหมาะสมในการรับเคสไง”

“ค่ะ ชี้แจงเสร็จแล้วใช่ไหม งั้นวิวขอตอบเลยละกันว่าไม่ วิวไม่ต้องการนักจิตวิทยาคนอื่น”

“แต่ถ้าเป็นนักจิตวิทยาคนอื่น เธอจะได้รับประโยชน์จากการบำบัดมากกว่าเป็นพี่นะ ไม่เปลี่ยนใจหรือ” ตรัยคุณพยายามอธิบาย แต่อีกฝ่ายก็ส่ายหน้าหนักแน่นแบบไม่เปลี่ยนใจ

“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ วิวโอเคกับพี่คุณคนเดียวเท่านั้น และพี่คุณก็ควรจะโอเคกับวิวด้วยเหมือนกัน เพราะไม่อย่างนั้นใครๆ ก็จะตำหนิได้ว่าพี่ไม่เป็นมืออาชีพ ใช้อคติส่วนตัวมาปฏิเสธคนไข้ ที่พี่เรียกว่าอะไรนะ อ๋อ ไบแอสอะไรนั่นไง”

โดนจี้จุดสำคัญในอาชีพเข้าไป นักจิตวิทยาหนุ่มเลยไม่มีทางเลือก นอกจากยอมรับสภาพแต่โดยดี 

“ก็ได้” เขาถอนหายใจ ยกมือขึ้นเสยผมแบบไม่สบอารมณ์อีกแล้ว “ถ้ายืนยันว่าจะไม่เปลี่ยน งั้นต่อไปนี้เธอคือคนไข้ของพี่ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มกันเลยไหม”

วันเวลาพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น แต่เป็นความกระตือรือร้นที่เหมือนจะซ่อนเร้นด้วยเหตุผลอื่นอย่างไรพิกล หญิงสาวจ้องมองเขาด้วยแววตาเป็นประกาย ดูราวกับต้องการจะกลืนกินเขามากกว่าจะมาเพื่อบำบัด เห็นอย่างนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะเตือน เพราะมันทำให้เขานึกถึงเรื่องในอดีตที่เธอชอบแอบมองเขาด้วยสายตาแบบนั้น ครั้นพอนึกถึงทีไรก็เสียสมาธิทุกที

“พี่จะยังไม่เริ่มการบำบัด จนกว่าเธอจะเลิกมองพี่แบบนั้น”

“อะไรคะ ก็วิวไม่ได้ตาบอด วิวมองพี่แล้วมันผิดตรงไหน”

“ไม่ผิด แต่อย่าใช้สายตาแบบนั้น เพราะมันทำให้พี่นึกถึงเรื่องในอดีต...เรื่องที่เธอเอาแต่ตามพี่ต้อยๆ”

“แล้วเรื่องนั้นมันทำให้พี่หัวเสียหรือยังไง” หญิงสาวยิ้มยั่ว ยักไหล่แบบไม่ยี่หระ “นั่นมันเป็นปัญหาของพี่ ไม่ใช่ปัญหาของวิว ถ้าไม่อยากให้วิวมองพี่ พี่ก็ปิดตาตัวเองไว้สิคะ”

“อย่ากวนพี่”

“ไม่ได้กวน วิวพูดจริงๆ ถ้าปัญหามันแก้ที่คนอื่นไม่ได้ ก็แก้ที่ตัวเองสิ ปิดตาไว้แบบนี้ไง” ไม่เพียงพูดเปล่าแต่หญิงสาวยังชะโงกตัวมาหา ตั้งท่าจะใช้มือตนปิดตาเขาไว้ แต่ตรัยคุณไวกว่า ยังไม่ทันแตะตัวเขาด้วยซ้ำ เขาก็ฉวยข้อมือเล็กไว้อย่างห้ามปราม แต่แทนที่จะหยุด วันเวลากลับดูพอใจที่เขาสัมผัสตัวเธอเสียอย่างนั้น เธอรีบใช้มืออีกข้างเอื้อมมาหมายจะปิดตาเขาอีก ทำให้คราวนี้ตรัยคุณต้องรวบมือทั้งสองข้างของเธอค้างเอาไว้

