บทนำ

บทนำ

 ทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น จบแล้ว ชีวิตของเธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว! 

วันเวลาตัวสั่น ขณะยืนอยู่บนความสูงห้าสิบเมตรที่ซึ่งสิ่งต่างๆ บนพื้นด้านล่างกลายเป็นเพียงจุดเล็กๆ มองไม่ชัดเจน ท่ามกลางสายลมเย็นที่พัดมาสัมผัสกับใบหน้าราวกับจะอำลาเป็นครั้งสุดท้าย หญิงสาวรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มี ปล่อยมือชื้นเหงื่อจากราวกั้นและก้าวช้าๆ ไปยังสุดขอบของพื้นเหล็ก

เพียงแค่เดินหน้าไปอีกก้าวเดียวเท่านั้น...เธอก็จะตกลงไปข้างล่าง เป็นเพราะผู้ชายคนนั้นคนเดียวที่ทำให้เธอตัดสินใจเช่นนี้ เขานั่นละที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอสูญเสียสิ่งสำคัญไป เธอหวังเหลือเกินว่าเขาจะรู้สึกผิดต่อเธอ...และจมกับความผิดบาปนี้ไปชั่วชีวิต!

นัยน์ตากลมสวยภายใต้เรือนผมบ๊อบประบ่ารื้นน้ำตา เธอกางแขนทั้งสองออกกว้าง ก่อนจะทิ้งตัวลงมาจากจุดที่ยืนอยู่ ในระหว่างที่ดิ่งลงมา ในหัวของเธอมีเรื่องราวผ่านเข้ามาเต็มไปหมด ทั้งเรื่องดี เรื่องร้าย ทุกสิ่งที่เคยประสบแล่นวาบอย่างรวดเร็วราวกับจอภาพยนตร์ เธอกรีดร้องออกมาสุดเสียงเพื่ออำลาให้กับทุกสิ่งบนโลกนี้

ลาก่อน ลาขาดกับทุกความเฮงซวยที่ผ่านมา!

ร่างน้อยลอยละลิ่วฝ่าอากาศลงมา เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้นร่างของเธอก็จวนเจียนจะตกถึงพื้น ทว่าในจังหวะสุดท้ายก่อนที่ร่างกายจะแหลกเหลว สายอุปกรณ์ซึ่งรัดข้อเท้าทั้งสองข้างเอาไว้ก็ทำหน้าที่ของมัน มันกระตุกวูบแล้วดึงรั้งร่างหญิงสาวลอยขึ้นมา ก่อนจะกระเด้งกระดอนไปมากลางอากาศ

บ้าที่สุด! ใครว่าส่วนที่ยากที่สุดคือตอนกระโดด ส่วนที่ยากที่สุดคือตอนที่เชือกพาเธอกระเด้งดึ๋งๆ กลางอากาศทั้งในสภาพหัวทิ่มหัวตำแบบนี้ต่างหากล่ะ หน้าม้าแตก แถมจะอ้วกแล้วจ้ะแม่ นี่คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เธอขอเซย์กู้ดบายบันจีจัมป์ตลอดชีพ! 

กว่าเจ้าหน้าที่จะพาเธอลงมานอนบนเบาะที่พื้นเพื่อปลดอุปกรณ์เซฟตีออกจากตัวได้ หญิงสาวก็เกือบจะอาเจียน สภาพหลังการกระโดดบันจีจัมป์ไม่สวยหรูอย่างที่คาดไว้ ผลจากการห้อยศีรษะนานทำให้เลือดลงหัว ใบหน้าของผู้กระโดดแดงก่ำและชื้นเหงื่อ ผมหน้าม้าที่เซตมาเสียสวยกริบปานน้องๆ ลิซ่า แบล็กพิงก์ในตอนเช้า บัดนี้แตกกระจายยุ่งเหยิง ที่อนาถก็คือกว่าเธอจะทรงตัวลุกขึ้นจากเบาะโดยไม่เซซัดๆ ได้ก็ใช้เวลาหลายนาที หัวใจของเธอยังเต้นตุบๆ ทั้งยังเวียนศีรษะอยู่เลย

 “ถ้ารู้สึกโอเคขึ้นแล้ว รบกวนไปรับประกาศนียบัตรตรงเคาน์เตอร์ได้เลยนะคะ”

เจ้าหน้าที่เดินมาแจ้งกับเธอ หลังจากนั่งพักหายใจหายคอพลางดื่มน้ำสักครู่ วันเวลาจึงเดินสะโหลสะเหลไปรับประกาศนียบัตร อนาถสภาพตัวเองจะแย่แล้ว แต่ก็นะ ถ้าสิ่งที่เธอลงทุนทำวันนี้มันได้รับผลตามที่หวัง ก็ถือว่าคุ้ม 

“นี่ครับใบประกาศ คุณกล้าหาญมากครับ”

สาวผู้กล้าหาญยิ้ม แม้จะเป็นรอยยิ้มไม่กว้างนัก แต่ก็พอทำให้เห็นรอยบุ๋มเล็กๆ ของลักยิ้มน่ารักบนสองแก้ม เธอกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ แต่แทนที่จะเพียงยื่นมือออกไปรับใบประกาศ เธอกลับจงใจแตะบนหลังแขนของเจ้าหน้าที่วัยละอ่อนก่อนเสียอย่างนั้น 

สำเร็จหรือเปล่านะ ขอให้ได้ผลทีเถอะ สาธุ!

