“พี่ชายเนี่ยนะ!” 

กัณฑ์ยอมรับว่าอึ้งไปเหมือนกันกับสถานะที่ภรรยาซึ่งสูญเสียความทรงจำยกให้เขาเป็น ยิ่งเห็นอาการเอียงคอรอคำตอบอย่างจริงจังยิ่งรู้สึกขุ่นใจปนหมั่นไส้ พยายามบอกตัวเองว่าน้องกำลังสับสนและมีปัญหาเรื่องความทรงจำ 

แต่อีกใจก็อดคิดไม่ได้ว่า นี่อาจเป็นการเอาคืนสามีที่ทำผิดต่อเธอ เขาไม่อินกับการที่คนคนหนึ่งจะสูญเสียความจำ ไม่อยากเชื่อว่าคนคนหนึ่งจะจำคนที่นอนอยู่ข้างกันตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาไม่ได้ มันดูแปลกที่อยู่ๆ เธอจะลืมว่าเขาคือสามี แต่ถ้านี่เป็นเกม เขาก็จะลองเล่นดู 

“ทำไมน้องแพรคิดว่าพี่กัณฑ์เป็นพี่ชายล่ะครับ” ถามขณะปล่อยคนบนเตียงออกจากอ้อมแขน มายืนอยู่ข้างๆ เห็นเธอขมวดคิ้วเมื่อถูกตั้งคำถาม สีหน้าครุ่นคิด ดูเครียด แต่ยังดูดีกว่าตอนแรก อาการกังวล ตื่นกลัวก่อนหน้านี้เลือนหายไป 

มันทำให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่น้องเป็นไม่ใช่การแกล้งจำไม่ได้เพื่อเอาคืนเขา เพราะถ้าน้องยังจำสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เธอคงไม่มองเขาด้วยแววตาใสๆ อย่างนี้ เธอควรมีความเศร้า เจ็บปวดให้เขาได้เห็น เพราะเหมือนแพรที่เขารู้จัก ไม่ใช่คนที่ปกปิดความรู้สึกได้เก่ง ถ้าเธอทุกข์ เธอเศร้า เขาจะรู้ได้ทันที 

“ว่าไงครับ” วางเรื่องแกล้งทิ้งไปแล้วหันมาถามอย่างจริงจัง หวังให้การสนทนานี้เรียกความจำน้องกลับมา “มันต้องมีเหตุผลสิที่อยู่ๆ ทำไมน้องแพรคิดว่าพี่กัณฑ์เป็นพี่ชาย”

“ไม่ใช่พี่ชายเหรอคะ” ท่าทางผิดหวังของเหมือนแพรส่งผลให้กัณฑ์เก็บอาการขุ่นใจไว้ไม่อยู่ แต่กระนั้นก็ยังรอฟังการขยายความของน้องอย่างตั้งใจและพร้อมที่จะรับฟัง “แพรเกิดเรื่องถูกพามาโรงพยาบาล คนของโรงพยาบาลคงต้องติดต่อญาติให้ไม่ใช่เหรอคะ”  

สิ่งที่น้องอธิบายก็ยังไม่ตอบว่าทำไมเธอจึงคิดว่าเขาเป็นพี่ชาย ชายหนุ่มจึงยังคงรอฟังต่อ 

“พี่กัณฑ์ดูไม่แก่ขนาดจะเป็นพ่อแพรได้” คำพูดนั้นดูจะทำให้กัณฑ์พอใจ ใบหน้าคมคลายความขรึม มีรอยยิ้มเล็กๆ ก่อนจะต้องหน้าตึงอีกหนเมื่อน้องทำหน้าตกใจใส่ “หรือว่าเป็นพ่อคะ!”

“น้องแพร...” กัณฑ์หน้ายุ่งกับอาการตกใจเบอร์แรงของภรรยา แล้วดูเหมือนท่าทางนั้นของเขาจะทำให้เธอขำ จนหัวเราะออกมาเบาๆ “ให้ตายสิ ถ้าไม่ติดว่าป่วยอยู่ พี่จะจับเขกหัวสักที” 

เหมือนแพรรีบยกมือขึ้นบังหัวตัวเองตามสัญชาตญาณ กัณฑ์ไม่แน่ใจนักว่าเธอกลัวจริงหรือแกล้งกลัว เพราะสุดท้ายเธอก็ยิ้ม 

“ล้อเล่นค่ะ” เธอเฉลย นั่นส่งผลให้กัณฑ์ส่ายหน้าระอาเบาๆ “แพรรู้ว่าพี่กัณฑ์ไม่ใช่พ่อค่ะ พี่ไม่ได้ดูแก่กว่าแพรขนาดนั้น พี่น่าจะอายุห่างจากแพรไม่เกินสิบปี หรือจริงๆ แล้วพี่กัณฑ์มีแพรตอนสิบขวบคะ พี่ เอ๊ย พ่อกัณฑ์แก่แดดแต่เด็กเหรอคะ”

แม้กัณฑ์ส่ายหน้าระอา แต่เขากลับมีรอยยิ้มโดยไม่รู้ตัว ส่วนเหมือนแพรก็หัวเราะ เห็นชัดว่าหญิงสาวดูผ่อนคลาย ทั้งที่ความจริงเธอควรเครียดมากกว่านี้ เครียดในสิ่งที่ตัวเองเป็น การตื่นขึ้นมาพร้อมกับจำอะไรไม่ได้ไม่ใช่เรื่องปกติ จำเป็นต้องรีบหาคำตอบ นั่นคือสิ่งที่กัณฑ์ตระหนักได้ แต่การได้เห็นเหมือนแพรเผยบุคลิกประจำตัวเธอออกมาก็ทำให้เขาคลายความกังวลไปได้บ้าง 

