13

ตอนที่ 13


 

ตอนที่ 13

 

            อัศวินนั่งเช็กสคริปต์อยู่ที่มุมหนึ่งของสตูดิโอ หลังจากที่มุลิลาโชว์ฟอร์มดีในการซ้อมบทนั้น ทำให้ชายหนุ่มเริ่มใจชื้นมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะคลายกังวลใจไปซะทั้งหมดหรอกนะ ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องดูแลและก็ต้องภาวนาว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี ในระหว่างที่นั่งตรวจงานเพลินๆ อยู่นั้นก็ได้ยินเสียงมุลิลาดังมาจากข้างหลัง

            “ตี๋”

อัศวินหันไปตามคำเรียก รู้สึกไม่สบอารมณ์นิดหน่อยที่อีกฝ่ายคอยแต่จะเรียกเขาว่าตี๋ๆ อยู่นั่นแหละ ทว่าพอหันกลับไปก็ถึงกับนิ่งค้างไปหลายวินาที เพราะว่ามุลิลาได้ถูกอัปเกรดจากฝ่ายเสื้อผ้า หน้าผม อยู่ในชุดสวยแนวแกสบี มีภาพคาดผมปิดบริเวณที่เป็นแผลเอาไว้อย่างเนียนๆ ดูมีคุณค่า มีราคาและสูงสง่าตามท้องเรื่อง

“ตี๋” มุลิลาเรียกอีก ไม่เข้าใจว่าทำไมอัศวินถึงเงียบไป แต่พออัศวินไม่มีการตอบสนองเธอก็เรียกเสียงดังขึ้น “ไอ้ตี๋!”

พร้อมกันเอาพัดฟาดลงไปที่แขน อัศวินรู้สึกตัว

“อะไรป้า” ชายหนุ่มหลบสายตาพยายามปรับความรู้สึกเผลอไผลโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังทำเสียงดังกลบเกลื่อนอีกด้วย

“โอเคมั้ย”

“โอเค”

“แต่ฉันไม่โอเค!”

“ทำไมอะ”

“ใส่ชุดแบบนี้ มาขายหม้อขายกระทะเนี่ยนะ” มุลิลาพูดพลางชี้ไปที่รถวางโชว์สินค้า ประเภทชุดหม้อและกระทะชั้นดีจากต่างประเทศ

“ก็ซัปพลายเออร์เค้าวางไว้ว่าสินค้าของเค้าหรูไฮ คลาสสิก ดูดีมีระดับ”

“แล้วใครที่ไหนใส่ชุดแบบนี้ทำกับข้าว ถามหน่อย ใครจะอิน แถมรุ่มร่าม จะสาธิตการใช้ถนัดมะ คนขายของควรมีจุดร่วมอะไรบางอย่างกับของที่ขายปะ ควรทำให้คนดูเชื่อปะว่าเป็นส่วนหนึ่งของสินค้า ไม่ใช่แปลกแยก”

อัศวินอึ้งไป เริ่มเห็นด้วยคล้อยตาม แต่รัชนกที่บังเอิญเดินมาได้ยินพอดีพูดขึ้นเสียงเขียวว่า

“ช่วยทำงานของตัวเอง อย่าข้ามไลน์กันได้ปะ”

มุลิลาหันขวับไปทางคนพูดมีความงงงันทำตาปริบๆ

“งานนี้คุณนกเป็นคนดูแล” ครีเอทิฟหนุ่มอธิบาย “คนอื่นไม่มีสิทธิ์มายุ่ง”

มุลิลาหน้าชาเล็กน้อย ปรับน้ำเสียงให้เบาลง “ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

            “เก็บไอเดียของเธอไว้ทำงานตัวเองเถอะ อย่าพลาดนะ...ฉันรอเหยียบอยู่”

รัชนกประกาศตัวเป็นศัตรูอย่างเป็นทางการ ก่อนจะสะบัดเดินออกไปทันที ทำให้มุลิลาถึงกับหน้าเสีย

            “ซวยจริง เจอตอ” หญิงสาวบ่นก่อนที่จะเดินไปนั่งรอ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายถึงต้องตา

“ตาให้ลูกมาคุยกับฉันหน่อยสิ” เธอเอ่ยทันทีที่เพื่อนรับสาย

“แป๊บนะ” ต้องตาเอามือถือมาส่งให้ปลื้มที่นั่งดูทีวีอยู่บนเตียง “แม่จะคุยด้วยค่ะลูก”

“ขอบคุณฮะ...ฮัลโหลครับแม่”

มุลิลายิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงลูกชาย “วันนี้เป็นไงบ้างลูก”

“ไม่เหนื่อยแล้วครับ”

“เดี๋ยวก็หายเนอะ...แม่ขอกำลังใจหน่อยสิครับ” น้ำเสียงหญิงสาวสดใส เมื่อได้ยินว่าลูกชายรู้สึกดีขึ้น

“จุ๊บๆ” น้องปลื้มรู้งานให้กำลังแม่ทางโทรศัพท์

“ชื่น...ใจจัง” มุลิลาลากเสียงยาวตรงต้นประโยคย้ำความรู้สึกของตนเอง

“แม่เหนื่อยมั้ย”

“ไม่เหนื่อยเลย สบายมาก นี่แม่กำลังจะออกทีวีด้วยนะ เดี๋ยวจะให้น้าตาเปิดให้ดูนะ อยากเห็นแม่มั้ย” มุลิลาคุยคิกคักอวดลูกชาย น้องปลื้มกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

“อยากครับ แม่สู้ๆ นะ จุ๊บๆ”

“ครับลูก แม่สู้อยู่แล้ว”

อัศวินถือแก้วน้ำมาให้มุลิลาเข้ามาถึงเห็นเธอคุยโทรศัพท์ก็ยืนรออยู่เงียบๆ แต่นั่นก็ทำให้เขาเห็นท่าทางและความรู้สึกของเธอ อัศวินนึกเห็นใจกับท่าทีที่พยายามเข้มแข็งของผู้หญิงตรงหน้า

