1

บทนำ



บทนำ

                กึก กึก

                เท้าเล็กย่ำไปตามทางเดินที่มีน้ำนองเล็กน้อยด้วยความเร่งรีบ เรียวขายาวที่ห่อหุ้มด้วยกางเกงยีนเนื้อดีสับฉับๆ ราวกับเธอกำลังเดินเฉิดฉายอยู่บนรันเวย์ แต่มือบางกลับยกขึ้นป้องกระหม่อมบางจากพระพิรุณที่ร่วงปรอยๆ มาตั้งแต่ตอนเช้า และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งตอนนี้

                ไวโอเล็ตก้มหน้าก้มตา พยายามหลบสายฝนโดยการเข้าไปหลบที่กันสาดของร้านอาหารริมทาง ก่อนจะถอนหายใจหนักๆ เมื่อฝนปรอยๆ เมื่อครู่กลับกลายเป็นฝนห่าใหญ่ ทำเอาสาวน้อยต้องย่นจมูกด้วยความเซ็ง เห็นทีว่าวันนี้พระพิรุณคงจะเกลียดเธอเข้าแล้ว

                หญิงสาวถอนใจ เลือกที่จะต่อสายไปหาเอเจนซีของตัวเองเพื่อบอกกล่าวว่าวันนี้เธอจะไปทำงานสาย รออยู่เพียงไม่กี่อึดใจ เสียงแหลมบาดแก้วหูก็ดังลอดออกมา

                “ยายเป็ด! หล่อนอยู่ไหน กล้าดียังไงมาทำงานสาย ฮะ” ไวโอเล็ตหน้ายู่ รีบยกโทรศัพท์มือถือออกห่างจากหู ก่อนที่มันจะทำลายระบบการได้ยินของเธอ แล้วตอบกลับไปเสียงอ่อย

                “วิเวียนคะ ฉันติดฝนอยู่ที่ร้านอาหารใกล้ๆ นี่เองค่ะ” ไวโอเล็ตอธิบายเสียงอ่อย แม้เธอจะเป็นนางแบบ แต่ด้วยความที่อายุน้อยและอยู่ตัวคนเดียวในเมืองใหญ่อย่างแอลเอเช่นนี้ เธอก็ไม่ต่างอะไรจากเด็กไม่ประสา ต้องการผู้ใหญ่คอยปกป้องและแนะนำ และคนที่ดูจะใกล้เคียงคำนั้นที่สุดก็คงจะไม่พ้นวิเวียน “ฉันไปไม่ได้ค่ะ ไม่มีแท็กซี่ผ่านมาสักคันเลย”

                “ยายเป็ดโง่ ฉันบอกกี่ครั้งกี่ทีแล้วว่าให้เลิกทำเสียงโง่ๆ แบบนั้นใส่ฉัน” วิเวียนขู่ ไม่ชอบใจในความขี้หงอของไวโอเล็ตที่ยังเป็นข้อบกพร่องของเด็กคนนี้ “เอาเถอะ ถือซะว่าเป็นเพราะฝนฟ้า” วิเวียนถอนใจ โวยวายใส่ยายเป็ดน้อยไปก็เสียแรงเปล่า ในเมื่อฟ้าไม่เข้าข้างยายเป็ดน้อยเอง “ถ้าหล่อนอดได้งานนี้ก็โทษฟ้าโทษฝนไปแล้วกัน”

                “วิเวียนคะ” ไวโอเล็ตเรียกปลายสายเสียงหลง แต่ก็สายเกินการ เมื่อวิเวียนตัดสาย ปล่อยให้เธอจ้องหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่มืดสนิทแล้วเม้มปากแน่น

                ตากลมโตมองออกไปที่ห่าฝนข้างหน้าอย่างชั่งใจ สลับกับมองนาฬิกาข้อมือที่สวมมานานหลายปี ต่อให้เธอจะฝ่าฝนไปตอนนี้ เธอก็คงจะไม่ได้เข้าออดิชันอยู่ดี แต่เธอจะยอมปล่อยโอกาสที่รอมาตลอดไปง่ายๆ เพราะฝนอย่างนั้นหรือ

                “พระเจ้าคะ หนูรู้ว่าท่านเกลียดหนู แต่หนูไม่ยอมแพ้หรอก” ไวโอเล็ตเงยหน้าขึ้นฟ้า กระซิบบอกคนที่อยู่ข้างบน

                แต่ก็เท่านั้น...ในเมื่อชายคนนั้นคือพระเจ้า เขาสามารถดลบันดาลทุกอย่างที่เขาปรารถนาได้อยู่แล้ว

                ไวโอเล็ตรั้งกระเป๋าขึ้นมากอดแน่น ก่อนจะสูดหายใจเฮือกใหญ่ เรียกขวัญกำลังใจก่อนจะตัดใจออกวิ่ง เพื่อ...

                โครม!