“เล่นพอรึยัง เอาจริงๆ ตอบพี่มาค่ะ ทำไมคิดว่าพี่กัณฑ์เป็นพี่ชาย” 

“พี่กัณฑ์ให้ความรู้สึกแบบพี่ชายที่แสนดีค่ะ” 

กัณฑ์รู้สึกเจ็บแปลกในอกกับคำว่า ‘แสนดี’ ทั้งที่เหมือนแพรพูดออกมาด้วยแววตาที่ใสซื่อและจริงใจ แต่กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกเธอตำหนิ หรือจริงๆ แล้วเขาเองที่รู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับคำนี้ คำที่ออกมาจากปากผู้หญิงที่ไว้ใจฝากชีวิตเธอไว้กับเขา 

“แล้วตอนที่แพรสับสน ตื่นมาเจอคนที่ไม่รู้จัก คนอื่นเขาสัมผัสแพรที่ต่างไปจากพี่กัณฑ์ พวกเขาก็ไม่รู้จักตัวแพรเหมือนที่แพรไม่รู้จักตัวเอง แต่พี่กัณฑ์เป็นคนแรกที่เรียกชื่อแพร บอกว่าแพรเป็นใคร พี่กัณฑ์กอดตอนแพรกลัว ปลอบแพร ทำให้แพรรู้สึกปลอดภัยค่ะ”  

กัณฑ์ตั้งใจฟังสิ่งที่หญิงสาวตอบ เวลานี้ผมของเธอปล่อยยาวสยายเต็มไหล่ ดูฟูอย่างคนที่เพิ่งตื่นนอน บางปอยตกมาบังหน้า บังสายตาเขาในการมองตาเธอ เป็นภาพที่ไม่ค่อยคุ้นตา 

“สิ่งที่แพรเห็น ทำให้แพรรู้สึกว่าพี่กัณฑ์น่าจะเป็นพี่ชายค่ะ แพรเข้าใจถูกมั้ยคะ” 

กัณฑ์ไม่ได้ตอบคำถามของเหมือนแพร เพราะเขากำลังไปค้นหาโดนัตเกล้าผมของเธอที่น่าจะอยู่ในถุงกระดาษที่ทางโรงพยาบาลเอามาให้ เขาหยิบโทรศัพท์และที่ตรวจการตั้งครรภ์ออกมาวางข้างนอกถุง คาดหวังว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้น้องจำอะไรได้บ้าง

“พี่กัณฑ์จะทำอะไรคะ” เหมือนแพรถดตัวออกเมื่อกัณฑ์ยื่นมือมาใกล้คอเธอ “จะทำอะไรกับผมแพรคะ” 

“พี่จะรวบผมให้” กัณฑ์บอกสิ่งที่จะทำพลางยื่นมือเข้าหา แต่ถูกปัดออก “ทำไมล่ะ พี่ทำให้แพรเสมอนะ หันหลังสิคะ” 

เหมือนแพรยังลังเล กัณฑ์จึงเป็นฝ่ายจับตัวน้องให้หันหลัง ก่อนจะบรรจงเกล้าผมของเธอขึ้นแล้วใช้โดนัตรัดผม 

“เสียดายไม่มีหวี แต่แค่นี้ก็น่าจะได้นะ...เรียบร้อย สวยแล้วค่ะ” ชายหนุ่มยิ้มภูมิใจในฝีมือของตัวเอง 

ในขณะที่คนถูกชมทำตัวไม่ถูก อีกทั้งยังมองไม่เห็นหน้าตัวเอง กัณฑ์จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปให้ โดยเริ่มจากภาพหน้าตรงและด้านหลัง แล้วยื่นให้น้องดู 

“เป็นไงคะ ฝีมือพี่ดีขึ้นมั้ย” กัณฑ์ถามออกไป ก่อนจะนึกได้ว่าน้องคงจำไม่ได้จึงขยายความต่อ “แพรเป็นคนสอนพี่ทำ ทรงนี้เรียกว่าทรงดังโงะ เป็นทรงที่น้องแพรชอบ บอกว่าสบายดี”

“สบายดีจริงด้วยค่ะ” หญิงสาวบอก “แพรชอบทรงดังโงะนี้ค่ะ” 

“พี่ก็ชอบให้น้องแพรทำผมทรงนี้ แล้วก็ชอบช่วยเมียพี่ทำผมทรงนี้ด้วย” 

กัณฑ์เฝ้าจับสีหน้าของเหมือนแพรจึงเห็นว่าน้องมีสีหน้าประหลาดใจ หรืออาจเรียกว่าตกใจเมื่อเธอกำลังตีความคำพูดของเขา 

“เมีย? พี่กัณฑ์หมายถึงแพรเหรอคะที่เป็น...ภรรยาพี่กัณฑ์” 

การเลี่ยงคำว่าเมียไปใช้คำว่าภรรยาของเหมือนแพรบอกกัณฑ์ว่าน้องเข้าใจความหมายสิ่งที่เขาบอก แต่กระนั้นเขาก็ยังเน้นย้ำสถานะของตัวเอง 

“ใช่ครับ เราเป็นสามีภรรยากัน พี่กัณฑ์คือสามีของน้องแพร เราแต่งงานกันและจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย” 

