12

ตอนที่ 12


 

            ตอนที่ ๑๒

           

“แล้วทำไมไม่มีใครแจ้งฉัน!”

            รัชนกโวยวายเมื่อมาถึงสตูดิโอแล้ว เพิ่งรับรู้ว่าคนที่จะมาเป็นพิธีกรคนใหม่ไม่ใช่คนที่ตัวเองคิดว่าจะมาแทน แต่เป็นมุลิลา

            “แจ้งแล้วครับ ส่งเมลให้รับทราบทุกแผนก ได้เปิดอ่านปะ” อัศวินพูด

“เปิด” รัชนกตอบไม่เต็มปากนัก

“เปิดอ่านผ่านๆ เพราะเห็นว่าเป็นเมลจากครีเอทิฟไก่กา ไม่เคยคิดจะสนใจ” ครีเอทิฟหนุ่มประชด

            “แต่ยายนั่นไม่เคยมีโพรไฟล์ ไม่เป็นที่รู้จัก ไม่เคยทำ...พังแน่! อีกอย่างวันนี้น่ะ ซัปพลายเออร์ก็กำลังจะมาดูซ้อมของพิธีกรคนใหม่ที่จะมาแทนจอห์นนี่กับอริสราด้วย”

“ถึงต้องให้ซ้อมไง”

“ซ้อมแค่นี้ ยังไงก็ไม่พอ”

“มีแต่การคาดเดา ยังไม่เห็นผลงานเลย ต่างคนต่างทำหน้าที่ดีกว่าปะ ดูแลซัปพลายเออร์ ที่เหลือเป็นหน้าที่ผม”

พอเขาพูดจบ รัชนกก็ไม่พอใจเดินออกไปทันที อัศวินมองตามอย่างๆ เซ็ง แต่ก็นึกกังวลอยู่เหมือนกัน เขาหันกลับ เจอมุลิลายืนอยู่ก็สะดุ้งตกใจ

“กลัวฉันทำพังหรือเปล่า” มุลิลาถามตรงไปตรงมา เขาถอนใจ

“ว่ากันตรงๆ เลยนะ...กลัว”

“กลัวแล้วยังจะยืนบื้ออยู่อีกทำไม...ทำให้ฉันทำให้ได้สิ”

อัศวินอึ้งเมื่อเห็นความเอาจริงเอาจังในสายตาของมุลิลา

“ฉันสู้! ไม่มีถอย!” เธอว่า

            “เออ มันต้องอย่างนี้สิป้า” ความมุ่งมั่นของมุลิลาได้ใจอัศวินไปเต็มๆ ทั้งสองรีบเดินกลับเข้าไปที่สตูดิโอ เพื่อเตรียมงานอย่างตั้งใจ

            อัศวินพามุลิลามายืนอยู่กลางฉากใน รายการ ‘WHAT A WOW! ว้าว! สุดๆ!’ เพื่ออธิบายรายละเอียดทุกอย่าง ลูกพีชเดินเข้ามาสมทบช่วยด้วยอีกคน

“เดี๋ยวพอป้าทักทายผู้ชม นำเข้ารายการแล้วก็ต่อด้วยนำเข้าสินค้าปุ๊บ ทีมงานค่อยเข็นรถเข็นที่มีสินค้าวางอยู่เข้ามานะ จะไม่เซตไว้ก่อน เอาแค่ช่วงนี้ก่อน ทำตัวสบายๆ เป็นเพื่อนกับผู้ชม มาชวนคุย เมาท์มอย ไม่ต้องสคริปต์เป๊ะมากก็ได้”

“จำสคริปต์ได้แล้วใช่มั้ยคะ” ลูกพีชถามมุลิลา

“เป๊ะมาก” คนตอบทำมือโอเค

“เอ้า งั้นลองดู สมมุตินับห้า..สี่...สาม...สอง...ออนแอร์!” ทั้งสองเห็นมุลิลายกมือไหว้สวัสดี ยิ้มกว้าง อัศวินและลูกพีชลุ้น แต่แล้วสุดท้ายมุลิลายังคงยิ้มค้างอยู่เช่นนั้น

           

ระหว่างที่มุลิลากับอัศวินกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทาย ดอลลี่ก็เรียกหมอนวดประจำตัวมาคลายปวดคลายเมื่อยในห้องทำงาน หลังจากผจญเวรกรรมไม่คาดฝันมาหลายเรื่องแล้ว หวังว่าจะสบายใจสักครึ่งชั่วโมง ทว่ารัชนกก็เปิดประตูห้องทำงานผลัวะเข้ามา ปรี่เข้ามาโวยวายเรื่องมุลิลาเป็นพิธีกรรายการขายสินค้า แต่ดอลลี่ก็ยืนยันว่ามุลิลานั้นใช้ได้

            “แต่แม่นั่นไม่มีประสบการณ์นะคะ เดี๋ยวจะทำพังกันหมด” รัชนกพูดต่อ

“ใช่ว่ามู่ลี่จะไม่เคยผ่านงานพิธีกรขายของ ฉันมั่นใจว่าเพื่อนฉันทำได้” ดอลลี่พูดอย่างมั่นใจ

“ขายอะไรคะ” รัชนกเอียงคอถามอย่างสงสัย

ดอลลี่นิ่งไปแล้วนึกถึงเรื่องในอดีต...เมื่อสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่มุลิลา ต้องตา และดอลลี่ยังเป็นเพื่อนสาวตัวติดกันอยู่นั้น ทั้งต้องตากับดอลลี่ก็รู้ดีว่ามุลิลาเป็นฝ่ายหาเงินเข้าคณะหรือชมรมเก่งขนาดไหน เรียกว่างานไหนที่มีออกร้านขายของ มุลิลามักจะเป็นคนที่เรียกยอดขายให้ร้านได้เสมอ หรืออย่างตอนงานลอยกระทง ต้องตามีความคิดจะทำกระทงขายให้เพื่อนนักศึกษาที่เดินผ่านไปมา

‘กระทงที่ทำจากใบตอง เราก็มีชาววังขนานแท้มาประดิษฐ์กระทง ขนาดกะทัดรัด เหมาะมือ จะลอยเดี่ยวหรือลอยเป็นคู่ก็ได้ ตามศรัทธา’ มุลิลาร้องเรียกลูกค้าให้เข้าร้าน มีต้องตากำลังประดิษฐ์กระทงอย่างสวยงาม ส่วนดอลลี่ก็ยืนช่วยขายอยู่ ดอลลี่หันมายื่นกระทงขนมปังให้มุลิลา

             ‘ส่วนกระทงขนมปัง เราก็มีให้เลือก จะโฮลวีตหรือธรรมดาก็แล้วแต่สะดวกใจ นาทีทองค่ะ นาทีทอง ใครที่ยังโสด ซื้อภายในห้านาทีนี้ ทางเรามีโพรโมชัน ซื้อกระทงแถมกะเทย เอ๊ย...แถมคนไปลอยเป็นเพื่อนฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย’

ดอลลี่ออกมาเสนอหน้าเป็นตัวแถมทันที นักศึกษาที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นแล้วรีบเดินผ่านไปเลยไปทันที มุลิลาเลยบอกให้เพื่อนไปขายอย่างเดียวอย่าเจ๋อขึ้นมาอีก

            ดอลลี่นึกถึงความหลังวัยหวานก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เพราะทำให้คิดได้ว่าสมัยก่อนตอนที่อายุแรกรุ่นนั้น ตนเองกับเพื่อนได้ทำเรื่องสนุกๆ ร่วมกันมากมาย

“เอาเป็นว่า...มุลิลาทำได้...โอเคนะ จบ! ไปทำงานของเธอ เชิญ! อย่ามาขัดจังหวะ...กำลังฟิน! หมอ ต่อ!” ดอลลี่หันมาตัดบทใส่รัชนกที่สุดท้ายก็เจ็บใจออกไป ในขณะที่ดอลลี่แกล้งเล่นใหญ่ให้หมอนวดนวดแรงๆ แล้วทำท่าสบายใจใส่รัชนกที่หันมามองค้อนทิ้งท้าย

“แรงอีกหมอ แรงอีก เอาอีก นั่น! โอว! โอว เยส!”