“ช่วยจับมือวิวนานๆ ได้ไหมคะ” วันเวลากะพริบตาปริบๆ อย่างออดอ้อน แต่นั่นเป็นคำร้องขอที่ไม่ดูสีหน้าคนถูกขอเลย ตรัยคุณจ้องเธอเขม็งด้วยสีหน้าอันตราย ราวกับจะกินหัวเธออยู่รอมร่อ

“อะไรของเธอ วิว ตกลงเธออยากจะบำบัดกับพี่จริงหรือเปล่า”

“อยากสิคะ”

“ถ้าอยาก ก็ทำตามที่พี่บอก แล้วเราจะได้มาเริ่มกันสักที” เขาว่า ก่อนจะปล่อยมือที่รวบมือสาวเจ้าออกทันที ราวกับกลัวว่ามันมีพิษ ทิ้งให้วันเวลามองตามด้วยสายตาละห้อย “ถ้าเลิกมองพี่แบบนั้นไม่ได้ หรือรู้สึกว่ามันยากเกินไปละก็ มองไอ้นี่แทน” ว่าแล้วก็หันไปหยิบกระป๋องกาแฟเปล่าจากถังขยะเล็กๆ ข้างตัวมาวางลงบนโต๊ะ เพื่อให้เป็นจุดพักสายตาของวันเวลาแทนที่จะเป็นใบหน้าของเขา 

เห็นความพยายามขนาดนั้นแล้ว วันเวลาก็หัวเราะ

“ก็ได้ๆ” เธอกล่าวอย่างยอมแพ้ในยกนี้ “ถึงกระป๋องใบนี้จะหน้าไม่เหมือนพี่คุณ เพราะพี่คุณหล่อกว่าเยอะ แต่วิวจะติ๊งต่างว่ามันเป็นพี่ก็ได้ ถ้ามันทำให้พี่สบายใจและทำงานต่อได้”

“ถ้าเข้าใจแล้วก็ดี คิดจะมาเป็นคนไข้ของพี่ ก็ให้ความร่วมมือกันหน่อย” กล่าวเสร็จชายหนุ่มก็ประสานนิ้วเข้าหากันอย่างเป็นการเป็นงานมากกว่าเดิม เพื่อเริ่มต้นทำในสิ่งที่เขาควรทำนานแล้ว หากไม่ถูกขัดจังหวะให้เขวเสียก่อน “งั้นนั่งให้สบายๆ ทำใจให้สบายๆ แล้วมาเริ่มกัน”

“ค่ะ เริ่มจากอะไรก่อนดี”

“เริ่มจากแนะนำตัว”

“แนะนำตัว? แต่เรารู้จักกันแล้วนี่นา”

“ใช่ แต่ยังไงพี่ก็ต้องแนะนำอีกครั้งอย่างเป็นทางการ ไม่ใช่ในฐานะพี่ชายข้างบ้าน แต่ในฐานะนักจิตวิทยาของเธอ” เขากล่าวช้าชัด พลางกดนาฬิกาบนโต๊ะเพื่อเริ่มจับเวลา ซึ่งหลังจากกด วันเวลาก็ถึงกับอึ้ง เพราะเขาแทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคน นี่สินะที่เรียกว่ามืออาชีพอย่างแท้จริง

“สวัสดีครับ พี่ชื่อตรัยคุณ วันนี้พี่รับหน้าที่เป็นนักจิตวิทยาผู้ให้คำปรึกษา เราจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โดยเรื่องที่คุยกันวันนี้จะถูกเก็บเป็นความลับ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ และหากเรื่องไหนไม่สะดวกใจที่จะพูด สามารถบอกข้ามไปได้นะ”

“เอ่อ...ค่ะ”

