2

ชาร์ล็อต ฟิโอน่า เจมส์


 

2

ชาร์ล็อต ฟิโอน่า เจมส์

 

 

                นรก!

                ไม่นะ ไม่ๆ  เธอสายแล้ว! ร่างบางที่หลับอยู่บนโซฟากลางห้องที่เกลื่อนไปด้วยเศษกระดาษและหนังสือที่อ่านจบบ้างไม่จบบ้างสะดุ้งตื่นหลังจากเผลอหลับไปเป็นรอบที่สอง ขออีกห้านาทีนี่มันหายนะชัดๆ!

                ชาร์ล็อตลุกพรวดแล้ววิ่งจี๋เข้าไปแปรงฟันในห้องน้ำและล้างหน้า ก่อนจะวิ่งออกมาหยิบเสื้อและกางเกงที่พาดอยู่บนโซฟาขึ้นมาสวม

                เสื้อผ้าที่ซักสะอาดแต่ไม่ได้ผ่านการรีดของเธอกองพะเนินเป็นภูเขาลูกย่อม แต่ชาร์ล็อตไม่มีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้ หญิงสาววิ่งกลับไปในห้องน้ำอีกครั้งเพื่อหวีผมและรวบมันขึ้นเป็นหางม้าด้วยหนังยางที่เธอเหลือเพียงเส้นเดียวในบ้าน และนั่นก็เป็นการเตรียมตัวไปทำงานของชาร์ล็อตในตอนเช้าที่ทำประจำทุกวัน

                ร่างเล็กวิ่งจี๋ออกมาคว้ากระเป๋าคล้องไหล่ พลางหยิบแซนด์วิชสำเร็จรูปที่เธอซื้อติดตู้เย็นเอาไว้เมื่อวันก่อนคาบมันไว้ในปาก ระหว่างหยุดสวมรองเท้าผ้าใบหน้าประตูแล้ววิ่งขาขวิดออกไปจากอะพาร์ตเมนต์ของเธอจนแทบไม่เห็นฝุ่น

                “สายสองชั่วโมง หล่อนจะแก้ตัวว่ายังไงอีกคราวนี้แม่เด็กฝึกงาน” ผู้หญิงในชุดกระโปรงราคาค่อนข้างสูงสำหรับอาชีพนักข่าวสายบันเทิงกำลังก้มหน้ามองนาฬิกาบนข้อมือของตน เธอคือเอลลี่ ชะนีมหาภัยแฟนเก่าของโรรัน

                “โรรันให้ฉันพักได้ เพราะงานเมื่อวาน” ชาร์ล็อตตอบอย่างขอไปที ทำเป็นไม่เห็นสายตาจะกินเลือดกินเนื้อของเอลลี่ เธอเพียงยกกาแฟที่แวะซื้อระหว่างทางขึ้นดื่ม เธอมักจะสายประจำ เพราะฉะนั้นพนักงานของร้านกาแฟจึงมักจะทำกาแฟดำไว้ให้เธอรอท่าอย่างรู้งาน ส่วนค่ากาแฟนั้นชาร์ล็อตจะกลับไปจ่ายหลังเลิกงาน เป็นอย่างนี้ตั้งแต่เธอย้ายกลับมาแอลเอ

                “โรรันเป็นเจ้านายของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขามีสิทธิ์อะไรมากำหนดเวลาเข้า-ออกออฟฟิศให้เธอเอง” เอลลี่ชักสีหน้า ยกมือกอดอกมองหน้าชาร์ล็อต

                “เธอก็ไม่ได้เป็นเจ้านายของชาร์ลีเหมือนกัน” เสียงทุ้มของโรรันทำให้คนที่เป็นต่ออยู่อย่างแองจี้เม้มปากเข้าหากันแน่น “แล้วอะไรที่ทำให้เธอมีสิทธิ์มายืนด่าชาร์ลีปาวๆ อย่างนี้มิทราบ งานไม่มีทำหรือเอลลี่ ถึงได้ว่างมายุ่งเรื่องคนอื่นอย่างนี้”

                “หึ่ย!” คนที่โดนอดีตคนรักพูดกระทบ แถมไล่ส่งกระแทกเท้าอย่างขัดใจก่อนสะบัดหน้าหนี กระฟัดกระเฟียดกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนอย่างไม่เต็มใจ

                คล้อยหลังเอลลี่ไปแล้วชาร์ล็อตจึงพูดออกมาเบาๆ ว่า “แฟนเก่านายนี่น่าสยองชะมัดยาด” เอ่ยแล้วหญิงสาวก็ทำหน้าขยาดเหมือนคำพูด

                “นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ” โรรันทำเสียงขึ้นจมูก เดินนำไวโอเล็ตเข้ามาในออฟฟิศ

                พนักงานหลายคนเมียงมองมาที่พวกเขาอย่างสนอกสนใจ และหนึ่งในนั้นก็คือคอนเนอร์ เขายิ้มกริ่มแล้วเลิกคิ้วล้อเลียนโรรันเหมือนอย่างทุกครั้ง

                “ไง โดนอะไรอีกล่ะวันนี้” เขาถาม

                “นรกน่ะสิ” โรรันตอบด้วยเสียงที่ไม่เบานัก ทำเอาคนที่เงี่ยหูฟังข้ามห้องอย่างเอลลี่หันขวับกลับมาที่พวกเขาทั้งสามคนอย่างรวดเร็ว จนชาร์ล็อตเกือบคิดว่าเอลลี่เป็นนกฮูกที่หมุนคอได้เกือบสามร้อยหกสิบองศาแล้วเชียว “ฉันสาบานเลยนะ ที่ทำงานที่มีแฟนเก่านี่นรกดีๆ เลย”

                ฟังแล้วชาร์ล็อตได้แต่อมยิ้มขำ ไม่ได้พูดอะไร แม้จะเห็นด้วยกับสิ่งที่โรรันพูดมาก็ตาม มีแฟนอยู่ที่ทำงานเดียวดันมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่เวลาเลิกกันก็อย่างที่เห็น

                “ฉันเตือนแล้ว แกเคยฟังที่ไหนล่ะ” คอนเนอร์ได้ทีจึงตอกย้ำเพื่อนของเขาไม่ยั้ง

                “ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา” ชาร์ล็อตเอ่ยกับตัวเอง ระหว่างเดินมาที่โต๊ะทำงานสำหรับพนักงานชั่วคราวของตนที่โล่งและแทบจะไม่มีข้าวของกระจุกกระจิกอย่างที่ผู้หญิงคนอื่นมักหามาประดับโต๊ะ

