3

พี่เลี้ยง



“น้องนาราคะ ทานของว่างค่ะ”
 

ธมนต์ตะโกนเรียกหลานสาวของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ซึ่งนั่งเล่นชุดตุ๊กตาบาร์บี้ที่คนเป็นอาเพิ่งจะซื้อมาให้ใหม่ แถมพ่วงด้วยห้องเด็กเล่นใหม่เอี่ยมที่สร้างขึ้นเพื่อหลานสาวคนโตของตระกูลโดยเฉพาะ

เหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนทำให้ธมนต์ต้องมาเป็นพี่เลี้ยงเฉพาะกิจให้หลานสาวพ่อเลี้ยงจิณธนนท์แห่งไร่ทางเหนือ เธอคงเอ็นดูน้องนารามากจนเกินไป เพราะอีกฝ่ายติดเธอแจจนถึงขั้นไม่ยอมรับประทานอาหาร หากไม่ได้เธอมาเป็นพี่เลี้ยง

ว่าอาการดื้อเงียบของน้องนาราแผลงฤทธิ์จนคนเป็นปู่อย่างคุณจักรินทร์ บิดาของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ทนอาการอดข้าวอดน้ำของหลานสาวไม่ไหวจนต้องสั่งให้เธอย้ายมาดูแลหลานสาวที่บ้านทางเหนือแห่งนี้

“น้องนาราคะมาทานของว่างก่อนแล้วค่อยกลับไปเล่นต่อนะ” ธมนต์เรียกซ้ำอีกรอบ เมื่ออีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าว่าจะวางของเล่นมารับประทานของว่างที่เธอจัดวางไว้ให้ที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว

                “แต่นาราอยากเล่นก่อน” เด็กหญิงเริ่มงอแง จนธมนต์ต้องส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

                “ถ้าอย่างนั้นพี่มิ้นต์จะฟ้องคุณอาว่าน้องนาราดื้อ พอคุณอารู้เรื่องจะได้ให้พี่มิ้นต์กลับไปทำงานที่ชอปเหมือนเดิม ปล่อยน้องนาราให้เล่นคนเดียว” ธมนต์พูดหลอกล่อ

                เรียวคิ้วเล็กๆ เริ่มขมวดอย่างคิดหนักกับคำพูดของเธอ “ทานก็ได้ค่ะ แต่พี่มิ้นต์ห้ามทิ้งให้นาราเล่นคนเดียวนะ สัญญาก่อนค่ะ” นิ้วก้อยเล็กถูกยื่นออกมาด้านหน้าพร้อมกับรอยยิ้มหวาน

                ธมนต์เห็นดังนั้นก็ยิ้มพอใจก่อนจะเกี่ยวก้อยสัญญากับน้องนารา

เธอไม่เคยเจอพ่อเลี้ยงจิณธนนท์อีกเลยหลังจากที่เขาไปรับตัวหลานสาวที่ห้องพักของเธอ แต่คนที่เธอไม่อยากจะเจอกลับได้เจอทุกวี่ทุกวัน เช้าสายบ่ายเย็นเพื่อนสนิทของพ่อเลี้ยงจิณมักจะมาเล่นกับน้องนาราอยู่บ่อยๆ แถมยังไล่ให้เธอออกไปที่อื่นทุกครั้งไป โชคดีที่เธอไม่ต้องทนอึดอัดอยู่แบบนั้น

วันแรกที่หญิงสาวเริ่มงานเป็นพี่เลี้ยงของน้องนารา เธอก็ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเด็กหญิงมาพอสมควร ชีวิตของเด็กหญิงตัวเล็กๆ อายุอานามเพียงแค่สี่ปีกว่า แต่กลับไม่เคยได้อยู่กับแม่พ่อเลยสักครั้ง ต้องย้ายไปอยู่กับคนนั้นทีคนนี้ที เรื่องการเรียนก็ต้องเรียนเป็นโฮมสกูล