“ถ้าเข้าใจแล้ว งั้นก่อนอื่นเลยรบกวนเล่าเรื่องที่รู้สึกไม่สบายใจให้พี่ฟังหน่อยสิครับ พี่พร้อมจะรับฟังทุกอย่างแล้ว” นักจิตวิทยาหนุ่มพูดอย่างคล่องแคล่ว

ตอนแรกวันเวลาก็คิดว่าเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งที่ต้องอยู่กับนักจิตวิทยาคงยาวนานเกินรับไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่ได้มีใจมาเพื่อบำบัดจริงๆ แต่มาเพื่อเหตุอื่นอย่างเธอคงเบื่อหน่ายมาก แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นอย่างนั้นเพราะความมืออาชีพของตรัยคุณทำให้การสนทนาราบรื่นไม่น่าเบื่อ กลายเป็นว่าเธอกลับเปิดใจเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้เขาฟังจนหมดเปลือก ทั้งเรื่องวีรกรรมของเจนจบ เรื่องรายได้การขายของออนไลน์ที่ย่ำแย่ และเรื่องที่เธอต้องดูแลมารดาที่ป่วยอีก ที่จริงแล้วเธอมีเรื่องสู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับอีกเยอะ น่าเสียดายที่เวลามีจำกัด เธอเลยเล่าเรื่องได้แค่นี้ เธอเริ่มรู้สึกสนุกในการเล่าแล้วสิ อย่างน้อยการได้เล่าเรื่องหนักอกให้ใครสักคนฟัง ก็ทำให้สบายใจได้ เผลอนิดเดียวเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็หมดลงอย่างรวดเร็ว

ตรัยคุณนัดเธอมาคุยกันในครั้งหน้าเพื่อติดตามผล ก่อนจะจบเขาก็ยังอุตส่าห์ให้การบ้านเธอไว้ทำด้วย เป็นการทำเช็กลิสต์และเขียนบรรยายความรู้สึกของตัวเองหลังการบำบัดครั้งแรก ก็ฟังดูไม่ยากเท่าไร แต่นั่นไม่ใช่ส่วนที่เธอสนใจ เพราะส่วนที่เธอสนใจมันอยู่ต่อจากนี้ต่างหาก

“พี่คุณขา วิวคอแห้ง มีอะไรเย็นๆ สดชื่นๆ ให้วิวดื่มก่อนกลับสักนิดไหมคะ” ก่อนจะเดินทางกลับ เธอก็งัดลูกอ้อนมาใช้อีก ซึ่งก็ได้ผล ไม่รู้เพราะตกหลุมกลลูกอ้อนหรือรำคาญกันแน่ แต่ในที่สุดตรัยคุณก็ตกลงที่จะไปชงชาให้เธอดื่มก่อนกลับ เขาเดินหายออกไปจากห้องครู่หนึ่ง และกลับมาพร้อมชามะลิใส่น้ำแข็งหนึ่งแก้ว

“ต้องชงเองเลยหรือคะ นึกว่าเป็นหน้าที่ป้าดวงเสียอีก วิวเห็นป้าแกคอยวิ่งเสิร์ฟน้ำให้ทุกห้อง”

“ป้าดวงแกขยันและมีน้ำใจ คนที่นี่ก็เลยชินจนกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้วว่าแกต้องคอยหาน้ำท่าให้คนไข้ด้วย แต่พี่ไม่อยากรบกวนแก ตำแหน่งแกไม่ใช่แม่บ้าน แกไม่ควรต้องมาทำงานอื่นนอกเหนือจากงานหลักที่หนักอยู่แล้ว ปกติพี่ก็เลยชงเครื่องดื่มให้คนไข้เองตลอด ก็ไม่ได้ลำบากอะไร”

“อ้อ แบบนี้เอง” วันเวลาพยักหน้าเข้าใจ นึกชื่นชมในความใส่ใจผู้อื่นของเขา ก่อนจะรับแก้วมา 

