10

บทที่ 10


 10

 

            พิราอรมองผ่านผนังกระจกบานใหญ่ลงไปยังห้องโถงเบื้องล่างของผับ ชินดนัยอยู่ตรงมุมมืด หากไม่สังเกตจะไม่มีใครเห็น ทว่าเธออยู่ในห้องทำงานชั้นบนที่ออกแบบมาให้สามารถมองเห็นทุกอย่างจึงเห็นเขาในทุกอิริยาบถ ต้องยอมรับกับตัวเองว่าสายตาของเธอเลือกมองเฉพาะเจาะจงไปที่เขา เหมือนเช่นที่เคยแอบมองมาตลอดสองคืน

            ชินดนัยคนเดิม นั่งดื่มมุมเดิม จะมีเปลี่ยนไปก็แค่ผู้หญิงที่เขากำลังซุกหน้าคลุกเคล้าซอกคอระหงของเจ้าหล่อน รอยยิ้มเย้ายวนมั่นใจในเสน่ห์ของหญิงสาวในชุดเกาะอกสีแดงเพลิงเป็นเหมือนมีดกรีดหัวใจเธอ เขาเงยหน้ากระซิบอะไรบางอย่างกับเจ้าหล่อน พิราอรก็ได้เห็นว่าศีรษะของผู้หญิงคนนั้นเอนเอียงบดบังใบหน้าของเขา

            คนแอบส่องระยะไกลรู้แก่ใจดี นี่ไม่ใช่การแสดง ไม่จำเป็นต้องใช้มุมกล้อง เมื่อความรักมันสุกงอมก็ต้องเก็บเกี่ยวความหวานให้แช่มชื่น ฝ่ามือของชินดนัยประคองศีรษะได้รูปให้แหงนเงยในองศาที่เหมาะสม

            หัวใจของพิราอรชาหนึบ แม้ไม่เคยคาดหวังอะไรกับผู้ชายคนนั้น แต่เธอกลับรู้สึกผิดหวังและสิ้นหวัง ต่อให้ไร้เดียงสาแค่ไหนก็ต้องรู้ว่าทั้งคู่กำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม สองมือข้างกายของเธอกำเข้าหากันแน่น เนื้อตัวสั่นด้วยอารมณ์ที่อยากจะลงไปกระชากให้พวกเขาแยกออกจากกัน

            แต่เพื่ออะไรเล่า เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน ไอ้ที่กอด จูบ ก่อนหน้านั้นสำหรับชินดนัยมันก็คงเป็นเพียงแค่กิจกรรมอย่างหนึ่งที่ไม่พิเศษอะไร ไม่มีความหวั่นไหวและไม่ผูกพัน

            ตั้งแต่วันที่เขาให้เธอขับรถมาผับเอง ชินดนัยกลับมาเป็นหนุ่มโสดเนื้อหอม โปรยเสน่ห์ร่อนไปทั่วผับ ไม่ว่าจะขยับเดินไปทางไหนก็มีแต่สาวๆ มองตามตาปรอย คอยหยิบยื่นไมตรีให้ ก่อนหน้านั้นการมีเธออยู่ข้างกายคงทำให้เขาลำบากอยู่เหมือนกัน

            ชินดนัยเป็นชายโสดทรงเสน่ห์ มีสิทธิ์กอดจูบกับใครก็ได้ เขาทำมันออกบ่อย เพียงแค่เธอไม่เคยเห็นเต็มตาเหมือนอย่างกับช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ เขากล้าทำมันอย่างเปิดเผย ไม่แคร์สายตาใคร ตัวอันตรายกลับมาแผลงฤทธิ์แล้วสินะ คืนวานเป็นสาวลูกครึ่ง คืนก่อนเป็นสาวหวาน แต่พอเข้ามุมอับเจ้าหล่อนก็กลายร่างเป็นสาวร้อนแรงตอบโต้เขาอย่างถึงพริกถึงขิง

            ส่วนคืนนี้เหยื่อสาวของเขาเป็นสาวเปรี้ยวจี๊ดในชุดเกาะอกสีแดงเพลิง กระโปรงของเจ้าหล่อนผ่าสูงขึ้น อวดขาเรียวขาวยาวได้รูป ดูเป็นคนที่มั่นใจในตนเองเอามากๆ และมีเค้าว่าจะร้อนแรงยิ่งกว่าสองสาวที่ผ่านมา สามคืนสามคนจะต้องเป็นผู้ชายชนิดไหนกันล่ะถึงได้เปลี่ยนหญิงสาวราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างนี้

            ส่วนพิราอร...กลายเป็นแม่ชีที่ถูกส่งให้ขึ้นมาจำศีลข้างบนนี้ เพื่อจะได้ไม่ต้องอยู่เกะกะรำคาญตาขัดขวางทางรัก หญิงสาวถอนสายตาจากภาพไม่น่าดูนั้น หันหลังยืนพิงผนังกระจก หลับตานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะรวบรวมความเข้มแข็งควบคุมอารมณ์ตัวเองให้นิ่ง กลับไปนั่งกุมขมับที่โต๊ะทำงาน สกัดความฟุ้งซ่านสับสนของตัวเอง อย่างไรมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ก็เธอเองไม่ใช่รึไงที่ผลักไสให้เขาไปทำธุระส่วนตัว ชินดนัยช่างว่าง่ายเสียจริง แถมยังทำได้ดีเกินที่เธอคาดไว้อีกต่างหาก

            พิราอรซบหน้ากับฝ่ามือตนเอง เพิ่งรู้ว่าเธอสนใจผู้ชายร้ายกาจคนนั้น การที่เธอรู้สึกหวั่นไหว เจ็บปวด หรือแม้แต่เกลียดชังก็แสดงว่าเธอไม่ได้ด้านชากับผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่เธอรู้ดีว่าจะไม่หยุดแค่เธอเพียงคนเดียว ที่ผ่านมาเธอก็คงมีความหมายไม่ต่างจากผู้หญิงพวกนั้น เป็นแค่ของเล่นของเขา ถ้าไม่อยากเสียใจก็ต้องคิดให้เหมือนเขา แต่เธอกลับทำไม่ได้

            หญิงสาวต่อสู้กับความรู้สึกสับสนอย่างหนัก เธอไม่อยากให้เขาเข้าใกล้เพราะกลัวว่าต้องเสียใจ แต่ก็ไม่อยากให้เขาไปอยู่ใกล้ใคร เพราะเห็นทีไรในใจก็เจ็บแปลบทุกครั้ง

            ชินดนัยไม่ใช่คนที่ใครจะบงการได้ง่ายๆ เธอรู้ว่าเขาต้องการสิ่งใด และเมื่อไม่ได้จากเธอ เขาก็ต้องไปหาจากที่อื่นทดแทน หากต้องการหยุดเขา ก็ต้องเสี่ยงกับการสูญเสียที่จะไม่ได้อะไรกลับคืนมา เธอกล้าเสี่ยงเหรอ ดูอย่างตอนนี้เป็นไง คนที่ต้องกลัดกลุ้มหาใช่ใครที่ไหน ก็เป็นเธอแค่คนเดียว

            เรื่องของความต้องการมันห้ามกันไม่ได้ เขาเป็นผู้ชาย เรื่องแบบนี้คงเห็นว่าธรรมดา ขนาดอยู่กับเธอยังถึงเนื้อถึงตัว เผลอได้ที่ไหน ดีเท่าไรที่เธอยังมีชื่อพ่อกับน้านันท์คอยค้ำคออยู่ ชินดนัยคงไม่กล้า แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่ฉวยโอกาสทำอะไร หลายครั้งที่เธอกับเขาใกล้ชิดกันก็เป็นเขาที่ยับยั้งความต้องการเอาไว้ ไม่อยากจะคิดเลย หากเธอไม่ใช่ลูกสาวของพ่อ เขาคงหมดความอดทนและพาเธอเตลิดไปถึงไหนถึงไหนแล้ว

            พิราอรอ่อนด้อยประสบการณ์ เทียบชั้นกับเขาไม่ได้ แม้จะขัดขืน แต่สุดท้ายก็โอนอ่อนคล้อยตามไปกับการเล้าโลม เธอเผลอไผลทุกครั้งที่ถูกเขาแตะต้องสัมผัส วาบหวามปั่นป่วน ร่างกายอ่อนเปลี้ยสิ้นแรงขัดขืนจนบางครั้งลืมตัวเผลอเกาะกอดเขาด้วยซ้ำ ความใกล้ชิดหมิ่นเหม่ทำให้เธอไม่สบายใจ แม้จะเตือนตัวเองเท่าใดก็ยังพ่ายแพ้