                “อย่าพลาดมาเชียวนะพวกแก” โรรันเข่นเขี้ยว จ้องหน้าคอนเนอร์กับชาร์ล็อตสลับกันแล้วชี้หน้าคาดโทษ “ฉันจะซ้ำเติมจนพวกแกหายใจไม่ออกเลย คอยดู”

                “ชาร์ล็อต!”  เสียงตะโกนแสนดุดันอันเป็นสัญลักษณ์ของเจ้านายใหญ่ หรือบก. ร่างท้วมที่ยืนจังก้าอยู่หน้าประตูห้องทำงานทำให้คนทั้งออฟฟิศพากันสะดุ้งโหยง จ้องมาที่น้องใหม่ของสำนักข่าวเป็นตาเดียว เว้นแต่เอลลี่ที่เหลือบมองหน้าชาร์ล็อตเพียงหางตาก่อนจะเบือนหน้าหนี ทำเอาคนที่ตกเป็นเป้าสายตาถึงกับแยกเขี้ยวใส่เป็นการโต้ตอบ

                “อยู่นี่ค่ะเกร็ก” เกร็ก หรือเกร็กสัน บก. ขาโหดที่คนในสำนักข่าวต่างพากันกลัวจนหัวหด

                เจ้าของชื่อจ้องเขม็งมาที่ลูกน้องหน้าใหม่ของเขา ชาร์ล็อตนั้นได้แต่โบกมือพร้อมยิ้มแหยๆ กลับไปให้ “มีอะไรอย่างนั้นหรือคะ”

                “ไปเก็บของ” เขาเอ่ยเสียงห้วน

                “คะ?” ไวโอเล็ตหลุดเสียง หัวใจดวงน้อยร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อได้ฟังคำสั่ง “เก็บของอะไรคะ”

                “เฮ้ นี่มันเรื่องอะไรกันครับเกร็ก”​ คอนเนอร์แทรกเข้ามา หน้าของเขาไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อคิดว่าชาร์ล็อตกำลังเดือดร้อนเพราะความปากมากของเอลลี่

                “ไปเก็บของชาร์ล็อต” เกร็กชี้หน้า “คุณมีนัดอีกครึ่งชั่วโมงที่เทรเวนแกรนด์ แมทธิว เทรเวน ยินดีให้เราสัมภาษณ์เขาวันนี้”

                “ว่ายังไงนะ!” คนทั้งสำนักข่าวอุทานออกมาพร้อมกันอย่างเหลือเชื่อ โดยเฉพาะเหล่าพนักงานสาวๆ ที่ออกอาการกระดี๊กระด๊าเป็นพิเศษ บางคนถึงกับยกมือเสนอตัวเป็นคนไปสัมภาษณ์แทนชาร์ล็อต และหนึ่งในนั้นก็คือเอลลี่ที่ไม่อยากให้ชาร์ล็อตเกินหน้าเกินตาตน

                “ฉันขอไปแทนเด็กฝึกงานค่ะเกร็ก ฉันยังเก็บคำถามจากคราวที่แล้วเอาไว้”

                “เธอชื่อชาร์ล็อตหรือไง” เกร็กปรายตามองเอลลี่ด้วยสายตาที่ทำให้หญิงสาวใบ้กิน “ทำงานของคุณให้เสร็จ” เขาบอกแล้ววกกลับมาที่คนตัวเล็กราวกับเด็กมัธยม “นี่ก็อีกคน! ผมสั่งให้คุณไปทำอะไรชาร์ล็อต ทำไมยังมายืนบื้ออยู่อีก”

                “เก็บของค่ะ เก็บของ” ชาร์ล็อตใช้เวลาทำความเข้าใจกับตัวเองอยู่เกือบนาที ก่อนจะกระวีกระวาดกลับไปเก็บของตามคำสั่งของเจ้านาย เธอลนลานทำอะไรไม่ถูกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนคอนเนอร์จะเป็นคนคว้ากระเป๋าของเธอแล้วจัดการโยนมันข้ามหัวเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ มาให้เธอ ราวกับเขารู้อยู่ก่อนแล้วว่าทุกอย่างที่เธอต้องการนั้นอยู่ในกระเป๋าใบนั้น

                “เรียบร้อยแล้วค่ะ เราไปกันเลยมั้ย” ชาร์ล็อตคว้ากระเป๋านั้นมากอด วิ่งกลับมาหาเจ้านายของเธอแล้วถามอย่างระมัดระวัง เพราะเกร็กนั้นอารมณ์แปรปรวนง่ายเสียยิ่งกว่าผู้หญิงวัยทอง

                “นี่นะชาร์ล็อต” เกร็กจับต้นแขนเล็ก ลากหญิงสาวที่ทางเทรเวนแกรนด์สั่งมาว่าเธอจะเป็นเพียงคนเดียวที่คุณแมทธิว จะให้สัมภาษณ์ด้วย พร้อมกำชับเสียงเฉียบขาดว่า “คุณรู้ใช่มั้ยว่าบทสัมภาษณ์นี้สำคัญขนาดไหน”

                “รู้ค่ะเกร็ก” ชาร์ล็อตพยักหน้าหงึกๆ กลืนน้ำลายลงคอเมื่อคำพูดของเกร็กทำให้เธอรู้สึกกดดันมากกว่าเดิมเป็นสองเท่า

                “ผมอยากให้คุณถามเขาทุกอย่าง เอามาทุกเรื่องเท่าที่จะทำได้ แล้วนี่คำถาม ผมเขียนเอาไว้เผื่อถามคนบ้านเขา เผื่อจะโชคดีสักวัน”

                ชาร์ล็อตรับกระดาษแผ่นนั้นไว้ แล้วเงยหน้ามองเจ้านายของเธออย่างไม่เข้าใจ “คุณไม่ได้จะไปกับฉันหรือคะ เมื่อวานนี้ฉันปากเสียไปเยอะ ถ้าคุณแมทธิวเห็นหน้าฉัน เขาอาจจะโยนฉันออกมานอกโรงแรมเขาก่อนที่เราจะได้สัมภาษณ์เขาก็ได้นะคะ” หญิงสาวสารภาพหน้าไม่สู้ดี เธอยังจำสายตาที่นายผีดิบแมทธิวใช้มองเธอ ตอนที่เธอวิ่งตามไปถ่ายรูปน้องสาวเขาได้อยู่เลย