สายตาที่เหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เขาบอกทำให้กัณฑ์ต้องแสดงหลักฐาน โดยส่งโทรศัพท์มือถือของเขาที่ใช้รูปพรีเวดดิงเป็นภาพพื้นหลังให้น้องดู ภาพที่เขาอยู่ในชุดทักซิโดเต็มยศ กำลังกอดเจ้าสาวของเขาที่อยู่ในชุดสีขาวเกาะอก เขาจำได้ว่าเป็นภาพที่น้องชอบมาก อยากใช้เป็นรูปพื้นหลังโทรศัพท์ แต่ก็ทำไม่เป็น พยายามก้มหาเครื่องไม้เครื่องมือที่จะใช้เปลี่ยนภาพหน้าจอโทรศัพท์อยู่นานจนเขาไปเห็น จึงได้รู้ว่าน้องใช้ธีมเดิมที่โทรศัพท์มีมาให้ไม่เคยเปลี่ยนเลย

‘แพรหาตั้งนานแล้วก็ไม่รู้ว่าต้องไปเปลี่ยนตรงไหน พี่กัณฑ์รู้มั้ยคะ ทำให้แพรหน่อย’

จากนั้นเขาก็ช่วยน้องเปลี่ยนภาพหน้าจอแล้วก็ถือโอกาสเปลี่ยนของเขาด้วย จำได้ว่าตอนนั้นน้องดูประทับใจสิ่งที่เขาทำมาก เธอยิ้มกว้างจนหุบยิ้มไม่ลง เขาจึงคาดหวังว่าการเห็นรูปนี้จะทำให้น้องจำอะไรได้บ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง เมื่อเธอบอกเขาว่าจำอะไรไม่ได้ 

“ขอโทษค่ะ” 

“ไม่ต้องขอโทษหรอก” กัณฑ์ยิ้มให้น้องที่มีสีหน้าไม่สบายใจ “ยังจำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” 

“นอกจากรูปนี้มีรูปอื่นอีกมั้ยคะ” 

“มีครับ แต่รูปนี้คือรูปที่น้องแพรชอบที่สุด เป็นรูปมุมเผลอของเราทั้งคู่ น้องแพรบอกว่ามันเป็นธรรมชาติ” 

“นี่โทรศัพท์แพรเหรอคะ” เหมือนแพรถาม กัณฑ์ส่ายหน้าบอกว่าโทรศัพท์เขา “พี่กัณฑ์ก็ชอบรูปนี้มากเหรอคะ” 

“เปล่า พี่ชอบอีกรูปหนึ่ง รูปนี้...” กัณฑ์ให้หญิงสาวดูรูปที่ตัวเองชอบ เป็นรูปที่เขานอนหนุนตักเจ้าสาว ซึ่งทำหน้ายู่ยี่ ดูอย่างไรก็ไม่ใช่รูปที่ตั้งใจถ่ายเอาสวย ดูตลกเสียมากกว่า “รูปนี้น้องแพรไม่ชอบ บอกว่าตัวเองไม่สวย”

“ไม่สวยจริงด้วยค่ะ แพรทำหน้าเหมือนเจ็บ...ใช่มั้ยคะ”

“ใช่ น้องแพรเจ็บ เพราะเหน็บกินขา”

“มิน่าล่ะ พี่กัณฑ์ชอบเพราะแพรตลกเหรอคะ”

“เปล่า พี่ชอบเพราะน้องแพรน่ารัก” คนถูกบอกว่าน่ารักทำหน้าไม่เชื่อ “จริงๆ น้องแพรน่ารักจริงๆ ตอนนั้นเหน็บกิน แต่ไม่กล้าปลุกพี่ ให้พี่นอนหนุนตักอยู่อย่างนั้น รอจนพี่ตื่นเอง พี่ไม่รู้จนกระทั่งได้เห็นภาพเซตนี้ พี่ชอบมันมาก แต่น้องแพรไม่อนุญาตให้เอารูปนี้ไปโชว์ใคร สั่งให้ลบ แต่พี่ก็แอบเก็บไว้ดู ตอนหลังน้องแพรมาเห็นก็มีบ่นๆ บ้าง แต่ก็ยอมให้พี่เก็บไว้ แต่กำชับว่าห้ามให้ใครดู...พอจะจำได้มั้ยคะ”

“จำไม่ได้เลยค่ะ มีรูปอื่นอีกมั้ยคะ รูปของคนอื่นๆ น่ะค่ะ” 

คำถามของเหมือนแพรทำให้กัณฑ์รู้สึกเศร้า เพราะเธอไม่เหลือความทรงจำเกี่ยวกับเขาเลย เธอจึงอยากรู้เรื่องราวของคนอื่น แต่แม้จะเศร้า เขาก็พยักหน้าแล้วเปิดรูปของเหมือนแพรกับมารดาของเธอขึ้นมา และนั่นทำให้เหมือนแพรน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว

“น้องแพร...” 