“แค่นี้ก่อนนะครับปลื้ม แม่ต้องทำงานแล้ว รักนะ จุ๊บๆ”

มุลิลาวางสาย อัศวินขยับเข้ามายื่นแก้วน้ำให้มุลิลา หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยก่อนหันมามองอัศวินแล้วยิ้มให้

“ขอบใจนะ” เธอว่า ชายหนุ่มนั่งลงข้างๆ เธอ

“ที่นี่เจ้าที่แรง ทำใจหน่อยนะป้า”

มุลิลาได้ยินก็ลอบถอนใจเบาๆ “สักพักฉันคงรู้ทิศทางลมดีกว่านี้”

“ไหวนะ ได้กำลังใจจากลูกแล้วนี่”

“อือ แรงมาแล้ว” คนพูดทำท่าฮึด

“สู้ๆ”

อัศวินเผลอจะตบไหล่มุลิลา หญิงสาวหันขวับมาห้ามด้วยสายตาดุไว้ซะก่อน อัศวินเบรกไว้ได้ทันพอดี เขามองมือตัวเองแล้ว ยิ้มเจื่อนๆ ก่อนลุกออกไป ด้านมุลิลาหันมากินน้ำเรียกสมาธิ

 

            ชิษณุกลับมาบ้านตั้งใจนั่งทำงานที่หน้าทีวี ชายหนุ่มจงใจที่จะเปิดช่อง WOW SHOPPING TV ค้างไว้ เขาวางรีโมตลงแล้วค่อยๆ คลายคอเสื้อให้สบายตัวขึ้น ที่หน้าจอทีวีกำลังออกอากาศขายแพ็กเกจทัวร์กรุงเทพฯ-ฮ่องกง เขาหันไปมองดูนาฬิกาที่บอกเวลาบ่ายโมงครึ่ง

แม่บ้านยกเครื่องดื่มมาให้ “ไม่ทราบว่าวันนี้กลับเร็ว คุณท่านทั้งสองคนรับประทานอาหารเย็นข้างนอก คุณชิษณุอยากจะรับประทานอะไรคะ”

ชายหนุ่มนิ่งคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบแม่บ้านว่า “ไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวจะออกไปกินกับเพื่อน”

“ค่ะ” แม่บ้านรับคำแล้วถอยออกไป

ชิษณุนั่งหลังพิงพนักในท่าสบายๆ ดูทีวีไปเรื่อยๆ ในใจก็กำลังประเมินผลงานของช่องว้าวอยู่ พอคิดใคร่ครวญได้ข้อสรุปออกมาแล้ว ชิษณุก็นึกไม่พอใจโปรแกรมรายการ ยกมือถือโทร.หาสุจินต์

“ฮัลโหล คุณสุจินต์...เมื่อไหร่ WOW จะเสนอรายการขายที่ปรับปรุงแล้วมาให้ดู”

สุจินต์พูดคุยแล้วแจ้งว่าจะติดตามเรื่องรายการให้ ด้านชิษณุยังคงสั่งงานต่อเมื่อไอเดียเริ่มจะเข้ามาในหัว

“ให้คนของเราพัฒนาสูตรใหม่ ติดแบรนด์ของเราเอง แคนเซิลซัปพลายเออร์ซาลาเปาเจ้าเดิมไปซะ ตอนนี้ลูกค้าติดแล้ว ยังไงก็ซื้อ ไม่มาถามหรอกว่าจากไหนของใคร” ในจังหวะนั้นในทีวีก็ขึ้นภาพรายการ WHAT A WOW! ว้าว! สุดๆ! ขึ้นมา ชิษณุเหลือบตาขึ้นมองเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สนใจมากกว่านั้น “และผมอยากจะให้จัดพื้นที่วางเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และมุมกาแฟสด นำร่องเฉพาะสาขาตามแนวรถไฟฟ้า ที่มีคอนโดเยอะๆ”

เขาพูดสายกับสุจินต์ ทว่าพอได้ยินเสียงมุลิลาดังออกมาจากทีวี ชายหนุ่มก็เงยหน้ามองทันที เห็นมุลิลาในชุดพิธีกร สวยแปลกตากว่าที่เคยเห็น

 “ค่ะคุณผู้ชม พบกับรายการสดของเรา WHAT A WOW! ว้าว! สุดๆ พบกันเป็นประจำทุกวันเวลาบ่ายสองเป๊ะ! แต่วันนี้ความว้าวของเราจะแปลกและแตกต่างไป เพราะดิฉันเอง โฮะๆ ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะคะ ดิฉันมุลิลา!” มุลิลาโพสท่า สวยเก๋

“เดี๋ยวผมโทร.กลับ” ชิษณุรีบพูดก่อนวางสาย แล้วกลับมาดูมุลิลาต่อ สักพักรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาด้วยความทึ่ง

ชายหนุ่มประทับใจเธอมากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่รู้เลยว่าตรีดาวที่รู้ทันว่าเขาไปไหนตามมาที่บ้าน และก็ได้มาเห็นรอยยิ้มและสายตาของชิษณุที่มองดูมุลิลาในทีวีพอดี ตรีดาวกำมือแน่นอย่างแค้นเคือง

อีกด้านที่โรงพยาบาล น้องปลื้มกับต้องตาก็กำลังดูมุลิลาอยู่เหมือนกัน

“และสำหรับวันนี้ สินค้าพิเศษระดับพรีเมียมจากผู้ผลิตชั้นแนวหน้าของโลก เครื่องครัวระดับห้าดาวก็ได้เดินทางมาสู่สายตาของทุกคนแล้วค่ะ แท้น!” มุลิลาผายมือไปทางหนึ่ง ที่มีเจ้าหน้าที่เข็นรถวางเครื่องครัว หม้อ กระทะเข้ามาจอดที่จุดมาร์กกลางเวที

“เครื่องครัวไดมอนด์ดีวา นำเข้าจากยุโรปนั่นเอง!”