อย่าว่าแต่พ่อแม่ของน้องนาราเลย พ่อแม่ของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์เองก็เช่นกัน ท่านทั้งสองแยกกันอยู่ทั้งที่รักกันมาก เพราะทางครอบครัวแต่ละฝ่ายไม่พอใจกัน และคอยก่อปัญหามากมายจนท่านทั้งคู่ตัดสินใจแยกกันอยู่ จักรินทร์ได้ลูกชายคนเล็กมาดูแลซึ่งก็คือพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ ส่วนรัศมีมารดาของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ได้พี่ชายที่อายุห่างกันเพียงแค่ปีเดียวไปดูแล และพี่ชายของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ก็คือพ่อของน้องนารา ซึ่งตอนนี้ทางครอบครัวของรัศมีกำลังประสบปัญหาจนต้องส่งตัวน้องนารามาอยู่กับจักรินทร์แทน 

ไม่มีครอบครัวไหนสมบูรณ์แบบ แม้แต่ครอบครัวของเธอเองที่มีสมาชิกครบทุกคนแต่ก็ยังขาดความห่วงใยซึ่งกันและกัน

“นาราอยากทานองุ่นค่ะ พี่มิ้นต์บอกคุณอาให้หน่อยได้ไหมคะ”

                “เราไปเก็บที่ต้นของมันเลยดีกว่าไหมคะ เดี๋ยวพี่มิ้นต์จะเตรียมชุดให้น้องนาราเปลี่ยนและเราก็เดินเล่นไปเรื่อยๆ จนไปถึงที่ไร่องุ่นกัน ตกลงไหมคะ” ธมนต์ยื่นข้อเสนอที่ดีกว่าด้วยรอยยิ้มหวานอย่างเอ็นดู

                เธอเดินผ่านไร่องุ่นอยู่ทุกวัน แต่ไม่เคยย่างกรายเข้าใกล้ ได้หยิบองุ่นสดๆ ที่เพิ่งตัดจากต้นชิมเลยสักครั้ง

                “คุณอาจะดุนาราเหมือนวันนั้นไหมคะ”

                วันนั้นในความหมายของน้องนาราคือวันที่เด็กหญิงมาอยู่กับเธอจนคนงานทั้งไร่ต้องออกตามหา ธมนต์ไม่รู้ว่าพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ต่อว่าหลานสาวอย่างไร แต่พอจะเดาออกว่าคงรุนแรงมาก เพราะดูเหมือนน้องนาราจะกลัวอีกฝ่ายต่อว่าอย่างเช่นตอนนั้นอีก

                “พี่มิ้นต์จะโทร. ไปบอกคุณอาของน้องนาราก่อนค่ะ” ธมนต์บอกเพื่อให้เด็กหญิงคลายความกังวล แต่เธอคงไม่โทร. ไปหาชายหนุ่มด้วยตัวเอง คงจะวานให้จักรินทร์บอกให้แทน

                “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงค่ะ” น้องนารายิ้มออกมาอย่างสดใส ก่อนจะลงมือรับประทานอาหารว่างอย่างเอร็ดอร่อย โดยมีธมนต์คอยเช็ดคราบที่เปื้อนบนใบหน้าให้

                เธอเคยเลี้ยงลูกของเจ้านายเก่าอย่างมาดามลิซซี่ เจ้าของห้องเสื้อซึ่งเธอเคยทำงานด้วยก่อนจะลาออกเพื่อกลับมาเมืองไทย เรื่องเลี้ยงเด็กเล็กจึงไม่ใช่ปัญหาของเธอเลยสักนิด

 

                การได้เดินเล่นชมบรรยากาศในไร่องุ่น เก็บผลองุ่นสดๆ ปลอดสารเคมีของทางไร่สักสองสามพวงมารับประทานเล่นก็มีอันต้องจบลงและเป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น เพราะเสียงรถยนต์ที่ขับเข้ามาจอดอยู่หน้าบ้าน...รถของเพื่อนพ่อเลี้ยงจิณธนนท์

                ทุกอย่างผิดแผนไปหมดทั้งที่เธอและน้องนาราแต่งตัวกันเรียบร้อยแล้ว

                “คุณอามาค่ะ”

                “เดี๋ยวน้องนาราออกไปรับคุณอานะคะ พี่มิ้นต์จะเอาจานของว่างไปล้างในครัว”

                ธมนต์บอกร่างเล็กก่อนที่จะเดินเลี่ยงเข้าไปในครัว เพื่อปล่อยให้อาหลานอยู่กันตามลำพังอย่างเช่นทุกครั้ง ไม่เข้าไปวุ่นวายให้ชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาที่จ้องจะจับผิด ซึ่งพลอยทำให้เธออึดอัดเสมอ