            ชินดนัยชั้นเชิงสูง เขาควบคุมตัวเองได้ดี แต่เชื่อว่าสักวันต้องพลาด และเมื่อวันนั้นมาถึงคนที่ต้องเสียใจก็คือเธอ พิราอรไม่เคยหวั่นไหวกับชายใด แต่กับชินดนัยแล้ว เธอหนีเขาไม่ได้ พอๆ กับทำใจรักเขาไม่ลงนั่นละ

            ผู้ชายอย่างเขาจะจริงจังอะไร ก็เห็นๆ กันอยู่ แค่ผละจากเธอไปไม่กี่นาที เขาก็สามารถกอดจูบกับผู้หญิงคนอื่นได้อย่างสนิทใจ พิราอรไม่อยากยอมรับว่าเจ็บปวดกับภาพที่เห็น แต่มันก็คือความจริง หัวใจของเธอเจ็บลึก ร้าวรานอยู่ในอก รอยจูบหวานล้ำล้วนลวงหลอก เขาสร้างขึ้นมาเป็นกับดักเสน่หาล่อลวงให้เธอตกหลุมพรางไปไหนไม่รอด

            หยุดซะตอนนี้เถอะพีช อย่าผูกพันหัวใจกับผู้ชายหลายใจอย่างชินดนัยเลย ถ้าเธอหยุดเขาไม่ได้ เธอก็ต้องหยุดหัวใจตัวเองไม่ให้รู้สึกอะไรกับเขาอีก

            หญิงสาวเรียกกำลังใจให้กลับคืนมา ก่อนจะหยิบแฟ้มบัญชีประจำเดือนมาเปิดดู แต่เพราะไม่มีสมาธิ หลังจากจ้องตัวเลขคร่าวๆ แล้วคิดอะไรไม่ออก แฟ้มบัญชีในมือก็ถูกปิดดังพึ่บ พร้อมกับประตูห้องที่ถูกผลักเข้ามาโดยไม่มีการเคาะ

            ในห้องทำงานนี้มีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถเข้าออกโดยไม่ต้องเคาะ และในเมื่อพิราอรนั่งอยู่ในห้อง แน่นอนว่าคนที่เปิดประตูเข้ามาต้องเป็นชินดนัย

            “อ้าว! ยังไม่กลับอีกเหรอ”

            สีหน้าของเขาดูไม่ปกตินัก ทรงผมก็ยุ่งน้อยๆ ดวงตาที่เคยคมกล้าบัดนี้ทอประกายหวานเชื่อมด้วยฤทธิ์พิศวาส คงจะเป็นผลต่อเนื่องมาจากผู้หญิงคนนั้นกระมัง พิราอรได้แต่สงสัย ทำไมเขาถึงทิ้งเธอขึ้นมาบนนี้ ยังไม่ทันได้ถาม เสียงหวานกระเส่าของใครบางคนก็ดังแทรกเข้ามาจากทางด้านหลัง

            “ทำไมไม่เข้าไปล่ะคะ รอฉันเหรอ อุ๊ย! ห้องไม่ว่างนี่นา”

            เป็นแม่สาวชุดแดงเพลิงที่ขลุกอยู่กับชินดนัยข้างล่างคนนั้น ตอนที่เจ้าหล่อนเห็นเธอนั่งอยู่ก็ชะงัก แสร้งห่อปากทำหน้าเหมือนตกใจมาก แต่วูบเดียวริมฝีปากสีแดงสดพอๆ กับสีชุดที่สวมอยู่ก็คลี่ยิ้มเย้ายวนใจส่งมาให้เหมือนเย้ย สอดเรียวแขนคล้องแขนของชินดนัย ก่อนจะหรี่ตามองเธอราวของไร้ค่า

            พิราอรเลือดขึ้นหน้ากับสายตาเหยียดหยามของผู้หญิงคนนั้น เธอบอกห้วนๆ แล้วยืนขึ้น มองคนทั้งสองกลับไปอย่างไร้ความหมายเช่นกัน อยากทำอะไรก็เชิญเลย ช่างหัว เธอจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีกแล้ว

            “อีกเดี๋ยวห้องก็ว่างแล้วค่ะ ฉันกำลังจะกลับ”

            พอเดาออกอยู่หรอกว่าพวกเขาชวนกันขึ้นมาทำไมบนนี้ ฮึ! ยังดีที่ไม่ควงกันเข้าไปมั่วในห้องน้ำเหมือนพวกเด็กใจแตก แต่หอบหิ้วกันขึ้นมาบนนี้ก็ทุเรศไม่ต่างกันเลย พิราอรไม่พอใจที่ชินดนัยกล้าทำแบบนี้ทั้งที่เธอย้ำหลายรอบแล้วว่าผับบาบิโลนไม่ใช่โรงแรมม่านรูด!

            แม้จะย้ำกับตัวเองว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แต่มือไม้ก็ยังอดสั่นไม่ได้ ในความเกรี้ยวกราดก็มีความไม่พอใจชนิดหนึ่งปนอยู่ ถ้า...พิราอรมั่นใจว่าตัวเองมีสิทธิ์มากกว่านี้ ผู้หญิงชุดแดงคนนั้นคงไม่มีโอกาสได้ยืนเอาอกเบียดกระแซะชินดนัยเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่หรอก เธอจะตรงเข้าไปกระชากพวกเขาออกจากกัน และไล่ผู้หญิงคนนั้นไปจากผับ

            โชคดีที่สองคนนั้นยังยืนกันอยู่หน้าห้อง เธอจึงมีเวลาปรับสีหน้าและอารมณ์ให้ใกล้เคียงแม่ชีพิราอรมากที่สุด รีบหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย เดินเชิดหน้าเข้าไปหาพวกเขา กล้ำกลืนฝืนยิ้มออกมาจนได้

            “เชิญพวกคุณตามสบายเถอะค่ะ” เธอกำลังจะเดินผ่านสองหนุ่มสาวไป แต่แล้วชินดนัยก็ยื่นมือมารั้งแขนเธอเอาไว้ ดูเขาไม่สบอารมณ์สักเท่าไร

            “เดี๋ยวก่อนพีช”

            “ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ เชิญคุณทำธุระส่วนตัวให้สนุก ตามสบาย” เธอกระชากแขนกลับอย่างรังเกียจแล้วเดินลงบันไดไปชั้นล่าง

            “พีช! เดี๋ยวพีช!”

            “ฮื้อ...ปล่อยไปเถอะค่ะ หน้าตึงเป็นหนังกลองขนาดนั้น จ้างให้ก็ไม่ฟังคุณหรอก” หญิงสาวข้างกายเอ่ยขึ้นพลางเอียงหน้าซบไหล่ ไต่นิ้วบนอกกว้าง ชักชวนชายหนุ่มอย่างซุกซน “เราไปต่อกันไหม ไหนๆ ห้องก็ว่างแล้ว”

            “ตลกแล้วผิง นี่มันจะสมบทบาทเกินไปนะ” ชายหนุ่มหน้าขรึม คิ้วเข้มขมวด เดินเข้ามาในห้อง มองบานประตูที่เพิ่งปิดลงอย่างคิดไม่ตก ก่อนจะใช้มือผลักศีรษะที่ซบไหล่ออกอย่างไม่เกรงใจ

            ชายหนุ่มเข้าห้องมาอย่างหงุดหงิด จากนั้นก็เดินตรงไปยังบาร์เครื่องดื่ม จัดการเทเหล้าใส่แก้วสองใบ แล้วเอามาส่งให้หญิงสาวพลางถาม

            “พอจะสรุปอาการว่าไง”

            “ฉันว่าไม่ใช่แค่คุณที่ชอบเธอฝ่ายเดียวหรอก เธอเองก็มีใจเหมือนกัน มองฉันเหมือนอยากควักตับขนาดนั้นคงจะหึง”

            “อืม...ก็คิดว่างั้นแหละ”

            “แล้วทำไมไม่รีบตามไปล่ะ โกรธควันออกหูเลยนะนั่น”

            “อยากรู้ว่าพีกสุดๆ จะอาการเป็นยังไง” ชินดนัยตอบแล้วเดินกลับไปเติมเหล้าเพิ่มอย่างใจเย็น

            “รักเขา ชอบเขา แล้วยังจะเล่นตัวไม่เข้าท่า ความคิดผู้หญิงไม่เหมือนผู้ชายหรอกนะ มันซับซ้อนกว่าหลายชั้น ฉันขอเตือนนะชิน ถ้ายังมัวโอ้เอ้ไม่ยอมเปิดใจคุยกัน มันอาจจะสาย จากทำท่าจะรัก มันจะกลายเป็นเกลียดเอานะ แล้วดูสิ่งที่คุณเพิ่งทำกับเธอไปสิ เป็นฉันคงได้ตบล้างน้ำไปแล้ว”

            ประโยคของหญิงสาวทำให้ชินดนัยชักใจแกว่ง และเธอก็ยังตอกย้ำด้วยคำพูดที่ว่า

            “ถ้าความรู้สึกของคุณพีชชัดเจน คุณจะแกล้งยั่ว แกล้งหยอกก็อาจจะพอกอบกู้สถานการณ์ได้ แต่นี่เธอยังไม่ได้ปักใจรักคุณ แถมมาเจอคุณหิ้วฉันขึ้นมาบนห้องคาตาอย่างนี้...”