มุลิลาดำเนินรายการได้เป็นอย่างดี อัศวินประจำอยู่ที่มุมมอนิเตอร์สั่งการผ่านอินเตอร์คอม และมีเจมส์นั่งทำกราฟิกรออยู่ข้างๆ

“กล้องสองโคลสอัปหม้อ แพนไปเรื่อยๆ กล้องหนึ่งเตรียมภาพกว้างไว้นะ ไอ้เจมส์ เตรียมกราฟิก”

“อืม” เจมส์รับคำ

รัชนกยืนอยู่ที่มุมหนึ่งกับซัปพลายเออร์มองมาที่อัศวินอย่างหมั่นไส้ แล้วหันไปมองซัปพลายเออร์ที่มองการดำเนินรายการของมุลิลาอย่างชื่นชม

“เป็นไงคะ” เธอถาม

“โอเคนะคะ ฉันชอบ ท่าจะดี แคสติงได้ไม่เลวนะ” ซัปพลายเออร์ว่า

            “ค่ะ” รัชนกรับคำ แต่แอบหันไปอีกทางแล้วยิ้มเหยียด รัชนกและซัปพลายเออร์มองมุลิลาดำเนินรายการต่อไป

            “นี่คือกระทะนะคะ” มุลิลายกกระทะขึ้นมา เธอกำลังจะสาธิตการทำอาหาร

พราวฟ้าที่นั่งดูถ่ายทอดสดกับดอลลี่ที่ห้องทำงานอยู่เกิดหมั่นไส้ “ก็ใครว่าเป็นหม้อล่ะ” หญิงสาวแบะปาก

“หือ” ดอลลี่ได้ยินไม่ชัดหันมาถาม

“เอ่อ กำลังอยากเห็นสาธิตหม้อเร็วๆ ค่ะ” ดอลลี่หันไปดูทีวีต่อ

“ก็แล้วใครว่าเป็นหม้อล่ะ ใช่มั้ยคะ ฮ่า” มุลิลาเล่นมุก

ดอลลี่ที่นั่งดูอยู่หัวเราะชอบใจ “ไม่เลว ไม่เสียแรงเชียร์ ฮะๆ เพื่อนฉันขายได้ทุกอย่างตั้งแต่กระทงยันกระทะ ฮะๆ”

พราวฟ้าทำหน้าหมั่นไส้

มุลิลาสาธิตการทำกับข้าว ย่างเนื้อในกระทะ เห็นชัดว่าเสื้อผ้ากรุยกรายมาก เฉียดขวดเครื่องปรุง กระดาษซับมัน และอุปกรณ์ประกอบฉากพวกแจกันดอกไม้เทียม โบรชัวร์แบบตั้งโต๊ะ ฯลฯ

“เราไม่ต้องใช้น้ำมันเลยนะคะ ณ จุดนี้ กระทะที่ดีช่างคู่ควรกับการมีสุขภาพที่ดี จริงๆ เชียว เราก็วางเนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อหมา กาไก่”

อัศวินและทุกคนในสตูดิโอเงียบกริบ มุลิลารีบแก้สถานการณ์

“ก็ใครจะไปกินเนื้อหมา เนื้อกากันคะคุณผู้ชม...ดิฉันก็พูดไปเรื่อย ณ จุดนี้ ตามประสาแม่บ้านปากไวหัวใจฟรุ้งฟริ้ง อะๆ ใส่เนื้อลงไปแล้วนะคะ”

ทุกคนโล่งอกที่มุลิลาทำให้มันกลายเป็นมุกตลก รัชนกสังเกตสีหน้าซัปพลายเออร์เห็นรอยยิ้มพึงพอใจ รัชนกยิ่งหมั่นไส้มุลิลา

มุลิลาทำอาหารด้วยความมั่นใจ เธอพลิกเนื้อไปเรื่อยๆ พลางพูดประกอบรายการ แต่เสื้อผ้าก็ดูรุ่มร่ามมากจนทำอะไรไม่ค่อยถนัด

“กลิ่นหอมชวนรับประทานมากค่ะคุณผู้ชม ใกล้สุกแล้วค่ะ” คนพูดยิ้มกว้าง

รัชนกหันไปดูป้ายดิจิทัล โชว์ยอดการโทร.เข้า

“โทร.เข้ามากี่สายแล้วคะ” ซัปพลายเออร์ถามรัชนก

“ห้าค่ะ” รัชนกตอบ

“อะไรกัน!” ซัปพลายเออร์ตกใจมาก ในขณะที่มุลิลายังคงทำหน้าที่ต่อไป

“สุกเร็ว สุกไว ไม่เปลืองพลังงานแก๊ส ในกรณีใช้เตาไฟฟ้าก็ไม่เปลืองค่าไฟ อู๊ย ประหยัดพลังงาน รักษ์โลก ติ๊งเอิร์ธ”

คำพูดของมุลิลานอกสคริปต์แต่ดูสนุกสนานน่าติดตาม จนกระทั่งลูกพีชปรบมือให้

“ตบมือรัวๆ ค่ะ นอกสคริปต์ได้เหมือนมีกะเทยไปเข้าสิง” ลูกพีชหันไปทางอัศวิน ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้ารับขำๆ

“ทีนี้ก็ตักใส่จานค่ะ สุกแล้ว กลิ่นหอมยั่วยวนใจเหลือเกินค่ะคุณผู้ชม เดี๋ยวเรามาชิมรสชาติของอาหารกันนะคะ จะบอกว่าเริดแม้จะไม่ใส่เครื่องปรุงอะไรเลย” มุลิลาควานหาจานมาใส่เนื้อ แต่ความรุ่มร่ามของชุดก็ทำให้ชายเสื้อของมุลิลาไปปัดถูกขวดน้ำมันหกใส่เตาที่ยังไม่ได้ปิดไฟ ไฟลุกพึ่บ ลามไปติดอุปกรณ์ประกอบฉากใกล้ๆ อย่างรวดเร็ว มุลิลากรีดร้องผงะปล่อยจานร่วง