                “พี่เลี้ยงของน้องนาราหายไปไหนครับ” จิณธนนต์ถามหลานสาว ก่อนจะอุ้มเด็กหญิงขึ้นมาหอมแก้มใสอย่างรักใคร่

                “ล้างจานอยู่ในครัวค่ะ”

เสียงที่ดังลอดเข้ามาภายในห้องครัวทำให้ธมนต์รีบเร่งมือล้างจานให้เร็วกว่าเดิม หากอีกฝ่ายถามหาเธอแบบนี้คงมีเรื่องที่จะพูดกับเธอเป็นแน่ เพราะทุกครั้งที่เขามาไม่เคยมีการถามไถ่ถึงเธอเลย นอกเสียจากเอ่ยปากไล่ให้เธอออกไปอยู่นอกบ้าน

                “ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณหน่อย ไปพบผมที่ห้องทำงานด้านบนด้วย”

ประโยคแรกร่างสูงบอกกับธมนต์ที่เพิ่งจะเดินตามเข้ามาสมทบภายในห้อง ก่อนที่จะหันไปรุนหลังหลานสาวและกระซิบบอกให้เด็กหญิงเข้าไปรอในห้องเด็กเล่น

“อาจิณจะไปคุยกับพี่เลี้ยงของน้องนาราเดี๋ยวเดียวนะครับ น้องนาราก็ไปเล่นของเล่นในห้องรอไปก่อน พอคุยเสร็จเดี๋ยวอาจิณจะพาลงไปเล่นด้านล่าง ตกลงไหมครับ

พอคล้อยหลังหลานสาว พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ก็เดินนำธมนต์ขึ้นบันไดไปยังห้องทำงานซึ่งอยู่ภายในบ้านทางเหนือ ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ของที่นี่

 

ธมนต์เดินตามชายหนุ่มขึ้นไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สักหน้าโต๊ะทำงานตามสายตาที่เขาส่งบอกเป็นนัย

‘แค่เอ่ยปากบอกจะตายหรือไงกัน’

“พี่เลี้ยงคนใหม่ที่ผมเรียกตัวมาจากกรุงเทพฯ กำลังจะขึ้นมาที่เชียงรายภายในวันสองวันนี้ ส่วนคุณ ผมจะให้กลับไปทำงานที่ชอปเหมือนเดิม คุณคงไม่ขัดข้องอะไรใช่ไหม” ชายหนุ่มเริ่มประโยคสนทนาด้วยธุระสำคัญ

“ฉันไม่มีปัญหาหรอกค่ะ แต่น้องนาราจะยอมหรือเปล่าคะ” ธมนต์อดเป็นห่วงน้องนาราไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายติดเธอจนป้าแม่บ้านของที่นี่ยังเข้าใกล้ได้ไม่เท่าเธอเลยทั้งที่เคยเลี้ยงดูกันมาก่อน

“เรื่องนั้นผมจะคุยกับหลานเอง ไม่ใช่ว่าคุณทำงานได้ไม่ดีหรอกนะ แต่เพราะว่าเพศของคุณมันจัดอยู่ในหมวด...เอ่อ...ช่างมันเถอะ”

พ่อเลี้ยงจิณธนนท์แสดงออกให้เห็นว่าเธอทำงานได้ไม่ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด เพียงแต่เรื่องเพศสภาพคือสิ่งที่มันค้างคาใจเขาแค่นั่นเอง

เขาอ่านประวัติธมนต์มาก่อนหน้านี้ถึงได้รู้ว่าใบหน้าสวย รูปร่างที่ดูจะซ่อนรูปนั้นไม่ใช่ผู้หญิงแท้แต่เป็นหญิงเทียมที่คงผ่านการผ่าตัดมาหมดแล้วทั้งตัว เขากับเพื่อนผ่านผู้หญิงมาก็มาก ผู้หญิงเข้าหาไม่เคยขาดมือ แต่พักหลังมานี้ ใบหน้าของธมนต์มักจะลอยขึ้นมาในห้วงความคิด ยิ่งพอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่อย่างที่คิดก็เกิดการต่อต้านขึ้นภายในความรู้สึกของตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ห้ามตัวเองไม่ให้มองตามใบหน้าสวยและรูปร่างซ่อนรูปนั้นเวลาเคลื่อนไหวไม่ได้เลยสักครั้ง...