“เอ่อ...คุณครับ” เจ้าหน้าที่ทำหน้างง คงไม่เข้าใจว่าเหตุใดลูกค้าสาวจึงยึดแขนเขาไว้แทนที่จะรับใบประกาศแล้วรีบกลับบ้านไปแบบรายอื่นๆ “นี่แขนผม ไม่ใช่ใบประกาศนะครับ”

“อ๊ะ! ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ” พอถูกทัก วันเวลาจึงได้สติ รีบชักมือกลับจากแขนของอีกฝ่ายทันที “ฉันเห็นว่านาฬิกาของคุณสวยดีเลยอยากดูใกล้ๆ เท่านั้นเอง พอดีกำลังหาของขวัญให้แฟนอยู่น่ะค่ะ”

โชคดีที่เจ้าหน้าที่คนนั้นเชื่อที่เธอพูดและไม่ติดใจอะไร มิหนำซ้ำยังมีน้ำใจแนะนำรุ่นนาฬิกาให้อีกด้วย วันเวลาได้แต่เออๆ ออๆ ตามน้ำไป ก่อนจะหาจังหวะขอตัวออกมาพร้อมกับใบประกาศโดยเร็ว เพราะที่จริงเธอก็ไม่ได้สนใจเรื่องนาฬิกา ก็แค่หาข้ออ้างไปอย่างนั้นเอง

จะหาของขวัญไปทำไม ในเมื่อตอนนี้เธอไม่มีแฟน ที่เคยมี ก็แค่ ‘อดีตแฟน’ ที่กะล่อนและหลอกลวง จนเธอทำใจนับเขาเป็นความหลังในสารบบชีวิตรักของเธอแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ 

วันเวลาในชุดกางเกงยีนขาสั้นกับเสื้อยืดแบบโอเวอร์ไซซ์สีดำเดินคอตกออกมาจากศูนย์เล่นกีฬาเสี่ยงตาย เธอยกหมวกแก๊ปสไตล์สตรีตเกิร์ลออกมาสวมเพื่อบังผมที่พังเละไม่เป็นทรง ก่อนจะยกใบประกาศนียบัตรขึ้นมาอ่านแบบเซ็งๆ   ในกระดาษเขียนยกยอในความกล้าหาญของเธอที่กล้าเผชิญหน้ากับความกลัว แต่เธอกลับไม่รู้สึกดีใจเลย เธอกลัวจนปัสสาวะแทบราดขณะดิ่งลงมาจากเครนสูงห้าสิบเมตรเพื่ออะไร เพื่อให้พบกับความล้มเหลวซ้ำๆ งั้นหรือ 

หญิงสาวพลิกมือขาวอันว่างเปล่าของตนไปมา พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

คว้าน้ำเหลวอีกแล้ว คิดว่าถ้าลองเสี่ยงตายอีกรอบ จะทำให้ทุกอย่างกลับไปเป็นเหมือนเดิมเสียอีก แต่ดูเหมือนวิธีนี้ก็ใช้ไม่ได้ผล เช่นเดียวกับวิธีอื่นๆ ที่เธอเคยลองท้าพิสูจน์มาก่อนหน้านี้ ต้องทำอย่างไรดีนะ เธอถึงจะได้ ‘เขา’ กลับคืนมา วันเวลาคิดอย่างกลุ้มใจ

 ยังไม่ทันที่จะได้คิดหาแผนการต่อไป โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เป็นสายจาก ‘กังสดาล’ เพื่อนรักของเธอนั่นเอง เธอคิดจะโทร. กลับหาหล่อนอยู่แล้ว เพราะเห็นว่าก่อนหน้านี้หล่อนโทร. มาหลายสาย แต่ไม่ทันได้รับเพราะมัวแต่รีบร้อนขับรถมาที่ศูนย์กีฬาอยู่

“ว่าไง ยายกั้ง” วันเวลากรอกเสียงหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังให้เพื่อนใจเย็นลง แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะกังสดาลแวดแหวใส่โทรศัพท์มาทันควัน

“ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อนเสียงหวานใส่ แกทำอะไรอยู่เนี่ย ฉันโทร. ไปตั้งหลายครั้ง ไม่ยอมรับสาย!”

“ซอรี่จ้ะ พอดีขับรถอยู่น่ะเลยไม่สะดวกรับ รถมันเยอะแล้วก็รีบๆ ด้วย ตอนนี้ฉันอยู่พัทยา”

“พัทยา!” กังสดาลทวนคำอย่างตกใจ “แกไปทำบ้าอะไรที่นั่น!”

“มาโดดบันจีจัมป์”

“บันจีจัมป์!” เพื่อนสาวร้องลั่นเป็นรอบที่สอง “โดดเพื่อ! บ้าไปแล้วหรือไง นี่แกเพิ่งจะตกบันไดไปเมื่อไม่นานมานี้เองนะ ยังไม่ทันฟื้นตัวดีเท่าไร ไปเล่นเสี่ยงตายแบบนั้นทำไม”

“แกก็รู้เหตุผลของฉันนี่ ฉันจำเป็นต้องทำเพื่อให้ได้ ‘เขา’ กลับคืนมา”

“แต่แกเพิ่งจะพลัดตกบันไดไปไม่นาน ฉันกลัวว่าร่างกายแกจะไม่ไหว”

“สบ๊าย ขอบใจที่เป็นห่วง แล้วก็ขอทีเถอะอย่าใช้คำว่า ‘พลัด’ เพราะฉันไม่ได้พลัดตก แต่ตั้งใจตก โอเค้”

“เฮ้อ ตั้งใจตกบันไดบ้างละ จมน้ำบ้างละ ยังมาโดดบันจีจัมป์อะไรนี่อีก แกน่ะอาการหนักแล้ว ยายวิว เพราะแบบนี้ไงฉันถึงบอกให้แกหาเวลาไปพบหมอหรือนักจิตวิทยาบ้าง ฉันแนะนำนักจิตวิทยาเก่งๆ ให้ได้นะ”

