5

เริ่มต้น

 ใจของหญิงสาวเต้นระรัว ทำไมความรู้สึกของเธอถึงเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาก็แค่เจ้านายกับลูกจ้าง

ธมนต์ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเธอถึงไม่ได้กลับไปทำงานที่ชอปอย่างเดิมเมื่อพี่เลี้ยงคนใหม่มาถึง แถมยังต้องมาทำงานอยู่ที่บ้านพักเชิงดอย บ้านพักไม้สักขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเชิงดอย ห่างจากไร่ทางเหนือเกือบสิบกิโลเมตร ซึ่งเป็นบ้านพักของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์แทน

                 เธอมีหน้าที่ทำความสะอาดบ้านพัก และในช่วงเวลาสามวันมานี้เธอแทบจะไม่มีเวลาทำอะไรเลยนอกจากทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง เพราะว่าบ้านพักหลังนี้ไม่เคยถูกใช้งานมาก่อนเลย มีฝุ่นและหยากไย่เกาะเต็มบ้าน 

                ข้าวของเครื่องใช้ถูกคลุมด้วยผ้าสีดำจนแทบจะมองหาความสวยงามไม่เจอ แต่พอธมนต์ลงมือทำความสะอาดและจัดข้าวของเครื่องใช้ให้เข้าที่เข้าทาง ความสวยงามก็ปรากฏแก่ดวงตาสีรัตติกาลจนอดใจจ้องมองไปรอบๆ อย่างตกตะลึงไม่ได้

                ยิ่งตรงระเบียงบ้านชั้นล่างซึ่งเป็นจุดที่เธอชอบมากที่สุด สามารถชมทิวทัศน์ของไร่ทางเหนือได้ทั้งไร่ และยังเห็นกลุ่มดาวได้ชัดเจนอีกด้วย

                “หนูมิ้นต์! อยู่ไหมลูก” เสียงเรียกตะโกนจากหน้าบ้าน ทำให้ธมนต์ต้องวางงานในมือลงก่อนจะเดินออกไปตามเสียงเรียก

                “มีอะไรคะป้านาง” ธมนต์ถามหญิงวัยกลางคน ซึ่งแต่งกายด้วยชุดพื้นบ้านอย่างคุ้นเคย

                “พ่อเลี้ยงให้ป้าพาคนงานมาเก็บบ้านจ้ะ”

                คำตอบของอีกฝ่ายทำเอาธมนต์ยืนนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา ถ้าพ่อเลี้ยงจิณธนนท์จะส่งคนงานมาทำความสะอาดบ้านอยู่แล้ว แล้วทำไมต้องให้เธอมาก่อนที่จะส่งคนงานมาตั้งสามวัน จนเธอจัดการเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านพักจนเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว

                ใบหน้าสวยง้ำงออย่างขัดอารมณ์ นึกโมโหพ่อเลี้ยงอยู่ในใจ

                “เดี๋ยวขึ้นไปขนของในห้องนั้นออกมาทั้งหมดนะ แล้วเอาเตียงกับตู้หลังใหม่เข้าไปแทน” แม่บ้านใหญ่ประจำตระกูลวิวิธชาญชัยสั่งคนงาน ก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจตัวบ้านที่ไม่เคยถูกใช้งานและถูกปิดตายตั้งแต่เมื่อห้าเดือนก่อน

                “ห้องนั้นมีอะไรเหรอคะ มิ้นต์ว่าจะเข้าไปทำความสะอาดแต่ก็หากุญแจห้องไม่เจอ” ธมนต์อดถามด้วยความสงสัยไม่ได้ เพราะห้องที่อยู่ทางซ้ายมือเป็นห้องเดียวที่เธอหากุญแจไม่เจอ แถมวิวตรงระเบียบห้องคงจะสวยกว่าระเบียงชั้นล่างซึ่งเป็นจุดที่เธอชอบที่สุด

                “ป้าบอกไม่ได้หรอก พ่อเลี้ยงสั่งไว้” คนเก่าแก่ยังไม่กล้าพอจะเล่าเรื่องของเจ้านาย ได้แต่บ่ายเบี่ยงยกชื่อพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ขึ้นมาอ้าง

                ธมนต์ไม่กล้าถามเซ้าซี้ ความสงสัยยิ่งเพิ่มทวีคูณ ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองข้าวของมากมายที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียวว่าของพวกนี้มันคืออะไร

ชุดตกแต่งห้องหอ!