ดวงตาสีรัตติกาลที่เหมือนจะซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ดึงดูดให้เขาอยากค้นหา...อยากเข้าใกล้...อยากสัมผัส...เขาห้ามตัวเองไม่ได้เลย

                เขาจึงต้องตัดไฟแต่ต้นลม ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจเขาผิดเรื่องสถานะที่แท้จริงของเขาอยู่ด้วย หรือไม่ก็คงเป็นอุบายที่คิดจะเข้ามาจับเขาทำสามีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำงานหนักและได้เป็นแม่เลี้ยงของไร่ทางเหนือ มีเงินนับร้อยล้านใช้สบายๆ หากเขาไม่คิดจะศึกษาประวัติของธมนต์อย่างผู้หญิงคนอื่นก่อนหน้านี้คงพลาดท่าตั้งแต่วันแรกที่อีกฝ่ายทำงานเป็นพี่เลี้ยงของหลานสาว

“ฉันเพิ่งรู้นะคะว่าคุณก็เหยียดเรื่องเพศเหมือนกัน” ธมนต์อดเหน็บแนมชายหนุ่มไม่ได้

ทำไมเรื่องเพศต้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ทั้งที่ควรจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า ดูคนว่าดีไม่ดีต้องดูที่เพศหรือไง

                “มันไม่ใช่อย่างนั้น มันก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น” ชายหนุ่มปฏิเสธ

                “คุณกำลังจะบอกว่าฉันทำงานได้ดี แต่เพราะเพศของฉันมันส่งผลต่องานที่ฉันทำ และคุณก็ไม่อยากให้น้องนาราเข้าใกล้ฉันมากเกินไป เพราะกลัวว่าหลานจะเบี่ยงเบนทางเพศแบบฉัน ที่ฉันพูดไปทั้งหมดคุณคิดอย่างนั้นใช่ไหมคะ”

ธมนต์พูดขึ้นอย่างโมโหโกรธา เธอไม่ชอบการเหยียดเพศแบบนี้เลย เรื่องเพศที่สามมันไม่ใช่สิ่งผิดในโลกที่พัฒนาไปไกลมากแล้ว บางประเทศคนเพศเดียวกันสามารถจดทะเบียนสมรส แต่งงานกันได้ด้วยซ้ำ เพศที่สามบางคนยังนิสัยใจคอดีกว่าคนบางคนที่เกิดมาไม่ผิดเพศเสียอีก

“คุณกำลังเข้าใจผมผิดนะ คุณธมนธรรม” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์พูดขึ้นอย่างมีน้ำโห เขาไม่ได้คิดอย่างนั้นเลยสักนิด แต่อีกฝ่ายกลับยัดเยียดให้เขาคิดแบบนั้น

“คุณลองอธิบายมาสิคะ ในเมื่อคุณเองก็บอกว่าฉันทำหน้าที่พี่เลี้ยงของน้องนาราได้ดี แต่ทำไมถึงให้ฉันกลับไปทำงานที่ชอปเหมือนเดิม แถมยังพูดถึงเรื่องเพศอีก” ธมนต์แย้ง

“ที่ผมบอกว่าคุณทำงานได้ดีมันคือเรื่องจริง ส่วนเรื่องที่ผมจ้างพี่เลี้ยงคนใหม่นั้นเพราะว่าเขาเคยผ่านเรื่องพวกนี้มาจนชำนาญแล้ว น้องนาราเองก็กำลังอยู่ในช่วงวัยแห่งการเรียนรู้ พี่เลี้ยงคนใหม่เขาจะสอนพัฒนาการต่างๆ ให้น้องนาราได้ดีกว่าคุณ ส่วนเรื่องเพศผมไม่ได้รังเกียจอะไร สมัยนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว ผมแค่กลัว...” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ถอนหายใจไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เขาจะบอกอีกฝ่ายได้อย่างไรว่า...เขากลัวใจตัวเอง

“ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดละก็...ตกลงตามนั้นค่ะ พี่เลี้ยงขึ้นมาจากกรุงเทพฯ เมื่อไหร่ ฉันจะกลับไปทำงานในหน้าที่เดิมของตัวเอง อีกเรื่องนะคะกรุณาเรียกฉันว่ามิ้นต์ด้วยค่ะ”

ธมนต์บอกอีกฝ่ายอย่างจำยอมกับเหตุผล เธอเชิดหน้าขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายดูว่าเธอไม่ได้โอนอ่อนแต่อย่างใด แต่ก็ต้องยอมรับว่าพลาดท่าไปที่ลืมนึกถึงเรื่องการเรียนของน้องนาราไปเสียอย่างนั้น เพราะมัวแต่คิดว่าเขาเหยียดเพศเธอ

“ธมนธรรมกับมิ้นต์มันไม่ใช่คนเดียวกันหรือยังไง” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน เมื่อสถานการณ์กลับมาปกติ ไม่ได้พูดจาโต้แย้งกันไปมาอย่างเมื่อหลายนาทีก่อน

“คนละคนค่ะ” ธมนต์ตอบอย่างมั่นใจ

‘จะคนเดียวกันได้อย่างไรในเมื่อธมนธรรมคือน้องชายของเธอ’

“คนละคนกันยังไง ตอนนี้ผมก็เห็นเป็นคนเดียวกัน”

“ธมนธรรมคือผู้ชายค่ะ ส่วนมิ้นต์คือผู้หญิง ตอนนี้ฉันเป็นผู้หญิง กรุณาเรียกตามที่ฉันขอร้องเพื่อเป็นการให้เกียรติฉันด้วยนะคะ ถึงแม้เกียรติของฉันจะมีไม่มากเท่าคุณก็ตาม”

“มิ้นต์...ธมนธรรม...อย่างนั้นสินะ ผมจะเรียกว่าอะไรดีนะ” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ถามอย่างกวนอารมณ์อีกฝ่าย พร้อมก้าวเข้าใกล้ ใช้แขนทั้งสองข้างเท้าเข้ากับผนังห้องเพื่อล็อกตัวร่างบางไม่ให้หนีไปไหน

“อย่ามาทำตัวรุ่มร่ามกับฉันนะ” ธมนต์ไม่สามารถขยับริมฝีปากของตัวเองได้มากนัก เพราะอีกฝ่ายลดใบหน้าลงให้อยู่ในระดับเดียวกับเธอในระยะห่างไม่ถึงคืบ

                “ผมทำอะไร ผมยังไม่ทันได้ทำอะไรคุณเลยนะครับ คุณธมนธรรม”

                “แบบที่คุณกำลังทำอยู่ในตอนนี้ ฉันถือว่าคุณกำลังทำตัวรุ่มร่ามกับฉันค่ะ” ธมนต์บอกเสียงเรียบเน้นทุกคำพูด

                “แบบไหนครับ...แบบไหนนะ” ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาเรื่อยๆ ก่อนจะปรากฏรอยยิ้มที่มุมปากอย่างหยอกล้อพลางลอยหน้าลอยตาอย่างท้าทาย

                “อย่าให้ฉันหมดความอดทนนะ”

                “อะไรหมดนะครับ ผมไม่ได้ยินเลย” หมดคราบพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ที่คนงานในไร่นับถือเสียแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงนายจิณธนนท์ที่กำลังต่อล้อต่อเถียงกับคนตรงหน้า แค่เห็นใบหน้าอีกฝ่ายเขาก็คิดอยากจะแกล้งเล่น

                “คุณ!” ธมนต์ที่ไม่รู้จะต่อว่าอีกฝ่ายอย่างไรดีก็ได้แต่พูดขึ้นอย่างขัดใจพร้อมกับเอียงใบหน้าหลบชายหนุ่มสุดตัว

                “เรียกทำไมครับ หรือว่ากลัวผมไม่ได้ยิน” เขาขยับใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าอีกฝ่ายอีกนิด “ว่ามาสิ ผมได้ยินชัดเต็มสองหูเลยทีนี้”

                “เอา-หน้า-ของ-คุณ-ออก-ไป” ธมนต์เน้นย้ำทีละคำอย่างช้าๆ พร้อมส่งสายตาจ้องมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อพ่อเลี้ยงจิณธนนท์