“เฮ้ย! ไฟไหม้!” อัศวินตกใจร้องเสียงหลง

            “อ๊าย!!! ไฟไหม้!” ลูกพีชตะโกนอย่างตื่นตูม ทุกคนเริ่มสติแตก

“เออ เห็นแล้ว ว่าไฟไหม้ แล้วทำไงต่อล่ะ” มุลิลาเริ่มตะโกนขึ้นมาบ้าง

อัศวินรวดเร็วปานกระทิงหนุ่มพุ่งไปที่ผนัง คว้าถังดับเพลิงแล้ววิ่งมาจะมาดับไฟ ด้านมุลิลาไม่รู้จะทำไงเห็นไฟไหม้อยู่ตรงหน้าก็พยายามเอากระทะดับไฟ อัศวินหิ้วเครื่องฉีดดับเพลิง พุ่งไปหามุลิลาทันที ด้านเจมส์รีบสวิตช์การออกอากาศเข้าวีทีอาร์พรีเซนเทชัน บอกราคาเครื่องครัวแทนภาพสดทันที

อัศวินฉีดน้ำยาดับไฟใส่จุดที่ไฟไหม้จนดับ มุลิลาทิ้งกระทะ ตกใจ โผเข้ากอดอัศวินเอาไว้ อัศวินกอดมุลิลาแน่น มุลิลาตกใจ ตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของอัศวิน

“เป็นไงบ้างป้า” อัศวินถาม มองคนที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างเป็นห่วง

            “มู่ลี่ มู่ลี่” ดอลลี่และพราวฟ้าวิ่งเข้ามาในสตูดิโออย่างแตกตื่น ทั้งคู่เห็นผ่านทางทีวีก่อนที่เจมส์จะตัดภาพไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น

            ไฟดับไปแล้ว ดอลลี่กับพราวฟ้ายืนอยู่กลางสตูดิโอ คนอื่นๆ เงียบกันหมด อยากจะรู้ว่าเหตุการณ์เป็นยังไง แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นตอนนี้ก็คือ ภาพที่มุลิลากอดอัศวินเอาไว้ ตัวสั่น ยังไม่หายตกใจ

            ชิษณุที่เห็นภาพไฟไหม้ในฉากที่มุลิลากำลังดำเนินรายการอยู่ก็ตกใจ ลุกขึ้นทันที เขามองทีวีที่ตัดภาพไปเป็นช่วงแนะนำสินค้าแล้วก็กดปิด ก่อนที่จะคว้าเอากุญแจรถขึ้นมา ทว่าพอเดินออกไปยังไม่ทันพ้นห้องดีก็เจอกับตรีดาวที่ยิ้มอย่างเป็นมิตรและขวางทางเขาอยู่

“พี่ณุ...ดาวคิดได้แล้วค่ะ”

ชิษณุอึ้งไป นึกสงสัยว่าเธอคิดอะไรได้

ในขณะเดียวกัน น้องปลื้มที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยกำลังร้องไห้จ้า เพราะเห็นภาพที่มุลิลายืนในฉากท่ามกลางเปลวไฟ

“แม่ จะหาแม่ จะหาแม่!” เด็กน้อยโวยวายด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไรลูก แม่ปลื้มไม่เป็นไรหรอก แม่ไม่เป็นไรลูก ไม่เป็นไร” ต้องตากอดปลอบน้องปลื้มเอาไว้ ในขณะที่ตัวเองใจไม่ดีเลย

            ชิษณุเผชิญหน้ากับตรีดาว สีหน้าของเธอเคร่งเครียดขึ้นเพราะอีกฝ่ายยืนขวางเอาไว้ ราวกับว่าเธอรู้ว่าเขากำลังรีบ

“เรื่องที่พี่ณุให้ดาวตัดสินใจ ดาวพร้อมจะคุยแล้วค่ะ”

ชิษณุอึ้งไป แต่สมาธิไม่ได้อยู่กับตรีดาวแล้ว เป็นห่วงมุลิลาและรายการของ WOW มากกว่า

“เรื่องนี้คงต้องคุยกันอย่างละเอียดและใช้เวลา ไว้เราค่อยคุยกัน”

เขาเดินผ่านตรีดาวออกไปเลย ไม่สนใจ ไม่แคร์ว่าเธอจะรู้สึกยังไง ตรีดาวยิ่งเจ็บใจ แต่ยังไม่ยอมแพ้ รีบวิ่งตามชิษณุออกไปแล้วขวางไว้ก่อนเขาจะขึ้นรถ

            “ดาวขอโทษ” เธอโพล่งขึ้น “ดาวไม่มีวุฒิภาวะอย่างที่พี่ณุบอก ดาวอยากจะขอโอกาสแก้ตัว ได้มั้ยคะ”

ชิษณุมองหญิงสาว เห็นความตั้งใจจริงของตรีดาว ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่เธอเอาแต่ใช้อารมณ์

“ดาวจะทำให้ดีที่สุด ดาวสัญญา” ตรีดาวอ้อนวอนด้วยสายตา ลุ้นขอโอกาสจากชิษณุที่ยังลังเล ไม่ค่อยเชื่อมั่นเท่าไหร่นัก ทว่าท้ายที่สุดแล้วชิษณุก็ไม่อาจปล่อยเธอไปทั้งอย่างนั้นได้ ตรีดาวลากเขาเข้ามาคุยด้านใน ขัดขวางเขาได้สมใจ

           

            ในสตูดิโอ WOW กำลังโกลาหล มุลิลาค่อยๆ ได้สติ พอเห็นตัวเองเกาะอัศวินอยู่แน่นก็รีบผละออก ดอลลี่รีบพุ่งเข้ามาหามุลิลาอย่างเป็นห่วง เจมส์เองก็เปิดภาพขายสินค้าวนไปเรื่อยๆ แม้ว่าปกติเขาจะเป็นคนเงียบๆ แต่ตอนนี้ก็อดรู้สึกลนลานไม่ได้เหมือนกัน ชายหนุ่มมองหาพราวฟ้าก่อนจะเป่าปากโล่งอกที่เห็นว่าหญิงสาวยังสบายดี

