* * * * * * * * * *
เสียงแตรรถทำให้กวินรู้ว่าบราลีมาถึงแล้ว เขาเหลือบมองนาฬิกาที่มุมขวาบนของจอคอมพิวเตอร์ซึ่งบอกเวลาสิบสองนาฬิกาพอดี จึงคิดว่าเธออาจจะยังไม่ได้รับประทานอาหารกลางวันและต้องการมารับประทานกับเขา
ชายหนุ่มยิ้ม ปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วนำกลับเข้าไปวางบนโต๊ะทำงานภายในบ้านพัก เขาหันไปมองที่เตียงก็เห็นฟ้าครามยังคงนอนหลับอย่างสบายอารมณ์ เขาส่ายหน้าก่อนจะหยิบสมุดโน้ตใส่เป้ที่มีผ้าขนหนูกับกางเกงขาสั้นสำหรับเล่นน้ำอยู่ก่อนแล้ว จากนั้นก็เดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน น่าแปลกที่เขาไม่เห็นรถตู้คันเดิม มีเพียงรถยุโรปสีขาวสะอาดคันเดียวเท่านั้นที่จอดอยู่หน้าบ้าน เมื่อบราลีเห็นเขาก็เปิดกระจกฝั่งคนขับแล้วโบกมือให้
กวินเดินไปหาเธอด้วยความแปลกใจ “นายเข้มไปไหนเสียล่ะ”
“นายเข้มไม่ว่างค่ะ ต้องขับรถพาแขกของคุณอมรอีกกลุ่มไปเที่ยว”
กวินพยักหน้า “ให้วินขับไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ ลีขับไปบ่อย คุ้นทางกว่า”
เขาไหวไหล่ก่อนจะเดินอ้อมหน้ารถไปนั่งอีกด้านหนึ่ง เมื่อเขาคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว เธอจึงหันมาถามด้วยรอยยิ้ม
“เราไปทานอะไรกันก่อนนะคะ”
กวินพยักหน้ารับและนึกดีใจที่เดาไม่ผิด เธอคงทำงานจนกระทั่งถึงเวลาพักกลางวัน หรือไม่ก็อาจจะอยากมารับประทานอาหารกับเขาก็ได้
บราลียิ้มรับ ก่อนจะขับรถออกจากรีสอร์ตมุ่งหน้าไปตามทางหลวงหมายเลข 3305 แล้วตัดเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3199 มุ่งหน้าสู่อำเภอศรีสวัสดิ์ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำตกเจ็ดชั้นอันเลื่องชื่อของกาญจนบุรี ระหว่างทางเธอเลี้ยวรถเข้าไปในร้านอาหารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสนามไดร์ฟกอล์ฟ บรรยากาศรอบๆ ร้านเต็มไปด้วยแมกไม้ร่มรื่นเหมือนอยู่ในป่า มีศาลาหลังเล็กปลูกกระจายอยู่ทั่วบริเวณจึงค่อนข้างเป็นส่วนตัว
หลังจากพนักงานต้อนรับยกมือไหว้แล้วเอ่ยทักทาย เธอก็ขมวดคิ้วมองบราลีด้วยความสงสัย เพราะแว่นกันแดดอันโตที่กินพื้นที่ของใบหน้าไปกว่าครึ่งทำให้เธอไม่แน่ใจว่า ผู้หญิงที่สวมมันคืออดีตดาราชื่อดังหรือเปล่า
“สองที่ครับ” กวินชูสองนิ้วขัดจังหวะพนักงานสาว
เธอสะอึกก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนให้เขา แล้วพาเขากับบราลีไปที่ศาลาหลังหนึ่ง หลังจากรับออร์เดอร์ด้วยแววตาที่ยังเต็มความสงสัยแล้ว เธอก็ปลีกตัวไปอย่างงงๆ ระหว่างทางก็ยังไม่วายหันไปมองอดีตเจ้าหญิงแห่งวงการเป็นระยะๆ ด้วยความไม่แน่ใจ
