ณ บ้านปัทมวิสุทธิ์ ตรงห้องโถงโอ่อ่าหน้าบันได ชายหนุ่มในชุดสูทอย่างผู้บริหาร กำลังเผชิญหน้ากับภรรยาสาวบุคลิกอ่อนหวาน ด้วยสถานการณ์ตึงเครียด ถึงแม้ทั้งคู่จะเพิ่งแต่งงานอยู่กินกันได้เพียงปีเศษ แต่ก็ไม่เคยมีปากเสียงกันรุนแรงเหมือนคราวนี้ 

จะเรียกว่ามีปากเสียงกันก็คงไม่ถูกนัก เพราะคนที่ทำเสียงดังมีเพียงกัณฑ์ สามีวัยเกือบสามสิบที่กำลังมองหน้าเหมือนแพร ภรรยาสาววัยเพียงยี่สิบสามที่กำลังตกอยู่ในอาการตกใจ เพราะเธอไม่เคยเห็นสามีอยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียวอย่างนี้มาก่อน เขาไม่เคยตะคอกใส่เธออย่างตอนนี้  

“แพรไม่รู้จะแก้ปัญหายังไง?” 

กัณฑ์ย้อนคำพูดของเหมือนแพรที่ทำให้เขาฉุนขาด ถึงกับกระชากตัวเธอให้มาเผชิญหน้า เขาทำในสิ่งที่ไม่เคยทำกับผู้หญิงตรงหน้า นั่นทำให้เธอหน้าเสีย หลบสายตาเขาอย่างตื่นกลัว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงได้สติ แต่ไม่ใช่กับคราวนี้ เพราะทันทีที่เธอจะสืบเท้าออกห่าง เขายิ่งลงแรงบีบต้นแขนเธอแน่นขึ้นเหมือนต้องการกำราบ และเขย่าตัวเธออีกครั้งเพื่อให้เธอยอมเงยหน้าขึ้นมาฟังสิ่งที่เขาจะบอก 

“พี่พูดขนาดนี้ แพรยังไม่รู้อีกเหรอว่าจะต้องทำยังไง” เสียงตะคอกทำให้เหมือนแพรเขยิบหนีอย่างตกใจ นั่นทำให้เธอถูกกระชากจนตัวลอยติดมือคนที่กำลังโกรธ “ยังไม่รู้จริงๆ เหรอ!”  

“โอ๊ย!” เหมือนแพรพยายามแกะมือที่บีบต้นแขนเธอออก “พี่กัณฑ์ แพรเจ็บ!”  

“เจ็บก็ดี จะได้มีสติแล้วฟังที่พี่พูด!” กัณฑ์ไม่ได้ยินคำร้องขอใดๆ เขายังคงแสดงท่าทางเกรี้ยวกราด พูดในสิ่งที่อยู่ในหัว “พี่เพิ่งบอกไปว่า แพรก็แค่มีความกล้าแล้วไปคุยกับพ่อของแพรก็เท่านั้น!” 

“แพรไม่กล้า...แพรคุยกับพ่อไม่ได้”

“ทำไมจะไม่ได้! ถ้าลูกคุยกับพ่อไม่ได้แล้วต้องเป็นใครถึงจะคุยได้! ใคร!”

เหมือนแพรสะดุ้งเฮือกจนที่ตรวจการตั้งครรภ์ในมือร่วงตกพื้น นี่ไม่ใช่พี่กัณฑ์ที่เธอรู้จัก พี่กัณฑ์ของเธอไม่มีทางทำเธอเจ็บ ตลอดหนึ่งปีที่แต่งงานกันมาพี่ไม่เคยตะคอกใส่เธออย่างที่ทำตอนนี้ ไม่เคยมองเธอด้วยแววตากร้าว ทำอย่างกับว่า ถ้าเธอไม่ให้ในสิ่งที่พี่ต้องการพี่พร้อมจะทำร้ายเธอ นั่นทำให้เธอกลัว แต่กระนั้นเธอก็ยังทำใจดีสู้เสือ พยายามบอกตัวเองว่าอย่าถือสา เพราะพี่กำลังโกรธ กำลังทุกข์ใจ หาทางออกอื่นไม่ได้แล้วจึงได้มาขอร้องเธอ 

“ถ้าสิ่งที่พี่ขอร้องมันยากขนาดนั้น พี่จะบอกสิ่งที่ง่ายกว่าการเดินไปคุยกับพ่อของตัวเองให้ อยากรู้มั้ยว่าต้องทำยังไง อยากรู้มั้ยเหมือนแพร...” 

ตลอดมาพี่กัณฑ์ไม่เคยเรียกเธอด้วยสรรพนามห่างเหินเช่นนี้ ไม่เคยใช้น้ำเสียงกระด้างประชดประชัน แต่จะเรียกเธอว่า ‘น้องแพร’ อย่างอ่อนโยน วันนี้พี่คงโกรธมากจริงๆ แล้วเธอก็อยากให้พี่หายโกรธ เธอต้องช่วยพี่เขา ช่วยทำในสิ่งที่พี่จะบอก ไม่ว่าจะเป็นอะไรเธอก็พร้อมจะช่วย มีเพียงแค่เรื่องเดียวที่เธอทำให้ไม่ได้ 

“พี่กัณฑ์จะให้แพรทำอะไรคะ  ถ้าไม่ใช่เรื่องไปคุยกับคุณพ่อ แพรทำให้พี่กัณฑ์ได้ทุกอย่างค่ะ”

เหมือนแพรคาดหวังว่าสิ่งที่บอกออกไปจะทำให้กัณฑ์คลายความโกรธ แต่มันกลับส่งผลตรงกันข้าม มันเหมือนไปตอกย้ำให้เขาคิดว่าเธอไม่อยากจะช่วย ไม่อยากทำให้อะไรๆ มันดีขึ้น เธอแค่ไปยืนหลบอยู่หลังคนในครอบครัว ให้คนอื่นทำร้ายคนมากมายเพื่อตัวเธอ และหนึ่งในนั้นก็คือครอบครัวเขา 

“ถ้าการเดินเข้าไปหาพ่อของตัวเอง อธิบายให้พ่อของเธอเข้าใจว่า พี่กับดารินไม่ได้มีอะไรกัน...ถ้าทำเรื่องแค่นี้ไม่ได้ ก็ไปตายซะ!” 