รูปนี้เป็นรูปสุดท้ายที่แม่ลูกได้ถ่ายด้วยกัน แม้คนเป็นแม่จะซูบผอม นั่งอยู่บนรถเข็น แต่ก็มีรอยยิ้มน้อยๆ สายตาเปี่ยมรักมองลูกที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ขณะถ่ายรูปด้วยกัน

“น่าสงสารจัง ทำไมแพรเห็นแล้วรู้สึกเศร้า คนที่นั่งบนรถเข็นเธอป่วยเหรอคะ” เหมือนแพรถามพร้อมกับปาดน้ำตาให้ตัวเอง 

กัณฑ์พยักหน้าให้ ค่อนข้างผิดหวังที่เหมือนแพรจำแม่ตัวเองไม่ได้ ถ้าแม้แต่คนที่น้องรักมากที่สุดเธอยังจำไม่ได้ เขาก็ไม่คาดหวังแล้วว่าเธอจะยังจำใครได้อีกในเวลานี้ 

“เธอเป็นใครคะ เป็นอะไรกับแพร ทำไมแพรถึงได้รู้สึกเศร้าทั้งที่แพรไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร”

“เธอชื่อเหมือนฝัน” กัณฑ์บอกอย่างระมัดระวัง ขณะปล่อยโทรศัพท์มือถือให้น้องเป็นคนถือไว้ ก่อนใช้มือปาดน้ำตาที่ยังไหลไม่หยุดให้น้อง ทั้งที่เธอจำไม่ได้แม้แต่ชื่อแม่ แต่ทำไมจึงร้องไห้และมีสีหน้าเศร้าหมอง แล้วยังรอฟังสิ่งที่เขาจะบอกอย่างตั้งใจ “เธอคือแม่ของน้องแพร แม่ที่รักน้องแพรมาก แล้วน้องแพรก็รักแม่ฝันมาก”  

เหมือนแพรมีอาการอึ้งไปครู่ใหญ่ เหมือนคนที่กำลังกลั้นหายใจ ก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างห้ามตัวเองไม่ได้ มันไม่ใช่การร้องไห้เพราะจดจำได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่เป็นเพราะเธอตกใจว่าทำไมเธอถึงจำคนสำคัญของตัวเองขนาดนี้ไม่ได้ จำแม่ตัวเองไม่ได้ เกิดอะไรขึ้นกับเธอ แล้วเหนือสิ่งอื่นใด ทำไมเธอจึงรู้สึกเศร้า เหงา และว้าเหว่อย่างที่สุดเมื่อเห็นภาพผู้หญิงตรงหน้า 

“อยากเจอ...แพรอยากเจอแม่” นั่นคือความรู้สึกในเวลานี้ เธอปรารถนาสิ่งนี้มากกว่าอะไรทั้งหมด “พี่กัณฑ์แม่อยู่ไหนคะ ขอแพรเจอแม่ได้มั้ยคะ พาแพรไปเจอแม่ได้มั้ยคะพี่กัณฑ์ แพรขอร้อง...แพรอยากเจอแม่ อยากเจอที่สุด”

กัณฑ์อยากให้ในสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ขอ เขาอยากให้เธอสมหวัง...

แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อคนที่เธออยากเจอที่สุดไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว...

 

“ไม่อยู่แล้วเหรอคะ แม่ของแพรตายแล้วเหรอคะ” นั่นคือสิ่งที่เหมือนแพรตีความจากสีหน้าลำบากใจของกัณฑ์ ทั้งที่สมองของเธอว่างเปล่า แต่เธอกลับรับรู้ได้ถึงความสูญเสีย อ้างว้าง และเดียวดาย เธอไม่เข้าใจว่าทั้งที่ยังจำอะไรไม่ได้ แต่ทำไมถึงได้รู้สึกอย่างนี้ เหมือนกับว่าการไม่มีแม่ทำให้เธอเดียวดายบนโลกนี้   

“ไม่เป็นไรนะคะน้องแพร น้องแพรยังมีพี่กัณฑ์” 

เป็นคำปลอบโยนจากคนที่กอดเธอไว้ไม่ยอมปล่อย ยอมให้เธอใช้ไหล่พักพิง ซบแก้มสะอื้นไห้ พูดปลอบโยนซ้ำๆ ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นว่าไม่ได้อยู่ในโลกนี้เพียงลำพัง เธอไม่ได้อยู่ในโลกนี้อย่างเดียวดาย เธอยังมีสามีที่ห่วงใย แสดงออกว่ารักและพร้อมจะปกป้องเธอ 

“พี่กัณฑ์สัญญาว่าจะอยู่กับน้องแพร จะไม่ทำร้ายน้องแพร ไม่ทำให้น้องแพรเสียใจอีกแล้ว...อย่าร้องไห้ อย่าเสียใจเลยนะ น้องแพรไม่มีแม่ แต่ยังมีพี่กัณฑ์” 

คำพูดสุดท้ายเหมือนจะช่วยไล่ความกลัวและความเดียวดายในใจของเหมือนแพรได้ แล้วเหมือนมีภาพความทรงจำบางอย่างปรากฏขึ้นในหัวเธอ ภาพที่ไม่ค่อยปะติดปะต่อ เธอได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของคนหลายคน คนแรกคือแม่ของเธอ แม่มีสภาพเดียวกับในรูปที่กัณฑ์ให้ดูก่อนนี้ นั่นคือเป็นคนป่วย กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงในโรงพยาบาล ใบหน้าแม่ดูเหนื่อย แต่แม่ก็ยิ้มและหัวเราะ 

‘แม่แกล้งแพรทำไมคะ เลอะหมดเลย...ยังมาขำอีก พี่กัณฑ์ก็ด้วย ห้ามขำนะคะ’