            แต่อย่างไรก็ตามหลังจากทุกคนเห็นว่าไฟดับไปแล้ว บรรยากาศโดยรวมก็ตกอยู่ในความเงียบ มุลิลารู้แล้วว่าความซวยกำลังจะมาเยือนถ้าเธอไม่ทำอะไรสักอย่าง เธอมองไปรอบๆ พยายามใช้ความคิด สบสายตากับรัชนกและซัปพลายเออร์ ที่คนนึงจ้องจะกินเลือดกินเนื้อเธอ ส่วนอีกคนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

            รัชนกกำหมัดแน่นมองมาอย่างไม่พอใจ และกำลังจะเดินเข้ามาโวยวายเอาเรื่อง ทว่ามุลิลามองผ่านจอมอนิเตอร์ เห็นวีทีอาร์ขายกระทะเปิดแทนภาพสด พลันเกิดไอเดียขึ้นมา ตัดสินใจว่าเป็นไงเป็นกัน งานนี้ถอยไม่ได้แล้ว ก็ต้องแก้ปัญหาเอาตัวรอดไปก่อน

“ตี๋! นับห้า เตรียมออนแอร์!” มุลิลาสั่ง

อัศวินหันมาร้องตกใจเสียงหลง ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อหูนัก

“ฉันจะทำหน้าที่ต่อ” เธอประกาศ ทำให้รัชนกถึงกับชะงักฝีเท้ามองมาแบบงงๆ

“จะขายของต่อยังไงป้า...” อัศวินหันไปมองสภาพฉากที่เละเทะระเนระนาดมาก

“ในวิกฤติย่อมมีโอกาส...ฉันขายได้ ขอสตาฟฟ์คอยยืนข้างๆ ทำตามที่ฉันบอก เอาถังดับเพลิงมานี่!” มุลิลาแย่งถังดับเพลิงจากอัศวินมา แล้วไล่เขาไปทำหน้าที่ อัศวินได้สติ มองมุลิลาแล้วเริ่มตะโกนสั่งทีมงาน

            “ตามเจ๊อั๋นมาดูหน้าผม ฝ่ายเสื้อผ้าเช็กด้วย ด่วน!”

“ได้ค่ะ!” ลูกพีชกุลีกุจอช่วยเหลือเต็มที่

มุลิลาตะโกนลั่น “ไม่ต้อง...รายการสด ทุกอย่างต้องสด!”

ลูกพีชชะงัก หันมามองอัศวินอย่างขอความเห็น อัศวินมองหน้ามุลิลา มุลิลาพยักหน้าให้อัศวินเชื่อมั่นในตัวเธอ ชายหนุ่มนิ่งไปอึดใจหนึ่ง แต่พลังงานของมุลิลาและความลุยของเธอทำให้เขาเชื่อมั่นได้ในที่สุด

“โอเค...ทุกอย่างสด!” เขาประกาศ

“ถามฉันกับซัปพลายเออร์หรือยัง” รัชนกโวย แต่ซัปพลายเออร์ที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับเอ่ยขัด

“ไม่ต้องถามค่ะ เอาแบบที่คุณพิธีกรว่าเลย”

“แต่...” รัชนกตั้งใจจะเถียง แต่อัศวินตะโกนแทรกให้ทุกคนเดินหน้าต่อ

“ทุกฝ่ายพร้อม สเตจเตรียมพร้อมข้างๆ ป้ามู่ลี่ เริ่มที่กล้องหนึ่ง ภาพกว้าง ให้เห็นความเละ ไอ้เจมส์เตรียมเฟดวีทีอาร์เข้าภาพสด!”

มุลิลาพูดกับดอลลี่ที่ยังอึ้งๆ ค้างๆ อยู่ “ฉันขอทำงานให้จบแบบศพสวยๆ ไม่ทุเรศทุรังอุจาดตาจนเกินไปนัก นะดอลลี่”

“ฉันเชื่อ ว่าเธอทำได้” ดอลลี่ทำหน้าเชื่อมั่นเพื่อน

“ขอบใจมาก” มุลิลายิ้ม สายตามั่นคงเพราะกำลังใจจากเพื่อน

ดอลลี่รีบวิ่งออกไปจากฉาก ยืนกับพราวฟ้าที่กำลังมองมุลิลาด้วยสายตาไม่พอใจ

อัศวินให้สัญญาณ “เตรียมออนแอร์ ห้า สี่ สาม สอง ...”

ช่องว้าวทีวีเปลี่ยนจากการฉายวนวีทีอาร์ขายกระทะ เป็นการเปิดเข้ารายการ WHAT A WOW! แล้วตัดเข้าภาพสดอีกครั้ง หน้าจอตอนนี้ปรากฏภาพครัวที่ระเนระนาด มีมุลิลายืนถือถังดับเพลิงเอาจริงเอาจัง แต่ใบหน้ายิ้มอยู่กลางฉาก

“และนี่คือ...ผลของความประมาทค่ะคุณผู้ชม ครัวไหม้ ชุดไหม้ แต่เดี๋ยวนะคะคุณผู้ชม ทุกอย่างไหม้หมด แต่มีอย่างหนึ่งที่ทนทาน ใหม่กิ๊งอยู่ข้างๆ ดิฉันนี่ค่ะ” มุลิลาวางถังดับเพลิงลงแล้วคว้าเอากระทะขึ้นมาโชว์ “ดูสิคะ กระทะไม่ไหม้!”