แต่พอรัชนกเดินลับตาไป ดอลลี่ก็หยุด และคิดกังวลว่าต่อไปจะเอาไงดี

 

ที่สตูดิโอในเวลาเดียวกัน อัศวินกับลูกพีชยังคงมองมุลิลาอย่างมีความหวัง ในขณะที่หญิงสาวที่ยิ้มอยู่หน้ากล้องนั้น สีหน้าค่อยๆ เจื่อนลง อัศวินจึงรู้ได้ว่ามันไม่ได้เรื่อง

            “คัต ป้า! ทำไมไม่พูด” อัศวินตะโกนสั่งทีมงานแล้วหันมาทางมุลิลา

            “คือ...” หญิงสาวพูดได้แค่นั้น

“พิธีกรต้องพูดขายของ ไม่ได้ให้มายืนขายยิ้ม” ชายหนุ่มว่าอีก

“ฉัน...” มุลิลาอึกอัก

“ทำไม่ได้?” อัศวินถามหน้าเครียด

“วิน ใจเย็นๆ ป้าเค้าอาจจะตื่นกล้อง” ลูกพีชพูดแทรกขึ้นเพื่อรักษาสถานการณ์

“ใช่...คือ...” มุลิลาพยายามจะอธิบายเหตุผล ทว่าอัศวินก็ขัดขึ้นมาก่อน

“คือถ้าทำไม่ได้ ก็บอกมาเลยว่าทำไม่ได้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาซ้อม ผมจะได้หาวิธีแก้ปัญหา ไปบอกพี่ดอลลี่ซะตั้งแต่ตอนนี้ว่า...มันไม่ได้ผล”

คำพูดของชายหนุ่มเป็นในจังหวะเดียวกับที่รัชนกเดินกลับเข้ามาพอดี

“ฉันว่ารีบไปบอกพี่ดอลลี่เถอะว่าอย่าเชื่อมั่นในตัวเพื่อนจนเกินไปนัก ใช้มืออาชีพมาทำงาน ดีกว่าให้พวกไก่กามาทำพัง อย่าเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย” รัชนกรีบพูดอย่างสะใจ

ทุกคนอึ้งเงียบ ทว่าคำพูดนั้นกลับจุดไฟในใจของมุลิลา คนที่ยืนอยู่หน้ากล้องหันไปมองอัศวินด้วยสีหน้าและแววตาที่ต่างไปจากเดิม

“ด่ามา!”

“อะไรนะ?” อัศวินและทุกคนงง

“ประสาทหรือเปล่าเธอ! จู่ๆ ก็สั่งให้คนอื่นด่า” รัชนกมองมุลิลาตั้งแต่หัวจดเท้า แต่คนถูกมองไม่สนใจ

“ด่าฉันมาเยอะๆ เอาให้เจ็บๆ แบบกรีดหัวใจ ทนฟังไม่ได้ ขาดใจตายทันที...ด่ามา!”

            “ด่าอะไร ด่าทำไม!” ครีเอทิฟหนุ่มถาม

“ฉันต้องการความเจ็บปวด!”

            “ผมไม่ด่าผู้หญิง” เขาว่า

            “งั้นคิดว่าฉันเป็นกะเทย”

“เพศไหนก็ไม่ด่า ถ้าไม่จำเป็น”

มุลิลาเขวี้ยงของใส่อัศวิน “จะด่าได้ยัง! ไอ้ตี๋!”

การกระทำของเธอเล่นเอารัชนก ลูกพีชและทุกคนเหวอไป หันกลับไปมองอัศวินเป็นตาเดียว การยั่วโมโหของมุลิลาได้ผล ชายหนุ่มทนไม่ไหวตะโกนกลับมา

“เฮ้ย! ประสาทเปล่าป้า...ปลวก!” มุลิลากำหมัดแน่น เกิดแรงฮึด พูดตามที่ท่องมาจากสคริปต์เป๊ะ ลื่นไหล เป็นธรรมชาติแถมใบหน้ายังยิ้มแย้ม

“สวัสดีค่ะคุณผู้ชม พบกับรายการสดของเรา WHAT A WOW! ว้าว! สุดๆ! เป็นประจำทุกวันเวลาบ่ายสองเป๊ะ!” อัศวินและทุกคนอึ้ง ที่จู่ๆ มุลิลาก็พูดปร๋ออย่างมั่นใจ ดอลลี่โผล่มาจากมุมหนึ่ง แอบมองมุลิลาอย่างพอใจ