                “ผมมีเรื่องสำคัญกว่าต้องทำ” เกร็กปฏิเสธ ไม่ยอมบอกชาร์ล็อตว่าเธอเป็นเพียงคนเดียวในฮอลลีวูดไทม์ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในโรงแรมเทรเวนแกรนด์ “ผมไว้ใจคุณได้ใช่มั้ยชาร์ล็อต”

                “ฉันจะพยายามให้เต็มที่ค่ะ” ชาร์ล็อตแบ่งรับแบ่งสู้ เดินตามเกร็กออกมาหน้าสำนักข่าวซึ่งมีรถแท็กซี่จอดรอท่าอยู่แล้ว “คุณแน่ใจแล้วใช่มั้ยคะที่จะไม่ไปที่เทรเวนแกรนด์กับฉัน”

                “ใช่” เกร็กพยักหน้า เปิดประตูให้ลูกจ้างชั่วคราวของตนด้วยสีหน้าลำบากใจ ร่างท้วมค้ำตัวเหนือบานประตูรถเพื่อพูดกับหญิงสาวที่นั่งหน้าซีดในรถว่า “เธอต้องฉลาดพูดชาร์ล็อต โอกาสอย่างนี้ไม่ใช่จะมีมาง่ายๆ”

                “ฉันจะเก็บสุนัขในปากไม่ให้มาเพ่นพ่านจนเสียเรื่องค่ะ ฉันสัญญา” ชาร์ล็อตพยักหน้าหงึกๆ เห็นคำว่าพนักงานประจำลอยมาตรงหน้ารำไร “ฉันจะไม่ทำให้เสียเรื่องแน่นอน”

                “ดีมาก” เจ้านายมาดโหดของชาร์ล็อตพยักหน้าพอใจ ผละห่างจากรถโดยสารสีเหลือง แต่ก็ไม่วายย้ำกับหญิงสาว “เอาข่าวมาได้เมื่อไหร่ ตำแหน่งพนักงานประจำก็จะเป็นของเธอเมื่อนั้น”

                “รับทราบค่ะเกร็ก!” ชาร์ล็อตเต๊ะท่ารับคำสั่ง มองนายจ้างของเธอที่ค่อยๆ เล็กลงเพราะรถเคลื่อนออกห่างจากสำนักข่าว ร่างบางถอนหายใจก่อนจะหันหน้ากลับมา

                “ไม่ทราบว่าจะให้ผมไปส่งที่ไหนครับคุณผู้หญิง” คนขับเอ่ยถามอย่างมีมารยาทเมื่อรถเคลื่อนออกมาได้สักพัก

                “อ้อ เอ่อ ไปเทรเวนแกรนด์ค่ะ” ชาร์ล็อตสะดุ้ง คิดได้ว่าเธอต้องไปที่ไหนก่อนจะละล่ำละลักบอกคนขับ “โรงแรมเทรเวนแกรนด์ค่ะ”

                “ได้ครับ คุณผู้หญิง”​ คนขับรถค้อมหัวรับคำสั่งแล้วปิดปากเงียบ ไม่เอ่ยทักท้วงอะไร แม้เขาจะแปลกใจที่ผู้โดยสารซึ่งน่าจะเป็นนักข่าวบอกว่าจะไปที่โรงแรมเทรเวนแกรนด์ สถานที่ที่ใครๆ ต่างรู้ว่าเป็นที่ต้องห้ามสำหรับนักข่าวและพวกปาปารัซซีอย่างเด็ดขาด

                อย่าให้พนักงานที่นั่นรู้เชียวว่ามีนักข่าวไปป้วนเปี้ยนแถวนั้น ร้อยทั้งร้อยถ้าไม่โดนโยนออกจากโรงแรมเหมือนลูกหมา ก็โดนจับส่งตำรวจโทษฐานบุกรุก แต่แม่สาวน้อยที่สภาพมอมแมมข้างหลังเขานี่ก็คงไม่พ้นโดนโยนออกมาเหมือนกัน โธ่ ตัวแค่นี้ไม่น่าหาเรื่องเจ็บตัวเลยแม่หนู

                ด้านคนที่โดนคนขับแท็กซี่เป็นห่วงอยู่นั้นกำลังหมกมุ่นอยู่กับสมุดและการเขียนคำถามใหม่ ตัดคำพูดที่เธอคิดว่าจะทำให้นายแมทธิว เย็นชาคนนั้นโกรธทิ้งไปเสีย แล้วหาคำพูดที่ดีกว่านั้นมาแทน

                “ถึงแล้วครับ” คนขับแท็กซี่เอ่ย แต่หญิงสาวด้านหลังยังคงไม่รู้สึกตัวแม้ว่าเขาจอดรถได้สักพักแล้ว “คุณผู้หญิงครับ ถึงเทรเวนแกรนด์แล้วครับ”

                “อ้าว เอ้อ...” ชาร์ล็อตหน้าเหลอ หันไปมองกระจกรถเพื่อตรวจดูว่าถึงที่หมายอย่างที่คนขับรถบอกแล้วจริงๆ ก่อนจะกระวีกระวาดค้นหาเงินสดในกระเป๋าสตางค์สำหรับค่าโดยสาร “รอเดี๋ยวนะคะ กระเป๋าฉันรกไปหน่อย”

                “ไม่ต้องครับ เจ้านายคุณจัดการเรียบร้อยแล้ว” คำพูดนั้นทำให้ชาร์ล็อตชะงักมือที่กำลังค้นหากระเป๋าสตางค์ เงยหน้าขึ้นมองคนขับรถผ่านกระจกมองหลังอึ้งๆ

                ปกติเกร็กขี้เหนียวไม่เป็นรองใคร ไม่เคยมีหรอกที่จะออกเงินให้ลูกน้อง จะไม่ให้เธอแปลกใจอย่างไรไหว

                “คุณแน่ใจหรือคะว่าเจ้านายฉันจ่ายแล้ว คุณจำผิดหรือเปล่า” เธอถามย้ำ ยังไม่เชื่อว่าเกร็กจะจ่ายค่ารถให้ตน

                “ไม่ผิดหรอกครับ เจ้านายคุณจัดการเรียบร้อยแล้ว” เขายืนยัน

                “โอเคค่ะ ถ้าคุณมั่นใจอย่างนั้น” ชาร์ล็อตยังคงหน้าเหลอ แม้เธอจะปีนลงมาจากรถแท็กซี่เรียบร้อยแล้วก็ตาม หญิงสาวยกมือเกาหัวแกรกๆ ขณะมองรถเคลื่อนออกไปจากหน้าโรงแรมเทรเวนแกรนด์พลางบ่นกับตัวเองเบาๆ ว่า “วันนี้เกร็กมาแปลก ใจดีพิลึก”