กล้องซูมอินไปที่กระทะ ที่ยังดูเช้งวับ ปิ๊ง ใหม่เอี่ยมเรี่ยมเหมือนเดิม กล้องตัดภาพกว้างออกมาอีกครั้ง มุลิลาถือกระทะ ยิ้มกว้างอย่างตื่นเต้นดีใจ

“แม้มันจะถูกใช้เป็นอุปกรณ์ดับไฟ ทั้งทุบ ทั้งฟาด แต่สภาพก็ยังดีเยี่ยมร้อยเปอร์เซ็นต์ เหมือนไม่เคยผ่านศึกหนัก! กริ๊บประดุจสาวพรหมจรรย์ หนึ่งเดียวอย่างนี้จะหาได้ที่ไหน โอ้ ว้าวๆ มันยอดมากเลย...ว้าว!” มุลิลาวางกระทะไว้บนเตาแล้วมองหน้าจอ ดำเนินรายการอย่างไม่มีติดขัด

“เหตุการณ์เมื่อกี้เป็นสถานการณ์จำลอง ที่ใช้เทคนิคในการแสดงเพื่อให้เห็นภาพชัดเจน โปรดอย่าลอกเลียนแบบ...เราแค่ทำให้เห็นว่าถ้าอยากจะทำครัว ชุดต้องไม่รุ่มร่าม ไม่อย่างนั้นอาจร่อแร่อย่างดิฉันเมื่อครู่นี้ค่ะ หน้าเตานะคะ ไม่ใช่หน้ากล้องถ่ายแบบ แต่ก็เข้าใจอารมณ์ละค่ะ แบบอยากสวยตลอดเวลาอะไรแบบนั้น แบบนั้นจริงๆ ก็ได้นะคะ แต่ก็ต้องท่องเอาไว้ด้วยนะคะ...ว่าแค่สวยไม่พอ ต้องขอฟังก์ชันด้วย เหมือนกระทะไดมอนด์ดีวาของเรายังไงล่ะคะ ว้าว!”

กล้องจับภาพไปที่กระทะใหม่เอี่ยม บนเตาที่รอบๆ เละเทะมีรอยไหม้หลงเหลืออยู่

“เพลง!” อัศวินสั่งใส่อินเตอร์คอม ให้ทีมงานเพิ่มสีสันให้รายการ

“กระทะที่ไม่ได้มีแค่ความสวย แต่ทนถึก และรวยฟังก์ชัน ผัด ต้ม นึ่ง ตุ๋น ปิ้ง ย่าง ครบในใบเดียว โอ๊ย ผู้ชายที่ว่าเพียบพร้อมเพอร์เฟกต์ที่สุดบนโลกใบนี้ ยังไม่ได้ครึ่งของกระทะเลยค่ะคู้น!” มุลิลาทำเสียงและท่าทางประหนึ่งว่ากำลังเมาท์มอยกับเพื่อนอยู่ในร้านทำผม

อัศวินและทุกคนในสตูดิโออ้าปากค้างกับความลื่นไหลของมุลิลา ดอลลี่ พราวฟ้ามองไปที่ป้ายตัวเลขดิจิทัลที่แสดงจำนวนสายโทร.เข้า ยอดพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจากหลักร้อยกลายเป็นพัน แล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพุ่งขึ้นไปอีก

“ว้าว” ดอลลี่กับพราวฟ้าร้องออกมาพร้อมกัน ทั้งคู่หันกลับไปทางมุลิลาอีกครั้ง

มุลิลากำลังสาธิตเอากระทะรับดัมเบลหนักห้ากิโลกรัม กระทะยังไม่บุบสลาย เธอชูกระทะขึ้นเหนือหัว ชาบูๆ กระทะ อัศวินสั่งเปิดเพลงสร้างความยิ่งใหญ่อลังการ ทีมงานโปรยกระดาษเงินกระดาษทองปลิวว่อนราวกับงานเฉลิมฉลองที่คว้าชัยชนะเหนือทุกคนได้ ปิดฉากรายการเอาตัวรอดไปได้อย่างสวยงาม

“คัต!” อัศวินสั่ง

            ทีมงานทุกคนปรบมือให้กับวีรกรรมของมุลิลา ไม่เว้นแม้แต่น้องปลื้มที่ยังอยู่ที่โรงพยาบาลซึ่งเห็นเหตุการณ์ตลอดนั้นก็ยังปรบมือให้มุลิลา

            “เห็นมั้ยลูก ว่าแม่ไม่เป็นอะไรแล้ว”

            “ครับ”

            “แม่น้องปลื้มเก่งไหม”

            “เก่งครับ เก่งที่สุดเลย” น้องปลื้มยิ้มตาหยีอย่างมีความสุข

           

            ตรีดาวเดินต้อนชิษณุให้เข้าบ้าน แล้วพูดจาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลลงและพยายามทำตัวเป็นนางฟ้าแสนดี ให้เขาเห็นว่าตัวเธอเองก็มีความคิด นอกจากนั้นความรัก ความจริงใจที่เธอนั้นมีให้เขามันคนละชั้นกับผู้หญิงที่ก่อเรื่องในจอทีวีนั่น

“ขอบคุณพี่ณุนะคะ ที่รับฟังและให้โอกาสดาว” หญิงสาวยิ้มหวาน

“พี่รักดาว”

ตรีดาวอึ้งไปไม่คาดคิดว่าเขาจะพูดแบบนี้ ใบหน้าของหญิงสาวร้อนเพราะเขินอาย ไม่อยากจะเชื่อหู ที่อยู่ดีๆ ชิษณุก็มาบอกรักแต่แล้วก็หุบยิ้มแทบไม่ทัน เมื่อเขาพูดต่ออย่างหนักแน่น

“ดาวเหมือนน้องสาวของพี่”

ตรีดาวเหมือนตกจากฟ้าหล่นตุ้บลงพื้น แต่พยายามเก็บซ่อนอาการ โดยที่ชิษณุไม่ทันได้สังเกต

“พี่เห็นดาวมาตั้งแต่ยังเดินเตาะแตะๆ เห็นการเจริญเติบโต...เอาใจช่วยในทุกเรื่องของชีวิต รวมถึงเรื่องนี้ เรื่องที่จะช่วยให้ดาวแข็งแรงที่สุดเพื่อเตรียมตัวรับช่วงงานของครอบครัว”

“ดาวรู้ค่ะ ว่าพี่ณุมีแต่ความปรารถนาดีให้กับดาว”

“ถ้าดาวรู้ตัว มีสติ คิดได้จริง ผลดีก็จะเกิดกับตัวดาว ไม่ใช่ใคร พี่อยากให้ดาวโฟกัสกับงาน ไม่ใช่เรื่องอื่น”

            “ค่ะ ดาวจะทำให้ดีที่สุด ดาวจะไม่สนใจเรื่องอื่น... ไม่ว่าเรื่องอะไรหรือใคร”