สิ่งที่ทำให้แม่ยิ้มกว้างและหัวเราะได้ขนาดนี้ก็เพราะหน้าของเธอเปรอะไปด้วยครีมแต่งหน้าเค้ก เธอจำเหตุการณ์นี้ได้แล้ว จำได้ว่าเธอกำลังถือเค้กให้กัณฑ์จุดเทียน อยู่ๆ แม่ก็จามเสียงดังจนเธอตกใจยกเค้กทั้งก้อนโปะหน้าตัวเอง ตอนแรกแม่และกัณฑ์ก็ดูตกใจ จากนั้นก็พากันหัวเราะ 

‘ถ้ายังไม่หยุดขำกัน แพรจะร้องไห้จริงๆ แล้วนะ ทั้งสองคนเลย’

‘โอ๋ๆ ลูก...ขอโทษจ้ะ แม่ไม่ขำแล้ว คุณกัณฑ์ก็ห้ามขำลูกสาวแม่นะคะ พอได้แล้ว เกิดน้องแพรร้องไห้มาพวกเราจะยุ่งกันใหญ่นะ คุณรู้มั้ยคะถ้าลูกสาวแม่ร้องไห้แล้วหยุดยากค่ะ เด็กคนนี้ขี้แย’

‘ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย แพรไม่ได้ขี้แยนะแม่’ หันไปหาแม่บนเตียง ก่อนจะหันมาหาคนที่กำลังช่วยเธอเช็ดคราบครีมเค้กออกจากแก้มและผม ใบหน้าอมยิ้มของเขาทำให้เธอต้องรีบอธิบาย ‘แพรไม่ได้ขี้แยนะพี่กัณฑ์ อย่าไปเชื่อแม่นะ แพรจะร้องไห้เฉพาะที่จำเป็น ถ้าแม่ไม่แกล้งแพรต่อ แพรก็ไม่ร้องหรอก จริงๆ นะคะ’

‘คร้าบ’ เสียงตอบรับนั้นลากยาวและมีแววเย้า ทำเอาคนที่ไม่อยากให้พี่คิดว่าเธอขี้แยร้อนใจ หันไปหาแม่แล้วโวยวายเบาๆ ว่าเพราะแม่พูดอย่างนั้นทำให้พี่กัณฑ์ไม่เชื่อ ‘พี่เชื่อ’

‘เชื่อใครคะ เชื่อแม่ฝัน หรือเชื่อแพร’

‘พี่เชื่อ...แม่ฝัน’ คำพูดนั้นทำให้คนไม่มีพวกหน้าคว่ำทันที ในขณะที่คนเป็นแม่ยิ้มกว้างขึ้น เอ็นดูลูกสาวที่ผิดหวังเพราะคิดว่าพี่กัณฑ์จะเอาใจ 

‘ไม่ได้นะ พี่กัณฑ์ต้องเชื่อแพรสิคะ จะไปเชื่อแม่ได้ไง’

‘ก็พี่กัณฑ์เป็นผู้ชายที่อยู่เป็นไงจ๊ะลูก’

‘อยู่เป็นยังไงคะ’ ในขณะที่เหมือนแพรเอ่ยถาม กัณฑ์ก็ยังไม่มีทีท่าจะตอบ ชายหนุ่มยังคงตั้งใจใช้กระดาษเช็ดคราบครีมเค้กให้หญิงสาว เมื่อเขาไม่ตอบ เธอจึงหันไปหาแม่ ‘อยู่เป็นยังไงคะแม่ฝัน’

‘ก็พี่กัณฑ์ของหนูกำลังทำคะแนนกับแม่’ คนเป็นแม่บอกด้วยสีหน้าของคนที่มีความสุข ในขณะที่ลูกสาวทำหน้างง แต่ก็ยังยืนนิ่งๆ ให้กัณฑ์ช่วยเช็ดหน้าให้ ‘ก็พี่กัณฑ์มาขอลูกสาวกับแม่ก็ต้องเอาใจแม่สิจ๊ะ’

‘ขอลูกสาวแม่ฝัน?’ 

‘เอาเป็นว่าแม่ตัดสินใจยกหนูให้พี่กัณฑ์แล้วนะลูก คราวนี้ก็อยู่ที่หนูแล้วละว่าจะยอมแต่งงานกับพี่เขามั้ย…ทำไมทำหน้าอย่างนั้นจ๊ะน้องแพร อย่าบอกนะว่ากัณฑ์ยังไม่ได้คุยกับน้อง?’

‘ครับ ผมว่าจะมาขออนุญาตแม่ฝันก่อน...แล้วค่อยคุยเรื่องนี้กับน้องแพร’

‘อ้าว ตายจริง กลายเป็นแม่ที่ทำเสียเรื่อง แต่ยังไงก็บอกไปแล้ว ตกลงหนูจะยอมแต่งงานกับพี่กัณฑ์มั้ยลูก เอาเป็นตกลงแล้วนะ ดีจังแม่จะได้อุ้มหลานไวๆ ตกลงตามนี้นะจ๊ะลูก...ทำไมนิ่งไปเลยจ๊ะ ตากัณฑ์ช่วยเช็กหน่อย ลูกสาวแม่ยังหายใจอยู่มั้ย...แพร...เหมือนแพร...น้องแพร’

...