“แสดงว่าบ้านหลังนี้เป็นเรือนหอของพ่อเลี้ยงสินะ” ธมนต์วิเคราะห์ตามสิ่งที่เห็น ก่อนที่ดวงตาสีรัตติกาลจะเบิกกว้างเมื่อเห็นภาพถ่ายขนาดใหญ่ในมือคนงาน

“ป้านางคะ นั่นรูปเพื่อนพ่อเลี้ยงจิณไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมมาอยู่ในบ้านของพ่อเลี้ยงจิณได้คะ” ธมนต์เดินเข้าไปถามก่อนสมองจะประมวลผลทั้งหมดออกมา นิ้วเรียวสวยพลางชี้ไปยังภาพคู่บ่าวสาว ดวงตาสีรัตติกาลวูบไหวไปมาอย่างไม่รู้สาเหตุ

“นั่นพ่อเลี้ยงต่างหากล่ะหนูมิ้นต์! เพื่อนของพ่อเลี้ยงที่ไหนกัน” หญิงวัยกลางคนขบขันกับคำถามของหญิงสาว ขนาดบุคคลที่ไม่ใช่คนงานในไร่ยังรู้เลยว่าพ่อเลี้ยงจิณธนนท์คือคนไหน

“พะ...พ่อเลี้ยงจิณ” ธมนต์พึมพำออกมาก่อนจะนิ่งค้างกลางอากาศ เธอเข้าใจผิดมาตลอดเลยน่ะเหรอ เพื่อนของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์คือพ่อเลี้ยง ส่วนคนที่เธอคิดว่าเป็นพ่อเลี้ยงคงจะเป็นเพื่อนของพ่อเลี้ยงแทน

“เดี๋ยวป้าต้องกลับลงไปทำอาหารให้คุณหนูนาราแล้วละ ป้าวานให้หนูช่วยดูคนงานย้ายของต่อให้หน่อยนะลูก”

ธมนต์พยักหน้ายิ้มรับคำ ก่อนยืนมองภาพถ่ายบ่าวสาวไม่วางตา เจ้าบ่าวเจ้าสาวดูเหมาะสมกันเหลือเกิน แต่ทำไมแววตาของเจ้าสาวถึงอมทุกข์ขนาดนั้นกันนะ

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่มีใครพูดถึงคนรักของพ่อเลี้ยงเลย” ธมนต์ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ เพราะคงไม่มีใครพูดถึงมันเป็นแน่ ขนาดเธอถามแม่บ้านใหญ่ที่ทำงานที่นี่มานานยังไม่ได้คำตอบเลย

“จะให้พวกผมช่วยทำความสะอาดไหมครับ” คนงานชายถามขึ้น

ธมนต์หลุดออกจากภวังค์ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นจนคนงานต้องพูดซ้ำอีกรอบ

“ไม่ต้องค่ะ เดี๋ยวมิ้นต์ทำเอง” หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินตามหลังคนงานชายไปนอกบ้าน ได้ยินเสียงพูดคุยของคนงานลอยเข้าหู แต่หญิงสาวก็ยังคงนิ่งไม่ต่อว่าหรือคัดค้านอะไร

“กะเทยสวยขนาดนี้เลยเหรอวะ ได้ยินเขาพูดกัน ไม่คิดว่าจะสวยขนาดนี้”

“นั่นสิ สวยจริงๆ ว่ะ เสียดาย ถ้าเป็นผู้หญิงนะข้าต่อแถวจีบคนแรกเลยเว้ย”

ธมนต์ลอบยิ้มขำกับคำพูดเหล่านั้น เธอไม่ใช่กะเทยเสียหน่อย สาวแท้แม่ให้มาต่างหาก แต่ก็ดีที่ทุกคนเข้าใจผิดแบบนี้ เพราะหากความจริงปรากฏเธอจะใช้ชีวิตในไร่ลำบากขึ้น คนงานคงคอยจ้องจะเข้ามาทำความรู้จัก เผลอๆ อาจเมาเหล้าและจับเธอปล้ำขึ้นมา  

ในเวลาต่อมาธมนต์ก็เข้าไปจัดการความเรียบร้อยภายในห้องหอตามความคิดของเธอ ก่อนจะลงมือทำอาหารกินเองง่ายๆ โชคดีที่พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ยังให้คนงานนำของสดขึ้นมาให้บ้าง “ทำงานเสร็จแล้วเหรอถึงมานั่งกินข้าวทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาพักเที่ยง!” เสียงเกรี้ยวกราดดังจากด้านหลัง