กัณฑ์ตวาดออกไปเพราะความอัดอั้น ร้อนใจ เขาไม่รู้เลยว่า สำหรับเหมือนแพรแล้ว สิ่งที่หลุดจากปากเขา เป็นดั่งหอกที่ทิ่มเข้าไปในอกของหญิงสาวที่รู้สึกเจ็บจนตัวชา หูอื้อไปหมด การถูกไล่ให้ไปตายควรเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอจะได้ยิน เหมือนแพรยังยืนนิ่ง มองสบตากัณฑ์ที่เข้าใจว่าเธอยังคงไม่รู้สึกอะไรเลย เขาจึงยิ่งโกรธ!

“ปัญหาทั้งหมดนี่เกิดขึ้นเพราะเธอ! ถ้าเธอตายซะทุกอย่างก็คงจบ! พ่อเธอก็ไม่ต้องไปบังคับคนอื่นให้ต้องเดือดร้อนมารับผิดชอบเธอ! ถ้าไม่มีเธอ ทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้ เข้าใจมั้ยเหมือนแพร เข้าใจมั้ย! เธอคือความยุ่งยากทั้งหมดในชีวิตทุกคนที่อยู่รอบตัวเธอ!”

กัณฑ์ระเบิดอารมณ์ใส่คนที่เขายังกระชากตัวไว้ และคงจะพูดอะไรออกมาอีก ถ้าเขาไม่เห็นน้ำตาของคนที่เขาคิดว่าไม่รู้สึกอะไรที่ค่อยๆ ไหล ก่อนที่เธอจะถอนสะอื้นออกมา เสียงสะอื้นไม่ได้ดัง แต่กลับมีพลังดึงสติเขากลับมาได้บ้าง  

ทว่าเขายังคงโกรธ และไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร จึงเลือกที่จะปล่อยมือจากเธอ แล้วเบือนหน้าหนีไปทันที เขาควรหยุดก่อนจะพูดอะไรร้ายๆ ออกไปมากกว่านี้ 

“พี่...พี่กัณฑ์...” การเบือนหน้าหนีขณะยกมือขึ้นบีบขมับตัวเองของกัณฑ์ในตอนนี้ ทำให้เหมือนแพรตีความว่าอีกฝ่ายเกลียดและโกรธเธอเกินกว่าจะทนมองหน้ากันได้ “พี่กัณฑ์คะ” 

“พอก่อนแพร...” 

กัณฑ์โบกมือห้าม ไม่ได้หันไปมองหน้าคนที่พูดด้วย จึงไม่เห็นว่าเหมือนแพรกำลังใจสลาย เธอสะอื้นแรง ห้ามเสียงสะอื้นตัวเองไว้ เพราะดูจะเป็นสิ่งเดียวที่เธอทำได้ กลัวว่าเสียงร้องไห้ของเธอจะไปเพิ่มความเกลียดให้พี่มากไปกว่านี้ 

“พี่กัณฑ์...”

“บอกว่าพอก่อนไง...พี่ยังไม่อยากฟังอะไรตอนนี้...เอาเป็นว่าพี่จะหาทางอื่นเอง จะหาทางช่วยดารินกับปิ่นด้วยวิธีอื่นเอง พี่ผิดเองที่คาดหวังกับแพรมากเกินไป พี่ควรรู้อยู่แล้วว่าน้องแพรเป็นยังไง” 

หลังคำพูดนั้นบรรยากาศในห้องเงียบกริบ กัณฑ์ยังคงยืนหันหลังให้ผู้หญิงที่ก้มหยิบสิ่งที่เธอนำมาให้เขาดู บอกข่าวดีว่าเธอกำลังตั้งท้อง แต่ยังไม่ทันจะได้บอก สถานการณ์เลวร้ายก็เกิดขึ้นเสียก่อน สถานการณ์ที่ทำให้รู้ว่าในสายตาของสามีและคนรอบตัว เธอคือความยุ่งยาก แล้วเขาเพิ่งบอกว่าการตายของเธอคือทางออกที่ดีที่สุด นั่นทำให้เธอใจสลาย ช็อกกับสิ่งที่ไม่เคยรู้ เหมือนแพรไม่เคยรู้ตัวเลยว่าตัวเองทำให้คนอื่นเดือดร้อนได้ขนาดนี้ 

บรรยากาศถูกทิ้งไว้ที่ฝ่ายหญิงสะอื้นไห้ราวจะขาดใจ ขณะก้มหยิบของที่ตกพื้นขึ้นมาแนบอก ในขณะที่ฝ่ายชายยืนหันหลังให้เธอ มือยังกุมขมับอย่างคนที่เครียดจัด เพราะความหวังเดียวที่เขาจะได้จากภรรยาพังทลายลงแล้ว 

“ค่ะ”

คำตอบรับสั้นๆ นั้นไม่ได้บอกความหมายอะไรมากมาย แต่น้ำเสียงที่เบาหวิวกลับสื่อให้กัณฑ์สัมผัสได้ว่าคนพูดกำลังใจสลาย และมีพลังพอที่จะดึงสติผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งรู้ตัวว่าทำพลาดกลับมาได้ กัณฑ์เห็นว่าผู้หญิงตรงหน้ามีน้ำตาไหลผ่านสองแก้ม เธอสะอื้นฮักๆ ประคองกอดสิ่งหนึ่งที่เขาเห็นเป็นแท่งยาวๆ เท่าปากกามีริบบิ้นสีแดงผูกโบไว้อย่างสวยงาม 

“ได้ค่ะ...” คนที่ยังสะอื้นบอกแผ่วเบา ยังคงมองผู้ชายตรงหน้าไม่วางตา “แพรจะตาย...ตายไปให้พ้นจากชีวิตพี่กัณฑ์”