“แพร...น้องแพร” เสียงเรียกของกัณฑ์ซ้อนทับกับเสียงเรียกของแม่ในความทรงจำ แม้เสียงชายหนุ่มจะไม่ได้ดังเท่าเสียงของแม่ แต่ก็ดังพอจะทำให้เหมือนแพรหลุดออกมาจากภวังค์ “เป็นอะไรรึเปล่า...ทำไมแพรตัวเย็นแบบนี้ ให้พี่เรียกหมอมั้ย” 

“แม่...” คำหลุดปากของเหมือนแพรทำให้กัณฑ์รอฟัง ขณะที่เขายังคงกุมมือที่เย็นจัดของเธอไว้ด้วยความห่วงใย “แม่ได้อยู่ในวันที่แพรแต่งงานมั้ยคะ แม่ได้อุ้มหลานมั้ย...แพรมีลูกให้แม่ได้มั้ยคะ” 

พร้อมคำถามที่ถามออกไป ภาพภาพหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในหัว ภาพในวันที่เธอใช้ที่ตรวจการตั้งครรภ์ ภาพที่ผลตรวจขึ้นมาสองขีด เธอจำได้ว่าเธอดีใจมาก ได้ยินเสียงของตัวเองพูดขึ้นขณะเอาที่ตรวจการตั้งครรภ์เข้ามาแนบหัวใจ 

‘แม่ขา...แพรท้องแล้ว แพรมีหลานให้แม่ได้แล้ว...แพรดีใจ...ต้องบอกพี่กัณฑ์...พี่กัณฑ์จะต้องดีใจ’ 

เหมือนแพรจดจำความตื่นเต้นในตอนนั้นได้ 

ความตื่นเต้นที่ส่งมาถึงเธอในเวลานี้ 

‘จะบอกพี่กัณฑ์ยังไงดี โทร. หา...ไม่ได้สิ ต้องเซอร์ไพรส์ ต้องรอพี่กัณฑ์กลับบ้าน ต้องหาริบบิ้น ต้องผูกโบ’...

“แพรท้อง...” สิ่งที่จำได้ทำให้หญิงสาวมีรอยยิ้ม แววตาเธอดูดีใจและมีความสุข นั่นคือสิ่งที่กัณฑ์รู้สึกได้ “แพรท้องใช่มั้ยคะพี่กัณฑ์...แพรท้อง...”

“ครับ... ตอนนี้น้องแพรกำลังท้อง” กัณฑ์บอกอย่างระมัดระวัง ก่อนจะหยิบที่ตรวจการตั้งครรภ์ออกมาจากถุงข้างเตียง ส่งให้ถึงมือน้องที่รับไปอย่างดีใจ ยิ่งเห็นเธอดีใจเขายิ่งรู้สึกแย่  

“แพรเซอร์ไพรส์พี่กัณฑ์ด้วย” คำพูดนั้นบอกกัณฑ์ว่าน้องเริ่มจำสิ่งต่างๆ ได้ “แพรจะเซอร์ไพรส์พี่กัณฑ์ แพรทำสำเร็จมั้ยคะ พี่กัณฑ์เซอร์ไพรส์มั้ย”

ในขณะที่เหมือนแพรเฝ้ารอคำตอบด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง กัณฑ์กลับพูดไม่ออก เขาจะบอกได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนทำลายเซอร์ไพรส์นั้นเอง เขาเป็นต้นเหตุที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ เขาจะเริ่มจากตรงไหน จะอธิบายให้น้องเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร มันไม่ยากที่จะพูดความจริง แต่มันยากที่จะอธิบายโดยที่เขาจะไม่ทำให้เธอเจ็บปวด แล้วความเจ็บปวดนั้นอาจส่งผลให้เขาต้องสูญเสียเธอ

“แพรทำไม่สำเร็จเหรอคะ” น้องมีสีหน้าผิดหวัง แล้วก็หน้าเสียเมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของสามี “พี่กัณฑ์ไม่ดีใจเหรอคะที่มีลูกกับแพร” 

 

การได้เห็นรอยยิ้มของน้องดูจะเป็นสิ่งที่กัณฑ์ต้องการที่สุดในเวลานี้ ทุกครั้งที่น้องยิ้มให้ ใจเขาจะพองฟู ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยสนใจว่าคำพูด หรือการกระทำของเขาจะทำให้เธอแสดงสีหน้าอย่างไร แต่นับจากวันนี้เขารู้แล้วว่ามันสำคัญ เขายอมแลกทุกอย่างขอแค่น้องยิ้มให้เขาอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ เธอยิ้มอย่างดีใจเมื่อเขาบอกว่า เขาเซอร์ไพรส์และดีใจที่เธอตั้งท้อง 

“พี่กัณฑ์อยากได้ลูกชายหรือลูกสาวคะ” เหมือนแพรถามขณะที่มือยังกุมที่ตรวจการตั้งครรภ์ไว้อย่างเห็นว่ามันเป็นสิ่งสำคัญ “หรือว่าผู้หญิงก็ได้ผู้ชายก็ได้คะ” 

กัณฑ์อยากตอบในทันทีที่น้องตั้งคำถาม แต่เขาพูดไม่ออก เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นตัวเองตอบว่าอะไร แต่ที่จำได้คือเขายังไม่พร้อมจะมีลูก ยังไม่แน่ใจในหลายๆ เรื่อง คำตอบที่ให้น้องในตอนนั้นก็แค่พูดเพื่อรักษาน้ำใจเธอ  

“แล้วตอนนั้นแพรบอกพี่กัณฑ์มั้ยว่าแพรอยากได้ลูกสาว หรือลูกชาย” เหมือนแพรเปลี่ยนคำถามหลังจากหน้าเสียเล็กน้อยเมื่อกัณฑ์ยังไม่ตอบ เธอมักเป็นอย่างนี้เสมอ ถ้าเธอชวนกัณฑ์คุย แล้วเขาไม่ตอบสนอง เธอจะตีความเอาเองว่าชายหนุ่มไม่อยากคุยเรื่องนี้ ความที่อยากรักษาน้ำใจเขาจึงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย 

