บทนำ
สายฝนพร่างพรายจากฟากฟ้าจนพื้นเจิ่งนอง ผืนดินกลางป่าที่เคยเป็นหลุมบ่อ บัดนี้กลายเป็นแอ่งน้ำย่อมๆ มองเห็นกระจัดกระจายไปตลอดทาง ท้องฟ้ายามราตรีในคืนจันทร์เพ็ญ มีเพียงแสงจันทร์ส่องลอดผ่านก้อนเมฆสีคล้ำให้พอมองเห็นหนทางแค่เพียงสลัว แต่กระนั้นก็ยังดีกว่าไม่มีแสงใดนำทางพวกเขาเลย
เงาร่างสูงของผู้ชาย กระชับมือของหญิงสาววิ่งฝ่าสายฝนพื้นฉ่ำนองจนน้ำสาดกระจาย เสียงจักๆ ของฝนที่โปรยลงมาช่วยกลบเสียงฝีเท้าที่ย่ำลงบนพื้นอย่างร้อนรน เขาวิ่งพลางเหลียวมองไปข้างหลังเป็นครั้งคราว ดูว่ารอดพ้นจากภัยอันตรายที่กำลังคุกคามชีวิตแล้วหรือยัง
อยู่ดีๆ มือของหญิงสาวที่ถูกพาวิ่งก็หลุดไปจากฝ่ามือใหญ่ของชายหนุ่ม เธอโน้มร่างลง มือข้างหนึ่งกุมที่หัวเข่า แขนอีกโอบรอบลำตัวไปจนถึงชายโครง เสียงหอบหายใจเข้าออกดังสะท้านราวกับนักกีฬาที่เพิ่งวิ่งผ่านเข้าเส้นชัย
“คุณรีบไปเถอะ อย่ารอฉันเลย...” เสียงอ่อนเพลียเค้นออกมาพร้อมลมหายใจหอบถี่
“ไม่ได้ วี เราต้องหนีไปด้วยกัน”
“ฉันไม่ไหวแล้ว ถ้าขืนคุณยังต้องคอยวิ่งรอฉัน เราจะตายพร้อมกันนะ”
“เราจะไม่มีใครตาย เราต้องรอดทั้งคู่ มานี่เร็ว” เขาดึงมือข้างที่กุมชายโครงเพื่อฉุดเธอวิ่งต่อ แล้วตอนนั้นถึงได้เห็นบางอย่างสีคล้ำเป็นหย่อมตัดกับฝ่ามือขาวภายใต้แสงจันทร์
“วี! คุณบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาก้มตัวลงสำรวจกลางลำตัวของหญิงสาว น้ำเสียงที่ร้องถามเต็มไปด้วยความตระหนก
เธอไม่ตอบ ได้แต่พูดไล่เขาด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “รีบไปซะ! รีบหนีไปก่อนที่คุณจะหนีไม่ทัน”
ชายหนุ่มไม่เสียเวลาถามไถ่หรือตอบโต้อีกแล้ว เขารุดไปที่ลำตัวข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บแล้วจับแขนของเธอพาดข้ามไหล่หนา แขนอีกข้างโอบรอบลำตัวของเธอพร้อมกับร้องตะโกนสั่งแข่งกับสายฝน
“ผมจะพยุงคุณไปด้วยกัน!”
“ฟังฉันนะ! คุณต้องรีบ...”
“ถ้าคุณไม่ไป ผมก็ไม่ไป” เขายืนกรานทั้งท่าทางและน้ำเสียง ตอกย้ำเจตนารมณ์ของตัวเองอย่างชัดเจน
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา มองดวงตาจริงจังและหาญกล้าที่เธอรักสุดหัวใจ รู้ดีว่าเขาทำจริงอย่างที่พูดแน่นอน แต่สิ่งที่เธอต้องการไม่ใช่ความอยู่รอดของตัวเอง การได้เห็นผู้ชายคนนี้ยังมีชีวิตคือความปรารถนาสูงสุดต่างหาก เพราะชีวิตของเธอต่อจากนี้ มีหรือไม่มี ก็มีค่าไม่ต่างกัน
เขาโอบร่างของเธอแล้วพาวิ่งต่อไป เท้าสองคู่ย่ำลงกลางแอ่งน้ำโดยไม่แยแสแล้วว่าน้ำโคลนที่สาดกระเซ็นขึ้นมาทำให้เนื้อตัวเลอะเทอะเพียงใด สายฝนกระหน่ำลงมาไม่หยุด ความหนาวเหน็บร่วมกับการเสียเลือด ทำให้ร่างของหญิงสาวสั่นเทิ้มจนชายหนุ่มสัมผัสได้
“อดทนหน่อยนะวี ขอแค่เราลงเรือได้เท่านั้น บนเรือน่าจะมีชุดปฐมพยาบาล... อีกไม่ไกลก็จะถึงแล้ว”
หญิงสาวกัดฟันแน่น ผลจากการฝึกฝนร่างกายจนแข็งแรงและทนต่อทุกสภาวะ ทำให้เธอทนแข็งใจวิ่งฝ่าสายฝนทั้งในสภาพที่ร่างกายกำลังเสียเลือด แต่รู้ดีว่าความแกร่งใกล้จะหมดลงไปทุกที
เขาพาร่างอ่อนล้าของเธอวิ่งทุลักทุเลลัดเลาะตามผืนป่าที่เลียบไปกับลำน้ำ จุดหมายอยู่ที่ทางโค้งของเวิ้งน้ำที่มีเรือจอดอยู่ เสียงกระสุนดังเฟี้ยววิ่งแหวกอากาศมาจากด้านหลัง ทั้งคู่ผงะไปชั่วขณะ ก่อนที่จะตั้งสติใหม่แล้วออกวิ่งสุดฝีเท้าเท่าที่กำลังและสภาพร่างกายจะเอื้ออำนวย
เสียงเฟี้ยวดังอีกครั้ง คราวนี้ใกล้ขึ้นกว่าเดิม ในที่สุดมันก็ตามมาทันจนได้สินะ...