            “พอๆ เลิกพูดเขย่าประสาทผมเลยผิง จะไปไหนก็ไปเถอะ”

            “แล้วคุณล่ะ”

            “ก็รอล็อกห้องหลังจากคุณออกไปไงล่ะ แล้วก็เลิกมองผมด้วยสายตาหยาดเยิ้มนี่สักทีเถอะ ผมไม่หลงกลคุณหรอก ถ้าอยากดื่มฟรี ไปดื่มต่อข้างล่างโน่น คุณน่าจะชอบริคาร์โด บาร์เทนเดอร์ของที่นี่ เขาตรงสเปกคุณเลย” ชินดนัยดึงแก้วออกจากมือหญิงสาวแล้วลากเธอเตรียมพาออกไปนอกห้อง “แล้วผมก็ได้ยินว่าริคคิดสูตรเครื่องดื่มใหม่ๆ ได้อีกหลายแก้ว ก่อนผับปิด คุณคงอ้อนหมอนั่นจนมันยอมผสมเหล้าให้ชิมสักแก้วหรอก ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยนะ”

            “แล้วไหนค่าจ้างฉันล่ะ”

            “อย่างกน่าผิง ก็บอกแล้วว่างานช่วย”

            “ผู้หญิงทั่วไปคงอิจฉาตาร้อนคุณพีช แต่สำหรับฉัน ความรักของคุณทำให้เธอน่าสงสารชะมัด”

            “นี่มันยังน้อย เมื่อเทียบกับความอดทนอดกลั้นที่ผมมีต่อเขา ผมไม่ยอมทรมานคนเดียวหรอก ถ้าพีชยังไม่รู้ตัวว่ารักผม ความเจ็บปวดจากความคิดว่าต้องเสียผมให้คนอื่นจะบอกเขาเอง”

            พิมพาฟังแล้วก็ได้แต่ถอนใจและรู้สึกเหนื่อยไปกับความรักของเพื่อน เธอคงต้องไปหาเหล้าดื่มแก้มึนอย่างชินดนัยว่าซะแล้ว หญิงสาวลุกขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกร้อนรนจากด้านนอก เธอมองประตูอย่างสนใจ

            “คุณชินครับ คุณชิน”

            เสียงเรียกจากหน้าห้องทำให้ชายหนุ่มรีบเดินไปเปิดประตู เจอสิทธายืนสีหน้าไม่สู้ดีนัก

            “มีอะไร”

            “มีพวกขี้เมาก่อเรื่องลวนลามคุณพีชครับ ผมให้คนไปตามพี่โต้งมาจัดการแล้ว ตอนนี้...”

            “บ้าฉิบ!” ชายหนุ่มสบถพร้อมกับหันไปบอกคนในห้อง “ผิงกลับเองนะ ผมไปละ”

            “เดี๋ยวสิชิน” คำพูดของพิมพาดูจะไม่ทันการแล้ว เพราะขาดคำชินดนัยก็กระโดดลงบันไดทีละสองขั้น ดูน่าหวาดเสียวว่าจะตกลงไปคอหัก

            สาวชุดแดงเดินมาสอบถามรายละเอียดจากสิทธา ได้ความว่าการ์ดรักษาความปลอดภัยในผับจัดการกับคนที่ก่อเรื่องกับพิราอรแล้ว และเจ้าของผับคนสวยก็กลับบ้านไปเรียบร้อย ที่สิทธาขึ้นมาก็เพื่อจะรายงานให้ทราบและดูว่าเจ้านายมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า แต่ยังพูดไม่จบ ชินดนัยก็รีบวิ่งแจ้นไปแล้ว

            “เมื่อความรักเข้ามา สติก็บินหนีไป” พิมพาหัวเราะขบขัน คนที่รีบร้อนลงไปจะรู้ไหมว่าเรื่องเคลียร์จบแล้ว “ฉันต้องแต้มบุญเยอะขนาดไหนถึงได้เห็นนายชินดนัยวิ่งหน้าตั้งตามแม่ชีไปต่อหน้าต่อตาอย่างนี้”

 

            ชินดนัยลงมาทันได้สอบถามบรรทัดจนรู้ว่าขี้เมาพวกนั้นถูกจับโยนออกไปนอกผับแล้ว ส่วนพิราอรก็กลับคอนโดไปแล้วเช่นกัน ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลง รีบผละจากบรรทัด ขับรถตรงดิ่งกลับคอนโดหวังตามคนที่กลับมาก่อนให้ทัน

            เขาหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อโทร. หาเธอตลอดทาง แต่ไม่มีการตอบรับจากปลายสาย จนกระทั่งวนรถขึ้นมาจอด เขาเห็นรถหญิงสาวจอดตรงที่ประจำก็นึกโล่งอก อย่างน้อยเธอก็ถึงโดยสวัสดิภาพ เห็นไม่ยอมรับโทรศัพท์ก็นึกห่วง แถมพิราอรยังขับรถเร็ว เขาเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุกลางทาง ยิ่งออกมาด้วยอารมณ์อย่างนั้นก็ยิ่งน่าห่วง กลายเป็นว่าเขาห่วงฟรีอีกแล้วสินะ

            ระหว่างอยู่ในลิฟต์ชายหนุ่มได้แต่คิดหาสารพัดวิธีง้องอน ลูกพีชโกรธนั่นละแน่ และอาจจะตกใจไอ้พวกบ้าหน้ามืดที่มาวุ่นวายกับเธออีก โชคดีของมันที่บรรทัดจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่งั้นเขาคงได้เสียเวลากระทืบพวกมันอีกพักใหญ่

            ชินดนัยเริ่มกังวลใจ แค่ห่างสายตานิดเดียวก็เป็นเรื่อง ไม่รู้ว่าเธอจะตื่นตระหนกตกใจสักแค่ไหน จากที่ซักถามบรรทัดก็ได้ความว่า พิราอรถูกชนจนเซเข้าไปในโต๊ะของไอ้หื่นพวกนั้น เมื่อนางกวางแสนสวยพลัดหลงเข้าไป มีหรือพวกมันจะปล่อยให้หลุดมือง่ายๆ

            บรรทัดเล่าว่าตอนที่ไปถึงทันได้เห็นหนึ่งในกลุ่มนั้นพยายามจะดึงพิราอรเข้าไปกอด เธอดิ้นรนขัดขืนและตบหน้ามันไปฉาดหนึ่ง มันโมโหจึงปล้ำจูบเอา แต่ถูกบรรทัดขัดขวางไว้ได้ทันเวลาพอดี แค่ฟังเขายังสั่นไปทั้งตัว หากได้อยู่ตรงนั้นแทนที่บรรทัด สาบานเลยว่าไอ้เวรนั่นศพไม่สวยแน่!

            นึกห่วงพิราอรขึ้นมาบอกไม่ถูก คราวนี้เขาเล่นหนักเกินไปจริงๆ ไม่น่ายั่วเธอเลยทั้งที่รู้ดีแก่ใจว่าอะไรบ้างที่เธอไม่ชอบก็ยังจะบ้าทำให้เธอเห็น เธอไม่ชอบให้ใครมาทำอะไรรุ่มร่ามกันในผับ ถึงกับออกปากบ่นบ่อยครั้ง เป็นเขาที่คอยพูดยั่วเย้าให้เธออายแล้วเลิกสนใจ

            แต่ครั้งนี้เขาจงใจทำให้เธอเห็นตั้งสามวันติด สร้างเรื่องราวใหญ่โต ทำให้เธอคิดว่าเขามีอะไรกับผู้หญิงพวกนั้น ท้าทายโทสะของเธอ เพียงเพราะแค่อยากรู้ว่าเธอคิดอย่างไร

            ใช่...ทั้งหมดที่เธอเห็นมันเป็นแผนของเขา ตอนแรกก็คิดว่าจะเอาจริงนั่นละ แต่เพราะมันไม่ใช่พิราอรไง สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้กับความดันทุรังของตัวเอง เขาไม่สามารถนอนกับใครอื่นได้ เขาไม่ได้อยากได้ผู้หญิงพวกนั้น เขาอยากได้เธอ เขาอยากได้ลูกพีชเจียนคลั่ง!