นาทีทองของเธออยู่ตรงนี้ ในจังหวะที่รับแก้วมา เธอก็พยายามจะจับมือตรัยคุณ แต่คราวนี้เหมือนเขาจะระวังตัวมากกว่าเดิม พอปลายนิ้วของเธอตั้งท่าจะสัมผัสโดนมือของเขาแบบไม่จำเป็น ชายหนุ่มก็ปล่อยมือจากแก้วทันที แก้วเข้ามือของวันเวลาพอดีราวกับถูกจับวาง แต่นั่นละที่ชวนหัวเสีย เมื่อแผนแรกไม่ได้ผล หญิงสาวเลยต้องสร้างแผนใหม่แบบปัจจุบันทันด่วน โดยแทนที่จะรับแก้วไว้ดีๆ เธอก็แสร้งทำมันลื่นหลุดมือ ทำให้น้ำชาหกเลอะเทอะเนื้อตัวตน 

“ว้าย! เลอะหมดเลย พี่คุณทำไมทำอย่างนี้ล่ะคะ!”

ตรัยคุณเลิกคิ้วเมื่อถูกกล่าวโทษแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเสียอย่างนั้น

“พี่ทำอะไร”

“เอ้า เป็นเพราะพี่คุณนั่นแหละ ถ้าพี่ไม่รีบร้อนปล่อยแก้ว น้ำชาคงไม่หกเลอะวิวแบบนี้ ทีนี้จะทำยังไงคะ นี่น่ะชุดกระโปรงตัวเก่งของวิวด้วยนะ”

“จะให้ทำยังไงล่ะ เธอก็เช็ดสิ”

“ไม่ค่ะ พี่คุณเป็นคนทำ ก็ต้องเป็นคนเช็ด” 

“พูดไปเรื่อย เธอเองไม่ใช่หรือที่ปล่อยมือจากแก้วเอง พี่ไม่ได้เป็นคนทำ”

“ตลกแล้ว วิวจะทำน้ำหกรดตัวเองไปเพื่ออะไร ไม่รู้ละ ยังไงพี่คุณก็ต้องช่วยวิวเช็ด จะปัดความรับผิดชอบแบบนี้ไม่ได้” 

ตรัยคุณทำหน้าเซ็ง เห็นได้ชัดว่าคงไม่อยากทำตาม แต่ในเมื่อเขาไม่อยากกลายเป็นคนไร้ความรับผิดชอบ เขาจึงหยิบทิชชูมาทำความสะอาดให้สาวรุ่นน้อง ซึ่งก็แน่นอนว่าไม่รวมถึง ‘พื้นที่ส่วนตัว’ ซึ่งควรหวงแหนด้วย เห็นอย่างนั้นก็อดเย้าแหย่ไม่ได้

“เอ...ทำไมเช็ดแต่แขนกับหน้าวิวล่ะ ตรงนี้ไม่เช็ดด้วยหรือค้า ตรงนี้ก็เลอะเหมือนกัน” หญิงสาวยิ้มเผล่ ชี้ไปที่ขาอ่อนกับหน้าตักตนเอง 

“เธอเห็นพี่เป็นอะไร คนฉวยโอกาสงั้นหรือ” เขาว่าอย่างดุๆ ซึ่งคนถูกดุก็ไม่ได้สำนึกเลย

“แหม ไม่เรียกว่าฉวยโอกาสหรอกค่ะ ถ้าวิวเป็นคนหยิบยื่นโอกาสนั้นให้พี่เอง”