คำพูดนั้นทำให้อีกคนหัวใจหล่นวูบ อย่างคนที่เพิ่งรู้ตัวว่าได้ทำสิ่งที่ร้ายแรงที่สุดไป เขาถลาเข้าหาหวังคว้าข้อแขนของผู้หญิงตัวบางๆ ที่กำลังถอยออกไว้ แต่เธอกลับสืบเท่าออกห่าง มองเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปจากตอนแรก 

“ขอบคุณที่ทนกับแพรมาตลอด แต่พอแล้วนะคะ ต่อไปนี้ไม่ต้องทนแล้ว...ขอโทษที่การมีแพรทำให้พี่กัณฑ์เป็นทุกข์...แพรไม่เคยรู้เลย...แต่ตอนนี้แพรรู้แล้ว...ขอโทษ...ขอโทษนะคะ” 

กัณฑ์อึ้งไปกับผลที่ตัวเองทำ จะเข้าไปดึงตัวคนที่สะอื้นไห้อีกครั้ง เธอยกมือปิดปากตัวเองขณะถอยหลังออกจากเขา แต่ก่อนที่เขาจะได้ตามเข้าไปอธิบาย เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้เขารีบรับสาย แล้วละสายตาจากคนตรงหน้าไป 

“ว่าไงผู้กอง...ปลอดภัยใช่มั้ย...ขอบคุณพระเจ้า” ปลายสายบอกข่าวดีที่ทำให้กัณฑ์ถอนหายใจโล่งอก ความดีใจทำให้มีรอยยิ้ม แต่เมื่อเขาหันกลับมาพบว่าเหมือนแพรไม่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว “...โอเค แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะรีบตามไป” 

ชายหนุ่มวางสายแล้วถลาออกไปทางหน้าบ้านเมื่อได้ยินเสียงรถบึ่งออกไป แต่ดูจะไม่ทัน เมื่อรถสปอร์ตหรูที่เขาเพิ่งขับเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่นี้ถูกเหมือนแพรขับออกไป ชายหนุ่มรู้ว่าหญิงสาวขับรถไม่แข็ง ไม่ชอบการขับรถทำให้เป็นห่วงจึงรีบโทร. หา 

“รับสิน้องแพร...รับสายพี่กัณฑ์สิ...น้องแพร...รับสิคะ” 

ยิ่งเฝ้ารอเวลานานเท่าไร กัณฑ์ยิ่งรู้สึกกลัว...

‘ได้ค่ะ...แพรจะตาย...ตายไปให้พ้นจากชีวิตพี่กัณฑ์…ขอบคุณที่ทนกับแพรมาตลอด แต่พอแล้วนะคะ ต่อไปนี้ไม่ต้องทนแล้ว...ขอโทษที่การมีแพรทำให้พี่กัณฑ์เป็นทุกข์...แพรไม่เคยรู้เลย...แต่ตอนนี้แพรรู้แล้ว...ขอโทษ...ขอโทษนะคะ’

กัณฑ์รู้สึกตัวเย็นเฉียบเมื่อคำพูดของน้องก่อนหน้านี้ดังก้องขึ้นในหัว 

“ขอโทษ...พี่ขอโทษที่พูดอย่างนั้นออกไป...พี่กัณฑ์ขอโทษ”

ดูเหมือนพี่กัณฑ์คนเดิมของน้องแพรจะกลับมาแล้ว พี่กัณฑ์คนที่จะไม่ทำตัวร้ายๆ ใส่น้องแพร แต่มีสิ่งหนึ่งที่พี่กัณฑ์คนนี้ไม่มีทางเอาคืนกลับมาได้นั่นคือ ‘คำพูดหลุดปาก’ ที่อาจจะเปลี่ยนชีวิตเขาและเหมือนแพรไปตลอดกาล 

“พี่ณีไม่จำเป็นต้องพูดให้ผมสบายใจ” ขณะคุยสายกัณฑ์ยังคงสอดส่ายสายตามองหาเหมือนแพรกับรถที่เธอขับออกมาจากบ้าน ตามสองข้างทางที่เขาขับรถผ่าน 

“ผมไม่ควรได้รับการเห็นใจ ไม่ว่าจะร้อนใจยังไงผมก็ไม่ควรทำอย่างนั้นกับน้องแพร ผมเกลียดตัวเองที่พูดออกไปอย่างนั้น จะตั้งใจหรือไม่ มันก็ไม่ควรออกจากปากผม คนที่น้องแพรเรียกว่าสามี คนที่รับปากแม่ของน้องก่อนตายว่าจะดูแลน้องแพรให้ดี...โทษผมเถอะครับ จะด่าว่าผมยังไงก็ได้ แต่ถ้าพี่รู้ว่าน้องแพรอยู่ไหน ช่วยบอกผมด้วย...ครับ ขอบคุณครับ”  

ตีสองกว่าแล้ว แต่รถยุโรปคันใหญ่ยังแล่นพล่านไปทั่วเมือง ก่อนมาหยุดลงที่กลางสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ในจุดที่เขาตามจีพีเอสมาเจอรถ แต่กลับไม่พบภรรยาของเขาอยู่ตรงนั้น เขาโทร. ขอความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงานที่พอจะทำได้ ในขณะที่ตัวเขาก็วิ่งพล่านไปทั่ว ตะโกนเรียกชื่อเธอเหมือนคนเสียสติ 

ใจร้อนรุ่มดั่งไฟ วิ่งถามคนไปทั่วว่าเห็นภรรยาของเขาไหม ใครเห็นคนกระโดดสะพานบ้างไหม คำตอบจากคนตกปลาที่อยู่ตรงนี้มาตั้งแต่หัวค่ำว่าไม่มีดูจะทำให้เขาคลายกังวลไปได้บ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครเห็นคนที่ขับรถคันนี้มาจอดทิ้งตรงนี้ เขาจึงยังคงเดินหาก่อนจะขับรถวนหาอีกรอบ แล้วกลับมาตรงจุดเดิมอีกครั้ง มองไปตามกลุ่มคนที่อยู่บนสะพาน จนไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่เกาะราวสะพานทำท่าจะกระโดด เขาตาฝาดว่าเป็นคนที่กำลังตามหา