            ทุกความทรมานถูกกักเก็บเอาไว้จนแน่นอก ไม่สามารถปลดปล่อยกับใครอื่นได้อีก ต้องเป็นเธอ ต้องเป็นพิราอรคนเดียวเท่านั้น

            แต่โชคร้าย ชินดนัยไม่ใช่คนชอบเสียสละ เมื่อเขารู้ความต้องการตัวเองดีแล้ว เขาก็อยากให้พิราอรได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึกของตัวเธอบ้าง มันจะได้เสมอกัน นั่นละเขาจึงคิดสร้างเรื่องบ้าๆ จนเกือบจะทำให้เธอเดือดร้อน

            เขาโทร. ตามพิมพาเพื่อนสาวที่สนิทกันเพื่อให้มาแสดงละครเล็กๆ น้อยๆ ใครจะคิดว่ามันได้ผลดีเกินคาด แทนที่จะได้เห็นพิราอรโมโหอาละวาดปึงปัง เธอกลับล้มกระดานทิ้งกันมาหน้าบึ้งๆ อย่างนี้ แถมยังถูกไอ้พวกหื่นลวนลามอีก บัดซบเอ๊ย! เขาจะง้อเธออย่างไรดี

            ลิฟต์เปิดออก ชายหนุ่มก้าวเร็วๆ ตรงไปยังห้องของคนที่คิดถึงมาตลอดทาง เขาลองเรียก กดออดและเคาะประตูอยู่หลายครั้ง แต่กลับไม่มีเสียงขานรับ แรงที่เคาะจึงเพิ่มขึ้นตามอารมณ์

            “พีชเปิดประตูออกมาคุยกันก่อน” ชายหนุ่มตะโกนซ้ำๆ โชคดีทั้งชั้นมีกันอยู่แค่สองคน ถ้าเธอทนฟังได้ก็ทนไปเถอะ เขาเรียกได้ยันเช้านั่นละ “พีชเปิดประตูให้ผมหน่อย ไม่งั้นผมพังนะ”

            ครั้งนี้คำขู่ของชินดนัยไม่ได้ผล คนในห้องยังเก็บตัวเงียบกริบ จากที่มั่นใจว่าขู่แล้วเธอจะรีบลนลานมาเปิดประตูก็ดูจะผิดคาด ชายหนุ่มเริ่มหมดปัญญา แล้วก็นึกขึ้นได้ว่ายังเหลือไม้เด็ดอีกอย่าง

            “ไม่น่าเคาะให้เจ็บมือเล้ย” เขาด่าตัวเอง ขณะสะบัดมือแรงๆ ไล่ความเจ็บ ตามข้อนิ้วแดงช้ำ ก่อนจะตะโกนบอกคนข้างในอย่างดุดัน “คุณเลือกเองนะพีช”...

            ชินดนัยเดินกลับห้องตัวเอง ตรงดิ่งเข้าห้องนอนกระชากลิ้นชักชั้นบนออกมา ดวงตาคมกริบเปล่งประกายเรืองโรจน์ เมื่อเจอสิ่งของที่ต้องการ มันนอนนิ่งอยู่ในนั้นนับตั้งแต่เขาได้มา ชายหนุ่มรีบหยิบขึ้นมาถือไว้ แล้วเดินกลับไปห้องของพิราอรอีกครั้ง

            กลับมาครั้งนี้ไม่เสียเวลาเคาะประตูให้เจ็บมือ เขาแตะคีย์การ์ดและผลักประตูห้องให้เปิดออกอย่างง่ายดาย เจ้าของห้องได้แต่ผุดลุกขึ้นยืนมองเขาตาโต

            พิราอรอ้าปากค้าง ทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นเขาล็อกห้อง เดินพัดคีย์การ์ดเข้ามาหาเธอด้วยรอยยิ้มของจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เธอกำมือแน่น นึกเกลียดท่าทางมั่นใจของเขานัก

            “ที่แท้คุณก็เอาไปจริงๆ”

            หญิงสาวมองคีย์การ์ดในมือนั่น แล้วมองหน้าชินดนัยอย่างกล่าวหา ซึ่งคนจริงอย่างเขากล้าทำก็กล้ารับ

            “อื้อ...ผมเป็นคนเอามันไปเองแหละ วันที่คุณเมากลับมาจากผับคืนนั้น ก็ไม่เห็นคุณเคยทวงถามอะไรนี่ นึกว่าเลยตามเลย”

            พิราอรกัดปากเจ็บใจ ไม่ถามก็เพราะคิดว่าเขาคงไม่ได้หยิบไป ถึงจะสงสัยแต่ก็ไม่อยากกล่าวหา ไม่คิดเลยว่าจะเอาไปจริงๆ คนเจ้าเล่ห์!

            “คุณคงจะเลยตามเลยเสียจนเคยชินสินะ ถึงได้ไม่เคยรู้ว่าใครเขาจะเดือดร้อน”

            “นี่เราคุยกันเรื่องคีย์การ์ดหรือเรื่องอื่น ผมจะได้อธิบายถูก เราจะได้ไม่ต้องหลงประเด็นกัน”

            “ฉันขอคืนด้วยค่ะ”

            “อยากได้ก็มาเอา” ชินดนัยส่งสายตาท้าทายไปยั่วเธอ โดยชูคีย์การ์ดขึ้นตรงหน้า แต่ไม่ยอมคืนให้

            หากเป็นก่อนหน้านี้หญิงสาวคงหลงกลรีบกระโจนเข้าไปยื้อแย่ง เพียงแต่ครั้งนี้พิราอรจะไม่ยอมหลวมตัวติดกับเขาอีกแล้ว เธอเชิดหน้าขึ้นบอกอย่างไม่แยแส

            “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะได้บอกช่างให้มาเปลี่ยนใหม่ยกชุดไปเลย”

            “นี่คุณโกรธผมเหรอพีช โกรธผมเรื่องอะไร”

            นั่นสิ โกรธเรื่องอะไร ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยด้วยซ้ำเธอก็ยังโกรธ โกรธทั้งๆ ที่หาเหตุผลไม่ได้นี่ละ แต่เธอจะไม่ยอมใจอ่อนให้เขาอีกแล้ว ชินดนัยทำให้ใจเธอเจ็บนัก

            “ฉันคิดว่าคุณคงเข้าใจผิดแล้วละค่ะ ฉันไม่ได้โกรธคุณ”

            “ตาขวาง หน้าบึ้ง เสียงขุ่น อาการฟ้องออกอย่างนี้ จะโกหกก็ให้มันเนียนหน่อยเถอะพีช”

            คนโกหกไม่เนียนค้อนขวับ เมินหน้าหนีไปทางอื่น “ฉันไม่จำเป็นต้องโกหกหรอกค่ะ ว่าแต่คุณเถอะ ทำไมถึงรีบกลับมา เสร็จธุระแล้วหรือคะ”

            “ยังไม่เสร็จน่ะสิ ถึงได้รีบตามมา”

            “งั้นก็กลับไปซะ” คราวนี้หญิงสาวลืมตัวสะบัดเสียง พลางชี้นิ้วไปที่ประตู

            ชินดนัยชะงัก มองเธอเหมือนไม่เคยเห็นมาก่อน พิราอรผู้อ่อนหวานเป็นอะไรไปแล้ว เธอเกรี้ยวกราดถึงขนาดตวาดเขา ชายหนุ่มอดอึ้งไม่ได้ แต่พอคิดถึงคำพูดของพิมพาใจก็ค่อยๆ มา ริมฝีปากสีเข้มคลี่ยิ้มประจบ

            “กลับไปทำไม ธุระสำคัญของผมอยู่นี่”

            “เลิกล้อฉันสักทีเถอะค่ะ มีอะไรจะพูดก็พูดมา ฉันไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคุณแล้ว ฉันเหนื่อย รู้ไหมคะว่าฉันเจออะไรมาบ้าง ฉันอยากพักเพื่อลืมหน้าพวกบ้านั่น”

            พิราอรทิ้งตัวนั่งลงอย่างอ่อนแรง ใช่ เธอเหนื่อยเพราะนอนดึกติดต่อกันมาหลายคืนแล้ว ซ้ำมาคิดมากเรื่องของเขา แล้วก็ตกใจกับพวกขี้เมาในผับที่มันเกือบจะจูบเธอได้ หญิงสาวนึกขยะแขยงคนพวกนั้น การกระทำของมันทำให้เธออยากอาละวาด มันทำให้เส้นประสาทของเธอตึงเครียด ไม่มีแก่ใจจะเล่นเกมอะไรกับชินดนัยทั้งนั้น เขาคงไม่รู้ ถึงได้มา พูดจากวนประสาทกัน จะเอายังไงก็ไม่พูดมาสักที

            “รีบพูดธุระของคุณมาเถอะค่ะ ฉันอยากนอนพักแล้ว”

            “คุณโอเคไหมพีช พวกมันทำอะไรคุณ ขอผมดู” ชายหนุ่มรีบเข้าไปดูอาการ

            ทว่าพิราอรเบี่ยงกายหลบ มองเขาอย่างระวัง “ฉันไม่เป็นไรค่ะ”