ตรัยคุณคงไม่อินกับโอกาสที่ว่า เห็นได้จากการส่ายหน้า แล้วรีบเชิญเธอออกจากห้องทันที เขาอ้างว่าคนไข้รายถัดไปมารอพบเขาแล้ว แต่วันเวลาคิดว่านั่นคือข้ออ้างที่ไม่อยากเห็นหน้าเธอมากกว่า แต่ก็นะ ใครสนล่ะ เพราะเธอได้สิ่งที่ต้องการแล้ว วันนี้เธอหลอกล่อให้ตรัยคุณสัมผัสร่างกายได้ ไหนจะจับมือ ไหนจะตอนเช็ดทำความสะอาดน้ำชาอีก ต่อให้ระวังแค่ไหน แต่มือไม้ของเขาก็สัมผัสโดนตัวเธออยู่ดี แม้จะเล็กน้อยและเขาก็คงไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็คงเพียงพอที่จะทำให้สัมผัสพิเศษของเธอกลับมาดีดังเดิมแล้ว

วันเวลาเดินลัลล้าอารมณ์ดีออกมาจากห้อง คนแรกที่ทักเธอคือป้าดวงพร หล่อนสอบถามอย่างเป็นมิตรว่าการบำบัดครั้งแรกกับตรัยคุณเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งวันเวลาก็ให้คำตอบกลับไปว่าดีมาก

“ป้าไม่แปลกใจเลยค่ะ ก็อาจารย์คุณเก่งออกขนาดนั้น มือหนึ่งของศูนย์เลยนะ ยังไงต้องช่วยให้คุณวิวรู้สึกดีขึ้นได้อยู่แล้ว” ดวงพรเอ่ยสำทับอย่างชื่นชม ซึ่งวันเวลาก็ยิ้มกลับไป

“ค่ะ ในฐานะนักจิตวิทยา พี่คุณเขาเก่งจริงๆ แต่ในฐานะอื่น คงต้องพิสูจน์กันอีกทีว่าเก่งจริงหรือเปล่า”

“หือ? ฐานะอะไรหรือคะ”

“ฐานะที่ชาร์จแบตส่วนตัวของหนูค่ะ”

ดวงพรทำหน้าตกใจแล้วหัวเราะคิกคักออกมา คาดว่าคงตีความคำว่า ‘ที่ชาร์จแบตส่วนตัว’ ไปถึงไหนต่อไหน คงมีแต่วันเวลาเท่านั้นที่เข้าใจความหมายของคำนี้ จะไม่เรียกว่าที่ชาร์จได้อย่างไร ในเมื่อร่างกายเขาเป็นขุมพลังให้แก่สัมผัสพิเศษของเธอ ที่เหลือก็เป็นการพิสูจน์ว่า สัมผัสพิเศษของเธอกลับมาดีเหมือนแต่ก่อนแล้วหรือไม่ 

วันเวลาไม่รอช้า ใช้ดวงพรเป็นหนูทดลองอีกครั้ง โดยข้ออ้างหนนี้คือขอดูแหวนสวยๆ บนมือของหล่อน ดวงพรไม่สงสัยอะไร รีบยื่นมือมาให้จับดูอย่างเป็นกันเอง คราวนี้ภาพที่วันเวลาเห็นเป็นภาพในวัยสาวของดวงพรที่หล่อนกำลังไปที่ว่าการอำเภอกับสามี ไม่รู้ไปจดทะเบียนสมรส หรือจดทะเบียนหย่าก็ไม่แน่ใจ ที่เธอไม่แน่ใจนั่นก็เป็นเพราะว่าภาพที่ผุดในหัวไม่ยาวนานและชัดเจนพอจะสรุปอะไรได้มากกว่านั้น ที่จริงแล้วมันแทบไม่ต่างจากภาพที่เธอเห็นเมื่อวานเลย เรียกว่าแค่พอใช้ได้ แต่ยังไม่ดีที่สุดอย่างที่คาดหวังอยู่ดี 