“น้องแพร!” กัณฑ์พุ่งไปหาหญิงสาวทั้งที่ยังไม่ได้ดับเครื่องยนต์รถด้วยซ้ำ เขารีบคว้าตัวเธอ ดึงให้ออกจากราวสะพาน โดยที่ยังไม่ทันได้มองหน้าคนที่เขาดึงเข้าไปกอด มือไม้เขาสั่นไปหมดด้วยความกลัว แต่ก็โล่งใจที่มาช่วยน้องไว้ได้ทันก่อนที่เธอจะทำเรื่องที่เขาจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต 

“น้องแพร พี่ขอโทษ พี่กัณฑ์ขอโทษ ขอบคุณที่แพรปลอดภัย” กัณฑ์รับรู้ได้ถึงแรงต่อต้านจากคนที่เขากอดเธอไว้แนบอก คนที่เขากำลังจะก้มลงอธิบาย แต่เพียงแค่เห็นหน้าความดีใจโล่งใจก่อนหน้านี้ก็มลายไปสิ้น เพราะคนที่เขากอดอยู่ไม่ใช่เหมือนแพร 

“เฮ้ย! มึงทำอะไรแฟนกู” เสียงผู้ชายดังขึ้นจากด้านหลัง 

“อย่าพี่! เขาเข้าใจผิด” ก่อนที่จะเกิดเหตุวิวาท ผู้หญิงคนนั้นเข้าห้ามแฟนหนุ่มของเธอ “เขาน่าจะจำคนผิด เขาไม่ได้ตั้งใจหรอก” 

เมื่อความจริงปรากฏ กัณฑ์จึงเห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้เหมือนเหมือนแพรเลยสักนิด แค่มีผมยาวสีดำเหมือนกัน ภรรยาของเขาผิวขาวกว่า ตัวเล็กกว่า ยังไม่นับเรื่องที่เธอไม่ใช้น้ำหอมกลิ่นแรง ไม่แต่งหน้าจัดแบบผู้หญิงคนที่เขาเข้าใจผิด 

“ขอโทษ...” อาจเพราะน้ำเสียงที่เบาหวิว รวมถึงอาการหน้าเสียของกัณฑ์ทำให้แฟนของผู้หญิงที่เขาเข้าใจผิดยอมลงให้ “พวกคุณอยู่ตรงนี้นานรึยังครับ เห็นภรรยาผมมั้ย ผู้หญิงสวย น่ารัก ตาโต น้องผมยาว ผิวขาว สูงร้อยหกสิบ วันนี้เธอใส่ชุดเดรสลูกไม้สีฟ้า เกล้าผมทรงดังโงะครึ่งหัว เห็นเธอบ้างมั้ยครับ” 

คู่แฟนทำหน้างง นึกภาพผมทรง ‘ดังโงะ’ ไม่ออก ซึ่งนั่นก็ไม่แปลก เพราะก่อนหน้านี้กัณฑ์เองก็ไม่รู้ว่ามันชื่อนี้ แต่เขารู้ว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมักทำผมทรงนี้ เพราะเธอให้เหตุผลว่ามันทำง่าย แต่จากที่เขาเห็นก็มองไม่ออกว่ามันจะทำง่ายอย่างที่พูด กระทั่งวันที่ได้แต่งงานกัน ในวันแรกหลังคืนส่งตัว เขาตื่นมาเจอเธอนั่งอยู่บนเตียงมีผ้านวมห่อตัวไว้ ใช้สิ่งที่เหมือนโดนัตรัดผมไว้แล้วเกล้าม้วนขึ้นไป แม้ยังไม่เป็นทรง แต่ก็ทำให้คนที่เพิ่งตื่นเห็นว่าเธอกำลังจะทำผมทรงคุ้นตา

‘ทำอย่างนี้นี่เอง’ เสียงทักทำเอาหญิงสาวสะดุ้ง มือที่กำลังเกล้าผมดึงผ้านวมขึ้นบังหน้าอกเป็นพัลวัน สร้างความขบขันปนเอ็นดูให้เขาไม่น้อย นั่นทำให้เขายกตัวขึ้นไปจูบเธอที่ข้างแก้ม ‘อรุณสวัสดิ์จ้ะ สาวน้อยโดนัต’

หญิงสาวมีสีหน้างงเล็กน้อยกับคำเรียก ‘สาวน้อยโดนัต?’

‘ก็นี่ไง ที่รักของพี่กัณฑ์มักจะทำผมทรงนี้ ทรงโดนัตไม่ใช่เหรอ’ ชายหนุ่มเข้าไปหยิบสิ่งที่เหมือนโดนัตขึ้นมาพินิจ ‘พี่เคยสงสัยนะว่าผมทรงโดนัตของน้องแพรทำยังไง ไม่คิดว่ามันจะใช้ที่รัดผมรูปโดนัตทำจริงๆ’

‘นี่ไม่ใช่ทรงโดนัตค่ะ เขาเรียกว่าทรงดังโงะค่ะ’

‘อ้อ เรียกทรงดังโงะนี่เอง เมื่อกี้น้องแพรกำลังจะทำทรงนี้ใช่มั้ย มาพี่ทำให้ค่ะ หันหลังมาให้พี่สิ’

‘พี่กัณฑ์ทำเป็นเหรอคะ’ อีกฝ่ายส่ายหน้าหัวเราะ ทำท่าจะรวบผมเธอแบบเก้ๆ กังๆ เห็นแล้วนึกหวั่นใจฝีมือช่างมือใหม่ ‘ไม่เป็นไรค่ะ แพรทำเองได้ค่ะ’

‘เอาน่าพี่ทำให้ พี่เห็นแพรทำเมื่อกี้ไม่น่าจะยาก แล้วอีกอย่างมือแพรไม่ว่างแล้วนี่จะยกมาเกล้าผมได้ไง ถ้าขืนปล่อยผ้านวมก็โป๊กันพอดี’ เย้าคนที่หน้าแดงขึ้นทันที ‘แล้วถ้าน้องแพรโป๊ต่อหน้าพี่ พี่ไม่รับประกันนะว่าน้องแพรจะได้ลุกจากเตียง...เอาไงคะ จะสอนให้พี่เกล้าผมดังโงะ หรือจะให้พี่กินน้องแพรเป็นอาหารเช้า...หือ’ 