                พูดแล้วหญิงสาวที่ร่างเล็กเกินกว่ามาตรฐานของสาวยุโรปด้วยกันก็กึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้าไปในโรงแรมหรูด้านหลัง ท่ามกลางสายตาสงสัยใคร่รู้และแปลกใจของพนักงานโรงแรมที่ต่างเมียงมองมายังร่างบางของหญิงสาวที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นนักข่าว ซึ่งเป็นยิ่งกว่าของแสลงสำหรับบรรดาเจ้านายของพวกเขา

                “เอ่อ ฉันมาจากฮอลลีวูดไทม์ค่ะ ฉันมีนัดสัมภาษณ์กับคุณแมทธิว” ชาร์ล็อตเดินไปแจ้งกับพนักงานต้อนรับที่เงยหน้าขึ้นมองเธอเหมือนโดนผีหลอก

                “เอ่อ คุณแน่ใจหรือครับว่าไม่ได้จำผิด” พนักงานต้อนรับของโรงแรมซึ่งผ่านการทำงานมาหลายปีหน้าเสีย ไม่เคยเห็นนักข่าวคนไหนกล้าบุกมาสัมภาษณ์คุณแมทธิวถึงที่นี่มาก่อน “ผมไม่แน่ใจว่าคุณแมทธิวจะ”

                “ฉันทราบค่ะ” ชาร์ล็อตหลับตาลงอย่างปลงตก คิดอยู่แล้วว่าเธอคงไม่พ้นเจอปัญหานี้ “แต่อย่างน้อยก็กรุณาแจ้งเลขาฯ ของคุณแมทธิวให้ฉันสักหน่อยได้หรือเปล่าคะ ถ้ามีอะไรผิดพลาด เดี๋ยวฉันจะรีบออกไปเลย” หญิงสาวขอร้อง เธอเองก็แอบคิดว่านี่อาจจะมีอะไรพลาดไป เพราะการที่นายแมทธิวจะยอมให้เวลากับเธอแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่การที่เกร็กกล้าส่งเธอมาพร้อมกับจ่ายค่ารถให้เสร็จสรรพนั่นก็หมายความว่า เขาก็ต้องแน่ใจมากเหมือนกัน

                พนักงานต้อนรับอ้าปาก จะบอกหญิงตัวเล็กตรงหน้าอย่างไรดีว่าตอนนี้ไม่มีเลขาฯ คุณแมทธิวอีกต่อไปแล้ว ทางเดียวที่จะแจ้งคุณแมทธิวว่ามีนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ก็คือการต่อสายตรงไปหารองผู้บริหาร ผู้สงบนิ่งจนน่ากลัวโดยตรงเพียงอย่างเดียว และถ้าเกิดว่าการสัมภาษณ์นี่เป็นการเข้าใจผิดละก็ เขาก็คงไม่พ้นโดนไล่ออก

                “เอ่อ คือว่า”

                “ฉันขอร้องละนะคะ ฉันมีนัดสัมภาษณ์คุณแมทธิวจริงๆ นะคะ” ชาร์ล็อตอ้อนวอนเหมือนลูกแมว ถ้าเธอพลาดงานนี้มีหวังเกร็กเอาเธอตายแน่ๆ “ฉันขอร้องนะคะ ฉันมีเรื่องต้อง”

                “นี่คุณนักข่าว” เสียงทุ้มติดละมุน แต่ยังทรงอำนาจทำให้พนักงานด้านหลังพากันถอยกรูด เว้นแต่ชาร์ล็อตที่ระบายยิ้มกว้าง หันขวับกลับไปหาเจ้าของเสียงด้วยความดีใจ

                “คุณแมทธิว” เธอเรียกเขาเสียงหวานหยดอย่างประจบ เผื่อเขาจะทำใจลืมว่าเมื่อวานเธอวิ่งไปตามถ่ายรูปน้องสาวเขา ก่อนจะผิดหวังเมื่อชายหนุ่มจ้องตอบด้วยสายตารู้ทัน คนตัวเล็กจึงคอตกเดินตามร่างสูงไปจากเคาน์เตอร์ต้อนรับต้อยๆ ไม่ต่างจากลูกแมวน้อย “คือเรื่องเมื่อวานนี้ฉันขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

                “ช่างเถอะ มันเป็นงานของคุณนี่” แมทธิวบอกปัด เขาจะโกรธเธอเพราะเรื่องขี้ปะติ๋วนี่ได้อย่างไร ในเมื่อเธอยังทำเรื่องใหญ่ให้เขาโกรธอีกตั้งมาก

                “คุณไม่โกรธฉันหรือคะ” ชาร์ล็อตเสียงร่า ยิ้มกว้างอย่างโล่งอกเมื่อชายหนุ่มไม่ได้หมายหัวเธออย่างที่คิดกลัว

                “เรื่องนี้ไม่โกรธ”

                “ฉันไม่ได้เป็นคนเขียนข่าวคุณแสนดีนะคะ” ชาร์ล็อตโบกมือปฏิเสธพัลวันเมื่อได้ยินแมทธิวพูดอย่างนั้น นี่เขาคงไม่คิดว่าเธอเป็นคนเขียนข่าวให้น้องสาวเขาเสียหายหรอกนะ “ฉันแค่ไปทำงานเมื่อวาน แต่ไม่ได้เป็นคนเขียนข่าวเรื่องที่น้องสาวคุณจูบกับคนที่ชื่อวิกเตอร์นะคะ”

                แมทธิวตวัดตาคมขึ้นมองคนที่กำลังร้อนตัวด้วยความแค้น แค้นที่เธอกล้าพูดชื่อไอ้คนป่าเถื่อนนั่นให้เขาได้ยินอย่างที่ไม่เคยกล้าทำ ยายผู้หญิงคนนี้มันเหลือทนจริงๆ “ขอบใจนะที่เตือน” เขาพูดลอดไรฟัน

                ทำเอาคนฟังต้องรีบกัดปากตัวเองเอาไว้ เมื่อรู้ตัวว่าเธอเผลอปากมากไม่เข้าเรื่องอีกแล้ว “ขอโทษค่ะ”​ ชาร์ล็อตเสียงหงอย หน้าม่อยลงด้วยความกลัว

                “คุณชาร์ล็อต” แมทธิวเรียกชื่อของหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ซึ่งเจ้าของชื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างรอคอย “ผมเป็นคนนัดคุณ”