“มันต้องอย่างนี้!” ดอลลี่ดีดนิ้วเป๊าะ แล้วเดินฮัมเพลงออกไปอย่างอารมณ์ดี

            “ป้านี่มหัศจรรย์ไปแล้ว” อัศวินบ่นยิ้มๆ แล้วส่ายหน้า ชายหนุ่มเริ่มโล่งใจ

“แต่วันนี้ความว้าวของเราจะแปลกและแตกต่างไป เพราะดิฉันเอง โฮะๆ ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะคะ ดิฉันมุลิลา!” มุลิลาที่อยู่หน้ากล้องยังคงทำหน้าที่อย่างคล่องแคล่ว ถึงตรงนี้ในสคริปต์วงเล็บไว้ว่า โพสต์ท่าว้าวๆ ประกอบ

อัศวินที่อยู่หลังกล้องมองมุลิลารอดูเธอท่าโพสต์ว้าวๆ ลุ้นว่าจะทำได้ไหม ลูกพีชกับรัชนกเองก็จ้องตาเขม็งเช่นเดียวกัน พอได้เวลามุลิลาก็โพสท่าตามสคริปต์ทันที และเธอก็โพสได้อย่างเซ็กซี่สุดๆ จนอัศวิน ลูกพีชและทุกคนในสตูดิโอยกเว้นรัชนกร้อง...ว้าว! แล้วอ้าปากค้าง

            “เยี่ยมเลย” ลูกพีชตบมือร้องอย่างดีใจ เมื่อสิ้นสุดการซ้อมบท

อัศวินไล่ให้มุลิลาไปเตรียมตัวแต่งหน้าทำผม พออยู่หลังกล้องมุลิลาก็ตื่นเต้นขึ้นมาอีก เกิดมือไม้สั่นขึ้นมา เธอหันไปถามความเห็นลูกพีชเกี่ยวกับการทำหน้าที่พิธีกรของตน

“เมื่อกี้นี้พอได้ใช่มั้ยลูกพีช”

“ไม่พอค่ะ” สิ่งที่ลูกพีชตอบทำให้มุลิลาอึ้งหน้าเสีย แต่คนพูดกลับยิ้มกว้างขึ้นแล้วพูดต่อ

“แค่คำว่าพอได้คงไม่พอ...มันเลิศเลอเว่อร์วังมากเลยค่ะป้า ว้าย!”

มุลิลายังไม่ทันตอบ อั๋นก็เดินเข้ามากระแทกกระเป๋าเครื่องสำอางของตัวเองดังโครม

“โอ๊ย! หนวกหูอีชะนีเล่นใหญ่!”

อั๋นหันมองลูกพีชตาเขียว ลูกพีชมองตอบ ไม่กลัว ต่างกับคนทั้งห้องกลัวที่กลัวทั้งคู่จะตบกันอีก มุลิลาที่อยู่ตรงกลางเห็นสถานการณ์เริ่มไม่ดีชักหน้าเสีย หญิงสาวลุกขึ้นยืนมองคู่กรณีทั้งสอง

“จะตบกันมั้ย จะได้หลบให้” มุลิลาถามอย่างเกรงใจ

อั๋นกับลูกพีชตอบพร้อมกันว่า “ไม่ฮ่ะ!”

“เสียมือ!” ลูกพีชว่า

            “ซวยชีวิต!” อั๋นตอกกลับ แล้วทั้งคู่ก็สะบัดบ๊อบไปอยู่คนละมุม มุลิลาจึงทิ้งตัวลงนั่งเหมือนเดิม ถอนใจโล่งอก

“แล้วยังไงต่อ” เธอถามขึ้น

“แต่งหน้าทำผมตามคอนเซปต์ เดี๋ยวสไตลิสต์จะประโคมให้ป้าเองค่ะ อ้อ...” ลูกพีชพูดๆ แล้วนึกขึ้นได้หันไปหาทีมเสื้อผ้า

“ช่วยหาวิธีปิดแผลแบบแนบเนียนให้ด้วยนะ” พอพูดจบลูกพีชสะบัดบ๊อบเดินออกไป อั๋นมองตามลูกพีช ค้อนให้ ก่อนจะหันมาเมาท์กับมุลิลา

“หนูไม่อยากจะเมาท์นะป้า อีนังลูกพิษนั่นน่ะ อย่าไปสนิทกับมันมาก มัน...”