“แกก็พูดไปเรื่อย ต้องให้ย้ำกี่ครั้งว่าฉันไม่ได้ป่วยและไม่ได้อยากตาย ฉันก็แค่หาวิธีเฉียดเข้าใกล้ความตายแบบไม่ทำให้ใครเดือดร้อนก็เท่านั้นเอง ไม่ได้กะจะฆ่าตัวตายสักหน่อย”

“ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ที่แกทำๆ มาก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการฆ่าตัวตายเลยเหอะ ถ้าขืนแกยังใช้วิธีอันตรายแบบนี้ ฉันกลัวจริงๆ นะว่าสักวันแกจะพลาดจนสู่ขิตเข้าจริงๆ อะ”

“ขิตเขิตอะไร แกนี่ปากเสียจริง กับคนไข้แกไปปากเสียกับเขาแบบนี้หรือเปล่าเนี่ย” วันเวลาแซวเพื่อนซี้ที่มีอาชีพเป็นพยาบาล แต่ปากร้ายขัดกับภาพลักษณ์นางฟ้าชุดขาวเหลือเกิน “บอกไว้เลยนะว่าฉันจะไม่ยอมตาย จนกว่าจะได้สิ่งที่ฉันรักกลับคืน แกก็รู้ว่าฉันเสีย ‘เขา’ ไม่ได้เด็ดขาด!” วันเวลาพูดอย่างคนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ

“เออๆ ฉันรู้ว่าแกรักมากและเสียไปไม่ได้” กังสดาลถอนหายใจอย่างเอือมระอา รู้สึกหน่ายในความรั้นของเพื่อน “แต่ถึงจะรักมากแค่ไหน ก็ควรมีขอบเขตไม่ใช่หรือ ถึงขนาดยอมลงทุนเสี่ยงชีวิตตัวเองขนาดนี้ ฉันว่ามันไม่ใช่แล้วปะ”

“ก็บอกแล้วไงว่า ‘เขา’ สำคัญกับฉันมาก”

“สำคัญมากกว่าชีวิตแกอีกหรือ”

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง แต่ช่างเถอะ อธิบายไปแกก็คงไม่เก็ตอีกตามเคย เอาเป็นว่าโทร. มาวันนี้มีเรื่องอะไร แกโทร. มาทีไรมีแต่ข่าวร้ายทุกที” วันเวลาถามต่อ เดาว่าเพื่อนคงมีเรื่องสำคัญ มิเช่นนั้นกังสดาลคงไม่กระหน่ำโทร. มาเช่นนี้ ซึ่งก็จริงเสียด้วย เมื่อเพื่อนเฉลยธุระที่ว่า

“หนนี้ข่าวดี เรื่องพี่เจมส์ของแกไง ฉันจะโทร. มาบอกว่าเขาโผล่หน้าออกมาแล้วนะ”

“ฮ้า! ว่าไงนะ!”

พอได้ยินอย่างนั้น วันเวลาก็ตกใจมาก เจมส์หรือชื่อจริงคือนายเจนจบ คืออดีตแฟนหนุ่มตัวแสบของเธอเอง หลังจากหลอกเอาเงินเก็บทั้งหมดของเธอไปเป็นสินสอดสู่ขอผู้หญิงใหม่โดยอ้างว่าจะนำเงินไปลงทุนในธุรกิจร่วมกับเธอ เขาก็หายหัวไปเลย ทั้งย้ายที่อยู่และเปลี่ยนเบอร์ติดต่อ แม้วันเวลาจะพยายามตามหาตัวเขาอย่างไรก็ไม่พบ คาดว่าเขาคงหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศกับสาวคนนั้นแล้ว วันเวลาก็ถอดใจ คิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสพบกับอดีตแฟนหนุ่มอีก แต่จู่ๆ วันนี้เธอก็ได้รับการแจ้งข่าวจากกังสดาลว่าเจนจบกลับมาที่กรุงเทพฯ ในรอบหลายเดือนเสียอย่างนั้น งานนี้โชคคงหล่นทับเธอแล้วสินะ

“เรื่องจริงใช่ไหม เขากลับมาแล้วหรือ แกไม่ได้หลอกให้ฉันดีใจเล่นนะ!”

“หลอกบ้าอะไร ก็ฉันเห็นกับตาอยู่ทนโท่เนี่ย!” กังสดาลตอบแบบลนๆ พลางแอบชำเลืองไปยังคู่หนุ่มสาวที่กำลังเดินทักทายผู้คนอยู่ในงานเลี้ยงแบบค็อกเทล แม้จะเห็นจากระยะไกลๆ แต่เธอก็จำหน้าอดีตแฟนหนุ่มของเพื่อนสนิทได้ จึงต้องรีบต่อสายหาวันเวลาเพื่อแจ้งข่าว “นั่นพี่เจมส์ของแก ไม่ผิดตัวแน่ เขากับภรรยาควงคู่กันมาออกงานด้วยละ”

“งานอะไร นี่แกอยู่ที่ไหน”

“อยู่ที่งานปาร์ตีศิษย์เก่า โหย จุดไต้ตำตอจริงๆ อะแก ภรรยาของเขาชื่อแก้ม เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนเดียวกับฉันตอนเรียนไฮสกูลที่อังกฤษเลย ฉันแอบไปถามๆ เพื่อนในงานมา เห็นว่านางกลับไทยเพื่อมาร่วมงานแต่งงานของญาติอะไรนี่แหละ แล้วจะบินกลับอังกฤษในวันพรุ่งนี้เลย เย็นนี้ก็เลยถือโอกาสควงสามีแวะมาสังสรรค์กับเพื่อนเก่าหน่อยละมั้ง แต่ก็นะ เล่นทำฉันตกใจหมด ใครจะไปคิดว่าจะเจอแฟนเก่าแกในสถานที่แบบนี้กันวะ”