            “คุณโกหกอีกแล้ว พี่โต้งบอกกับผมว่าพวกมันพยายามจะ...” ชินดนัยประคองใบหน้าหญิงสาวให้หันกลับมา มองเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่ยามนี้ฉ่ำวาวด้วยหยาดน้ำตาเอ่อคลอ เห็นแล้วอดใจหายไม่ได้ “พีช...ผมขอโทษ”

            แค่เพียงคำพูดง่ายๆ ก็ทำให้น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมา ชายหนุ่มดึงร่างเธอเข้ามากอด ลูบแผ่นหลังที่สั่นเทาจากแรงสะอื้น ก่อนเชยคางขึ้น ช่วยจูบซับน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน

            “ผมขอโทษที่ดูแลคุณไม่ดี ไม่เป็นไรแล้วนะ ผมมาแล้ว”

            “คุณรู้ไหมว่าฉันต้องเจออะไรบ้าง คุณเคยรู้บ้างไหม” กำปั้นเล็กๆ ทุบอกกว้างระบายความโกรธ ตัดพ้อต่อว่าเสียงสั่นเครือ “ในขณะที่ฉันต้องเจอกับขี้เมาพวกนั้น คุณก็กำลังเสวยสุขกับผู้หญิงของคุณบนห้องทำงานของเรา คุณทำได้ยังไง คุณทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง”

            “ไม่...พีช ไม่เลย มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด คุณกำลังเข้าใจผิด ทั้งหมดที่เห็นนั่น มันไม่จริงเลย มันแค่ละครฉากหนึ่ง ที่ผมสร้างขึ้นมาลองใจคุณ”

            “ลองใจ!”

            คำพูดของชินดนัยทำให้คนได้ยินหยุดมือ ขมวดคิ้ว มองเขาเขม็ง

            ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม อดใจไม่ไหว กดจูบลงไประหว่างคิ้วที่ยู่ย่น คนถูกจูบจะผละหนี แต่ก็ถูกวงแขนแข็งแกร่งโอบรัดเอาไว้

            “ทีนี้จะยอมรับได้หรือยังว่าหึงผม”

            “คุณจะหลงตัวเองเกินไปหน่อยแล้วนะคะ”

            “ไม่เลยสักนิด ผมหลงคุณต่างหาก” ชายหนุ่มดึงเธอเข้ามาชิดจนแทบจะขึ้นมานั่งอยู่บนตัก ซ้ำยังเอาปลายจมูกแกล้งมาถูไถกับปลายจมูกเธอ ยืนยันด้วยเสียงกระเส่า “หลงหัวปักหัวปำ”

            “ฉันไม่เชื่อ”

            “ไม่เป็นไร ผมมีวิธีทำให้คุณเชื่อ”

            ชายหนุ่มกดจูบลงมาขยี้กลีบปากนุ่มอย่างหนักหน่วง ส่งปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดยั่วเย้าเชิญชวนให้เธอเพริดไปกับเขา ตักตวงความหวานจนพอใจหายคิดถึงนั่นละจึงยอมถอนจูบ ถอยออกไปมองเธอด้วยแววตาคมเข้ม ไฟปรารถนาลุกโชนเจิดจ้าในนั้น เขามองเธอราวกับเสือสะกดเหยื่อ

            “คราวนี้เชื่อผมหรือยัง”

            พิราอรหลุบตาลงมองกระดุมเสื้อเขา จิตใจเธอสับสน ว้าวุ่น มือทั้งสองยังคงวางท่าผลักไสอกกว้าง แม้จะอยู่ใกล้ชิดกันอย่างนี้ ทว่าเธอก็ยังคงไม่ไว้ใจเขา ชินดนัยคลายอ้อมแขนเล็กน้อย ก่อนจะยกร่างเธอขึ้นมานั่งบนตัก สองแขนโอบรอบเอว

            “อุ๊ย!”

            เขายักคิ้วให้ กอดเธอเอาไว้ สารภาพออกมาหมดเปลือก

            “ผมไม่รู้จะบอกยังไงคุณถึงจะเชื่อ เพราะคนอย่างผมถ้าจะมานั่งพูดอะไรหวานๆ มันก็คงไม่น่าเชื่ออยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านี้หลังจากที่เราจูบกันทั้งในผับ ในห้องทำงาน ผมเฝ้าคิดแต่ว่าจะทำยังไงถึงจะได้จูบคุณอีก”

            “เป็นเพราะคุณหมกมุ่นเกินไปไงคะ”

            คนหมกมุ่นยิ้มรับพร้อมกับเอียงหน้าซบต้นแขนนุ่ม จุ๊บแขนเธอ ก่อนยอมรับออกมาตรงๆ “ก็คงจริง แต่ไม่ถูกทั้งหมด ถ้าผมหมกมุ่นกับเรื่องอย่างว่า คงจะไประบายกับใครก็ได้ให้หายอยาก แต่มันไม่ใช่ไง ผมพยายามแล้วกับผู้หญิงพวกนั้น คุณรู้ไหมเกิดอะไรขึ้นกับผม มันเหมือนมีภาพหลอนของคุณคอยยืนเท้าเอวดูอยู่ข้างเตียง เจอแบบนั้นใครจะมีอารมณ์ทำอะไรต่อ น้องชายผมที่เคยห้าวๆ นี่ยังจอดสนิท”

            พิราอรหน้าแดงกับคำพูดแสนจะเถรตรงของเขา ต่อให้เขาจะเคยชินกับเรื่องพวกนี้ ก็ไม่เห็นจะต้องอธิบายเสียชัดเจนจนเธอเห็นภาพอย่างนี้

            “ฉันคงเป็นมารความสุขคุณ”

            “คุณเป็นนางฟ้าของคนบาปต่างหาก นางฟ้าเนื้อหวาน แง่มๆ” เขาแกล้งงับเนื้อนวล ดูดดึงจนเกิดเสียง ทำเอาคนถูกงับขนลุกซู่ ขยับตัวเตรียมจะหนี เขาก็ดักขึ้นว่า “จำได้ไหมคืนแรกที่เราเจอกัน คุณก็นั่งตักผมอย่างนี้ แล้วก็ขยับตัวยุกยิกๆ จนไอ้น้องรักผมก็ตื่นขึ้นมา คืนนั้นผมต้องนอนแช่น้ำเย็นๆ อยู่ตั้งนานกว่าอาการจะสงบลงได้”

            “ปะ...ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ” พิราอรแทบจะวอนขอ ความใกล้ชิดในขณะนี้ไม่มีอะไรน่าวางใจเลย ความแข็งขึงดุนดันบั้นท้ายทำให้เธอไม่กล้าขยับ ประกายความต้องการอันเข้มข้นในตาเขาก็น่าหวั่นไหวไม่น้อย

            เขาสบตากับเธอแล้วส่ายหน้าช้าๆ พิราอรยิ่งหน้าเสีย นึกกลัวใจเขาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สายตาเขาไม่มีเค้าว่าจะล้อเล่นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

            “ผมจะไม่ทนแล้วพีช คุณเคยหลุดมือผมไปอย่างน้อยก็หนึ่งครั้ง ซึ่งนั่นคือความโชคดี แต่มันจะไม่เกิดขึ้นอีก เสียใจด้วยนะพีช แต่ผมจะไม่ปล่อยคุณอีกแล้ว อย่าปฏิเสธความต้องการของตัวเอง ยอมรับเถอะพีชว่าคุณก็ชอบผม”

            “คุณกำลังทำให้ฉันกลัวนะคะ”

            “ไม่บอกก็รู้ ตัวสั่นออกอย่างนี้ ตื่นเต้นเหรอ ทำใจดีๆ ไว้ครับแม่ชี ไม่เห็นต้องกลัวเลย เราเคยซ้อมกันมาบ้างแล้ว แต่จะว่าไป ผมก็ตื่นเต้นนะ” ชินดนัยจับมือเธอวางทาบที่อกข้างซ้าย หญิงสาวเงยหน้ามองเขาตาโต ชายหนุ่มหัวเราะนุ่มนวล “ผมคิดว่าเราสองคนน่าจะรู้ใจตัวเองดีแล้ว ต่อจากนี้คือเรื่องพื้นฐานระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงที่รักกัน ผมอาจจะโลดโผนไปบ้าง แต่รับรองว่าไม่ถึงขั้นวิตถาร ตรงข้าม ผมจะทะนุถนอมคุณ ทำให้คุณมีความสุขที่สุด”

            “คุณชิน!” เธอเรียกเสียงหลง หน้าแดงสลับซีด “นี่คุณคิดจะทำอะไรคะ”

            “ที่รัก...ผมชงเข้มมาซะขนาดนี้คุณยังกล้าถาม บอกให้ก็ได้ คราวนี้ผมจะกินคุณจริงๆ กลืนกินทั้งตัว ไม่ยอมปล่อยจนกว่าจะหมดเรี่ยวแรงกันไปข้าง”