“ดีมาก” ชิษณุเอ่ยอย่างพอใจ

“ดาวทำให้พี่ณุเสียเวลาหรือเปล่าคะ เหมือนพี่ณุกำลังจะรีบไปไหน” ตรีดาวเอียงคอถาม แต่ใจก็คิดว่าถ้าเขาตอบว่าต้องไปที่ว้าวทีวีเธอก็ต้องหาทางขัดขวางเอาไว้อีก

“ช่างเถอะ พี่เพิ่งจะคิดได้...ว่าเรื่องบางเรื่องเราก็ไม่จำเป็นต้องลงมือทำเอง” คำตอบของเขาทำให้เธอสมใจ

“งั้น...เราไปดินเนอร์กันมั้ยคะ ดาวอยากเลี้ยงขอโทษพี่ณุ” ตรีดาวยิ้มใสน่ารัก

ชิษณุมองเธออย่างเอ็นดู “ไปสิ พี่หิวพอดี”

“ค่ะ”

ชิษณุออกเดินไป ตรีดาวเดินตาม รู้สึกดีใจที่ทำให้เขาใจอ่อนลงได้ ทว่าระหว่างทางนั้นบรรยากาศก็ไม่ใคร่ดีต่อหญิงสาวนัก เพราะทันทีที่เลี้ยวรถออกจากบ้านชิษณุก็ใช้บลูทูทต่อสายถึงสุจินต์เพื่อสั่งงานทันที

            “ยกเลิกคำสั่งที่ให้มุลิลาเป็นพิธีกร แล้วจ้างพิธีกรมืออาชีพ ให้มุลิลาไปทำงานหน้าที่ของตัวเอง”

ตรีดาวเบือนหน้ามองกระจกข้างอย่างไม่พอใจ

           

หลังจากเอาตัวรอดได้ มุลิลาก็ถูกจิกให้มานั่งที่ห้องประชุม แทบไม่มีเวลาหายใจหายคอ แม้ว่ายอดขายจะประสบความสำเร็จอย่างดี แต่เรื่องความผิดพลาดในระหว่างการออกอากาศเป็นความผิดของมุลิลาเต็มๆ ซึ่งเธอก็รู้ว่าการเรียกเข้าห้องประชุมนี้ก็คือการรอการลงดาบดีๆ นี่เอง ลูกพีชและอัศวินพยายามให้กำลังใจเธออยู่ข้างๆ โดยเฉพาะอัศวินที่สบตาแล้วยิ้มให้มุลิลาอย่างให้กำลังใจ ซึ่งท่าทางเหล่านั้นมันก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของพราวฟ้าได้

            “เป็นไงบ้าง มู่ลี่” ดอลลี่ถามอย่างเป็นห่วง

“เหมือนเพิ่งฟื้นจากความตาย” เธอตอบเพื่อน

“และก็อาจจะกลับไปตายอีกรอบ หลังจากที่ออกจากห้องประชุม” รัชนกจิก

ดอลลี่เริ่มระงับศึก “โอย! ตายเตยอะไรกัน ไม่มีใครต้องตายทั้งนั้น”

“อย่าบอกนะว่าพี่ดอลลี่จะลำเอียง เก็บเพื่อนที่ทำเรื่องหายนะขนาดนั้นเอาไว้อีก” รัชนกโวยวาย

ดอลลี่หันไปมองด้วยสายตาสยบมาร “คนที่จะตัดสินว่าเก็บใครไว้ ไม่ใช่ฉัน”

            “แล้วใครล่ะคะ”

สิ้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น สุจินต์เปิดประตูเข้ามาด้วยอาการเหนื่อยหอบ

“นึกว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว”

“ก็รออยู่เนี่ยละค่ะ” ดอลลี่โล่งอกด้วยคน

            สุจินต์ยืนตั้งหลักเล็กน้อย เขากวาดตามองทุกคนก่อนที่จะเดินไปนั่งที่หัวโต๊ะ วางกระเป๋าลงและเริ่มเอ่ยอย่างไม่อ้อมค้อม “จากอุบัติเหตุไฟไหม้ที่เกิดขึ้นกลางรายการสดวันนี้นั้น ทางผมได้ชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกิดขึ้น จากการเก็บข้อมูลจากทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ให้กับท่านประธานเรียบร้อยแล้ว จึงมีคำสั่งออกมาว่าให้ยกเลิกการเป็นพิธีกรรายการของคุณมุลิลา และจ้างพิธีกรมืออาชีพมาทำรายการครับ”

ทุกคนอึ้งไปกับคำสั่งที่ออกมา รัชนกถึงกับอ้าปากค้าง แต่คนที่ไม่เข้าใจที่สุดน่าจะเป็นมุลิลาเพราะเธอนึกว่าตัวเองจะต้องถูกไล่ออกเสียแล้ว

            “แต่ฉัน...ประมาท ทำให้ไฟเกือบไหม้ทั้งสตูฯ ทั้งที่เป็นรายการสด มันเสียหายมากนะคะ ฉันสมควรถูกไล่ออกไม่ใช่เหรอคะ” เธอถามด้วยสีหน้าสับสนกับเหตุการณ์ที่กลับตาลปัตร

“ใช่!” รัชนกตอบให้ทันที

“ใครถามความเห็นเธอ!”

“อยากจะคอนเฟิร์มความไร้ประสิทธิภาพของใครบางคน จะทำไม”

ทั้งสองคนทำท่าจะฮึ่มใส่กันอีก ดอลลี่เห็นท่าไม่ดี

“ว่าไงคะคุณสุจินต์! ตอบ!”