ธมนต์ทำหน้านิ่งก่อนจะลดมือซึ่งกำลังตักไข่เจียวเข้าปากลง ดวงตาสีรัตติกาลหันไปมองพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเพื่อนพ่อเลี้ยงมาตลอด

“เสร็จแล้วค่ะ” ธมนต์ตอบกลับก่อนจะมองใบหน้าอีกฝ่ายนิ่งอย่างไม่เกรงกลัว ก็ในเมื่อแต่ก่อนเขาเป็นเพียงเพื่อนของพ่อเลี้ยง มีสิทธิ์อำนาจเพียงนิดเดียวในไร่ แถมยังชอบพูดจากวนประสาทจนเธอตบะแตกต่อว่าเขาสารพัด และดูเหมือนว่าแต่ก่อนอีกฝ่ายจะชอบใจที่เธอมีท่าทีอย่างนั้น

ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า แววตากรุ้มกริ่มของพ่อเลี้ยงหนุ่มแปรเปลี่ยนมาเป็นแข็งกร้าว

“เสร็จแล้วก็ใช่ว่าเธอจะมานั่งทานข้าวแบบนี้ได้! มันยังไม่ใช่เวลาพัก” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ยังคงหาเรื่องต่อว่าอีกฝ่ายไม่เลิก

ธมนต์ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารก่อนจะเดินนำกับข้าวเข้าไปเก็บ เธอเพิ่งกินไปได้แค่ไม่กี่คำแถมเมื่อวานตอนเย็นก็ไม่ได้กินอะไรเพราะมัวแต่ทำความสะอาดบ้าน เธอพยายามห้ามปรามตัวเองไม่ให้ต่อล้อต่อเถียงกับพ่อเลี้ยงจิณธนนท์เพราะสถานะของเขาไม่เหมือนเดิม เธอมีสิทธิ์ถูกไล่ออกได้ง่ายๆ

พ่อเลี้ยงจิณธนนท์มองอีกฝ่ายอย่างพอใจแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมหญิงสาวถึงไม่ต่อว่าเขาอย่างเคย ไม่แม้แต่จะเถียงกลับอย่างทุกครั้ง แววตาของชายหนุ่มสั่นไหวชั่วครู่ก่อนจะกลับมาแข็งกร้าวดังเดิม

“แน่ใจนะว่าทำความสะอาดเสร็จหมดแล้ว ทำไมฝุ่นถึงยังเกาะบนหลังตู้อยู่แบบนี้!” ชายหนุ่มยกนิ้วชี้โชว์ให้ธมนต์ได้เห็นคราบฝุ่นที่เปื้อนอยู่บนนิ้ว

หญิงสาวกัดริมฝีปากอย่างอดกลั้น หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงโต้ตอบเขาไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอไม่มีสิทธิ์เถียงเขา “ฉันเอื้อมไม่ถึงค่ะ มันอยู่สูง”

“ไปเอาเก้าอี้มาซะแล้วปีนขึ้นไปทำความสะอาด” ไม่รอให้หญิงสาวอธิบายถึงเหตุผลต่อเขาก็ออกคำสั่งทันที

“ค่ะ” ธมนต์กัดฟันตอบรับอย่างจำยอม ก่อนจะเดินก้มหน้าออกไปด้านนอกเพื่อนำเก้าอี้มาปีนขึ้นไปทำความสะอาดตู้โชว์ตามคำสั่ง

ชายหนุ่มจ้องมองการเคลื่อนไหวอย่างยากลำบากยามปีนขึ้นลงเก้าอี้ของธมนต์ด้วยใบหน้านิ่ง ไม่มีแม้แต่ความสงสารเจือในแววตาดุ นี่มันแค่บทเริ่มต้น เขายังไม่ได้ลงมือทำจริงจัง สิ่งที่อยู่ในหัวยังมีอีกมากมายให้เขาลงมือทำ

ชายหนุ่มกวาดมองไปทั่วทั้งเรือนร่างของธมนต์ซึ่งซ่อนรูปเอาไว้อย่างที่เขาคิดไม่มีผิด เขามองข้ามเสื้อผ้าแบรนด์เนมของแท้ การแต่งตัวที่ดูดีราวกับแฟชั่นนิสตาตัวยงอย่างนี้ไปได้อย่างไรกัน ทำไมไม่เคยเอะใจเลยสักนิดว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่กะเทย แถมยังเป็นถึงลูกหลานของเจ้าสัวใหญ่เสียด้วย!