                “เอาออกก็ได้” ชายหนุ่มยอมล่าถอยออกมา

                ปากก็ว่าไปอย่างนั้น แต่ดวงตาคมกริบกลับมองธมนต์ตั้งแต่หัวจดเท้า แถมมันยังหยุดอยู่ที่หน้าอกของเธอนานกว่าที่อื่นเสียอย่างนั้น ก่อนจะเบนสายตาไปที่ริมฝีปากบางบนใบหน้ารูปไข่ของเธอ

                ทำให้ธมนต์อดที่จะมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างห้ามปรามไม่ได้ แต่กลับพบใบหน้าที่เธอไม่เคยได้สังเกตอย่างจริงจังเลยสักครั้ง

                ใบหน้าคมช่างดูหล่อเหลาราวกับชายหนุ่มในอุดมคติ ดวงตาสองคู่ที่จ้องมองกันโดยไร้ซึ่งบทสนทนาราวกับมีบางสิ่งกำลังดึงดูดทั้งสองเข้าหากัน ไฟอารมณ์ในตัวชายหนุ่มลุกโชนขึ้นมาอย่างไม่ทันได้ห้ามปราม หน้าผากของเขาแนบชิดกับหน้าผากมน

ธมนต์อยากจะผลักไสอีกฝ่ายออกไป แต่พอใบหน้าคมเข้มนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ก็ยิ่งทำให้เธอไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ ตอนนี้ริมฝีปากของคนทั้งคู่ประกบกัน โดยไร้ซึ่งการรุกรานใดๆ แต่เพียงไม่นานพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ก็เริ่มควบคุมอารมณ์ที่ก่อตัวขึ้นไม่ไหว ค่อยๆ ขยับริมฝีปากของตนเพื่อบ่งบอกให้ร่างบางเปิดทางให้เขาเข้าไปช่วงชิงความหวานหอม

                ธมนต์เริ่มเผยอริมฝีปากเพื่อให้ชายหนุ่มรุกล้ำเข้ามาอย่างไม่มีสติ ตอนนี้เธอเหมือนถูกมนตร์สะกดให้ยอมทำตามที่เขาต้องการ รสจูบที่พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ได้รับจากร่างบางทำเอาร่างกายสั่นไหวไปหมด มันหวานหอมไปทั่วทั้งโพรงปาก

                ในตอนนี้ไม่มีแม้แต่คำว่าเพศที่สามเข้ามาในห้วงความคิด เขารู้เพียงว่าหากเสื้อยืดที่ปกคลุมรูปร่างของอีกฝ่ายหลุดออก ธมนธรรมจะแอบซ่อนรูปอย่างที่เขาคิดเอาไว้หรือไม่

                กำปั้นเล็กทุบตีหน้าอกของชายหนุ่มระรัว ลมหายใจเริ่มขาดห้วง พยายามเรียกสติให้กลับมา

นี่เธอกำลังทำอะไรอยู่นะ!

ริมฝีปากของชายหนุ่มผละออกให้หญิงสาวได้เก็บกักลมหายใจ แต่มือหนาก็รวบข้อมือคนที่ทุบตีหน้าอกของเขาขึ้นไว้เหนือหัว ก่อนจะเลื่อนร่างบางให้นอนราบบนโซฟาไม้สัก ใบหน้าคมก้มลงซุกไซ้ลำคอขาวอย่างดุดันจนขึ้นสีแดงระเรื่อ

                สติของธมนต์กลับมาเต็มร้อยจึงได้แต่ดิ้นหนีจากสัมผัสหยาบโลนของอีกฝ่ายที่กำลังซุกไซ้ลำคอของเธออยู่ในขณะนี้ ไหนจะมืออีกข้างที่กำลังรุกล้ำหน้าอกของเธออยู่

                “ยะ...หยุดนะคุณ!” ธมนต์เค้นเสียงบอกชายหนุ่ม

                แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล เพราะตอนนี้เสื้อยืดของเธอถูกโยนทิ้งลงข้างโซฟาไม้สักเสียแล้ว ดวงตาสีรัตติกาลสั่นระริกอย่างคนกำลังหวาดกลัว