“ฉันสิต้องตกใจกว่าแกไหม” วันเวลาพูดไปก็กัดฟันกรอดๆ ไป “แล้วนี่พี่เจมส์เห็นแกหรือเปล่า อย่าไปโผล่ให้เขาเห็นเชียวนะ เดี๋ยวไก่ตื่นพอดี”

“แหม หน้าฉันก็ไม่ได้มีคำว่าโง่แปะอยู่ปะแก ฉันรู้น่าว่าต้องทำยังไง ฉันคอยซุ่มอยู่ห่างๆ นี่แหละ ว่าแต่รู้แบบนี้แล้ว แกจะเอาไงต่อฮึ ยายวิว”

“ถามมาได้ ฉันก็จะบุกไปที่งานน่ะสิ แค้นนี้ต้องชำระ!”

“ฮ้า! เอาจริงดิ!”

“จริงสิ แกก็รู้นี่ว่าคนอย่างฉันไม่เคยล้อเล่น เพราะพี่เจมส์คนเดียวที่เป็นต้นเหตุทำให้ฉันเสีย ‘เขา’ ไป อย่าหวังว่าฉันจะยกโทษให้ง่ายๆ งานจัดที่ไหน ส่งโลเกชันมาเดี๋ยวนี้ ฉันจะรีบบึ่งไป ขับรถแค่สองชั่วโมงก็ถึงแล้ว ถ้าโชคดีก็คงไปทันก่อนสองสามีภรรยานั่นกลับหรือปาร์ตีเลิก”

“เรื่องทันน่ะทันแน่ ทางผู้จัดเขาเตรียมกิจกรรมให้ทำเยอะ กว่าจะเลิกก็คงดึกๆ แถมฉันยังได้ข่าวมาว่าคุณแก้มเป็นนักกิจกรรมตัวยง ยังไงก็คงอยู่ร่วมสนุกจนงานเลิกนั่นละ แต่ที่ฉันห่วงไม่ใช่เรื่องนี้สักหน่อย”

“เออ งั้นก็ไม่เป็นไรหรอก แกจะห่วงอะไรก็ค่อยห่วงทีหลังเถอะ รีบส่งโลเกชันมาก่อน ฉันร้อนใจอยากจะไปหยุมหัวอีพี่เจมส์แล้วเนี่ย!” หญิงสาวเร่งเพื่อน และเมื่ออีกฝ่ายส่งโลเกชันให้ทางข้อความแล้ว เธอก็กล่าวขอบคุณ กล่าวเป็นทำนองว่าจะไปพบกังสดาลที่งาน และวางสายไปทันที ไม่ได้สนใจเลยว่าเพื่อนที่เธอคาดหวังจะไปพบที่งานนั้นจะต้องรีบกลับไปขึ้นเวรไนต์ และจำเป็นต้องออกจากงานเลี้ยงเพื่อไปโรงพยาบาล เพราะหาใครแลกเวรด้วยไม่ได้

พยาบาลสาวหลบออกจากงานเลี้ยงแบบเงียบๆ ขณะขับรถกลับไปยังโรงพยาบาล ก็ยังพยายามต่อสายหาวันเวลาไปด้วย แต่เจ้าหล่อนก็ไม่ยอมรับสาย คาดว่าคงมัวยุ่งกับการเหยียบคันเร่งจนมิดเพื่อเข้ากรุงเทพฯ สุดท้ายเธอก็เลยไม่มีโอกาสบอกเรื่องที่เป็นห่วงแก่เพื่อนด้วยปากแบบที่ตั้งใจ ต้องใช้วิธีฝากข้อความไว้แทน

จะบุกมางานเลี้ยงน่ะไม่ว่า แต่ปัญหาก็คือวันเวลาจะเข้ามาในงานที่เข้มงวดเรื่องความเป็นส่วนตัวขนาดนี้ได้อย่างไร เพราะงานนี้สงวนให้ศิษย์เก่าหรือแขกที่ศิษย์เก่าเชิญอีกหนึ่งรายเท่านั้น และโชคร้ายตรงที่ว่ากังสดาลเองก็ใช้สิทธิ์เชิญแขกที่ว่าไปแล้วด้วย เธอไม่รู้ล่วงหน้าว่าเพื่อนจะอยากมางานเลี้ยงแบบกะทันหัน ก่อนหน้านี้จึงได้ให้บัตรเชิญกับเพื่อนพยาบาลที่ทำงานด้วยกันไป ทีนี้ปัญหาก็เลยตามมาว่า วันเวลาจะสามารถเข้าไปในงานโดยไร้บัตรเชิญได้อย่างไร

กังสดาลถอนหายใจแบบกังวล เธอก็อยากอวยพรให้เพื่อนโชคดี แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว เธอไม่เห็นหนทางเลยจริงๆ ดูท่าเพื่อนผู้น่าสงสารของเธอคงต้อง ‘อกหัก’ ซ้ำสองอีกแล้วกระมัง

ฝ่ายที่กำลังถูกเพื่อนมองว่าอาจต้อง ‘อกหัก’ ซ้ำสอง ก็กำลังมุ่งหน้าจากพัทยากลับเข้ากรุงเทพฯ ด้วยความเร็วปานเหาะ โชคดีที่วันนี้การจราจรไม่ติดขัดและโรงแรมที่จัดงานเลี้ยงก็ไม่ได้อยู่ไกลคนละฟากฝั่ง แม้จะมืดไปหน่อยก็ตาม แต่หญิงสาวก็เดินทางมาถึงสถานที่จัดงานซึ่งอยู่บริเวณสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่ของโรงแรมได้ทันก่อนงานเลิก