“เงินเดือนออกเธอคงเอาไปผ่าตัดส่วนนั้นทิ้งไปสินะ ดีแล้วละคิดจะเป็นผู้หญิงก็ควรจะเป็นมันทั้งตัวถึงจะถูก” คำพูดจาเสียดสีถูกส่งออกมาเพื่อทำลายความเงียบ ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าหญิงสาวตรงหน้าไม่ใช่เพศที่สาม แต่พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ยังไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขารู้ความจริงแล้ว

ธมนต์ชะงักมือที่กำลังเช็ดหลังตู้ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างอย่างอดกลั้นกับคำพูดของชายหนุ่ม

“มันก็ต้องดูก่อนนะคะว่าพอหรือเปล่า จะเป็นพระคุณอย่างมากเลยค่ะถ้าพ่อเลี้ยงยอมจ่ายเงินให้ก่อนล่วงหน้าสักสามสี่เดือน คงจะพอจ่ายค่าผ่าตัด แต่...พ่อเลี้ยงคงจ่ายให้ไม่ได้ใช่ไหมคะ ฮึ! เสียดายจัง” ธมนต์ตอกกลับพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ ก่อนจะแย้มยิ้มอย่างพอใจ หันหลังกลับไปทำงานตรงหน้าต่อให้มันเสร็จๆ ไป

“เธออยากได้เหรอ เอาสิ! เดี๋ยวฉันจ่ายให้แถมจองคิวนัดหมอให้เธอเลยก็ยังได้ พอดีฉันมีหมอที่รู้จักกันอยู่น่ะ เขาเป็นหมอด้านนี้เฉพาะเลยด้วย” ไม่ว่าเปล่าพ่อเลี้ยงจิณธนนท์ก็หยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมากดโทร. ออก เขารู้จักแพทย์ด้านศัลยกรรมจริงๆ

ธมนต์จ้องมองการกระทำของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์อย่างตกใจ ก่อนจะลนลานกระโดดลงจากเก้าอี้จนเกือบเสียหลักก้นกระแทกพื้น

หมับ!

ธมนต์คว้าโทรศัพท์มือถือของพ่อเลี้ยงจิณธนนท์มากดตัดสาย ซึ่งชื่อที่ปรากฏอยู่ทำเอาใจของเธอเต้นตึกตัก

เขาไม่ได้พูดเล่น! ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองใบหน้าอีกฝ่ายอย่างคาดโทษ

“ตัดสายทำไม เธออยากผ่าไม่ใช่เหรอ ฉันก็จะนัดให้ไง กลัวอะไร” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ต้อนหญิงสาวด้วยคำพูดปกติ ไม่มีหลุดขำกับท่าทางเมื่อครู่ ก้นงอนๆ นั่นเกือบจะได้รอยจ้ำเสียแล้ว

“ฉะ...ฉันอยากเก็บเงินด้วยตัวเองค่ะ” ธมนต์ตอบเสียงเรียบ เก็บอาการตื่นกลัวเอาไว้

“นี่ก็เงินเธอนะ เงินเดือนล่วงหน้าไงตามที่เธอขอเลย” ชายหนุ่มยกยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตากรุ้มกริ่มจนธมนต์ต้องจ้องมองอีกฝ่ายอย่างแปลกใจ

“แต่ฉันยังไม่พร้อมผ่าตอนนี้ค่ะ”

“ทำไม หรือว่าเธอเป็นผู้หญิงอยู่แล้ว แต่มาโกหกสร้างหลักฐานปลอมๆ ขึ้นมา” เขาหย่อนลูกระเบิด ก่อนจะแอบยิ้มอย่างพอใจกับอาการตกใจของหญิงสาว

“ปะ...เปล่านะคะ ใครจะกล้า!” ธมนต์โต้ตอบพ่อเลี้ยงกลับ หัวใจเต้นระรัว หรือเขาจะรู้แล้วว่าเธอไม่ใช่ผู้ชาย

บ้าน่า...วันนั้นเขายังคิดจะปล้ำเธออยู่เลย ถ้าเขารู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงจะหยุดทำไม

หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ ขับไล่ความคิดแปลกๆ ของตัวเองออกไป

“มีพิรุธนะเธอน่ะ” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ยังคงหาคำพูดมาต้อนให้ธมนต์จนมุม

ก็มันอดแกล้งไม่ได้นี่นา ขนาดทำหน้างอยังดูสวยไม่เปลี่ยน สวยมากจนเขาอดจ้องมองอย่างหลงใหลไม่ได้

ก่อนที่ความคิดของชายหนุ่มจะเลยเถิดไปมากกว่านั้น เขาก็หยุดความคิดของตัวเองก่อนที่เขาจะกลายเป็นหมากแทนผู้คุมเกม “ไปทำงานของเธอต่อได้แล้ว คิดจะอู้งานหรือไง!”  

“เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ประสาท!” ธมนต์พึมพำ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเผลอต่อว่าอีกฝ่าย

“เธอว่ายังไงนะ!” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

“ขอโทษค่ะ ฉันจะกลับไปทำงานแล้วค่ะ” ธมนต์ปลีกตัวออกมาทำงานในส่วนของตัวเองต่อ แต่ก็อดลอบมองอีกฝ่ายไม่ได้...อะไรจะน่ารักขนาดนี้

ทำท่าทางเก๊กหล่อแต่แววตากลับวูบไหว แถมคำพูดคำจายังไม่จริงจังจนเธอจับทางได้ คงอยากจะให้เธอกลัวล่ะสิ! เหอะ! ธมนต์ลอบยิ้มอย่างขบขัน หัวใจเต้นรัวเมื่อนึกถึงท่าทางของอีกฝ่าย หญิงสาวหายใจเข้าออกช้าๆ รู้ดีว่าอาการที่เป็นอยู่ตอนนี้คืออะไร

 

แม่บ้านจากห้องอาหารของรีสอร์ตทางเหนือถูกส่งตัวเพื่อมาช่วยทำอาหารมื้อเย็นให้พ่อเลี้ยงเจ้าของบ้าน โดยมีธมนต์เป็นลูกมือช่วยงานในครัว ก่อนจะปลีกตัวออกมาจัดเตรียมเสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ในการอาบน้ำให้พ่อเลี้ยงตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายเอาไว้เมื่อตอนเย็น

หญิงสาวจัดวางเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้ใกล้มือพ่อเลี้ยงจิณธนนท์มากที่สุดจะได้หยิบจับมาใช้ง่ายขึ้น วางชุดนอนสีเข้มแบรนด์ดังลงบนเตียงกว้างภายในห้องนอนชั้นสองอย่างเบามือ

“เตรียมของใช้ส่วนตัวฉันเสร็จแล้วเหรอ” เสียงเข้มดังขึ้นสวนกับร่างบางที่กำลังจะเดินออกไปจากห้องนอนพอดี

“เสร็จแล้วค่ะ อุปกรณ์อาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ ผ้าเช็ดตัวแขวนอยู่ที่ราว ครีมและน้ำหอมวางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ส่วนชุดนอนวางอยู่บนเตียงค่ะ” ธมนต์อธิบายถึงสิ่งที่ตัวเองจัดการให้พ่อเลี้ยงจิณธนนท์อย่างละเอียดเพื่อกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาภายหลัง หากพ่อเลี้ยงหาของเหล่านั้นไม่เจอ

“เสร็จงานของเธอแล้วก็ไปพักได้” ชายหนุ่มบอก ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องนอน

ธมนต์หันหลังมองตามร่างสูงอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินไปลงด้านล่าง โชคดีที่แม่ครัวทำอาหารเผื่อไว้ให้เธอ หญิงสาวจึงไม่ต้องเสียเวลาไปทำอาหารเอง เพราะมันก็คงไม่พ้นไข่ทอดหรือไม่ก็แกงจืด แถมเธอยังเหนื่อยมาทั้งวัน และเริ่มรู้สึกเหมือนกำลังจะหมดแรง อยากทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มๆ แล้วหลับตา เปิดฟังเพลงคลาสสิกจากโทรศัพท์มือถือเพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้า

“เฮ้! ไม่มีสัญญาณ!” ธมนต์ตะโกนเสียงดัง เมื่อหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูว่ามีใครติดต่อมาบ้าง

แล้วเธอจะติดต่อกับน้องชายได้อย่างไรกัน แถมโทรศัพท์ยังเป็นเหมือนเพื่อนซี้เธอเลยนะ! เธอต้องใช้มันเช็กการเคลื่อนไหวของแฟชั่น