                “เฮ้ย!” วิลเลี่ยมอุทานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นว่าประตูร้านอาหารที่เขาเพิ่งผลักออกมา ชนเด็กสาวคนหนึ่งจนร่วงไปกองอยู่ที่พื้น

                “คุณ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” วิลเลี่ยมปรี่เข้าไปดูหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายจากความสะเพร่าของตัวเอง ก่อนจะซู้ดปาก เมื่อเห็นว่าแว่นตาอันใหญ่ของเธอหักเป็นสองท่อน บอกให้รู้ว่าเมื่อครู่เธอชนประตูแรงแค่ไหน

                “ฉันไม่เป็นไรค่ะ” ไวโอเล็ตเงยหน้า รีบยกมือกุมหน้าผากแล้วซู้ดปาก เจ็บจี๊ดที่หัวจนต้องเบ้หน้า พร้อมก่นด่าพระเจ้าในใจ ‘ท่านจะเกลียดหนูไปถึงเมื่อไหร่กันคะ’

                “ผมขอโทษ ผมไม่ทันเห็นคุณ” วิลเลี่ยมประคองคนตัวเล็กให้ยืนขึ้น ก่อนจะก้มไปหยิบกระเป๋าที่วางแหมะอยู่กับพื้นขึ้นมาส่งให้เจ้าของ “นี่ของคุณ”

                “ขอบคุณค่ะ” ไวโอเล็ตรับกระเป๋ามาถือเอาไว้แล้วถอดใจ วันนี้คงจะไม่ใช่วันของเธอจริงๆ “ฉันก็ไม่ทันเห็นว่าคุณออกมาเหมือนกัน”

                “ความผิดผมเองครับ” วิลเลี่ยมยืดอกรับผิดตามประสาคนเจ้าชู้ที่เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้ “คุณจะรีบไปไหน ให้ผมไปส่งมั้ย”

                “เอ่อ...” ไวโอเล็ตเตรียมอ้าปากปฏิเสธตามนิสัยคนขี้ระแวง แต่เมื่อคิดได้ว่าสถานการณ์ของเธอตอนนี้ช่างคอขาดบาดตาย เธอจึงพยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันจะไปที่ตึก...”

                “นั่นรถผม” วิลเลี่ยมชี้บอก ฉวยโอกาสเอามือไปป้องกระหม่อมบางเพื่อบังสายฝน พร้อมกับรั้งเอวเล็ก บังคับให้หญิงสาวขึ้นรถเขาไปอย่างช่วยไม่ได้ “ผมวิลเลี่ยมครับ วิลเลี่ยม เทรเวน” วิลเลี่ยมเอ่ยแนะนำตัวกับคนตัวเล็กหลังจากเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว

                “ฉัน ไวโอเล็ต โรส ค่ะ” ไวโอเล็ตแนะนำตัวกลับ กระชับมือกับวิลเลี่ยมพอเป็นพิธี จนไม่ทันได้ฟังนามสกุลของเขา เพราะความร้อนใจที่กำลังจะไปทำงานสาย

                “คุณกำลังจะไปทำงานเหรอครับ” วิลเลี่ยมชวนคุย ระหว่างที่พยายามเบี่ยงเข้าเลนใน ซ่อนอาการแปลกใจที่ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช้สายตาหวานเยิ้มมองเขาเหมือนที่ผู้หญิงอื่นชอบทำ “เป็นนางแบบเหรอครับ”

                “มือสมัครเล่นน่ะค่ะ” ไวโอเล็ตหันหน้ามาตอบ พร้อมยิ้มเล็กๆ ให้แก่คำพูดตัวเอง

                แต่นั่นกลับทำให้วิลเลี่ยมถึงกับลืมตัวไปชั่วครู่ ก่อนที่เขาจะแสร้งกระแอมกลบเกลื่อน แล้วทำทีเป็นกำลังตั้งใจขับรถแทน

                “ว้าว ผมมีนางแบบมานั่งรถด้วยแฮะวันนี้” วิลเลี่ยมว่าทีเล่นทีจริง “โชคดีจริงเรา”

                “นางแบบไม่มีชื่อยังนับว่าเป็นโชคอยู่หรือคะ” ไวโอเล็ตถามกลั้วหัวเราะ ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นรีบร้อนเมื่อเหลือบเห็นตึกที่เธอต้องมาออดิชันในวันนี้ “คุณจอดให้ฉันลงตรงนั้นก็ได้ค่ะ”

                “แค่เจอกับคุณก็นับว่าเป็นโชคของผมแล้วละ” วิลเลี่ยมหยอด รอดูท่าทางเขินอายของสาวน้อยตรงหน้าอย่างย่ามใจในเสน่ห์อันล้นเหลือของตัวเอง

                แต่อีกฝ่ายกลับทำเพียงกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เข้าใจ วิลเลี่ยมเลยต้องหัวเราะแห้งๆ แก้เก้อแทน “นี่ร่มครับ” เขารีบควานหาร่มคันใหญ่ที่พี่สาวเขามักจะทิ้งไว้ในรถส่งให้แก่ไวโอเล็ต

                “ไม่ต้องหรอกค่ะ” ไวโอเล็ตปฏิเสธพัลวัน หากยืมร่มเขาไปวันนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสคืนเขาอีกวันไหน “ฉันคงไม่มีโอกาสได้คืนคุณ”

                “รับไปเถอะครับ” วิลเลี่ยมยัดเยียดร่มใส่มือเล็กอย่างเอาแต่ใจ “ร่มคันเดียวไม่ได้สำคัญอะไรหรอก”

                “ถ้าคุณพูดอย่างนั้นนะคะ” ไวโอเล็ตรับร่มมาถืออย่างช่วยไม่ได้ แล้วตัดสินใจเอ่ยลาผู้ชายแปลกหน้าที่ช่วยเธอเอาไว้ “ขอบคุณมากสำหรับร่ม แล้วก็ลาก่อนค่ะ”

                “ขอให้โชคดีครับ” วิลเลี่ยมก้มหัวลงมองหน้าคนที่เพิ่งก้าวออกไปจากรถแล้วโบกมือลา “ขอให้โชคดีกับงานนะครับ”

                “ขอบคุณค่ะ” ไวโอเล็ตยิ้มกว้างรับคำอวยพรของชายแปลกหน้า ก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปในอาคารหลังใหญ่พร้อมกับความหวังเล็กๆ ที่จะได้งานชิ้นนี้


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น