                “ใช่ค่ะ” เธอพยักหน้าหงึกๆ ยิ้มกว้างรับคำพูดนั้นก่อนจะรีบหยิบสมุดจดของเธอขึ้นมารอท่า “แล้วฉันก็เตรียม”

                “แต่ต้องขอโทษด้วยที่ผมต้องขอยกเลิก ตอนนี้เลย”

                ประโยคนั้นเหมือนโดนฟ้าผ่าลงมากลางหัว ชาร์ล็อตนิ่งอึ้งไปไม่ต่างจากตอนที่โดนแฟนบอกเลิก แม้เธอจะไม่เคยมีแฟนกับใครเขาเลยก็ตาม แต่มันก็น่าจะใกล้เคียงกัน

                เธอตาโตมองชายหนุ่มเหมือนเขาเพิ่งหักอกเธอ ก่อนหน้าเล็กจะเริ่มง้ำลงๆ จนแมทธิวรู้สึกได้

                “คุณทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้นะคะ” ชาร์ล็อตเสียงเครือ คิดไปถึงหน้าของเจ้านายเธอหลังจากรู้ว่านายแมทธิวนี่ไม่ยอมให้สัมภาษณ์แล้วเธอก็อยากกลั้นใจตาย ไม่นะ! “คุณพูดแล้วนี่” เธอประท้วง

                “ผมรู้” แมทธิวหลับตา พยักหน้ารับคำพูดของหญิงสาวที่ว่าตนเป็นคนผิดในการยกเลิกนัดทั้งๆ ที่รับปากจะให้สัมภาษณ์เองก็ตาม “ผมต้องไปนิวยอร์ก อีกไม่ถึงชั่วโมง” พี่ใหญ่ที่เป็นเสาหลักให้แก่น้องๆ ในบ้านอธิบายเสียงนุ่ม นี่หากว่าคนในบ้านมาได้ยินน้ำเสียงที่เขาใช้พูดกับชาร์ล็อตตอนนี้ละก็ มีหวังเขาโดนล้อไปอีกสิบชาติ โดยเฉพาะกับไอ้น้องคนเล็กของเขา

                แต่ถึงแมทธิวจะบอกเหตุผลกับหญิงสาว แต่เขาก็ไม่ได้บอกเธอทั้งหมดว่าเขารอให้เธอมาถึงโรงแรม เพื่อที่เขาจะได้เป็นคนบอกยกเลิกนัดกับเธอเอง แม้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้นเลยก็ตาม

                “แต่ยังไงคุณก็ต้องให้สัมภาษณ์กับฉันนะคะ คุณพูดแล้วนี่” ชาร์ล็อตยังคงประท้วงอย่างไม่หมดหวัง ถ้าเธอยอมแพ้เธอก็ตายน่ะสิ เรื่องอะไรจะยอมเล่า “ถ้าคุณเบี้ยวฉันคราวนี้ เจ้านายเอาฉันตายแน่เลย”

                “เขาไม่ว่างมาเอาเรื่องคุณหรอก” แมทธิวยิ้มขณะหัวเราะในลำคอ “อย่าห่วงเรื่องนั้นเลย”

                “คุณไม่เข้าใจ” หญิงสาวโอด หมดหนทางแล้วทุกอย่าง รู้ดีว่าหากชายหนุ่มจะขอยกเลิกมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา แล้วเธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากแช่งเขาในใจก่อนจะก้มหน้าก้มตากลับไปโดนเกร็กด่า แล้วโดนเอลลี่ถากถางต่อที่สำนักข่าวอีกด้วย “แต่ไม่เป็นไรค่ะ ฉันขอโทษ ลาก่อนค่ะ”

                คิดทบทวนกับตัวเองได้แล้วชาร์ล็อตก็ทำใจ พ่นลมหายใจออกจมูกเสียงแล้วเก็บสมุดกลับใส่กระเป๋าเน่าๆ ของเธอ เดินคอตกออกมาจากตรงนั้นอย่างผิดหวัง บางทีไอ้งานนักข่าวนี่อาจจะไม่เหมาะกับเธอจริงๆ ก็ได้ เฮ้อ...วัยรุ่นเซ็ง

                “นี่ชาร์ล็อต” แมทธิวมองตามหลังคนตัวเล็กอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจรั้งเธอเอาไว้

                “คะ?” เจ้าของชื่อหันกลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี เพราะกำลังคิดหาคำแก้ตัวกับเกร็ก และเหตุผลที่จะขอเลิกทำงานเป็นนักข่าวกับแม่ของเธอ ซึ่งเป็นคนต้นคิดเรื่องที่จะให้เธอมาทำงานเป็นนักข่าวตั้งแต่แรก

                “เรื่องเจ้านายคุณน่ะเดี๋ยวผมโทร.บอกเขาให้เอง” แมทธิวเสนอตัว ใช้เสียงเนิบนาบตามแบบฉบับ แต่ก็แอบเหล่ตารอใบหน้าดีใจของชาร์ล็อต ก่อนจะเลิกคิ้วสูงเมื่อเธอทำเพียงพยักหน้าหงึกๆ สองสามครั้งแล้วพึมพำตอบ

                “ขอบคุณค่ะ” ชาร์ล็อตฟังสิ่งที่ชายหนุ่มพูดหูซ้ายทะลุหูขวา เหนื่อยใจขึ้นมาทันทีที่คิดว่าแม่เธอคงต้องคะยั้นคะยอให้เธอทำงานนี้ต่อแม้เธอจะบอกว่าเธอไม่มีความสุขก็ตาม “เดินทางดีๆ นะคะ” เธออวยพรเขาแล้วหมุนตัวกลับไปทางประตู ร้อนถึงคนที่เย็นเป็นน้ำแข็งขั้วโลกที่ต้องเอื้อมแขนมารั้งชาร์ล็อตเอาไว้อีกรอบ

                “เป็นอะไรหรือเปล่า” แมทธิวถามหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง ไม่สนเสียงอื้ออึงของพนักงานโรงแรมที่ร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบหลบกันพัลวันอีกหนเมื่อแมทธิวกวาดตามอง

                “ฉันแค่เบื่อน่ะค่ะ” ชาร์ล็อตถอนหายใจพรืดใหญ่ ดึงแขนออกจากอุ้งมือหนาอย่างอ่อนโยน “ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันจะทำอะไรได้จริงมั้ยคะ”