“ตายๆๆ ไม่มีสัญญาณ ไม่ได้...ไม่ได้...ฉันจะไม่ยอมเป็นคนตกยุคไม่ทันแฟชั่นหรอกนะ!” แววตาจริงจังปรากฏออกมา นิ้วมือเรียวเลื่อนหน้าจออย่างรวดเร็วเพื่อเข้าไปตั้งค่าต่างๆ ที่คิดว่าจะทำให้สัญญาณมือถือกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม

“เมื่อตอนกลางวันพ่อเลี้ยงจิณยังโทร. ได้อยู่เลย แถมแม่ครัวก็ยังโทร. ตามคนขึ้นมารับด้วย แล้วทำไมตอนนี้มันถึงไม่มีสัญญาณได้ล่ะ”

 

พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ซึ่งพันผ้าเช็ดตัวเอาไว้รอบเอวอย่างหลวมๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ หยดน้ำที่ไหลลงมาจากเส้นผมตัดสั้นรองทรงกระทบลอนกล้ามเนื้อหน้าท้อง ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กถูกเหวี่ยงพาดที่ไหล่กว้างข้างซ้าย ก่อนที่สายตาจะกวาดมองสิ่งของภายในห้องอย่างพอใจ

ห้องหอของเขาถูกเปลี่ยนแปลงเครื่องใช้ให้เหมือนกับห้องนอนของเขาที่บ้านทางเหนือ ไม่เหลือเค้าของเรือนหอ แต่ถึงอย่างนั้นมันยังคงชัดเจนในความทรงจำ ชายหนุ่มมองไปยังชุดนอนที่วางอยู่บนเตียง อุปกรณ์บำรุงผิวพรรณต่างๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง

‘เด็กที่เรียนจบด้านแฟชั่นมาอย่างเธอสมแล้วที่จัดเรียงข้าวของได้ดีขนาดนี้ แถมยังมองดูไม่รกเสียด้วย หึ...แต่ตอนนี้เธอคงกำลังจะเป็นบ้าไปแล้วสินะ โดนตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือไปแบบนี้ คงตามเทรนด์แฟชั่นไม่ทันสักเดือนสองเดือนเลยละ’ พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ยิ้มร้าย เขาต้องตัดหนทางการติดต่อของธมนต์ทุกทาง เขาสั่งคนงานในไร่เอาไว้แล้วว่าห้ามใครพาธมนต์ออกไปจากเขตของบ้านพักเชิงดอยเด็ดขาด 

หญิงสาวต้องอยู่ภายในอาณาเขตของเขา พรุ่งนี้เขาจะเริ่มแผนการที่วางเอาไว้ เขาจะนำความเจ็บปวดมาเสิร์ฟให้ธมนต์เองกับมือเลย คอยดูสิ!

 

เสียงนกร้องดังขับขานอยู่ที่หน้าต่างซึ่งธมนต์เปิดทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อคืน หญิงสาวบิดตัวไปมา ยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูอีกรอบว่าโทรศัพท์ใช้งานได้แล้วหรือยัง แต่มันก็ยังคงไม่มีสัญญาณอยู่ดี

“เซ็งชะมัด!” หญิงสาวเด้งตัวลุกจากเตียงไปล้างหน้าแปรงฟันเพื่อลงไปให้ทันเตรียมอาหารเช้าแบบฝรั่งให้พ่อเลี้ยงตามคำสั่ง แถมเขายังลิสต์รายการอาหารเช้าและอาหารเย็นเอาไว้เรียบร้อย

 

กลิ่นไข่ดาวทอดกับเนยและกาแฟร้อนๆ ที่อวลไปทั่วทั้งห้องครัวทำให้ชายร่างสูงไม่รอช้า สาวเท้าเดินเข้าไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารอย่างไม่รีรอ

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” หญิงสาวกล่าวทักทายอีกฝ่ายแก้เก้อ ก่อนจะนำจานอาหารมาเสิร์ฟตรงหน้า

อเมริกันเบรกฟาสต์เป็นอาหารที่ธมนต์ถนัดมากที่สุด แถมยังมีเคล็ดลับในการทำอีกด้วย “ทานด้วยกันสิ” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์เอ่ยชวน เพราะทนไม่ได้กับการที่มีสาวร่างบางมายืนจ้องมองตัวเองกินอยู่แบบนั้น

“เชิญพ่อเลี้ยงก่อนเลยค่ะ” ธมนต์บอกด้วยรอยยิ้มฝืนๆ เธอเองก็รู้สึกหิวเพราะเป็นคนกินอาหารตรงเวลา แต่กลับต้องรอให้เจ้านายกินก่อน

“คุณมีอะไรทำก็ไปทำเถอะ” เขาออกปากไล่หญิงสาวก่อนจะลงมือกินอาหารเช้าต่อ

ธมนต์พยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้องอาหารตรงไปยังห้องนอน

 

เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!