แล้วในเช้าวันนั้นเขาก็ได้เรียนรู้วิธีเกล้าผมดังโงะพร้อมกับจับครูสอนกินไปอีกรอบเป็นรางวัลที่ช่วยเกล้าผมให้เธอ เขาเกล้าแล้วก็ปล่อยเพื่อเกล้าใหม่ ครั้งแรกอาจไม่ได้สวยงามเรียบร้อยอย่างที่เธอทำ แต่การเรียนรู้และทำบ่อยๆ ก็ทำให้เขาเก่งขึ้น 

แล้วนับแต่นั้นทุกครั้งที่เห็นเธอจะทำผม เขาจะเข้าไปเสนอตัวช่วย จนตอนนี้เขาสามารถถักเปียได้ เกล้าผมทรงอื่นๆ ก็ได้ แต่จะมีทรงดังโงะที่เขาช่วยเธอทำแทบทุกวัน แต่ไม่ใช่ในช่วงวันสองวันที่ผ่านมา วันที่เกิดเรื่องร้ายที่กำลังจะเปลี่ยนชีวิตคู่ระหว่างเขากับเหมือนแพร

ไม่เจอ ไม่มีใครพบผู้หญิงในรูปที่เขาให้ดู... 

ไม่มีใครพบผู้หญิงที่ทำผมทรงดังโงะ...

ไม่มีประโยชน์ที่เขาจะยืนอยู่ตรงนี้ เขาต้องไปหาเธอที่อื่น...

ทั้งที่รู้อย่างนั้น แต่กัณฑ์ก็ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม กระทั่งเวลาผ่านไปอีกพักใหญ่ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นเรียกสติเขากลับมา แต่เมื่อมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอกลับทำให้เขาผิดหวัง เพราะไม่น่าจะใช่ข่าวดีเกี่ยวกับเหมือนแพร แต่กระนั้นเขาก็ยังกดรับสาย 

“แกอยู่ไหนตากัณฑ์ ทำไมแกไม่มาเยี่ยมหนูดาริน อย่าบอกนะว่าแกยังตามหาเมียแกอยู่ แกจะไปสนใจมันทำไม ในเมื่อแกก็ไม่ได้รักมัน ตอนนี้แกไม่ต้องกลัวอิทธิพลพ่อมันแล้ว แกไม่ได้ดูข่าวรึไงว่ามันกำลังจะติดคุกหัวโต แกเป็นอิสระแล้ว แกไม่ต้องทนรับผิดชอบผู้หญิงคนนั้นแล้ว แกเลิกกับมันได้แล้ว กลับมาหาคนรักแก...กลับมาหาดาริน” 

“ทำไมผมต้องกลับไปหาดาริน” 

“แกถามอย่างนั้นได้ยังไง ก็ดารินเป็นคนที่แกรัก พวกแกรักกัน ตอนนี้ทางสะดวกแล้ว แกทิ้งนังเหมือนแพรนั่นได้แล้ว ไม่ต้องทนแล้วลูก กลับมาเถอะ ดารินรอลูกอยู่นะ” 

“ผมไม่เคยคิดจะกลับไปหาดาริน ตั้งแต่วันที่ผมเลือกที่จะแต่งงานกับเหมือนแพร”   

“แกพูดบ้าอะไรของแกเนี่ยตากัณฑ์ นี่คือสิ่งแกกับหนูดารินเฝ้ารอ ทำไมแกทำเหมือนไม่ดีใจ หรือแกรู้สึกผิด มันไม่ใช่ความผิดของแกเลย มันคือความผิดของเหมือนแพร ที่ทุกอย่างเป็นอย่างนี้ก็เพราะเหมือนแพรที่เป็นมารความรักของแกกับหนูดาริน แต่ตอนนี้มันจบแล้ว เหมือนแพรกำลังได้รับกรรมที่มันเป็นต้นเหตุทั้งหมด!”

“พอเถอะครับคุณแม่ เลิกโยนความผิดให้น้องแพรได้แล้ว คุณแม่จะโทษว่าใครผิดกับเรื่องนี้ก็ได้ แต่น้องไม่ได้ผิด ไม่เคยผิด พวกเราต่างหากที่ผิด ผิดกันตั้งแต่ต้น แล้วขอให้คุณแม่เข้าใจเสียใหม่ว่า ผมไม่เคยคิดจะหย่ากับน้องแพร ผมไม่มีวันจะกลับไปรักดาริน เรื่องของผมกับเธอจบลงตั้งแต่วันที่เธอขอให้ผมไปแต่งงานกับน้องแพร บอกว่าจะรอวันที่ผมเลิกกับน้องแพร ที่ผมบอกเลิกดารินคือเรื่องจริง ไม่ใช่การพูดประชด” 

หลังคำพูดร่ายยาวนั้นปลายสายเงียบไป กัณฑ์ไม่รู้ว่ามารดาเข้าใจสิ่งที่เขาสื่อได้แค่ไหน แต่ไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะเขารู้แล้วว่าสิ่งสำคัญสำหรับเขาในเวลานี้คือเหมือนแพร ถ้าเธอไม่สำคัญขนาดนั้น เขาคงไม่รู้สึกเหมือนใจจะขาด กลัวจับหัวใจเมื่อไม่รู้ว่าเวลานี้เธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร 

“ตากัณฑ์ ฟังแม่นะ แกกำลังสับสน แม่ว่า...” 