                แมทธิวหรี่ตามองหญิงสาวที่กลับมาเป็นคนที่เขารู้จักอีกครั้งหนึ่ง ก่อนยิ้มละมุนจะปรากฏบนหน้าคร้ามโดยที่แม้แต่เขาก็ไม่ทันรู้ตัว “นั่นฟังดูเป็นคุณดีนะ” ชายหนุ่มเอ่ย แต่คล้ายพูดกับตัวเอง “นึกว่าจะไม่ได้เจออีกแล้ว”

                “คะ?” ชาร์ล็อตย่นคิ้ว ไม่ทันฟังชายหนุ่ม เพราะมัวแต่ครุ่นคิดกับตัวเองอยู่

                “ช่างเถอะ” คนที่ได้ชื่อว่าหน้าตายที่สุดอมยิ้มขณะส่ายหัว บอกว่าสิ่งที่เขาพูดไปไม่สลักสำคัญอะไร

                กลายเป็นชาร์ล็อตที่อ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ยิ้มแล้วหล่อไม่บันยะบันยังขนาดนี้อยู่บนโลก อู้หู พ่อคุณเอ๊ย หน้านิ่งๆ ว่าหล่อล่ำน่าหม่ำแล้ว ยิ้มออกมาทีนี่ ตายเกลื่อนกันไปทั้งบ้านทั้งเมือง หล่ออย่างนี้สินะ ผู้หญิงถึงอยากปล้ำเอามาทำสามีกัน แหม กว่าเธอจะเข้าใจก็วันนี้ละ คนอะไรหล่อจริงวุ้ย

                “อย่างนั้นก็เอาเบอร์มา”

                “อะไรนะคะ” ชาร์ล็อตหน้าเหลอรอบสอง ตะลึงความหล่อจนหูตึงเลยเรา อย่าหล่อนักสิอีตาบ้า! “โทษทีค่ะ ฉันไม่ทันฟัง มัวแต่ตะลึงความหล่อคุณน่ะ”

                “ฮ่าๆ” คนที่หล่อจนชาร์ล็อตตะลึงหลุดขำเสียงดัง ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวจั๊วะทำให้ชาร์ล็อตตัวเบาหวิว “นี่สิชาร์ล็อตตัวจริง” เขาพูดระหว่างที่กลั้นขำ

                หล่อเกินไป หล่อเกินไปแล้ว!

                หญิงสาวกรีดร้องในใจก่อนจะยกมือขึ้นปิดหู หดตัวลงนั่งเหมือนเวลาที่คนในภาพยนตร์หลบระเบิด แต่อย่างเธอนี่ต้องเรียกว่าหลบออร่าความหล่อ ไม่งั้นตาย

                “เฮ้ ผมพูดน่ะได้ยินหรือเปล่า” แมทธิวก้มลงสะกิดไหล่คนที่นั่งปิดหูปิดตาอยู่กับพื้น ทั้งๆ ที่ยังหยุดขำไม่ได้

                “อะ...อะไรคะ” ชาร์ล็อตเงยหน้าขึ้นมอง

                “เบอร์มือถือน่ะ เอามา ไว้คิดถึงจะโทร. หา”

                “บะ...เบอร์”​ ชาร์ล็อตฟังแค่ประโยคแรกก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาก้มหานามบัตรทำมือของเธอที่น่าจะยังเหลืออยู่ส่งให้ชายหนุ่ม ก่อนที่ความหล่อจะทำให้เธอเสียสติ “เบอร์มือถือ นี่ค่ะ”

                “ขอบคุณ” แมทธิวรับกระดาษแผ่นเล็กนั้นมาไว้ในมือแล้วยิ้มกริ่มอย่างพอใจ “ได้เบอร์แล้วนะ ถ้าคิดถึงเมื่อไหร่จะโทร. หาเองนะ”

                “ฉันไปละค่ะ สวัสดี” ชาร์ล็อตบอก ลิ้นแทบจะพันกันอยู่แล้วก่อนจะรีบแจ้นออกไปจากโรงแรมเทรเวนแกรนด์ โดยมีเสียงหัวเราะกังวานลอยตามลมมาแล้วเธอก็ตระหนักได้ว่า

                นี่เองที่เรียกว่าหล่อจนเสียสติ เธอนี่ละที่เสียสติ โอ๊ย! หล่อจังโว้ย!

                คนตัวเล็กก้มหน้าก้มตา เอามือปิดหูแล้ววิ่งออกมาจากโรงแรมเทรเวนแกรนด์ด่วนจี๋ หัวใจดวงน้อยเต้นตุบๆ เมื่อเจอความหล่อไม่ปรานีใครของแมทธิวเล่นงานเข้าอย่างไม่ทันตั้งตัว

                “หูย...หล่ออะไรเบอร์นี้” เธอบ่นกับตัวเองอย่างไม่ค่อยพอใจ ชักสีหน้าใส่ชายหนุ่มซึ่งน่าจะกำลังออกมาจากโรงแรมในอีกไม่ช้า แล้วมองซ้ายขวา ระแวงว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นจะมาทำให้เธอเสียสติอีกรอบ “มายัง ออกมาหรือยังนะ”

                “คุณผู้หญิงครับ”

                “เห้ย!” ชาร์ล็อตอุทาน ผงะหงายหลังเมื่อจู่ๆ ผู้ชายคนหนึ่งก็มายืนซ้อนหลังเธอ “คุณ! โผล่มาไม่ให้สุ้มให้เสียงแบบนี้ได้ยังไง เกิดฉันตกใจตายขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ” เธอว่าอย่างมีน้ำโห รอฟังอีกฝ่ายโต้กลับมาด้วยอารมณ์ แต่ก็ผิดคาด เมื่อเขาทำเพียงจ้องหน้าเธอและเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่มีชีวิตชีวาว่า

                “ผมอยู่ตรงนี้มาตลอดแล้วครับ คุณแมทธิวให้ตามคุณมา”

                “ตามฉันมาทำม้าย” ชาร์ล็อตลากเสียงยาว ทำเป็นตกใจเกินเหตุ นายผีดิบนั่นคงไม่ได้จะส่งลูกน้องมาเก็บเธอหรอกนะ คิดอย่างนั้นชาร์ล็อตก็ยกมือตั้งการ์ด มองชายในชุดสูทอย่างไม่ไว้ใจ “จะทำอะไรฉันน่ะ อย่าแม้แต่จะคิดเชียว ฉันแจ้งตำรวจนะ ต่อให้เป็นพวกเทรเวนฉันก็ไม่กลัวหรอกย่ะ จะบอกให้!”