                “จะ...เจ็บ” ธมนต์บอกเสียงสั่น เมื่อชายหนุ่มกดจูบดูดดึงแถมกัดลำคอระหงของเธอคล้ายจะเป็นแผลเลือดไหล เธอพยายามเบี่ยงตัวหลบหนีจากการรุกราน ขาสองข้างยกขึ้นประทุษร้ายที่กลางลำตัวของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ช่วยอะไรเลย เพราะแรงของเธอมีไม่มากพอ หรือไม่ชายหนุ่มก็เป็นพวกซาดิสม์ชอบความรุนแรง

            ‘ทำอย่างไรดี’

            “คุณจะมีอะไรกับฉันจริงๆ น่ะเหรอ” ธมนต์ถามอย่างพยายามควบคุมน้ำเสียง “ตะ...แต่ฉันไม่ใช่ผู้หญิงนะ คุณไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ...อ๊ะ...อีกอย่าง...ฉัน...ฉัน...ฉันยังไม่ได้ผ่าตรงนั้นออกเลยนะ!”

                ราวกับเข็มนาฬิกาที่หยุดเดิน พ่อเลี้ยงจิณธนนท์หยุดชะงักริมฝีปากซึ่งกำลังซุกไซ้บนลำคอระหงเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาวใต้ร่างเมื่อครู่ เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ก่อนจะสบสายตาเข้ากับดวงตาสีรัตติกาลที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว

                “อย่ามาโกหกน่า คุณไม่รู้หรือไงว่าตอนนี้อารมณ์ผมมันไปไกลแค่ไหนแล้ว”

                “ฉันพูดจริงๆ นะ ถ้าคุณไม่เชื่ออยากจะทำต่อก็เชิญเลย” ธมนต์ดึงข้อมือของตนให้พ้นจากพันธนาการของเขาที่เริ่มผ่อนแรงลง

                “ธมนธรรม!” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์เรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างเก็บกักอารมณ์ ซึ่งตอนนี้ตีกันปนเปไปหมด

                คนตรงหน้าไม่เหมือนผู้ชายที่ผ่านมีดหมอมา กลิ่นกายหอม ลำคอระหงที่ไม่มีลูกกระเดือกเด่นชัดอย่างผู้ชายทั่วไป แถมช่วงล่างที่ราบเนียนยามที่ช่วงขาของเขาเผลอสัมผัสไปโดน มันไม่ใช่อวัยวะที่ต้องผ่าตัดออกไปอย่างที่เธอบอกเขาเลยสักนิด

เขาไม่อยากจะเชื่อว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้หญิงแท้ๆ

                “ลองดูไหมคะ ถ้าคุณรับได้ฉันก็พร้อมนะ” ธมนต์พูดยั่วอีกฝ่าย เมื่อพบว่าใบหน้าคมเริ่มซีดเซียวและดวงตาหลุกหลิก บ่งบอกได้ชัดเจนว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่กล้าพอที่จะสานต่อกิจกรรม

                “ผมขอตัว” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์บอกเพียงแค่นั้น ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน     

                “เกือบไปแล้ว ยัยธมนต์เอ้ย!” ธมนต์ก้มลงสำรวจตัวเอง ก่อนที่ดวงตาสีรัตติกาลจะเบิกกว้าง

                เพียงเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที บราเซียร์สีแดงลายจุดดำของเธอก็ถูกปลดตะขอหลังแล้วอย่างนั้นน่ะหรือ แถมยังรอยแดงที่เนินอกนี่อีก ไม่อยากจะคิดเลย หากเธอยังคงหลงใหลใบหน้าหล่อเหลาและสัมผัสจาบจ้วงของอีกฝ่าย สภาพของเธอจะเป็นอย่างไร

                ...

                “ไอ้นพ หาผู้หญิงให้ฉันสักคนสิวะ ตอนนี้เลย เดี๋ยวฉันจะลงไปที่รีสอร์ต แค่นี้นะ”

ธมนต์จัดการตัวเองจนเรียบร้อยก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำงาน ได้ยินประโยคสนทนาที่ดังลอดออกมาจากบานประตูอีกห้องทำเอาหญิงสาวถึงกับส่ายหน้า
 

‘พวกมักมากในกามเป็นอย่างนี้ทุกคนเลยสินะ’

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น