            “ไม่ค่ะ อย่าทำอย่างนี้” พิราอรออกแรงขัดขืน พยายามจะลงจากตัก แต่กลายเป็นว่ายิ่งขยับยิ่งถูกรัดแน่น สะโพกกลมกลึงบดเบียดบนตักเขา “อย่าทำอะไรบ้าๆ นะคะ เรายังไม่รู้จักกันดีพอ และฉันจะไม่ยอมมีอะไรกับคุณเด็ดขาด”

            “งั้นตอบผมมา คุณโกรธไหมเวลาที่เห็นผมจูบกับคนอื่น” จู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องถาม ทว่าคำตอบที่ได้คือความเงียบ คนถามจึงสรุปเองว่า “โกรธสินะ”

            “ฉันแค่ไม่ชอบค่ะ คุณก็รู้ว่าฉันไม่อยากให้ใครมาทำอะไรอย่างนั้นในผับของเรา บาบิโลนไม่ใช่ม่านรูดนะคะ” เธอแก้ความเข้าใจให้ถูกต้อง

            “บอกแล้วไงว่าผมแกล้งยั่วคุณไปงั้นแหละ คุณทำให้ผมแทบหมดสมรรถภาพทางเพศ เพราะฉะนั้นผมก็ต้องเอาคืนคุณบ้าง เห็นว่าหึงขนาดนี้ค่อยชื่นใจหน่อย ที่ลงทุนไปไม่เสียเปล่า”

            “ผู้หญิงสามคนนั้นคุณจ้างพวกเธอมาเหรอคะ”

            “สองคนแรกตกเอาในผับนั่นละ หล่อๆ อย่างผมเรื่องแค่นี้สบายมาก แต่ผิง เอ่อ...คนที่คุณเจอคืนนี้ เขาเป็นเพื่อนผม ผมวานให้เขามาช่วยหน่อย โอ๊ะ!” คนหล่อถูกทุบจนร้องลั่น

            “นัวเนียกันเนียนเลยนะคะ ที่ข้างล่างนั่น คิดว่าฉันไม่เห็นเหรอ ตอนคุณเปิดห้องเข้ามาพร้อมกับเธอ ฉันไม่คิดเลยว่าตัวเองจะโมโหได้ขนาดนั้น”

            “คุณไม่ได้โมโห คุณหึง” ชินดนัยแก้ยิ้มๆ แล้วโน้มเธอลงมาจูบเอาดื้อๆ

            พิราอรเบิกตากว้าง รับมือไม่ถูกกับการจู่โจมปานสายฟ้าแลบนั้น เขาไล้เล็มกลีบปากนุ่ม แทรกซอนจนเธอยินยอมเปิดทางให้ ปลายลิ้นอบอุ่นกวาดต้อนยั่วเย้าดูดดื่มความหวานในปากเธอ มือใหญ่ลูบเลื่อนมาถึงเนินอก นวดคลึงแผ่วเบาแสดงความเป็นเจ้าของ หญิงสาวพริ้มตาตอบรับด้วยความรู้สึกซาบซ่าน ทั้งเรือนกายไหวสะท้านกระตือรือร้นไปกับการเล้าโลมนั้น เขาจับเธอลงวาง ก่อนใช้ร่างกายกำยำทาบทับจนแผ่นหลังแนบไปกับโซฟา ขณะที่ปากยังไม่หยุดแสวงหาความหวานล้ำจากปากเธอ

            สติของหญิงสาวใกล้จะปลิวหายไปในอากาศ อารมณ์ปรารถนาแทนที่สติยั้งคิด ถ้าขืนเป็นอย่างนี้คงถูกเขากลืนกินเอาจริงๆ แต่เธอพร้อมแล้วหรือ จริงอยู่ที่ผ่านมาเขาเป็นคนเดียวที่เธอยินยอมให้ใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัว แต่มันก็เป็นเพราะความอ่อนด้อยประสบการณ์ของเธอ การคิดต่อต้านผู้มีชั้นเชิงสูงกว่าเป็นเรื่องโง่เหลือเกิน เธอแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้ลงสนามด้วยซ้ำ ทว่าความร้ายกาจของชินดนัย เธอทำใจมองผ่านไปได้แล้วหรือ

            ดูจากความตั้งใจอันแน่วแน่และสายตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความปรารถนาที่ลุกโชนโหมกระพือ เธอรู้ว่าอย่างไรก็ไม่มีทางหนีพ้น แม้ใจอยากจะหนี แต่ร่างกายก็ตอบสนองอย่างหวั่นไหว บางครั้งยังนึกโหยหาสัมผัสจากเขาอยู่ลึกๆ

            แน่นอนว่าความสัมพันธ์ที่กำลังจะเกิดมันมาจากความพึงพอใจทั้งสองฝ่าย ความหลงใหลใคร่รู้ ความปรารถนาที่อัดอั้นไม่ได้รับการปลดปล่อย แต่เยื่อใยความผูกพันระหว่างกันกลับไม่มีเลย เธอกับเขายังแทบไม่รู้จักตัวตนแท้จริงของกันและกันด้วยซ้ำ มันทำให้เธอสับสน ไม่แน่ใจ

            “อย่าคิดกังวลในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเลยพีช ผมทำอะไร ผมรู้ใจตัวเองดี” เขากระซิบจี้ใจดำ ทำลายความสับสน แล้วจูบมุมปากเธอเบาๆ ริมฝีปากเขาไล่พรมจูบไปทั่วใบหน้างาม เสียงทุ้มกระซิบเว้าวอนอ่อนหวาน “ถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ก็อย่าปฏิเสธมันเลยนะ เราทั้งคู่ต่างรู้ดีไม่ว่าช้าหรือเร็วสิ่งนี้ก็ต้องเกิดขึ้น ผมไม่มีทางปล่อยมือจากคุณเด็ดขาด”

            “ฉัน...” พิราอรสบตากับเขาอย่างลังเลไม่แน่ใจ แต่ยังไม่ทันได้หาคำพูดห้ามปรามก็ถูกเขาปิดปากเสียแล้ว ครั้งนี้ชินดนัยไม่ปล่อยให้เธอคิดมาก เขากระตุ้นเธอด้วยแรงอารมณ์ที่พยายามซุกซ่อนไว้ จูบของเขาราวกับคำยืนยันของความมุ่งมาดปรารถนา ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อ ดึงความเร่าร้อนในตัวของเธอให้ตื่นไปกับจูบนี้

            หญิงสาวสั่นสะท้านเหมือนคนจับไข้ มือเขาลูบไล้นวดคลึงร้อนแรงราวเปลวไฟลามเลีย เธอแอ่นอกขึ้นน้อยๆ ทักทายมือมหัศจรรย์ของเขา ความผิดชอบชั่วดีเลอะเลือนไปหมดแล้ว จะหลงเหลืออยู่ก็แค่เพียงแรงอารมณ์แปลกใหม่ที่กำลังลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ

            แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงัก เขายิ้มให้เธอ แล้วลงไปยืนข้างโซฟา สอดแขนข้างหนึ่งใต้ขาพับแล้วตวัดร่างของเธออุ้มขึ้นในวงแขน

            “ครั้งแรกของเราต้องไม่ใช่ที่โซฟานี่ แต่ผมสัญญาว่าคุณจะต้องได้ลองสักครั้ง” เขายิ้มยั่วตั้งใจโปรยเสน่ห์ใส่เธอ ก่อนก้มหน้าลงมาจูบอย่างหนักหน่วง

            พิราอรไม่กล้าสบตากับเขา ใบหน้างามแดงจัดด้วยความขัดเขิน กอดคอเขาเอาไว้ กระนั้นก็มั่นใจว่าเขาคงไม่ปล่อยให้เธอตกลงมา

            ชินดนัยแข็งแรงมาก ในขณะที่อุ้มเธอเดินเข้าห้องนอน ปากของเขายังคงจูบคลอเคลียกับเธอไม่ห่าง จูบย้ำหนักเบาสลับกัน แต่ก็เร้าอารมณ์ได้อย่างประหลาด ไม่นานเขาก็วางเธอให้นั่งลงบนเตียงนอนหนานุ่ม แล้วถอยไปถอดเสื้อของตัวเองโยนทิ้งลงพื้นอย่างไม่สนใจ

            หัวใจหญิงสาวเต้นโครมคราม สายตาจ้องไปยังแผงอกกว้างตึงแน่นด้วยกล้ามเนื้อได้สัดส่วนชวนให้แตะต้องลูบไล้ เธอมองดูมันอย่างสนใจใคร่รู้ นึกอยากลองทำดูเหมือนที่เขาเคยทำกับเธอ ร่างกายของเขาจะลุกฮือตอบสนองเช่นเดียวกับเธอหรือไม่

            คล้ายว่าเขาจะเดาความคิดของเธอออก ชินดนัยก้าวเข้ามาจับมือข้างหนึ่งของเธอวางทาบบนอกแกร่ง