                “ผมแค่ต้องไปส่งคุณครับ ยังไม่มีคำสั่งให้ทำร้ายคุณ”​ ชายคนนั้นพูดเหมือนว่าหากมีคำสั่งให้ทำร้ายเธอ เขาก็จะทำอย่างไม่ลังเลอย่างไรอย่างนั้น

                “อ้าว พูดงี้หมายความว่าไง” ชาร์ล็อตชักเสียงอย่างไม่พอใจ แต่ก็ยอมลดแขนลงเมื่อฝ่ายนั้นบอกว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเธอ “ถ้าเจ้านายคุณสั่ง คุณก็จะทำร้ายผู้หญิงเตี้ยอย่างฉันงั้นหรือ จิตใจคุณทำด้วยอะไรเนี่ย”

                “คุณแมทธิวไม่เคยสั่งให้ทำร้ายใครโดยไม่มีเหตุผลครับ” เขาอธิบาย พอดีกับที่รถตู้คันใหญ่ขับมาจอดเทียบทางเท้าหน้าโรงแรม “และผมก็คงต้องตามทำคำสั่งของเจ้านาย ถึงแม้ผมจะไม่อยากทำก็ตาม”

                “หมายความว่าคุณจะทำร้ายฉัน?” ชาร์ล็อตย้ำคำถาม ก่อนจะกลอกตาขึ้นฟ้าเมื่อคนของแมทธิวไม่คิดแม้จะโกหกเพื่อรักษาน้ำใจเธอ

                “ครับ” ชายในชุดสูทพยักหน้าพร้อมกับเปิดประตูรถให้เธอ

                มารยาทงามทั้งเจ้านายทั้งลูกน้อง ชาร์ล็อตค่อนแคะในใจ หรี่ตามองคนที่แมทธิวสั่งให้ไปส่งเธอแล้วถามหยั่งเชิงไปว่า “แล้วถ้าฉันไม่ให้คุณไปส่งล่ะ”

                “ผมก็จะทำให้คุณยอมให้เราไปส่งครับ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง หน้ายังคงไม่แสดงอารมณ์แล้วถอนหายใจ “ขึ้นรถเถอะครับคุณผู้หญิง ผมว่าคุณไม่อยากทำให้เจ้านายของผมไม่พอใจหรอกใช่มั้ยครับ”

                “นี่ขู่ฉันหรือ” ชาร์ล็อตคอแข็งเมื่อชายคนนี้พูดเหมือนกำลังบีบบังคับให้เธอไม่มีทางเลือก “ทำไมฉันต้องกลัวเจ้านายคุณไม่พอใจด้วย”

                คนของแมทธิวเหลือบตามองหน้าชาร์ล็อตแล้วผ่อนลมหายใจ ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงทำตามคำสั่งที่แสนง่ายนี้ยากเย็นเหลือเกิน “คุณไม่กลัวหรือครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ได้อยากรู้อย่างที่ปากพูดแม้แต่นิด

                ก็ใครบ้างเล่าจะไม่กลัวโทสะของ แมทธิว เทรเวน

                คำถามแสนง่ายนั้นทำให้ชาร์ล็อตอ้าปากค้าง ยกมือชี้หน้าคนของนายผีดิบแมทธิวอย่างเจ็บใจ เธอแพ้ให้แก่ลูกน้องเขาอีกคนแล้วหรือนี่ “ก็ด้าย” ชาร์ล็อตเสียงสูงแม้เธอจะกำลังจนตรอก “ยอมให้ก็ได้ แต่แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ”

                “เชิญครับ” ชายคนนั้นค้อมหัว ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกหลังจากที่หญิงสาวยอมก้าวขึ้นรถไป แม้เธอหาเรื่องอิดออดอยู่พักใหญ่ก็ตาม เมื่อปิดประตูตามหลังร่างบอบบางของแขกคนสำคัญของคุณแมทธิวเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงก้าวขึ้นไปนั่งตำแหน่งข้างคนขับ

                “คุณผู้หญิงไม่ต้องไปที่ไหนก่อนกลับบริษัทนะครับ” เขาหันมาถามเพื่อความแน่ใจ และชาร์ล็อตก็ส่ายหัวเป็นคำตอบแล้วเอ่ยเสริมว่า

                “เลิกเรียกฉันอย่างนั้นเถอะค่ะ รู้สึกจักจี้แปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้ เรียกฉันว่าชาร์ล็อตก็พอ”

                “ครับ คุณชาร์ล็อต” ฝ่ายนั้นรับปากและไม่ได้พูดอะไรต่ออย่างที่หญิงสาวหวัง ชาร์ล็อตจึงออกปากถาม

                “คุณชื่ออะไรคะ”

                “มอนโรครับ คุณชาร์ล็อต” เขาตอบน้อยคำเช่นเคย

                “คุณเป็นเลขาฯ คุณแมทธิวอีกคนหรือคะ” หญิงสาวถาม ขมวดคิ้วเมื่อคิดได้ว่าวันนี้เธอยังไม่เจอยายเลขาฯ มหาภัยของแมทธิวเลย เอ๊ะ...หรือว่าเจ๊แกจะป่วย แต่คงไม่หรอก ต่อให้ป่วยยังไงเจ๊แกก็คงไม่ยอมขาดงานแน่ๆ หวงเจ้านายเสียขนาดนั้น คิดแล้วหมั่นไส้ อยากจะวกรถกลับไปแล้วไปตะโกนใส่หน้าเจ๊แกว่า นายหล่อนั่นเป็นของส่วนรวมนะป้า ห้ามฮุบเอาไว้คนเดียว!

                “เปล่าครับ ผมเป็นผู้ช่วยของคุณท่าน” เขาตอบสั้นเหมือนเคย

                “คุณท่าน พ่อของคุณแมทธิวอย่างนั้นหรือคะ” ชาร์ล็อตซัก ยื่นหน้ามาตรงช่องว่างระหว่างคนขับและมอนโร “คุณเป็นคนสนิทของคุณ เคลวิน เทรเวน อย่างนั้นหรือคะ”

                “ผมเป็นคนจัดการเรื่องเอกสารของโรงแรมเทรเวนทั้งหมดครับ” มอนโรชี้แจง ไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงได้มีสีหน้าแช่มชื่นเมื่อรู้ว่าเขาทำงานให้คุณท่านด้วย

                “อ้อ อย่างนี้ก็แปลว่าสนิท” ชาร์ล็อตสรุปเองเสร็จสรรพ “คืองี้ค่ะ ฉันมีเรื่องจะถามคุณเกี่ยวกับ...”