กัณฑ์ไม่อยากฟัง ไม่พร้อมจะฟังอะไรทั้งสิ้น เขาตัดสายทิ้ง ในขณะที่มารดาก็พยายามต่อสายมาอีกครั้ง ชายหนุ่มไม่ยอมรับสาย เดินโซเซกลับไปที่รถ เพื่อจะออกตามหาคนที่เขาห่วงเธอจับหัวใจ แม้ไม่รู้ว่าจะไปตามที่ไหน แต่เขาจะไม่หยุดจนกว่าจะพบเธอ

“น้องแพร...กลับมาเถอะนะ กลับมาหาพี่เถอะนะ ขอแค่น้องแพรกลับมา พี่สัญญาว่าจะไม่ทำให้น้องแพรเสียใจเพราะพี่อีกเลย...ขอร้อง...กลับมาเถอะนะ” 

ชายหนุ่มฟุบหน้าลงกับพวงมาลัยรถ พร่ำรำพันก่อนจะรวบรวมสติอีกครั้ง โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น มารดาของเขายังพยายามโทร. หา เขาจึงรับสายแล้วบอกไปว่า อย่าโทร. หาถ้าจะคุยเรื่องเดิม ไม่อย่างนั้นเขาจะบล็อกเบอร์ทิ้งเสีย 

“ก็ได้ แม่จะไม่โทร. แต่แกเชื่อแม่เถอะ แกกำลังสับสน แกไม่ได้รักเด็กคนนั้นหรอก แกจะรักผู้หญิงอย่างนั้นได้ยังไง ไม่มีใครรักผู้หญิงที่พ่อของมันใช้อำนาจบีบผู้ชายให้แต่งงานกับลูกตัวเองหรอก” 

เขาตัดสายทิ้งอย่างรังเกียจที่แม่พูดแบบนั้นออกมา และเหนือสิ่งอื่นใดเขาเกลียดตัวเอง เกลียดสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แต่ต่อให้เกลียดอย่างไรเขาก็ต้องทิ้งมันไว้ก่อน เขามีเรื่องต้องทำ นั่นคือตามหาตัวเหมือนแพรให้พบ เพราะในเวลานี้สิ่งที่น้องเผชิญไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดจากคำพูดเขา เธอยังต้องเผชิญกับข่าวร้ายของครอบครัว ข่าวที่จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล 

“น้องแพร!” กัณฑ์แทบลืมหายใจเมื่อเขาต่อสายหาเหมือนแพรแล้วรอบนี้โทร. ติด นั่นบ่งบอกว่าเครื่องที่ถูกปิดก่อนหน้านี้ถูกเปิดใช้ และมีการกดรับสาย “น้องแพร...”

ดูเหมือนปลายสายที่พูดสวนออกมาจะไม่ใช่เจ้าของโทรศัพท์

“นั่นใครพูดครับ...กู้ภัย? ...เกิดอะไรขึ้น...กับภรรยาผม...น้องแพร?”

“ปลอดภัยใช่มั้ย ตอนนี้แพรปลอดภัยใช่มั้ย” นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด ตอนแรกกัณฑ์แทบไม่ได้ฟังสิ่งที่กู้ภัยบอก เขาเอาแต่ถามว่าภรรยาของเขาปลอดภัยใช่ไหม เมื่อทางนั้นบอกว่าปลอดภัย เขาก็โล่งใจพอจะฟังเรื่องอื่น 

“เธอไม่มีบาดแผลอะไรที่สาหัสถึงชีวิต มีแค่รอยแตกที่หน้าผาก เดาว่าน่าจะเกิดจากอุบัติเหตุหรือถูกของแข็งกระแทกอย่างแรง แต่เธอมีอาการตื่นกลัวทุกคน สื่อสารอะไรไม่ได้เลย กู้ภัยพยายามติดต่อญาติ แต่ไม่พบหลักฐานอะไรในตัวเธอ นอกจากโทรศัพท์ที่ปิดเครื่องไว้ ผมเปิดได้แต่โทร. ออกไม่ได้เพราะเครื่องล็อก โชคดีที่คุณสามีโทร. เข้ามา งั้นผมขอข้อมูลทั้งของคุณและของคนเจ็บด้วย ผมจะได้แจ้งทางโรงพยาบาลไว้”

“ผมชื่อ กัณฑ์ วิสุทธิ์ตรา ส่วนภรรยาผมชื่อ เหมือนแพร อัครวงษ์” 

นั่นคือชื่อตามบัตรประชาชนของทั้งกัณฑ์และเหมือนแพร ซึ่งเหมือนแพรไม่ได้เปลี่ยนมาใช้นามสกุลสามีหลังแต่งงาน เธอยังคงใช้นามสกุลของบิดา ซึ่งคนที่ติดตามข่าวบ้านเมืองน่าจะคุ้นหูกันดี เพราะเป็นนามสกุลของคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองนี้ ที่ผู้คนต่างให้ความเคารพยำเกรง คนนามสกุลนี้ล้วนร่ำรวยทั้งอำนาจ บารมี และเงินทอง แต่คงไม่ใช่ในช่วงนี้ที่ผู้เป็นใหญ่ในบ้านกำลังเจอมรสุมชีวิต  

“เมื่อกี้คุณพูดว่าอัครวงษ์ นั่นมันนามสกุลท่านรัฐมนตรีสุรเชษฐ์ที่เป็นข่าวว่าโกงชาติและอยู่เบื้องหลังการสั่งฆ่าคู่แข่งใช่มั้ยครับ” 

“ไม่ใช่ครับ” กัณฑ์ไม่อยากให้นักข่าวเจอตัวเหมือนแพรจึงปฏิเสธ แล้วเลือกที่จะให้น้องใช้นามสกุลของเขาแทน “ภรรยาผมชื่อเหมือนแพร วิสุทธิ์ตรา”

“โทษทีครับ สงสัยช่วงนี้ผมจะเสพข่าวมากไป ดีแล้วละครับ เพราะถ้าใช่จริง ผมก็ไม่แปลกใจถ้าจะเจอลูกหลานของรัฐมนตรีคนดังสติแตก เป็นใครก็ต้องอยากบ้าที่อยู่ๆ ก็ตกจากสวรรค์แบบนี้ คนเกลียดคนด่าทั่วบ้านทั่วเมือง...ผมพูดอะไรเนี่ย เอาเป็นว่าคุณรีบมานะครับ เธอตื่นขึ้นมาได้เจอคนรู้จักคงจะดีขึ้น”

“ตอนนี้ภรรยาผมอยู่ที่ไหนครับ”

กู้ภัยบอกชื่อโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในลพบุรี กัณฑ์มีคำถามมากมายว่าเหมือนแพรจะไปไกลขนาดนั้นได้อย่างไร แต่กระนั้นชายหนุ่มก็รีบตามไป ใช้เวลาขับรถไม่ถึงสองชั่วโมง เขาก็มาถึงโรงพยาบาลปลายทางที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยบอกว่าภรรยาของเขาถูกพาตัวไปเข้ารับการรักษา 