แก้วน้ำหลายใบถูกโยนลงบนพื้นจนแตกกระจายไปทั่วห้องนั่งเล่น โดยมีเจ้าของบ้านยืนยิ้มร้าย แววตาวาวโรจน์อย่างพอใจ

“หึ...นี่แค่แผลเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นนะ ยังไม่เท่ากับแผลที่ใจของฉันเลย” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้น ก่อนจะตะโกนเรียกธมนต์

“กะ...เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมเศษแก้วถึงเกลื่อนห้องแบบนี้” ธมนต์ถามด้วยความสงสัยปนตกใจเมื่อพบเศษแก้วแตกกระจัดกระจายไปทั่วห้อง

“ไม่ต้องถามมาก เก็บกวาดมันซะ!” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์พูดขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟา ปรายตามองเท้าของหญิงสาวซึ่งไม่ได้สวมสลิปเปอร์แบบเขา เศษแก้วเล็กๆ ที่มองไม่เห็นคงทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดและทรมานได้

ธมนต์เดินออกมาหยิบไม้กวาดและที่โกยขยะ อดแปลกใจไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น สมองตื้อไปหมดเพราะกำลังคิดหาทางติดต่อกับน้องชาย เธอต้องรู้ความเคลื่อนไหวของคู่หมั้นจึงสั่งให้น้องชายตามติดและถ่ายรูปมาเป็นหลักฐานในการขอยกเลิกการแต่งงาน

“โอ๊ย!” ธมนต์ร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อเผลอเหยียบเศษแก้วที่แตกเกลื่อนห้อง

พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ลอบยิ้มอย่างพอใจ ทว่ารอยยิ้มเยือกเย็นปรากฏเพียงชั่วครู่เมื่อร่างบางไม่สนใจบาดแผลตัวเอง แต่กลับเดินเข้ามาในห้องและลงมือทำความสะอาดทั้งที่เลือดยังคงไหล

“อย่าลืมเช็ดคราบเลือดของเธอด้วยล่ะ!” ชายหนุ่มพูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินออกมาจากห้องนั่งเล่น แววตาของเขาวูบไหว ในใจก็ร้อนรนอยากจะเดินเข้าไปคว้าแขนพาอีกฝ่ายไปทำแผล “โธ่เอ๊ย!” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ทุบกำปั้นกับผนังอย่างหงุดหงิดตัวเอง

ธมนต์กวาดเศษแก้วมากองไว้ก่อนจะตักลงถุงดำ ไม่ใช่ว่าเธอไม่สนใจแผลของตัวเอง แต่กลัวว่าพ่อเลี้ยงจิณธนนท์จะไม่พอใจหากเธอขอตัวออกไปทำแผล หญิงสาวรีบเร่งเก็บกวาดเศษแก้วให้เสร็จ ก่อนจะล้างแผลซึ่งเลือดยังคงไม่หยุดไหลด้วยน้ำเปล่า

กลิ่นน้ำยาถูพื้นดับกลิ่นคาวเลือดไปจนหมด ธมนต์เช็กความเรียบร้อยของห้องนั่งเล่นจนทั่ว เมื่อไม่พบเศษแก้วหลงเหลือแล้วจึงเดินลงไปด้านล่างเพื่อทำงานในส่วนอื่นต่อไป

“หึ...เป็นคนใช้เต็มตัวแล้วสินะ” ธมนต์สมเพชตัวเองเสียเต็มประดา อยู่ดีไม่ว่าดีก็มาทำงานเป็นคนใช้เสียอย่างนั้น

 

พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ซึ่งยืนหลบมุม มองดูการกระทำของหญิงสาวทุกฝีก้าวได้แต่ถอนหายใจออกมา เขาใจไม่แข็งพอที่จะทำใจมองข้ามแผลที่เท้าของหญิงสาวได้ ยิ่งเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ใส่ใจแผลเลยเขาก็ยิ่งหงุดหงิด

“มานี่!” ชายหนุ่มพูดเสียงดัง หนักแน่น และดุดัน ก่อนจะออกแรงดึงแขนของธมนต์ให้เดินตามขึ้นไปด้านบนซึ่งจุดหมายปลายทางคือห้องนอนของเขาเอง