สุจินต์รับลูกทันที “ท่านประธานได้ให้เหตุผลว่าเพราะการแก้ปัญหาของมุลิลาทำให้เรตติงรายการสูงขึ้น ยอดโทร.สั่งซื้อสินค้าก็พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ ถือว่าเป็นความดีความชอบที่ลบล้างความผิดพลาดได้”

            “เคลียร์มั้ย” ดอลลี่หันมาถามรัชนก เจ้าตัวหน้าบึ้งไม่ตอบอะไร

“ถ้าไม่เคลียร์ก็ไปคุยกับท่านประธานเอาเองนะ” ดอลลี่ยิ้มมุมปาก

“เคลียร์ก็ได้ค่ะ”

“ท่านประธานเจ๋งอะ สบายใจได้แล้วนะป้า” อัศวินหันไปพูดกับมุลิลาอย่างดีใจ แต่หญิงสาวกลับไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่นัก

“เป็นอันว่าตามนั้น” ดอลลี่สรุป

            “ท่านประธานกำชับมาอีกว่า...ให้รีบเสนอแผนการตลาดและการขายสินค้าของ M-ONE ภายในเจ็ดวัน” สุจินต์กำชับและสั่งงานอีกสองสามอย่างก่อนที่จะขอตัวกลับไป

“แยกย้ายไปทำงานของตัวเอง!” ดอลลี่สั่ง

“ค่ะ” รัชนกกระแทกเสียงคล้ายประชดเป็นคนแรก เธอลุกขึ้นก่อนที่จะตวัดสายตาไม่พอใจแรงไปทางมุลิลาซึ่งก็จ้องตากลับอย่างไม่เกรงกลัว ในที่สุดรัชนกก็สะบัดหน้าใส่แล้วเดินออกไป

ดอลลี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนที่จะเดินออกไป พราวฟ้าเลยต้องลุกตามนายออกไปอย่างเสียไม่ได้ เลขาฯ สาวหันมาทางอัศวินกับมุลิลาที่ยังนั่งอยู่ในห้องประชุมอย่างระแวงๆ

“เป็นไงบ้างป้า”

อัศวินถามขึ้นทันทีที่ทุกคนออกไปหมดแล้ว แต่มุลิลากลับไม่พูดสักคำซ้ำยังโบกมือไล่เขาอีกด้วย แต่อัศวินไม่คิดอะไร เข้าใจว่าในสถานการณ์แบบนี้บางครั้งก็ทำให้คนเราอยากอยู่คนเดียว ทว่าจังหวะที่เขาลุกขึ้นกำลังจะเดินออกจากห้องเสียงของคนที่นั่งเครียดมาตลอดก็ดังขึ้น

“ตี๋” อัศวินหันกลับมาตามคำเรียก “ขอบใจนะ ที่เชื่อใจฉัน” มุลิลาว่า

“เราเป็นทีมเดียวกัน อีกอย่าง...ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงเชื่อใจป้าเหมือนกัน เชื่อใจมากกว่าคุณรัชนกที่ทำงานมาด้วยกันนานกว่าป้าด้วย”

สิ้นเสียงของชายหนุ่มก็ตามด้วยการถอนหายใจยาวของมุลิลา

            “รู้ตัวปะ ว่ามันทำให้ฉันมีศัตรูเพิ่ม”

อัศวินยักไหล่แบบช่วยไม่ได้ “ถึงผมจะไม่ได้ทำอะไร ป้าก็มีศัตรูเพิ่มอยู่ดี ความอิจฉาของคน ไม่ต้องมีอะไรมากระตุ้นมันก็เกิดของมันเองได้...สู้ๆ นะ ผมรู้ว่าป้าไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอก”

“หึ นายจะไปรู้อะไร”

“ป้าหลังชนฝาแล้วนี่ ใช่ไหม”

หญิงสาวอึ้งไปก่อนจะพยักหน้ายอมรับช้าๆ อัศวินยิ้มให้กำลังใจแล้วเดินออกไป มุลิลาถอนหายใจเฮือกใหญ่ นั่งนิ่ง พยายามหายใจเข้าออกลึกๆ ช้าๆ ตั้งสติตัวเอง

อัศวินเดินออกจากห้องอย่างอารมณ์ดีขึ้น ดูเหมือนเรื่องที่เขาหนักใจมาตลอดหลายวันได้คลี่คลายลงไปในทางที่ดีมาก โดยเฉพาะเรื่องพิธีกรที่มีการอนุมัติให้จ้างมืออาชีพแล้ว ว่ากันตามตรงคือเขาคิดว่ามุลิลาใช้ได้ แต่ดูจากชีวิตที่วุ่นวายเกินไปของเธอแล้ว บางทีการลดภาระของเธอบ้างคงเป็นการดี ชายหนุ่มเกือบจะฮัมเพลงออกมาอย่างอารมณ์ดีแล้ว ถ้าไม่เพียงแต่พราวฟ้าจะเดินหน้าบึ้งตึงเข้ามาขวางหน้าเอาไว้

“อะไร” อัศวินถามอย่างงงๆ

“คิดอะไรเปล่า”

“คิดอะไร? เรื่อง?”

“ป้ามู่ลี่” พราวฟ้าตอบ

ทีแรกอัศวินไม่เข้าใจ แต่พออีกฝ่ายทำสัญลักษณ์แห่งความรักให้ดูก็ร้องออกมาอย่างตกใจ “เฮ้ย ไม่ได้คิดอะไร ตลกแล้ว”

“จริงนะ”

            “จริง” อัศวินตอบเสียงหนักแน่น คนฟังได้ยินแล้วถึงกับยิ้มกว้างออกมา ชายหนุ่มมองท่าทางนั้นอย่างอ่อนใจก่อนจะพูดว่า “เอาแบบจริงจังเลยนะ ฟ้า”

เจ้าของชื่อพยักหน้าให้กับเขา รอรับฟังคำพูดอย่างตั้งใจทั้งยังยิ้มตาหยี

            “พี่ไม่ชอบผู้หญิง”

            “คะ?” พราวฟ้าส่งเสียงถามอีกครั้ง อย่างไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่ได้ยินจะเป็นความจริง

            “พี่ไม่ชอบผู้หญิง ได้ยินชัดไหม” อัศวินเอ่ย

คนฟังอึ้ง ตกตะลึงตาค้าง ค่อยๆ พยักหน้ารับรู้

“ไม่งั้น พี่คงมีแฟนไปแล้ว ลืมพี่ซะเถอะ มันไม่มีทางเป็นไปได้”

อัศวินเดินออกไป ทิ้งพราวฟ้ายืนช็อกด้านหลัง

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น