และถ้าเขายังแสดงออกอย่างเดิม ยังคงเงียบ ก้มหน้าทำงานต่อ หรือสนใจโทรศัพท์ เธอก็จะก้มหน้าจ๋อยๆ แล้วเป็นฝ่ายเงียบไปเอง เหมือนที่ทำในเวลานี้ 

ตอนนี้เขากลับรู้สึกเจ็บในอก เห็นความเลวร้ายที่ตัวเองเคยทำลงไป ทั้งที่น้องดูน่าสงสารขนาดนี้ ทำไมตอนนั้นเขาถึงมองไม่เห็น

“พี่อยากได้ลูกชาย” 

คำพูดของกัณฑ์เรียกสายตาคนก้มหน้าจ๋อยขึ้นมาได้ เหมือนแพรยิ้มรอฟังเหตุผลราวกับว่าสำคัญนัก 

ก่อนหน้านี้มันอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับเขา แต่นับจากนี้เขาจะให้ความสำคัญ มันคือคำตอบที่เขาได้จากการถามตัวเองในตอนนี้ 

“ลูกคนแรกพี่อยากได้ผู้ชาย เราสองพ่อลูกจะได้ช่วยกันดูแลแม่ เวลาพี่ไปทำงาน พี่จะบอกลูกชายพี่ว่า ช่วยดูแลแม่ให้พ่อด้วยนะ อย่าให้ใครมารังแกแม่นะ ถ้าใครมารังแกแม่ก็ให้จัดการได้เลย ถ้าพ่อทำไม่ดีกับแม่ ก็ให้ลูกชายจัดการพ่อได้เลย”  

“ไม่ดีหรอกค่ะ จะสอนให้ลูกทำไม่ดีกับพ่อไม่ได้ค่ะ แล้วแพรว่าพี่กัณฑ์ไม่มีทางทำไม่ดีกับแพรหรอกค่ะ”

“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะ แพรจำไม่ได้ไม่ใช่เหรอ พี่กัณฑ์อาจจะทำร้ายกาจกับแพรมากก็ได้”

“ไม่หรอกค่ะ” หญิงสาวตอบได้ในทันที “แพรยังจำอะไรไม่ได้มากก็จริง แต่แพรรู้สึกได้ว่าแพรรักพี่กัณฑ์ ตอนนี้พี่กัณฑ์ก็ใจดีกับแพรมากๆ พี่ดูใส่ใจแพร แพรจะต้องเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดแน่เลย” 

แววตาน้องบอกว่าเชื่ออย่างนั้น นั่นทำให้กัณฑ์ยิ่งรู้สึกแย่ เขาอยากบอกความจริงว่าเขาไม่ได้ดีกับเธออย่างนั้น แล้วเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่มีความสุขที่สุด แต่เป็นคนที่น่าสงสารที่สุด 

“แล้วแพรได้บอกพี่กัณฑ์มั้ยคะว่า แพรอยากได้ลูกสาวหรือลูกชาย” 

“บอกค่ะ” ชายหนุ่มตอบได้เร็วขึ้น เขาเริ่มตระหนักได้แล้วว่าถ้าเขามัวแต่คิดโทษตัวเอง ต่อให้รู้สึกผิดอย่างไรก็คงไม่มีประโยชน์ ถ้าเขาไม่พยายามจะเปลี่ยนแปลง อดีตแก้ไขไม่ได้ แต่อนาคตและปัจจุบันนี้ต่างหากที่สำคัญ “บอกเหตุผลด้วยว่าทำไม แพรลองเดาดูสิคะ ถ้าเป็นแพรตอนนี้จะอยากมีลูกสาวหรือลูกชาย” 

“ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ได้ค่ะ เพราะไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชายก็คือลูกของแพรกับพี่กัณฑ์ แพรจำอะไรไม่ได้มาก แต่แพรจำความรู้สึกตอนที่รู้ว่าตัวเองท้องได้ค่ะพี่กัณฑ์ รู้ว่าตัวเองดีใจมาก แล้วคิดว่าต้องบอกข่าวดีกับแม่กับพี่กัณฑ์” 

กัณฑ์ไม่ได้ประหลาดใจกับสิ่งที่น้องบอก เพราะสำหรับผู้หญิงคนนี้เขากับแม่ของเธอคือที่หนึ่ง  

“แล้วแพรบอกแม่รึยังคะ ได้ไปบอกแม่รึยัง...ไม่ได้สิ แม่ไม่อยู่แล้ว แพรจะไปบอกแม่ได้ยังไง...แต่ทำไมแพรรู้สึกว่าต้องไปบอกแม่”

“ปกติถ้ามีเรื่องอะไร แพรจะไปหาแม่ฝันที่สุสาน” คำพูดนั้นทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์มีรอยยิ้มอีกครั้ง “แพรน่าจะยังไม่ได้ไปบอกแม่ เพราะแพรเพิ่งรู้ว่าท้อง คงจะรอบอกพี่ แล้วค่อยให้พี่พาไปบอกข่าวดีที่สุสานแม่ฝัน” 