            “อยากลองลูบเล่นไหมครับ” เขาสบตาเธอกึ่งท้าทายกึ่งขอร้อง

            พิราอรกลืนน้ำลายลงคอระหว่างชั่งใจดึงมือกลับหรือลองสัมผัสเขาดูให้รู้แจ้ง

            “คุณอาจจะยังสับสน แต่หลังจากนาทีนี้ไป ทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น พีช...ไม่มีอะไรน่ากลัว ร่างกายผมก็รับรู้ได้ไปกับสัมผัสของคุณ ปล่อยตัวปล่อยใจตามสบายนะ อยากสัมผัสส่วนไหนของร่างกายผมก็ลองดู มันเป็นของคุณแล้ว”

            รอยยิ้มพอใจของชินดนัยปรากฏขึ้น หลังจากที่มือของเธอค่อยๆ เลื่อนไปตามแผงอกกว้าง ผิวเขาเรียบเนียน ลื่นมือ ไม่แข็งกระด้าง แต่ก็ไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนผิวเธอ มือเธอขยับไปตามกล้ามเนื้อเรียบตึง ปลายนิ้วจงใจสะกิดยอดอกสีเข้ม มันตอบรับปลายนิ้วของเธอด้วยการชูชันขึ้นทักทาย พิราอรเงยหน้าขึ้นมองการเปลี่ยนแปลงของใบหน้าหล่อเหลา เห็นได้ชัดว่าชินดนัยก็กำลังตื่นเต้นไม่ต่างจากเธอ ใบหน้าของเขามีสีเข้ม เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดพรายตามไรผม

            “คุณเหงื่อออกเยอะเลยค่ะ”

            “ทำไงได้ก็เครื่องมันเริ่มร้อนแล้ว เดี๋ยวจะเยอะกว่านี้อีก โอ้...พีช เรามาเริ่มกันเลยไหม ผมอยากกอดคุณใจจะขาดแล้ว” ใบหน้าคมโน้มลงมาเกือบชิด ทว่าถูกฝ่ามือเธอกางกั้นไว้อย่างเฉียดฉิว ชินดนัยพลิกหน้าจูบใจกลางฝ่ามือ

            หญิงสาวครางหวิวพร้อมกับดึงมือหนี “พูดว่าคุณรักฉัน”

            “ผมรักคุณ” เขาบอกแล้วดันให้เธอนอนลง ก่อนตามมาทาบทับ

            ง่ายๆ อย่างนี้เอง พิราอรยิ้มเยาะสะท้อนใจตัวเอง เธอยังจะหวังอะไร คำพูดที่อยากฟังก็ได้ฟังแล้ว อย่าคิดอะไรเลย คนอย่างชินดนัยน่ะเหรอจะให้ความสำคัญกับเรื่องแบบนี้ คำว่ารักผูกมัดเขาไม่ได้ หากเธอคิดอยากหยุดเขา เธอก็ต้องเสี่ยงปล่อยเขาไป หยิบยื่นอิสรภาพคืนให้เขา แต่มันจะต้องเป็นการปล่อยที่ทำให้เขาไม่อยากจากไป ไม่ยินดีกับอิสรภาพที่ได้รับ และทำให้เขาขาดเธอไม่ได้

            มันก็อย่างกับที่เขาบอก สิ่งนี้ยังไงก็ต้องเกิดขึ้น เขาและเธอใกล้ชิดกันเกินไป และเขาคงไม่ใจดีคิดปล่อยเธอแน่ ทั้งสายตา ร่างกาย การสัมผัสย้ำชัดว่าครั้งนี้มันจะต้องจบลงอย่างสมบูรณ์ ไม่ค้างๆ คาๆ เหมือนที่ผ่านมา

            แต่พิราอรจะไม่ยอมเสียทุกอย่างให้เขาไปฟรีๆ

            หญิงสาวมองเขาอย่างเชิญชวนเป็นครั้งแรก ก่อนจะยกมือที่สั่นน้อยๆ ประคองใบหน้าคมสัน ไล้ปลายนิ้วไปตามโครงหน้าได้สัดส่วนงดงามราวรูปปั้นเทพบุตร เธอยิ้มแก้ความคิดตัวเองซะใหม่ ไม่หรอก ชินดนัยไม่ใช่เทพบุตร เขาเป็นจอมอสูร จอมวายร้ายที่กำลังจะแผดเผาเธอด้วยไฟแห่งราคะ

            “ขอบคุณค่ะ อย่างน้อยก็ทำให้ฉันสบายใจว่าได้นอนกับผู้ชายที่รักฉัน” ริมฝีปากนุ่มประกบปากของชายหนุ่ม ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้แก้ความเข้าใจของเธอ

            ชินดนัยถูกจู่โจมอย่างสะเปะสะปะ จนความปรารถนาลุกฮือขึ้นมา เขาไม่ได้บอกรักเธอเพื่อเอาใจ แต่พูดไปคงไม่เชื่ออีก เอาไว้ค่อยอธิบายกันอีกรอบแล้วกัน ตอนนี้ลิ้นอุ่นของเธอกำลังสร้างความปั่นป่วนรัญจวนใจอย่างหนัก

            หลังจากที่ถูกหญิงสาวเปิดฉากเป็นฝ่ายเริ่มรุก จอมอสูรของพิราอรก็ไม่ยอมเสียเชิง เขาตั้งใจสอนบทเรียนให้เธอตั้งแต่แรกเริ่ม ลูกพีชผลนี้ช่างอ่อนหวานเสียจนอยากกลืนกินให้หมด เขาจูบเธออย่างหลงใหล ลิ้มรสชาติหวานล้ำจนซ่านสุขไปถึงทรวง มือเธอขยับอย่างไม่มั่นใจแต่กลับทำให้เขาสั่นทั้งตัว เนิ่นนานกว่าจะผละจากกัน ลมหายใจของทั้งคู่ถี่กระชั้น ชินดนัยนึกเอ็นดูคนที่รีบดึงอากาศเข้าปอดจนอกอวบกระเพื่อมไหว

            เขาแตะปลายจมูกโด่งเล่นกับปลายจมูกของหญิงสาว ก่อนก้มลงซุกไซ้ละเลงจูบอย่างบ้าคลั่ง จากปากนุ่มสู่ลำคอหอมกรุ่น ลาดไหล่เนียนละมุน ไม่มีส่วนไหนถูกละเลย ชุดสวยถูกชายหนุ่มรูดซิปลงจนสุดสาย สาบเสื้อแยกออกก่อนจะค่อยๆ หลุดตามแรงดึง

            หญิงสาวห่อไหล่เขินอายกับสายตาร้อนแรงของเขา แม้ทรวงอกอวบอิ่มจะยังคงถูกซ่อนใต้บราไร้สายบดบังความงดงาม แต่การถูกมองอย่างชื่นชมคลั่งไคล้มันทำให้คิดอยากจะพลิกกายหลบ ทว่าถูกคนรู้ทันตรึงหัวไหล่เอาไว้ ชินดนัยไม่อาจปล่อยให้สิ่งใดมาบังวิวดีๆ ที่เขาไม่ค่อยจะมีโอกาสได้เห็น

            เมื่อจัดการดึงกระโปรงพ้นปลายเท้าหญิงสาว ก็รีบกลับมาปลดเปลื้องบราไร้สายตัวนั้นออก โยนทิ้งไปข้างเตียง เผยเนินทรวงอวบอิ่มเคร่งครัดสะท้านไหวตามแรงหายใจ ท้าทายสายตา สร้างความพึงพอใจให้แก่ชายหนุ่ม ต่อให้ต้องลุยไฟ ใครก็หยุดเขาอีกไม่ได้ ชินดนัยไม่ปล่อยให้อกอวบลอยเด่นยั่วยวนใจอีกต่อไปได้

            ใบหน้าคมสันลดลงไปเกลือกกลิ้งหยอกเย้า ริมฝีปากของเขาดูดดึงยอดทรวงราวกับหิวโหย ลิ้นร้อนพลิกพลิ้วยั่วเย้าจนเปียกชื้น ขณะที่มือใหญ่กอบกุมประคับประคองอีกข้างนวดคลึง พิราอรตวัดแขนโอบรัดร่างเขาไว้ แอ่นอกขึ้นรับสัมผัสอย่างเสียวซ่าน เสียงหวานสั่นพร่าครางเรียกชื่อเขาออกมา

            “ชินคะ”

            “ผมชอบที่คุณเรียกชื่อผมอย่างนี้” เสียงของชินดนัยก็ต่ำพร่าไม่ต่างกัน

            ปลายนิ้วซุกซนไล้ไปตามแนวเว้าของเอวคอด ผิวเธอเนียนนุ่มลื่นมือ เขาชื่นชอบความเพลิดเพลินนี้ รักที่จะลูบคลำทั้งเรือนร่างของเธอ มันเป็นไปอย่างเชื่องช้าราวกับว่าเขาต้องการสำรวจทุกซอกมุม ก่อนจะเลื่อนตัวขึ้นมาสบตาเธออย่างจริงจัง