วันเวลาจอดรถซิตีคาร์สีแดงของตนที่อาคารจอด ก่อนจะแจ้นไปยังทางเข้างาน แค่มองเข้าไปก็เห็นถึงความแปลกแยกระหว่างตัวเธอกับแขกในงานแล้ว เพราะคนส่วนใหญ่ในงานล้วนแต่งกายหรูหราและเป็นทางการ หากเป็นชายก็จะสวมสูท หากเป็นหญิงก็จะสวมชุดสุภาพหรือชุดราตรี แต่ช่างเถอะ เธอเองก็ไม่ได้จะอยากมาเป็นส่วนหนึ่งของแวดวงนักเรียนอังกฤษอยู่แล้ว เธอแค่อยากมาคิดบัญชีอดีตแฟนเก่าต่างหาก คิดได้อย่างนั้นวันเวลาจึงขยับหมวกแก๊ปบนศีรษะแล้วเดินเชิดหน้าเข้าไปในงานแบบไม่หวาดหวั่นอะไรทั้งนั้น แต่หนทางไม่ง่าย เพราะที่ทางเข้างานมีการ์ดตัวโตคอยรักษาความปลอดภัยอยู่สองคน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวกำลังจะเดินดุ่มๆ เข้าไป การ์ดก็กันตัวเธอไว้ 

“เข้างานได้เฉพาะผู้ที่มีบัตรเชิญเท่านั้นนะครับ” การ์ดพูดพลางมองสำรวจผู้มาใหม่ตั้งแต่หัวจดเท้า เห็นได้ชัดว่าไม่วางใจในท่าทางและการแต่งกายที่ไม่เข้าพวกของเธอ “ถ้าจะเข้าไป ขอดูบัตรเชิญก่อนครับ”

พอได้ยินเรื่องบัตรเชิญ วันเวลาก็รีบต่อสายหากังสดาลเพื่อถามเรื่องนี้ แต่เพื่อนก็ไม่รับสาย เธอจึงต้องเปลี่ยนมาอ่านข้อความที่เพื่อนฝากไว้แทน จึงทราบว่ากังสดาลไม่อยู่ในงาน แต่กลับไปเข้าเวรที่โรงพยาบาลแล้ว ปัญหาก็คือหล่อนไม่มีบัตรเชิญเหลือไว้ให้อีกต่างหาก สุดท้ายวันเวลาเลยไม่รู้จะทำอย่างไร นอกจากยอมรับกับการ์ดตรงๆ 

“ฉันไม่มีบัตรเชิญหรอกค่ะ แต่ขอเข้าไปแค่แป๊บเดียวได้ไหมคะ”

“ถ้าไม่มี ก็เข้าไม่ได้ ขอโทษด้วยครับ” พูดเสร็จ การ์ดก็โบกมือไล่ แต่มีหรือที่คนถูกไล่จะยอม เธออุตส่าห์ลากสังขารมาถึงขนาดนี้แล้ว อีกไม่กี่ก้าวก็จะได้พบโจทก์เก่าแล้วแท้ๆ เธอไม่ยอมกลับไปมือเปล่าเด็ดขาด

“หยวนๆ ให้กันหน่อยไม่ได้หรือคะ ฉันไม่ได้อยากจะมาร่วมงานอะไรนี่เลย แค่มีธุระกับแขกในงานเท่านั้นเอง นะคะ...ฉันเข้าใจว่าพวกคุณกำลังทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ฉันรอวันนี้มานานแล้ว มันสำคัญต่อฉันมากจริงๆ ขอเวลาแค่ไม่นานแล้วฉันจะรีบออกมาเลย” วันเวลาอ้อนวอน ยกมือไหว้ปลกๆ แต่ต่อให้พยายามโน้มน้าวอย่างไร พวกการ์ดก็ไม่คล้อยตาม หนักข้อถึงขนาดมาผลักเธอออกไป เพราะสาวเจ้าไม่ยอมแพ้ยังดึงดันจะเข้างานให้ได้

“เอ๊! คุณนี่ยังไงกัน อย่ามาก่อความวุ่นวายที่นี่นะ บอกว่าเข้าไม่ได้ก็คือไม่ได้ พูดไม่รู้เรื่องเรอะ!”

ร่างน้อยเซซัดตามแรงผลักและล้มลงบนพื้น อาการเจ็บทางกายนั้นไม่เท่าไร แต่เจ็บทางใจนี่สิหนักกว่า พอถูกกระทำเช่นนั้น วันเวลาก็เลยหมดอารมณ์ที่จะญาติดีด้วย เธอถลาไปหาการ์ดอย่างไม่เกรงกลัว จนเสียงทะเลาะกันของทั้งสองฝ่ายดังไปถึงผู้คนในงานเลี้ยง แขกหลายคนถึงกับออกมาชะเง้อชะแง้ดูว่าเกิดอะไรขึ้น

“พวกนักเรียนอังกฤษเขาไปจ้างการ์ดอย่างพวกคุณมาจากไหน ถึงได้ป่าเถื่อนหลงยุคขนาดนี้ ทำร้ายผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้ น่าภูมิใจตายละ!”

“ช่วยไม่ได้ ถ้าผู้หญิงมันวอนหาเรื่องดีนัก ก็สมควรโดนเสียบ้าง แบบนี้ไง!” การ์ดตอกกลับอย่างโมโหไม่แพ้กัน ตั้งท่าเงื้อไม้กระบองขึ้นอย่างกับหวังว่าจะหวดหญิงสาวให้หน้าหัน แต่ยังไม่ทันได้ทำเช่นนั้น ใครบางคนก็เข้ามาหยุดเหตุการณ์นี้ไว้ก่อน

“พอได้แล้ว ผู้หญิงคนนี้มากับผม!”