“คุณแบกฉันขึ้นหลังได้ไหม ฉันวิ่งต่อไม่ไหวแล้ว” หญิงสาวส่งเสียงเว้าวอน เขาไม่เสียเวลาตอบ รีบปลดแขนเธอจากไหล่ แล้วย่อตัวลงตรงหน้าเธอ หลังจากขึ้นหลังเขาเรียบร้อยแล้ว ร่างแข็งแรงนั้นก็พาเธอวิ่งฝ่าสายฝนกระหน่ำอย่างไม่คิดชีวิต น้ำหนักที่แบกอยู่บนหลังทำให้เขาต้องออกแรงมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า แต่เขาบอกตัวเองว่าอีกนิดเดียวเท่านั้น อดทนอีกนิดเดียว เขากับเธอก็จะรอดพ้นจากภัยร้ายนี้แล้ว
เสียงกระสุนดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ต้นขาทั้งสองข้างเริ่มอ่อนแรง แขนที่เกี่ยวท่อนขาของเธอเหน็บชาจนแทบไร้ความรู้สึก ลมหายใจระอุที่ระบายออกมา แทบมองเห็นเป็นไอเมื่อปะทะกับความหนาวเหน็บของสายฝน มีเพียงหัวใจดวงเดียวที่สั่งร่างกายที่กำลังจะสิ้นเรี่ยวแรงว่า ห้ามยอมแพ้เป็นอันขาด
“เห็นเรือแล้ว!” เขาตะโกนแข่งเสียงฝน ความปีติส่งผลให้เรี่ยวแรงมาจากไหนไม่รู้ พาให้ขาของเขาวิ่งต่อได้ทั้งที่มันใกล้จะสิ้นกำลัง ในที่สุดเขาก็ก้าวขึ้นท่าเทียบเรือไม้แคบๆ ที่ยื่นออกไปกลางลำน้ำ เรือสีขาวลำใหญ่ผูกติดอยู่กับท่า ดูมีความหวังราวกับเห็นสวรรค์อยู่รำไร
“วี เดี๋ยวผมจะพาคุณขึ้นเรือ” เขาย่อร่างลงบนท่าเรือตรงหน้าเรือสีขาวลำนั้น ปลดสองแขนของหญิงสาวที่โอบรอบลำคอออก แล้วตอนนั้นร่างปวกเปียกที่กอดแนบกับแผ่นหลังของเขามาตลอดหลายนาทีที่ผ่านมา ก็ล้มฮวบลงนอนแผ่อยู่บนพื้นของท่าน้ำ
ชายหนุ่มเหลียวหลังไปมอง ร่างที่นอนอยู่กลางสายฝนนั้นแน่นิ่ง
“วี?”
เขาโผตัวลงคุกเข่าข้างหญิงสาวที่นอนไม่ไหวติง หัวใจเต้นแรงแทบหลุดออกจากแผ่นอกเมื่อเห็นหย่อมสีแดงเข้มแผ่ออกมาจากใต้ร่าง เมื่อเขาช้อนร่างปวกเปียกของเธอขึ้นมา มือก็สัมผัสบางอย่างอุ่นๆ จากแผ่นหลัง เขายกมือสั่นเทาข้างนั้นและหงายมันขึ้นต่อหน้า ฝ่ามือข้างนั้น... เต็มไปด้วยเลือดที่บัดนี้กำลังเจือจางด้วยน้ำฝน
นี่เธอตั้งใจรับกระสุนแทนเขาใช่ไหม? เขาก้มหน้ามองเธอและเฝ้าย้ำถามตัวเอง รู้สึกหัวใจกำลังวิ่งละลิ่วหลุดออกจากร่าง
“วี!!” เขาตะโกนใส่หญิงสาวในอ้อมแขน “อย่านะ วี!!!”
เขาเขย่าร่างปวกเปียกที่นอนนิ่งจนสั่นคลอน ทว่าไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ กลับมา เขาตะโกนด้วยเสียงที่ฟังไม่เป็นศัพท์ เสียงร้องโหยหวนราวกับสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บดังก้องไปทั่วผืนน้ำ น้ำตาผสมกับน้ำฝนหลั่งรินอาบไปทั่วใบหน้า
หยาดฝนร่วงหล่นจากฟากฟ้าเบื้องบนประหนึ่งร่วมร่ำไห้ไปกับชายหนุ่ม เขาแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้ามืดมิด ราวกับวอนขอความเมตตาต่อสรวงสวรรค์ ทว่าคำตอบจากเบื้องบนมีเพียงหยาดน้ำพร่างพรายที่หลั่งไหลไม่ขาดสาย เขาอยากร่ำร้องขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนเพื่อไว้ชีวิตเธอ แต่เสียงร้องที่เจ็บปวดที่ออกจากปากเขาได้ในเวลานี้มีเพียงคำว่า
“ไม่!!”
ความคิดเห็น |
---|