            “ผมรักคุณพีช ไม่ว่าคุณจะเชื่อแบบไหน แต่ขอยืนยันว่า...ผมรักคุณ”

            พิราอรเปิดปากรับจูบของเขา ไม่อาจต้านทานแรงปรารถนาของตัวเองได้ หญิงสาวลูบเส้นผมดำขลับและกดหน้าเขาแนบอกอิ่ม เมื่อปากร้อนลากจูบกลับลงไปยังจุดเดิม แต่เพิ่มความร้อนแรงที่มากกว่าเก่า เธอหายใจหอบสะท้าน เมื่อปากเขาครอบครองยอดอกคนละข้างกับเมื่อครู่ มันเปียกชื้นเมื่อถูกปลายลิ้นตวัดปาดเลีย เขาดูดดื่มมันอย่างเร่าร้อน มือเขาบีบคลึงยอดทรวงอกอีกข้าง แผ่นหลังเธอแอ่นโค้งไม่ติดเตียง

            “ชินคะ...ฉัน”

            “ไม่เป็นไรพีช ไปกับผมเรื่อยๆ”

            เขาเลื่อนตัวขึ้นมาจูบปลอบ สวนทางกับมือร้อนที่เคลื่อนลงต่ำไปถึงหน้าท้อง สร้างความปั่นป่วนทรมานให้แก่หญิงสาวจนไม่อาจอยู่เฉยได้ เธอขยับร่างแนบกับกายแกร่งให้ชิดยิ่งกว่าเก่า สองร่างบดเบียดเสียดสี ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดผิวกาย ในยามที่ลิ้นอุ่นเลาะเล็มผ่านลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ พิราอรกระสับกระส่ายบิดตัวด้วยความเสียวซ่าน ความเร้นลับกลางกายภายใต้ชั้นในลูกไม้ฉ่ำชื้นจนรู้สึกได้ ชินดนัยยิ้มร้าย ค่อยๆ รูดมันลงไปจากขาเรียว เปิดเปลือยความงามที่ถูกเธอซ่อนไว้ แล้วเขาก็ทำให้หญิงสาวกรีดร้องออกมา

            ชายหนุ่มวนลิ้นรอบสะดือ จูบต่ำลากเรื่อยราวกับนักเดินทาง ผิวกายของเธอหวานล้ำ กลิ่นกายของเธอกระตุ้นเร้า ในที่สุดเขาก็มาถึงจุดที่หวานสุดใจ มือเขาดันขาของเธอให้ตั้ง แยกมันออกจากกันโดยมีเขาแทรกกลาง สอดมือรองรับบั้นท้ายกลมกลึงเกาะกุมเอาไว้ ก่อนยกมันขึ้นน้อยๆ ซุกหน้าลงไป

            “อย่าค่ะ คุณชิน” พิราอรหวีดร้องด้วยความซ่านสยิวพลางบิดตัวหนี แต่ถูกเขาตรึงเอาไว้

            “ไม่ต้องอายพีช คุณน่ารักที่สุด”

            เขาบอกในสิ่งที่เธอทำไม่ได้ หญิงสาวอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี ร่างกายของเธอยังคงเปียกชุ่มไปด้วยความกระสันรัญจวน เนินเนื้อความเป็นหญิงกำลังเบ่งบานตอบสนองปากและลิ้นของเขา ความปรารถนาซาบซ่านหมุนวนเป็นเกลียวแน่น เธอครางเสียงดังเมื่อส่วนอ่อนไหวถูกลิ้นร้อนไล้เลีย ดูดชิมความหวานล้ำ และบางครั้งหยั่งลึกเข้าไปภายใน

            ชินดนัยหลงใหลกับความหวานตรงหน้า กลืนกินทุกหยาดหยดอย่างพึงพอใจ เขาอยากกระโจนลงไปในหุบเหวเสน่หาใจจะขาด อยากแทรกกายเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เธอครวญครางทุรนทุรายเรียกหาเพียงแต่เขา แต่พิราอรยังใหม่เหลือเกิน เขาต้องเหนี่ยวรั้งทุกความรู้สึกเอาไว้ ข่มใจกัดฟันอดทนรอและเตรียมเธอให้พร้อมที่สุด

            ชายหนุ่มห่อลิ้นสอดลึกเข้าไปในเรือนกาย หลอกล่อให้เธอบ้าคลั่งจนต้องแอ่นสะโพกตอบรับ มือเล็กของเธอขยุ้มทึ้งเส้นผมเขาระบายความเสียวซ่าน บางครั้งก็กดศีรษะเขาให้ใกล้ชิดแทบจะกลายเป็นเนื้อเดียว

            “ชินคะ ฉันจะ...”

            “อย่าเกร็งพีช ปล่อยตัวตามสบาย แล้วเราจะมีความสุขด้วยกัน” เขาปลอบพร้อมแทรกนิ้วแทนที่ลิ้นร้อน เธอนุ่มลื่นแต่ยังไม่เพียงพอสำหรับน้องชายผู้กระหายหิวของเขา ชายหนุ่มจึงสอดนิ้วเข้าลึก ขณะที่ลิ้นร้อนยังโรมรันไม่ผ่อนปรน

            พิราอรไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน เมื่อลิ้นร้อนๆ กับนิ้วแข็งแรงของเขากระตุ้นเร้าความต้องการของเธอ จนไม่อาจทนอยู่นิ่งเฉยได้ เธอต้องการให้เขาแนบชิดล้ำลึกยิ่งกว่านี้ ให้เขาช่วยดับไฟปรารถนาที่ก่อขึ้นในกายเธอ มันแผดเผาจนเธอไม่อาจอยู่เฉยได้ ปลายเล็บของหญิงสาวฝังลงบนไหล่เปลือยของเขา แอ่นเนินเนื้อขึ้นรับตามจังหวะเคลื่อนไหวของนิ้วเขา

            เธอเหมือนลูกโป่งที่ถูกเขาปล่อยให้ล่องลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อถึงจุดสูงสุด ความสุขกระสันซาบซ่านก็ทำให้ลูกโป่งนั้นแตกกระจาย

            แรงระเบิดของอารมณ์ทำให้สมองของเธอขาวโพลน ร่างกายกระตุกถี่ ลมหายใจหอบกระชั้น ปรือตาหวานฉ่ำมองชายที่ยังแทรกกายอยู่ตรงกลางหว่างขาเธอ

            ชินดนัยยิ้มหวาน สายตาของเขาร้อนแรงชวนหลงใหล ก่อนก้มจูบต้นขาเธออย่างแสนรัก แล้วเลื่อนตัวขึ้นมาประกบปากนุ่ม ให้เธอได้ลิ้มรสชาติความสุขสมของตนเอง สองร่างกอดกระหวัดรัดแน่น ท่อนขาก่ายเกย เสียดสีกัน พิราอรลูบไล้เนื้อตัวชื้นเหงื่อ แผ่นหลังกว้าง เอวสอบ ต่ำลงไปอย่างเคลิบเคลิ้ม ก่อนจะสัมผัสได้ถึงความแตกต่าง

            เธอเปลือยเปล่าชุ่มฉ่ำยิ่งขึ้นจากความสุขสม ในขณะที่ท่อนล่างเขายังคงมิดชิดแข็งกร้าวจนน่ากริ่งเกรง

            หญิงสาวมองเขาอย่างแปลกใจ เพิ่งรู้ว่าคนที่อยู่เหนือกายเธอยังไม่ได้ถอดกางเกง

            “นี่คุณ ทำไมถึงยัง...”

            “เซฟไว้ป้องกันอันตรายให้คุณไง”

            ชินดนัยเงยหน้าจากซอกคอระหง ส่งยิ้มยั่ว ก่อนจับร่างหญิงสาวพลิกให้เธอขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา ทรวงอกงามดั่งบัวปริ่มน้ำบดเบียดอกแกร่ง ยอดทรวงของเธอหดเกร็งเบ่งบานไวต่อความรู้สึกยิ่งนักและเขาก็รู้สึกถึงมันเช่นกัน

            ชายหนุ่มขยับลุกขึ้นนั่งพิงหลังกับหัวเตียงโดยที่เธอยังคงคร่อมอยู่กลางกายเขา กระซิบข้างหูบอกเธอเสียงกระเส่าขณะแอ่นแก่นกายใต้กางเกงให้ทักทายกับความอ่อนนุ่มหวานฉ่ำที่เขาเพิ่งสำรวจไปหมาดๆ

            เขามองเธออย่างวิงวอน ออดอ้อน “ถึงตาคุณแล้วพีช ก่อนน้องชายผมจะแข็งตายคาที่”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น