“งั้นพี่กัณฑ์พาแพรไปสุสานแม่ฝันหน่อยได้มั้ยคะ ไปเลยได้มั้ย แพรอยากบอกแม่” ถ้ามีข่าวดีอะไรเข้ามาในชีวิตเหมือนแพรจะเป็นอย่างนี้เสมอ กระตือรือร้นที่จะไปไหว้แม่ที่สุสาน เมื่อไปถึงก็จะทำความสะอาดป้ายหลุมศพแม่ พร้อมกับหาดอกไม้ไปเปลี่ยนให้ นั่งคุยเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในชีวิต “ไม่ได้เหรอคะ” 

“ได้สิคะ” กัณฑ์รีบตอบ “แต่ต้องรอให้คุณหมออนุญาตก่อนนะ วันนี้พี่จะให้คุณหมอตรวจแพรอย่างละเอียด จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแพร ทำไมอยู่ๆ แพรถึงจำอะไรไม่ได้” 

เมื่อพูดถึงตรงนี้สีหน้าเหมือนแพรดูเปลี่ยนไป เธอพยายามคิดหาคำตอบให้แก่พี่กัณฑ์ของเธอ 

“แพรไม่รู้...” เธอเหมือนเด็กที่กลัวถูกทำโทษ “แพรไม่รู้ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...ขอโทษค่ะ”

“น้องแพร...” กัณฑ์เอื้อมมือไปแตะแก้มคนที่ทำท่าจะร้องไห้อย่างรู้สึกผิดที่เธอให้คำตอบนี้ไม่ได้ “ไม่เป็นไร แพรไม่ผิด ไม่ต้องขอโทษ คนที่ผิดคือพี่ พี่เป็นคนทำให้เกิดเรื่องนี้ เป็นคนทำให้แพรต้องขับรถออกมาจากบ้าน...จนเป็นแบบนี้” 

“ขับรถออกจากบ้าน?” 

เหมือนแพรทวนคำ มีภาพหนึ่งปรากฏขึ้นในหัว แสงไฟ เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ที่คลอมากับเสียงสะอื้นของใครบางคนซึ่งสัญชาตญาณบอกว่าเป็นเสียงของเธอเอง เธอที่กำลังขับรถด้วยความเร็ว รับรู้ได้ว่าเบื้องหลังมีสิ่งที่ทำให้เธอตื่นกลัว และเป็นเหตุผลที่ทำให้อยากหนีไปให้ไกล เธอกำลังหนีอะไรบางอย่าง บางอย่างที่เลวร้าย  

“น้องแพร! น้องแพรครับ มองพี่ ใจเย็นๆ มองพี่!” กัณฑ์สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ น้องตัวเย็นเฉียบและสั่นไปหมด เธอยกมือปิดหูตัวเอง สีหน้าตื่นกลัว ทั้งที่สายตาเธอมองมาที่เขา แต่ดูราวกับมองไม่เห็นเขาอยู่ตรงนั้น 

“หมอ! หมอช่วยด้วย!” กัณฑ์ร้องเรียกอย่างตกใจ ในขณะที่กอดหญิงสาวไว้ไม่ให้เธอดิ้นหนีจนตกเตียง มืออีกข้างก็เอื้อมไปกดปุ่มเรียกแพทย์ ตะโกนไปด้วย “ช่วยเมียผมด้วย! ช่วยเมียผมด้วย!” 

“ไม่...ไม่จริง...ไม่จริง...แพรไม่เอาแบบนี้” 

หญิงสาวที่กัณฑ์กอดไว้ยังคงผวาหนีสิ่งที่เขามองไม่เห็น แต่เมื่อหนีไม่พ้นเธอจึงมีอาการตัวเกร็งและชัก! 

“ไม่จริง! ไม่จริง! กรี๊ด--ดดด!” 

เสียงกรีดร้องนั้นดังสุดเสียง ก่อนที่เจ้าของร่างบอบบางนั้นจะสิ้นสติไป เป็นจังหวะเดียวกับที่หมอและพยาบาลเข้ามาถึงตัว กัณฑ์ถูกกันออกห่าง แม้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในคืนนั้น แต่เขามั่นใจว่าสาเหตุมาจากตัวเขา คำพูดเขากระตุ้นให้เหมือนแพรเป็นอย่างนี้ 

“คนไข้หยุดหายใจ! เตรียมเครื่องปั๊มหัวใจ!”

อย่าทิ้งพี่ไปแบบนี้นะแพร...ขอร้องอย่าทิ้งพี่ไป...

ขอโทษ...พี่กัณฑ์ขอโทษ...ขอโทษที่รัก...อย่าทำอย่างนี้

ทั้งที่รู้ว่าการจากไปอย่างนี้มันอาจจะดีที่สุดสำหรับคนที่ต้องเจ็บปวดเพราะเขา อาจจะทำให้น้องไม่ต้องกลับมาเสี่ยงว่าเขาจะทำได้อย่างที่สัญญาไหม แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็อยากเห็นแก่ตัว อยากอ้อนวอนขอโอกาสอีกครั้ง เขาจะไม่ทำพลาดอีก เพราะเวลานี้เขารู้แล้วว่าหญิงสาวคนนี้สำคัญแค่ไหน เพียงคิดว่าเธอจะไม่อยู่ตรงนี้ ใจเขาก็แทบสลาย 

อย่าทิ้งพี่ไป...ขอร้อง ให้โอกาสพี่

ให้โอกาสพี่ได้แก้ไข...น้องแพรได้โปรด...อยู่กับพี่

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น