แต่ยังพูดไม่ทันจบมุลิลาก็ตัดบท

“ขอไม่คุยเรื่องนี้ได้ปะคะ คือจะสนิทหรือไม่สนิทกับใคร ขอตัดสินใจเอง”

อั๋นอึ้งค้างกลางอากาศ

            “คือไม่ชอบนินทาใครลับหลังน่ะ เข้าใจฉันนะ ลงมือกันเลยมั้ย”

มุลิลาพูดต่อแล้วขยับนั่งเตรียมพร้อมให้แต่งหน้า ด้านอั๋นขมุบขมิบปากเก็บความไม่พอใจมุลิลาเอาไว้ ทำงานไปเงียบๆ

           

            ชิษณุกับสุจินต์กลับไปทำงานที่ M-ONE ที่ห้องทำงานของผู้บริหาร ชิษณุกำลังฟังสุจินต์รายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างไม่พอใจนัก                        

“ผมไม่ชอบที่ตรีดาวทำแบบนั้นเลย ดูเหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก ไร้เหตุผล”

“ผมจะแจ้งคุณดอลลี่เดี๋ยวนี้ว่าคุณมุลิลายังทำงานต่อไปได้เหมือนเดิม” สุจินต์พูดอย่างสำรวม

“หาทางสร้างภาพลักษณ์ซีอีโอ M-ONE ให้ดีขึ้นด้วย” ชิษณุสั่งเขาเริ่มรู้สึกว่าตนเองจะกลายเป็นเจ้านายที่น่าชังสำหรับลูกน้องแล้ว

“แล้วเราจะต้องตามแก้ไขสิ่งที่คุณตรีดาวทำในลักษณะนี้ อีกกี่ครั้งกันครับ”

ชิษณุเงียบไป คำพูดของสุจินต์แสดงถึงสิ่งที่เขากำลังกังวลใจอยู่อย่างเห็นได้ชัด

“สิ่งที่โภคยสมบูรณ์ได้จากหุ้นของครอบครัวคุณตรีดาว ดูแล้วไม่คุ้มกับสิ่งที่ท่านต้องเสีย ไม่ว่าจะเป็นเครดิต ความน่าเชื่อถือ หรือแม้แต่...อิสรภาพทางใจ” สุจินต์พูดสิ่งที่คิดด้วยความหวังดีและความเป็นห่วงชายหนุ่ม

“คุณรู้อะไร” ชิษณุพูดเสียงแผ่วคล้ายกับครุ่นคิดอะไรในใจ

“ไม่แน่ใจครับว่าจะถูกต้องมั้ย แต่ผมคิดว่าผมเห็น...ขอตัวครับ” สุจินต์โค้งคำนับออกไป

ชิษณุถอนใจ ต้องทำอะไรสักอย่างกับตรีดาว ทว่าคล้อยหลังผู้ช่วยไปไม่ถึงสิบนาทีดี ตรีดาวก็เปิดประตูห้องทำงานเขาเข้ามา เจ้าของห้องเงยหน้ามองนิดหนึ่งแล้วหันไปสนใจงานต่อ

“มาถึงนานแล้วเหรอ” เขาถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา

“ถึงก่อนพี่ณุสักพักแล้วค่ะ แต่ถ้าไม่ชะลอรถดูพี่ณุคุยกับยายมุลิลาที่ริมถนน คงถึงเร็วกว่านี้”

คำพูดของเธอทำให้ชิษณุอึ้งไป ชายหนุ่มค่อนข้างตกใจที่อีกฝ่ายเห็นเหตุการณ์ แต่ก็ยังเก็บอารมณ์เอาไว้

“รู้จักกันแค่ไหนแล้วคะ” ตรีดาวถามตรงจุดทันที

“เรื่องของพี่”

            “ก็เหมือนเรื่องของดาวด้วย”

“แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องที่เป็นเรื่องของดาว”

“จะบอกว่าเฉพาะเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยว งั้นก็แสดงว่าระหว่างพี่ณุกับผู้หญิงข้างถนนคนนั้น...ส่วนตัวจนดาวเข้าไปยุ่งไม่ได้ งั้นเหรอคะ” ตรีดาวชักสีหน้า เธอเดินเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานของชิษณุมากขึ้น บ่งบอกถึงอารมณ์หงุดหงิดที่มีมากขึ้น

“ใช่”

คำตอบของชิษณุทำให้เธอโกรธมาก

“พี่ขอร้องนะดาว...อย่าให้ความไม่พอใจส่วนตัวของดาวทำให้ภาพลักษณ์ของ M-ONE ต้องเสียหายอย่างที่เคยๆ ทำมา เพราะครั้งนี้พี่จะไม่ยอม!”