เป็นเพราะอะไรกันนะ แม้จะออกมาจากศูนย์บำบัดแล้วและกำลังจะเดินกลับไปขึ้นรถยนต์ แต่หญิงสาวก็เฝ้าครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ตลอด มีแต่คำว่าทำไม ทำไม และทำไมวนเวียนอยู่ในหัว ทั้งๆ ที่เธอพยายามให้ตรัยคุณสัมผัสตัวเธอแล้ว แต่ทำไมความสามารถพิเศษของเธอถึงไม่กลับมาเฉียบคมเหมือนเดิมล่ะ จะว่าสมมุติฐานที่ตั้งไว้ผิดก็ไม่น่าใช่ อย่างไรตรัยคุณก็เป็นปัจจัยกระตุ้นที่ว่าแน่ๆ เพราะเมื่อวานตอนที่เธอจับมือเขา ความสามารถของเธอก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เดี๋ยวนะ...มาคิดดูแล้วทั้งในงานปาร์ตีและเมื่อวานเธอเป็นฝ่ายแตะตัวเขาก่อนนี่นา ไม่เหมือนกับวันนี้ที่ตรัยคุณเป็นฝ่ายสัมผัสตัวเธอก่อน หรือนั่นจะเป็นเงื่อนไขสำคัญ บางทีความสามารถของเธอจะดีขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อตัวเธอเป็นฝ่ายสัมผัสเขา ไม่ใช่ให้เขามาสัมผัสเธอ 

และเพื่อไม่ให้เป็นการคาใจจนนอนไม่หลับ วันเวลาก็ตัดสินใจหันหลังกลับ และวิ่งกลับไปที่ศูนย์เสียเดี๋ยวนั้น เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีดังกล่าว

“อ้าว คุณวิว ลืมของอะไรหรือเปล่าคะ” ดวงพรถามอย่างสงสัย เมื่อเห็นคนไข้สาวที่เพิ่งจะกลับไปได้ไม่ถึงสิบนาทีย้อนกลับมาอีกแล้ว จึงเดาว่าเธอน่าจะลืมของ

“ค่ะ หนูลืมของ” เธอตอบพลางหอบหายใจถี่ เหงื่อซ่กเต็มใบหน้าจากการวิ่ง

“ลืมอะไรคะ ป้าช่วยหาให้ไหม”

“ลืมที่ชาร์จแบตค่ะ” หญิงสาวตอบพลางยิ้มกริ่ม “ไม่รบกวนป้าดวงดีกว่า เดี๋ยวหนูเข้าไปเอาเอง ขอเวลาแป๊บเดียว” พูดเสร็จเธอก็พุ่งไปที่ห้องทำงานของนักจิตวิทยาหนุ่มอีกครั้ง เธอจัดการเคาะประตูห้องแบบรัวเร็ว และโดยไม่รอคำตอบรับด้วยซ้ำ เธอก็เปิดประตูเข้าไปด้านใน

ตรัยคุณกำลังอยู่กับคนไข้รายหนึ่งซึ่งเป็นเด็กสาววัยรุ่น ครั้นเห็นว่าใครเปิดประตูผลัวะเข้ามา เขาก็ขมวดคิ้วมุ่น มีทั้งความประหลาดใจและไม่พอใจที่จู่ๆ สาวเจ้าก็ทะเล่อทะล่าเข้ามา

“พี่นึกว่าเธอกลับไปแล้วเสียอีก ทำไมเธอถึง...”

“ขอโทษที่มารบกวนนะคะ แต่วิวย้อนกลับมาเพราะมีเรื่องจะทดสอบ ขอวิวทดสอบทฤษฎีหน่อยนะ” 

ยังไม่ทันถามว่าสิ่งที่เธอพูดหมายความว่าอย่างไร หญิงสาวก็ปรี่เข้ามาประชิดตัวเขาแล้ว เธอเอื้อมมือออกไปหมายจะแตะแผ่นอกของชายหนุ่ม แต่เขาก็ไวพอตัวที่จะยับยั้งได้ด้วยการฉวยข้อมือเธอไว้ 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน!”

วันเวลาไม่ตอบ แต่ใช้มือที่เป็นอิสระอีกข้างโอบรอบคอของตรัยคุณเพื่อรั้งใบหน้าคมคายให้โน้มต่ำลงมา ก่อนจะจุมพิตบนริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างแนบแน่น!


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น