“พ่อเลี้ยงจะทำอะไรฉัน ปล่อยนะ!” ธมนต์ออกอาการตื่นกลัวเมื่อรู้ว่าเขาจะพาเธอไปที่ไหน ออกแรงยื้อเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายลากเธอเข้าห้องได้สำเร็จ ภาพวันที่เขาจูบเธอยังติดตรึง

“เข้ามา!” เขาย้ำอีกรอบ ก่อนจะออกแรงดึงร่างบางเข้ามาภายในห้องนอน

“ฉันไม่เข้า พ่อเลี้ยงจะทำอะไรฉัน จะปล้ำฉันใช่ไหม ปล่อยนะ!” ธมนต์พยายามออกแรงยึดขอบประตูเอาไว้แน่น

“ฉันไม่ได้คิดจะทำอะไรเธอ แค่จะทำแผลที่เท้าให้”

“ผะ...แผลที่เท้า...แค่นั้นจริงๆ เหรอคะ” ธมนต์หยุดออกแรงยื้อ

“ใช่ เธอก้มดูเท้าตัวเองหน่อยสิ เลือดยังไม่หยุดไหลเลย ถ้ามันไหลจนหมดตัวเธอจะทำยังไง ฉันไม่อยากให้มีคนมาตายในบ้าน” น้ำเสียงกร้าวบอกอารมณ์ของคนพูดได้อย่างดี

ธมนต์ยิ้มแหยก่อนจะลดมือลงมาข้างตัว “เชิญค่ะ” หญิงสาวผายมือไปในห้องนอนของอีกฝ่ายพร้อมกับกะพริบตาปริบๆ อย่างขอโทษขอโพย

พ่อเลี้ยงจิณธนนท์ลอบยิ้มก่อนจะตีหน้านิ่ง แล้วเดินนำเข้ามาในห้องโดยมีร่างบางเดินตามเข้ามา

กล่องปฐมพยาบาลถูกยกลงจากชั้นบนสุดของตู้เสื้อผ้า ซึ่งเขาเดินลงไปหยิบจากห้องครัวมาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ทำไมเขาไม่เคยใจแข็งได้เลยสักครั้ง หรือความแค้นที่มีมันยังไม่มากพอ

ชายหนุ่มจับเท้าของธมนต์อย่างไม่รังเกียจ จนหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้เกรงใจพยายามดึงเท้าออกมาและบอกว่าเธอทำแผลเองได้ แต่เขากลับบอกให้เธออยู่เงียบๆ นิ่งๆ และลงมือทำแผลให้เสียเอง

“คุณอายุเท่าไหร่คะ” ธมนต์พูดทำลายความเงียบภายในห้อง

“ปีนี้ก็ 28 แล้ว ถามทำไม” พ่อเลี้ยงจิณธนนท์เงยหน้าขึ้นสบตาหญิงสาว

ธมนต์ไม่ตอบ ยักไหล่ราวกับว่าก็แค่ถามไปอย่างนั้น จนชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะลงมือพันผ้าก๊อซให้อย่างเบามือ แผลไม่ลึกมากแต่เป็นหลายจุด เขาไม่น่าคิดแผนนี้ขึ้นมาเลยจริงๆ ไม่คิดว่าเธอจะไม่สนใจตัวเองถึงขนาดนี้

“เธอไม่ต้องทำงานบ้านแล้วนะ เดี๋ยวฉันให้คนงานขึ้นมาทำแทน รอแผลหายดีก่อนก็แล้วกัน ลงไปได้แล้ว” ชายหนุ่มออกปากไล่

ธมนต์เดินกะเผลกออกไป ตอนเดินเข้ามาไม่ทันได้คิดถึงบาดแผลและความเจ็บปวด แต่พอเดินออกไปทำไมมันถึงเจ็บขนาดนี้ก็ไม่รู้ หญิงสาวพยายามซ่อนใบหน้าเจ็บปวดเอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ กระโดดออกไปด้วยขาข้างเดียว

ฟึ่บ!

ร่างบางลอยขึ้นจากพื้น ดวงตาสีรัตติกาลจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างสงสัย มือทั้งสองข้างคล้องรอบลำคอของชายหนุ่มเอาไว้ยึดตัวเอง พ่อเลี้ยงจิณธนนท์อุ้มร่างบางเดินลงมาด้านล่างและพาไปส่งถึงเตียงนอน ก่อนจะเดินออกไปทิ้งไว้เพียงแค่ความสงสัยเท่านั้น

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น