ชายหนุ่มพูดต่อเสียงเรียบ แต่ดวงตาของเขาส่อประกายเอาจริงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตรีดาวเห็นแล้วรับรู้ได้ดีว่าครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อน ทว่าเธอก็ยังคงท้าทายเขา

            “แล้วพี่ณุจะทำอะไรดาว”

ชิษณุพยายามใจเย็น เมื่อเห็นตรีดาวท้าทายอย่างเอาชนะ “พี่จะซื้อหุ้นของดาวคืน ให้กลับมาเป็นโภคยสมบูรณ์ทั้งหมด ดาวจะไม่มีสิทธิ์ทำงานอยู่ที่นี่อีกต่อไป”

ตรีดาวมีสีหน้าคาดไม่ถึง “พี่ณุกล้าฉีกหน้าดาว เพราะผู้หญิงข้างถนนคนนั้น”

“เปล่า ดาวทำตัวเองต่างหาก ไม่ใช่เพราะใคร” น้ำเสียงชิษณุเย็นชา

“พี่ณุ” ตรีดาวเรียกเขาเสียงหลง

“ยิ่งเราอยู่ในตำแหน่งที่สูง เรายิ่งต้องมีความสามารถ มีวิสัยทัศน์ มีวุฒิภาวะทางอารมณ์มากกว่าคนที่ทำงานให้เรา ไม่อย่างนั้นจะถือว่าไม่มีความเหมาะสม พี่คงให้ดาวทำงานต่อโดยที่ไม่มีความเหมาะสมไม่ได้”

ตรีดาวโกรธจนพูดไม่ออก

“แค่มีเงินคงไม่พอ เก็บเอาไปคิดนะ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกันว่าจะเอายังไง”

ชิษณุพูดจบ ก็เดินออกไปทันที ทิ้งให้ตรีดาวอยู่คนเดียว ตรีดาวโกรธจัด พลุ่งพล่าน อยากจะกรี๊ดด้วยความไม่ได้ดั่งใจ แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้เพราะอยู่ในออฟฟิศ

            ที่หน้าห้องทำงานของชิษณุ แพตตี้กำลังแอบฟังได้ยินเสียงคุยเงียบไป รับรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่เธอจะต้องกลับเข้าที่นั่ง หญิงสาวทำให้ทุกอย่างดูเป็นปกติทันในเสี้ยววินาทีที่ชิษณุจะเปิดประตูออกมา และพอชิษณุออกมาจากห้องเธอก็ไปนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเรียบร้อยแล้ว

            “แพตตี้”

“คะ บอส”

“ผมไม่เข้าออฟฟิศสักวีกนะ ขอลาพักร้อน”

“บอสจะไปต่างประเทศหรือเปล่าคะ”

“ไม่ อยู่แถวๆ นี้แหละ โทร.เข้ามือถือผมได้ตลอดเวลา...ถ้าสำคัญ”

            “เข้าใจแล้วค่ะ”

ชิษณุเดินออกไป ทว่าแพตตี้เรียกเอาไว้อีก

“บอสคะ”

“ว่าไง” ชายหนุ่มหันมา

            “พักผ่อนเยอะๆ นะคะ มีอะไร...โทร.หาแพตตี้ได้ตลอดเวลาเหมือนกันนะคะ”

“ขอบใจ” เขาพยักหน้าก่อนจะเดินออกไป รู้สึกโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง

เลขาฯ สาวมองอย่างเป็นห่วงเป็นใย แต่หลังจากที่เจ้านายเดินออกไป หญิงสาวจึงค่อยๆ ย่องไปแอบฟังปฏิกิริยาตรีดาวอีกครั้ง

สุจินต์ที่เดินผ่านมาและแอบดูแพตตี้อยู่ตั้งแต่แรก เริ่มไม่สบายใจเมื่อเห็นพฤติกรรมของเลขาฯ สาว

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น