ข้อมูลที่กัณฑ์ได้รับคือมีคนพบเหมือนแพรหมดสติอยู่ริมทางที่จะมุ่งหน้าไปเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีการแจ้งกู้ภัย แต่ระหว่างที่กู้ภัยจะเข้าช่วยเหลือ เธอรู้สึกตัว เมื่อเห็นคนแปลกหน้าก็มีอาการตื่นกลัว กรีดร้องอย่างคนเสียสติ 

‘แผลหนักมีแค่ที่หน้าผาก ส่วนแผลอื่นเป็นรอยถลอกตามร่างกายที่เกิดขึ้นระหว่างการให้ความช่วยเหลือ ตอนที่รู้สึกตัว เธอเอาแต่พูดว่าขอโทษ แพรขอโทษ แล้วก็พูดว่ามีแต่คนอยากให้เธอตาย แต่เธอยังตายไม่ได้ เธอจะหนีไปให้ไกล เธอทำเหมือนกำลังหนี หนีคนที่บอกให้เธอไปตาย น่าสงสารน่าเวทนามากครับ ที่ตัวเธอนอกจากโทรศัพท์ก็มีที่ตรวจการตั้งครรภ์ที่ผูกริบบิ้นสีแดงไว้ มันน่าจะคือของขวัญที่เธอทำให้สามี หรือพ่อของลูกในท้อง ถ้าเธอท้องนะครับ’

ตอนที่ได้ยินสิ่งที่กู้ภัยบอก กัณฑ์รู้สึกเหมือนหัวใจถูกบีบอย่างแรง เจ็บปวดเมื่อเขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ตอนที่เขากลับมาถึงบ้านเพื่อขอให้น้องช่วยพูดกับพ่อ เขาต้องการความช่วยเหลือจนมองข้ามสีหน้าดีใจของน้องที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาหา ในมือของน้องถือบางอย่างที่ตอนนั้นเขาไม่ทันได้สนใจด้วยซ้ำ 

‘พี่กัณฑ์กลับมาแล้วเหรอคะ...มาค่ะ แพรมีของจะให้’ น้องซ่อนสิ่งที่ถือมาไว้ข้างหลัง ยิ้มให้เขาด้วยแววตาเป็นประกาย ก่อนสีหน้านั้นจะเปลี่ยนไปเมื่อสบตาเขา ความเครียดที่ส่งต่อทำเอาน้องหน้าถอดสี ‘พี่กัณฑ์? มีอะไรรึเปล่าคะ เกิดอะไรขึ้นคะ’

‘น้องแพร...ช่วยพี่ด้วย ถ้าไม่หมดหนทางพี่จะไม่ขอให้แพรช่วยเลย ช่วยพี่หน่อยนะแพร ช่วยน้องสาวพี่ด้วย’

‘น้องสาว? ปิ่นเหรอคะ ปิ่นเป็นอะไรคะ เกิดอะไรขึ้นกับปิ่นเหรอคะ’

‘ปิ่นหายตัวไป...’ 

เหมือนแพรตกใจและแสดงออกชัดเจนว่าเธอพร้อมจะช่วย 

‘ปิ่นและดารินหายตัวไป’ 

เขารู้ว่าชื่อหลังคือสาเหตุที่ทำให้น้องนิ่งไป ก่อนที่เธอจะฝืนยิ้มแล้วพยักหน้า 

‘แพรไม่รู้ว่าตัวเองจะช่วยอะไรได้ แต่ถ้าพี่กัณฑ์มาขอร้องแพร แสดงว่าพี่กัณฑ์ต้องรู้ว่าแพรคงพอช่วยได้ มีอะไรให้แพรช่วยคะพี่กัณฑ์บอกมาได้เลยค่ะ’...

กัณฑ์พยายามสลัดสิ่งที่กวนใจเขาออกจากความคิดเมื่อมาถึงโรงพยาบาล เขาตรงเข้าไปที่จุดประชาสัมพันธ์ ใช้เวลาติดต่อไม่นานก็มีคนพาเขาไปพบคนเจ็บที่เวลานี้พักอยู่ในห้องพักฟื้นเรียบร้อยแล้ว การเห็นคนที่เขาห่วงจับหัวใจนอนบนเตียงทำให้เขาโล่งใจ รีบเข้าไปรวบมือเธอมากุมไว้ แหวนแต่งงานยังสวมอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย ในขณะที่มือเขาอีกข้างยกขึ้นกุมศีรษะของคนที่ยังคงหลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา มีผ้าพันแผลพันรอบศีรษะ 

“น้องแพร...” ชายหนุ่มจดริมฝีปากที่หน้าผากมน ลูบศีรษะเล็กแผ่วเบา สงสารน้องจับใจกับสิ่งที่เธอต้องเผชิญในวันนี้ “พี่กัณฑ์เจอตัวน้องแพรแล้ว...ไม่เป็นไรแล้วนะ พี่กัณฑ์มาหาน้องแพรแล้ว...พี่สัญญาว่าต่อไปนี้จะดูแลน้องแพรให้ดี จะไม่ทำให้น้องแพรเสียใจอีกแล้ว...พี่สัญญา”

กัณฑ์พร่ำพูดอยู่ข้างหูหญิงสาวซ้ำๆ แม้รู้ว่าเธอคงไม่รับรู้อะไรในเวลานี้ แต่เหมือนเป็นคำพูดที่ช่วยทำให้เขาไม่รู้สึกแย่มากไปกว่านี้ ใช้เวลาครู่ใหญ่จึงได้ละสายตาจากคนบนเตียงมามองถุงสีน้ำตาลที่ทางโรงพยาบาลเอามาให้เขาบอกว่าเป็นของที่ติดตัวเหมือนแพรมา 