เจ้าของเสียงห้ามมวยเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ กะด้วยตาน่าจะสูงราวๆ หนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตร เขาสวมสูทสีดำดูเป็นทางการ ดวงตาสีเหล็กภายใต้เรือนผมหยักศกยาวระต้นคออย่างหนุ่มมาดเซอร์กำลังวาวขึ้นในแสงสลัว คล้ายทนไม่ไหวกับเสียงที่ดังเอะอะมาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว

“อาจารย์” พอชายผู้มาใหม่ปรากฏตัว พวกการ์ดก็เพลาท่าที รีบเก็บอาวุธกันใหญ่ ทว่ายังไม่วายถามให้แน่ใจ “ผู้หญิงคนนี้เป็นแขกของอาจารย์หรือครับ”

“ใช่ เธอเป็นแขกของผม” คนถูกเรียกว่าอาจารย์พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนยื่นบัตรเชิญใบหนึ่งที่ตนพกมาด้วยให้การ์ด โดยไม่แม้แต่จะยิ้ม “ผมเป็นคนเชิญเธอมาเอง ทีนี้จบเรื่องได้แล้วนะ ให้เธอเข้ามาในงานครับ” 

พอได้รับการยืนยันว่าวันเวลาเป็นแขกของใคร พวกการ์ดก็ยอมปล่อยให้เธอได้เข้ามาในงานเลี้ยงแบบไม่ค่อยเต็มใจ เพราะยังมีสายตาอาฆาตมองตามไล่หลัง แต่ใครสนล่ะ เพราะตอนนี้เธอลิงโลดแทบตายที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคมาได้ หญิงสาวกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามชายหนุ่มคนนั้นเข้าไปในงานเลี้ยง เมื่อครู่เธอมัวแต่ตั้งรับกับพวกการ์ด เลยไม่ทันเขม้นมองหรือสนใจผู้มีน้ำใจคนเมื่อครู่นัก แต่ครั้นได้สติ เธอก็รีบตามเขาไปเพื่อจะขอบคุณตามมารยาท 

“คุณคะ คุณ เดี๋ยวก่อน!”

 หญิงสาวแน่ใจว่าอีกฝ่ายได้ยินเสียงเรียกของเธอ แต่ดูเหมือนเขาจะจงใจเมินเสียงเรียกของเธอ   เลยลำบากคนขาสั้นเป็นหมาคอร์กี้อย่างวันเวลาที่ต้องเร่งฝีเท้าเป็นสองเท่าเพื่อก้าวตามคนตัวสูงให้ทัน และในที่สุดเธอก็ทำสำเร็จ ต่อให้นั่นจะต้องแลกด้วยอาการหอบหายใจก็ตาม

“เดี๋ยวสิคะ จะรีบไปไหน” หญิงสาวยื่นมือไปรั้งชายเสื้อสูทของเขาไว้ ทั้งๆ ที่ยังหอบหายใจแรง “ฉันยังไม่ได้ขอบคุณที่คุณช่วยฉันไว้เมื่อกี้เลย ฉันไม่รู้ว่าคุณช่วยฉันทำไม แต่ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณ ฉันคงแย่”   

 ชายคนนั้นไม่ได้หันมามองเธอด้วยซ้ำ พริบตาหนึ่งที่เธอคิดไปเองว่าเขาอาจจะหันหลังให้เธออย่างนั้นและเดินจากไปเลย ทว่าวันเวลาคิดผิด เพราะท้ายที่สุดผู้มีน้ำใจก็หันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับเธอ พร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ถูกระบายออกมาอย่างเบื่อหน่าย

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พี่ไม่ได้ทำเพราะอยากช่วย พี่แค่ทำเพื่อตัดปัญหา ไม่อยากให้งานปาร์ตีที่กำลังสนุกต้องเสียบรรยากาศ เพราะเธอก่อเรื่องไม่เป็นเรื่องต่างหาก วิว”

วันเวลาอ้าปากค้าง ยามที่เห็นหน้า เธอก็จำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แม้ใบหน้าหล่อเหลาที่มีไรเคราเขียวจางๆ แบบติดความดิบนิดๆ จะดูโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่เธอเคยเห็น แต่เธอก็จำเขาได้ไม่ลืม จะลืมได้อย่างไรในเมื่อผู้ชายเบ้าหน้าฟ้าประทานคนนี้เคยทำให้หัวใจเธอเต้นโครมครามจนเก็บทรงไม่อยู่ในวัยแรกรุ่น

บ้าน่า! นี่ตรัยคุณ อดีตรักแรกของเธอไม่ใช่เรอะ!

“พี่คุณ!”