                “ไม่ทราบครับ”

                “ยังไม่ได้ถามเลยค่ะ” ชาร์ล็อตแว้ดเสียงใส่มอนโร

                “เรื่องอะไรก็ไม่ทราบทั้งนั้นครับ โดยเฉพาะเรื่องคุณแสนดี” มอนโรดักทาง ถ้าหญิงสาวด้านหลังเขาเป็นนักข่าวจริงก็คงไม่พ้นเรื่องคุณหนูที่เธออยากจะรู้

                “เบื่อจริงพวกรู้ทันเนี่ย” ชาร์ล็อตบ่นอุบ หน้าง้ำงอเมื่อมอนโรยังมีสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึก ชวนให้คิดถึงหน้าเจ้านายของเขาที่ไม่ว่าจะอารมณ์ไหนก็มีอยู่หน้าเดียว “หึ่ย! ไม่ถามแล้วก็ได้”

                “ขอบคุณที่เข้าใจครับ” มอนโรค้อมหัวขอบคุณหญิงสาวที่ไม่ทำให้เขาเดือดร้อนไปมากกว่านี้

                “ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ที่ไม่ถามเนี่ยก็เพราะรู้ว่าถามไปก็ไม่ได้คำตอบ เลยไม่ถาม”​ ชาร์ล็อตทำปากยื่นปากยาว กระแทกหลังเข้ากับที่นั่งแล้วยกมือขึ้นกอดอกอย่างหงุดหงิดใจ “ขัดใจจริงๆ พวกเทรเวนเนี่ย ปิดปากกันสนิททุกคนเชียว”

                มอนโรมองหญิงสาวที่นั่งบ่นเป็นวรรคเป็นเวรอยู่เบาะหลังแล้วแอบเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมหญิงสาวร่างเล็กคนนี้ชวนให้เขานึกถึงคุณเชอลีน คุณอาคนสวยของคุณแมทธิว เทรเวน นัก เพราะหากไม่นับสีผมอ่อนจางของเธอแล้ว เธอก็ไม่มีอะไรที่สามารถเทียบเคียงกับคุณเชอลีนได้เลย

                หรือเพราะความเอาใจใส่ที่คุณแมทธิวมักจะมีให้เพียงผู้หญิงตระกูลเทรเวน ที่ทำให้หญิงสาวคนนี้พิเศษในสายตาของมอนโรก็ไม่อาจทราบได้ คุณแมทธิวมารยาทดีกับทุกคนที่เขาเจอก็จริง แต่การเอาใจใส่อย่างพิเศษเช่นนี้ อย่าว่าแค่นักข่าวตัวเล็กๆ เลย เพื่อนร่วมธุรกิจบางคนยังไม่มีทางได้รับจากคุณแมทธิวด้วยซ้ำ

                “นี่ คุณมอนโรคะ” เสียงเรียกของชาร์ล็อตทำให้มอนโรหลุดจากห้วงภวังค์ของเขา

                “ครับ คุณชาร์ล็อต”

                “คือ ช่วยแวะร้านพิซซาตรงหัวมุมให้ฉันหน่อยได้หรือเปล่าคะ” ถามอย่างไม่แน่ใจแล้วยิ้มแหย หัวเราะแห้งๆ แล้วพึมพำว่า “ตั้งแต่เช้าฉันยังไม่ได้ทานอาหารเลย คุณช่วยส่งฉันที่ร้านพิซซาเลยจะได้หรือเปล่าคะ”

                “คุณแมทธิวสั่งให้เราส่งคุณให้ถึงที่ทำงานนะครับ” มอนโรขมวดคิ้ว เขาไม่เคยทำหน้าที่ขาดตกบกพร่องมาก่อน อย่าว่าแต่ขัดคำสั่งเจ้านายเหมือนอย่างที่ชาร์ล็อตกำลังขออยู่เลย

                “นี่ก็ถึงเหมือนกันไงคะ” ชาร์ล็อตยิ้ม ชี้ให้เห็นว่ามอนโรไม่ได้ขัดคำสั่งเจ้านายของเขาเลยสักนิด “ที่ทำงานฉันก็อยู่แค่ตรงนั้น ส่งตรงนี้ก็เหมือนกันแหละค่ะ”

                “ไม่ได้ครับ ยังไงก็ต้องส่งให้ถึงที่ ถ้าเกิดคุณแมทธิวรู้”

                “ถ้าคุณไม่บอก ฉันไม่บอก เจ้านายคุณจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ” ชาร์ล็อตเสนอทางออกแสนเจ้าเล่ห์ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเล่ห์เหลี่ยมของเธอยังน้อยนักหากเทียบกับแมทธิว “แล้วก็คุณด้วยอีกคน” เธอพยักพเยิดไปยังชายที่อยู่หลังพวงมาลัย “ถ้าเราปิดปากสนิท เรื่องนี้ก็ไม่ถึงหูคุณแมทธิวแน่นอนค่ะ ฉันรับรอง”

                มอนโรมองหญิงสาวที่พูดราวกับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องง่ายแสนง่ายด้วยสายตาว่างเปล่า ไม่เข้าใจว่าทำไมชาร์ล็อตถึงได้พูดจาเหมือนไม่รู้จักนิสัยของคุณแมทธิวอย่างนี้ แล้วทำไมทุกอย่างในตัวของหญิงสาวคนนี้ถึงได้ดูขัดแย้งไปหมด

                “จอดตรงนี้เลยค่ะ จอด!” ชาร์ล็อตอาศัยจังหวะที่มอนโรอยู่กับความคิดตัวเองออกคำสั่ง ทำให้คนขับรถที่มาด้วยกันต้องหักเลี้ยวแล้วเหยียบเบรกตามที่หญิงสาวบอก

                ด้วยความหิวที่กำลังครอบงำเธอจนหน้ามืด พอรถหยุดชาร์ล็อตก็รีบตะกายลงจากรถ ก้าวลงมาโบกมือหย็อยๆ ให้มอนโรและสารถีใจดีที่พาเธอมาส่งโดยไม่ต้องเสียเงินค่าแท็กซี่ แล้วยิ้มแฉ่งให้ทั้งสองพร้อมเอ่ยลา “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ ถ้าฉันโชคดีได้สัมภาษณ์เจ้านายคุณ เราคงได้เจอกันอีก”

                ยังไม่ทันที่มอนโรจะอ้าปากพูด ร่างบางก็วิ่งหายลับเข้าไปในร้านพิซซาข้างทาง ปล่อยให้เขาอ้าปากค้างด้วยความจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะบอกเจ้านายของเขาเรื่องไปส่งหญิงสาวไม่ถึงที่อย่างไรดี

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น