เมื่อกัณฑ์เปิดออกดูก็เห็นว่าในนั้นมีเสื้อผ้าเครื่องประดับของหญิงสาว โทรศัพท์มือถือของเธอ และเครื่องตรวจการตั้งครรภ์ที่ขึ้นสองขีด ไม่ต้องรอให้หมอบอก เขาก็รู้ว่าตอนนี้เขากำลังจะได้เป็นพ่อคน 

‘ยังบอกอายุครรภ์ไม่ได้ค่ะ หมอยังตอบอะไรไม่ได้มาก ต้องรอตรวจอย่างละเอียดเมื่อคนไข้ให้ความร่วมมือ แต่เบื้องต้นไม่พบความผิดปกติใดๆ ค่ะ’

คำพูดของหมอทำให้สบายใจได้ว่าลูกและภรรยาของเขาน่าจะปลอดภัย ตั้งแต่ได้เจอตัวเหมือนแพรเขาก็แทบไม่ยอมให้เธอห่างสายตา นั่งเฝ้าอยู่ริมเตียง ฟุบหลับไปกับมือของเธอที่เขากุมไว้ด้วยความเหนื่อยล้าจนกระทั่งมารู้สึกตัวเมื่อรับรู้ว่ามือที่เขากุมไว้ขยับ 

“น้องแพร...” ชายหนุ่มเข้าไปใกล้พลางเรียกชื่ออย่างอ่อนโยน เฝ้ารอคนที่กำลังรู้สึกตัวตื่นลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ   ความเชื่องช้าที่ทำให้หัวใจเขาเต้นแรงมากขึ้น 

เมื่อเหมือนแพรลืมตาขึ้นก็มีอาการอึ้งไปราวกับกำลังประมวลผลบางอย่าง เธอมองเขาด้วยแววตาสับสนเหมือนคนไม่รู้จักกัน นั่นทำให้เธอถดตัวหนี ดึงมือตัวเองกลับอย่างตกใจ 

“ใจเย็นๆ นะครับ...ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรนะ ที่นี่โรงพยาบาล...น้องแพรอยู่ที่โรงพยาบาล”

“น้องแพร?” เธอทวนคำ ก่อนจะชี้นิ้วที่ตัวเองราวกับจะถามว่านี่คือชื่อเธอจริงหรือ เมื่อกัณฑ์พยักหน้าให้ เธอก็ยังทำหน้างงเหมือนไม่ค่อยเชื่อ จากนั้นก็มองไปรอบๆ ห้อง “โรงพยาบาล?...” 

คำพูดนั้นบอกกัณฑ์ว่าน้องรู้แล้วว่าที่นี่คือที่ไหน แต่สีหน้าเธอยังคงงุนงงสับสน เขาจึงไม่พูดอะไร แค่รอดูปฏิกิริยาของเธอ “ทำไม...ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่...ฉันเป็นอะไร...” 

คำพูดนั้นทำให้กัณฑ์ประหลาดใจ น้องไม่เคยพูดแทนตัวอย่างนี้กับเขา แต่พอเข้าใจว่าอาจจะยังสับสนมึนงงอยู่ แล้วก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ที่แพทย์เจ้าของไข้ได้บอกเขาไว้ก่อนแล้วเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับน้อง 

‘หมอยังไม่ได้ตรวจเช็กสมองอย่างละเอียด เพราะคนไข้ยังไม่ให้ความร่วมมือ แต่จากที่วินิจฉัยคร่าวๆ เธออาจจะมีอาการของคนสูญเสียความทรงจำชั่วคราว ยังบอกไม่ได้แน่ว่าความทรงจำจะกลับมาได้เมื่อไหร่ อาจเป็นพรุ่งนี้ หรือนานกว่านั้น ต้องรอตรวจอีกครั้งหลังคนไข้ให้ความร่วมมือมากกว่านี้ การได้เจอคุณสามี ได้ตื่นขึ้นมาเจอคนที่เธอคุ้นเคย น่าจะดีกับเธอค่ะ’

“แพรหรือน้องแพร คือคำที่แพรใช้แทนตัวเองกับพี่” กัณฑ์บอกน้องอย่างใจเย็น “น้องแพรมีชื่อจริงว่าเหมือนแพร อัครวงษ์” 

“น้องแพร” เธอเหมือนจะยอมรับว่านี่คือชื่อตัวเอง “ทำไมแพรมาอยู่โรงพยาบาล...แล้ว...พี่...พี่เป็นใครคะ พี่ชื่ออะไร...เกิดอะไรขึ้นกับแพร ทำไมแพรจำอะไรไม่ได้...เกิดอะไรขึ้นคะ” 

เกิดอะไรขึ้น 

กัณฑ์เองก็อยากรู้เช่นเดียวกัน แต่เขาไม่ได้แสดงออกว่าอยากจะรู้มากไปกว่าการอยากปลอบคนที่เริ่มสับสน 

หญิงสาวเริ่มมือไม้สั่น มีความกังวลพาดผ่านแววตา พยายามคิดหาคำตอบ นั่นทำให้กัณฑ์ดึงเธอมากอดแน่น “น้องแพรครับ...ไม่เป็นไรนะ” เขาปลอบ ลูบผมเธออย่างอ่อนโยน หวังว่าสัมผัสจากเขาจะช่วยให้เธอคลายกังวลและรู้สึกดีขึ้น เธอเพียงอึ้งไปไม่ต่อต้าน 

“นี่คือพี่กัณฑ์” กัณฑ์คลายอ้อมแขนออก ประคองใบหน้าของผู้หญิงที่ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ใช่สิ่งที่เธอคุ้นเคย “พี่กัณฑ์ของน้องแพรไงครับ” 

“พี่กัณฑ์เป็นใครคะ พี่เป็นอะไรกับแพร” 

กัณฑ์ใช้นิ้วเขี่ยแหวนบนนิ้วของคนที่ยังมองเขาตาแป๋ว ซึ่งก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นอกจากก้มลงมองแหวนบนนิ้วตัวเอง แล้วมองแหวนลักษณะเดียวกันที่นิ้วนางข้างซ้ายของเขา ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานให้เขา รอยยิ้มที่ทำให้เขายิ้มตาม ก่อนจะต้องยิ้มค้างกับคำถามที่ตามมา 

“เป็นพี่ชายแพรเหรอคะ”

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น