ก็ไม่รู้ทำไม โลกจึงต้องเหวี่ยงหนุ่มที่เธอเคยแอบปิ๊งมาให้เจอกันในเวลานี้ด้วย ตรัยคุณเป็นพี่ชายข้างบ้านในละแวกที่เธอเคยอาศัย เขาเป็นหนุ่มสุดฮอตเลยเป็นที่หมายปองของสาวๆ ในพื้นที่ เธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่ติดอยู่ตรงที่ว่านอกจากเขาจะไม่รับความรู้สึกของเธอแล้ว เขายังรังเกียจเธอยังกับกิ้งกือ ไส้เดือนอีกด้วย 

อันที่จริงเธอก็เข้าใจเหตุผลว่าทำไมเขาถึงรังเกียจเธอ แต่เธอก็หวังลึกๆ ว่าความเกลียดนั้นจะเบาบางลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่ตรัยคุณได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า กาลเวลาไม่ช่วยอะไร เห็นได้จากสีหน้าท่าทางที่เขาแสดงออกมาตลอดการสนทนา เรียกว่าแสดงออกชัดเจนเลยว่าไม่อยากสุงสิงกับเธอเท่าไร ต่อให้บทสนทนาที่หญิงสาวเริ่ม จะเป็นเพียงการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบตามประสาคนไม่เจอกันนานก็ตาม 

ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าตรัยคุณได้ทุนไปเรียนต่อที่อังกฤษจนจบปริญญาเอกด้านจิตวิทยา นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขามาร่วมงานเลี้ยงศิษย์เก่าวันนี้ แต่เธอสิ ตอบได้ยากว่าเธอมาร่วมงานทำไม เธอมีเหตุผลของตนเอง แต่โชคร้ายที่เมื่อตรัยคุณได้ฟังเหตุผลนั้นแล้ว เขาก็ยิ่งมองเธออย่างรังเกียจมากขึ้นอีก คงรู้สึกเสียใจที่ปล่อยให้วันเวลาเข้างานมาได้

“สรุปว่าที่อยากจะเข้ามางานให้ได้ ก็เพื่อมาหาเรื่องแฟนเก่าแค่นั้นหรือ”

หญิงสาวหน้าตึงกับคำว่า ‘แค่นั้น’ 

“วิวไม่ได้มาหาเรื่อง พี่เจมส์ทำลายชีวิตของวิว วิวแค่ต้องการให้เขาชดใช้กับสิ่งที่ทำลงไป!”

“จำเป็นขนาดนั้นเลยหรือไง”

“จำเป็นสิ วิวรอโอกาสนี้มาตั้งนาน!”

“โอกาสอะไร โอกาสที่จะได้แก้แค้นแฟนเก่าที่ทิ้งตัวเองไปงั้นหรือ เลิกทำอะไรน่าสงสารแบบนี้ได้แล้ว วิว” ตรัยคุณว่าใส่พลางถอนหายใจอย่างเอือมระอา “ผู้ชายคนนั้นแต่งงานไปแล้ว ภรรยาเขาก็ยืนอยู่ตรงนั้นทนโท่ ไปแก้แค้นเขาให้มันได้อะไรขึ้นมา ต่อให้ทำไป ก็ใช่ว่าเขาจะกลับมาหาเธอสักหน่อย อะไรที่มันมากไปก็ไม่ดีนะ อย่าให้คำว่าน่าสงสารกลายเป็นน่าสมเพชสิ”

วันเวลารู้สึกถึงความโกรธที่ตีรวนขึ้นมาในอก เธอกำลังจะอ้าปากเถียงว่ามันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด เพราะเธอไม่ได้ต้องการอดีตแฟนห่วยๆ กลับมา แต่ต้องการแฉความชั่วที่เขาหลอกเอาเงินเธอไป จนเป็นต้นเหตุให้เธอสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดไปต่างหาก ทว่ายังไม่ทันได้อธิบาย ตรัยคุณก็ไหวไหล่เป็นเชิงบอกว่าเขาฟังพอแล้วสำหรับเรื่องนี้

“ก็แล้วแต่ละกัน โตๆ กันแล้ว ถ้าแค่นี้คิดไม่เป็น อยากจะไปร้องแรกแหกกระเชอยังไงก็ตามใจ แต่อย่าให้เอิกเกริกนัก มันรบกวนคนอื่นเขา อ้อ อีกอย่างหนึ่งถ้าเสร็จธุระแล้ว รบกวนออกไปจากงานด้วยนะ เพราะต่อให้อยู่ราวีจนงานพังกันไปข้าง ก็ไม่ทำให้เขาเปลี่ยนใจกลับมาหาหรอก เพราะคงไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงไม่มีศักดิ์ศรีแบบนี้” ตรัยคุณตบท้ายอย่างใจร้าย และนั่นละคือฟางเส้นสุดท้ายของคนถูกตำหนิด้วย

“ถ้ายังไม่รู้เรื่องดีพอ ก็อย่าพูดค่ะ!” หญิงสาวโกรธจัดจนหน้าแดงก่ำ เธอคว้าแก้วแชมเปญที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ สาดใส่หน้าของคู่สนทนาทันที ท่ามกลางสายตาของแขกเหรื่อในบริเวณนั้นที่พากันตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก วินาทีที่ดอกเตอร์หนุ่มถูกเครื่องดื่มสาดใส่ใบหน้าจนเปียกโชก เขาก็คว้าข้อมือเธอไว้ ก่อนจะกระชากร่างเล็กเข้าหาอย่างแรง วันเวลาสู้กลับ ด้วยการใช้มือยันแผ่นอกของเขาค้างไว้ เธอมองเห็นความไม่พอใจปะทุในดวงตาสีเหล็กของตรัยคุณ ทว่านั่นไม่ใช่สิ่งเดียวที่เธอเห็น ทันทีที่นิ้วมือของเธอสัมผัสกับแผ่นอกกว้าง เธอกลับมองเห็นภาพบางอย่างสอดแทรกขึ้นมาในความคิดด้วย

เกิดอะไรขึ้นก็ไม่ทราบ แต่ภาพที่เธอไม่เคยมองเห็นเลยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา จนคิดว่าอาจจะสูญเสียมันไปแล้วตลอดกาล บัดนี้มันกลับปรากฏขึ้นมาดื้อๆ ราวกับธารน้ำที่พรั่งพรู เธอมองเห็นเหตุการณ์บางอย่าง เหตุการณ์ที่มีตรัยคุณเป็นผู้ดำเนินเรื่องหลักนั่นน่ะ

“ขอบคุณที่กล้าสอนวิว แต่วิวขออนุญาตพูดได้ไหม ก่อนจะสั่งสอนคนอื่น ส่องกระจกแล้วสอนตัวเองหรือยังคะ พี่คุณ” วันเวลาจ้องสบตาคมกล้าอย่างไม่เกรงกลัว “ผู้หญิงเขาไม่เอาแล้ว ยังจะไปตามตื๊อให้เขารำคาญอยู่ได้  วิวว่าคนที่ไร้ศักดิ์ศรีที่สุดไม่ใช่วิวหรอก แต่เป็นตัวพี่คุณเองต่างหาก”

ตรัยคุณอึ้ง สีหน้าเปลี่ยนไป 

“ว่าไงนะ นี่เธอ...พูดเรื่องอะไร”

“รู้อยู่แก่ใจไม่ใช่หรือว่าวิวพูดถึงอะไร ‘แอลลี่ ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ อย่าไปเลยนะ ได้โปรด’ ” วันเวลาสวมบทโศก ซึ่งก็คงเป็นบทโศกที่ชายหนุ่มเคยเล่นมาก่อนเป็นแน่ เห็นได้จากสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเขา “แหม อุตส่าห์ลงทุนคุกเข่าอ้อนวอนแทบเป็นแทบตาย ก็ยังโดนสาวเจ้าเฉดหัวทิ้งอยู่ดี ต่อให้ขอร้องยังไง เธอก็ไม่กลับมาหาพี่หรอก พูดตรงๆ นะ พี่คุณเหมาะกับคำว่าน่าสมเพชมากกว่าวิวเยอะ!” วันเวลายิ้มยั่ว ก่อนจะสะบัดข้อมืออย่างแรงเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ แล้วเดินจากมาแบบไม่สนใจว่าตรัยคุณจะคิดอย่างไร 

หญิงสาวเดินแหวกผู้คนที่พากันซุบซิบนินทาแบบไม่ยี่หระ เพื่อไปค้นหาเจนจบต่อ ในระหว่างที่เดินห่างออกมา เธอก็ก้มลงมองมือตนเองไปด้วย แม้ภายนอกมันยังดูเหมือนเดิม แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้เธอรู้ว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะมือคู่นี้ไม่ได้ว่างเปล่า หรือคว้าน้ำเหลวอีกต่อไป 

แปลกมาก...ไม่รู้ว่ามันกลับมาได้อย่างไร แต่ก็ดีแล้วละ

ถึงจะดีใจอย่างไร วันเวลาก็พยายามเก็บความรู้สึกไว้ก่อน เพราะรู้ว่าตนยังมีภารกิจที่จะต้องค้นหาเจนจบ ซึ่งหาอยู่ไม่นานก็พบ เจนจบกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาหยุดหอมแก้มหญิงสาวคนหนึ่งที่น่าจะเป็นภรรยาของเขา   แล้วทั้งคู่ก็พากันเดินไปคุยกับแขกผู้ใหญ่กลุ่มหนึ่ง

คนมีไฟแค้นสุมทรวงเตรียมจะปรี่ไปหาโจทก์เก่า แต่ยังไม่ทันได้ไปถึง ข้อแขนของเธอก็ถูกกระชากอีกรอบ ก่อนที่ร่างบางจะถูกผลักไปตรึงติดกับต้นไม้ใหญ่ในมุมอับสายตาผู้คน 

“พี่คุณ!” วันเวลาร้องอย่างตกใจ คาดไม่ถึงว่าตรัยคุณจะไม่ยอมแพ้และตามเธอมาอีก “ทำอะไรคะ ปล่อยวิวนะ!”

แต่ดอกเตอร์หนุ่มไม่ยอมปล่อย เขาเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ จนปลายจมูกโด่งแทบจะแตะกับผิวแก้มของเธอ เห็นได้ชัดว่าไม่อาจทำใจเย็นได้อีกต่อไป

“บอกพี่มา เธอรู้เรื่องนั้นได้ยังไง!”

“อ้อ เรื่องที่วิวพูดเมื่อกี้สินะ ทำไมล่ะ วิวไม่ควรรู้หรือคะ อายหรือไง” 

“อย่ายั่วพี่ วิว” ตรัยคุณเค้นเสียงลอดไรฟัน “ยิ่งกว่าไม่ควรรู้ก็คือไม่มีใครรู้เรื่องนี้ทั้งนั้น แอลลี่ไม่มีวันบอกใคร แล้วเธอรู้เรื่องนี้มาจากไหน ทำไม...” ดวงตาสีเหล็กของชายหนุ่มไหววูบ ไม่รู้ว่าอย่างไหนมีมากกว่ากันระหว่างความโกรธกับความหวาดกลัวในสิ่งที่ตนไม่รู้ “ทำไมเธอถึงรู้เรื่องที่ไม่มีทางที่ใครจะรู้ได้ รู้ละเอียดทุกคำพูด รู้ทุกการกระทำเหมือนไปยืนอยู่ตรงนั้นด้วย ทำได้ยังไง ตอบพี่มาสิ!”

ชายหนุ่มบีบที่ต้นแขนเล็กบางอย่างแรงเพื่อขอคำตอบ แต่แทนที่จะตกใจกลัว วันเวลากลับยิ่งสนุกที่เป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า เธอยิ้มหวาน เป็นความหวานที่ซ่อนเล่ห์น่าดู

ถ้าถามว่าทำไมเธอถึงรู้เรื่องลับๆ ของคนอื่นได้น่ะหรือ งานนี้ก็คงต้องเล่ากันยาว!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น