“ลำบากไหม ต้องใส่แว่นตลอดเวลา”
“ชินแล้วค่ะ” หญิงสาวทำปากเบ้แล้วยักไหล่ “บางอย่างที่เราอยากได้มากๆ ก็ต้องแลกมาด้วยอะไรที่เราหวงแหน ถ้าคิดจะเป็นคนของประชาชนก็ต้องรู้จักเสียสละความเป็นส่วนตัวค่ะ คนเป็นดาราน่ะพูดไม่ได้หรอกค่ะว่ามันเรื่องของฉัน ตราบใดที่คุณยังต้องพึ่งศรัทธาของแฟนๆ ในการทำมาหากินอยู่”
“อย่างนี้นี่เอง บราลีถึงได้เป็นเจ้าหญิงของวงการ” กวินเอ่ย เพราะเท่าที่เขาติดตามเธอมาตลอด เธอไม่เคยมีข่าวไม่ดี ไม่เคยให้สัมภาษณ์นักข่าวหรือตอบโต้แฟนๆ ด้วยถ้อยคำก้าวร้าวเลยสักครั้ง แม้แต่ในตอนที่ประสบปัญหาอย่างหนักก็ตาม
“ตอนนี้ตกกระป๋องไปแล้วค่ะ” บราลีหัวเราะคิกคัก
“ใครบอกกัน ตอนนี้เจ้าหญิงกลายเป็นราชินีไปแล้วต่างหาก ตั้งแต่ลีแต่งงานกับคุณ...” กวินชะงัก เขาพยายามควบคุมตัวเองเพื่อจะเอ่ยต่อไป “...อมร ดูเหมือนภาพลักษณ์ของลีจะกลายเป็นมาดามในสายตาคนอื่นไปแล้วไม่ใช่หรือ”
“ก็แค่เปลือกน่ะค่ะ”
“เปลือกเหรอ” ชายหนุ่มทวนคำอย่างเอะใจ
“เอ่อ...ลีหมายถึง...อืม...ลีก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาอยู่ค่ะ ไม่ได้เลิศเลออะไรอย่างที่ทุกคนคิดหรอก”
“มีเงินเป็นหมื่นๆ ล้านนี่นะ”
“นั่นมันเงินของคุณอมรต่างหาก”
“แต่ลีเป็น...” เขาชะงักอีกครั้ง
บราลีเบือนหน้ามองไปยังทิวไม้ สีหน้าของเธอแปลกไปจนเขาแปลกใจ
“ลี...ยังไม่ได้จดทะเบียนกับคุณอมรค่ะ”
“อะไรนะ” กวินคำราม “นี่คุณอมรไม่คิดจะรับผิดชอบชีวิตของลีเลยหรือ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ”
“แล้วมันยังไงกันล่ะ”
สีหน้าของบราลีเริ่มยุ่งยากขึ้น เธอนิ่งไปนาน คิ้วขมวดมุ่นจนคล้ายจะเป็นปม
“ว่าไงล่ะลี”
หญิงสาวถอนใจเฮือกใหญ่
“เอาเป็นว่า การที่ลีแต่งงานกับคุณอมร ลีไม่ได้ต้องการทรัพย์สมบัติบรรดามีของคุณอมรเลย ลีขอไม่ตอบเรื่องนอกเหนือจากนี้นะคะ”
คำพูดประโยคนั้นของบราลีทำให้กวินรู้สึกเหมือนใครเอามือมาบีบหัวใจ เขาเชื่อมั่นในตัวเธอเสมอ ถ้าเธอบอกว่าเรื่องเงินทองไม่ใช่สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจแต่งงานกับอมรมันก็ต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าเรื่องทรัพย์สมบัติบรรดามีไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงานแล้วละก็ เหตุผลหลักๆ ที่คนจะแต่งงานกันคงหนีไม่พ้น ‘ความรัก’ สินะ
“ลีรักคุณอมรใช่ไหม” กวินเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ
เธอยังคงมองไปไกล เขาเห็นดวงตาของเธอแดงก่ำ ฟันขาวขบริมฝีปากล่างแน่นเหมือนพยายามสะกดกลั้นอารมณ์อะไรบางอย่างอยู่ บราลีอาจจะไม่ต้องการทำร้ายจิตใจของเขา
“ลีขอไม่ตอบเรื่องนี้นะคะ มันเป็นเรื่องระหว่างลีกับคุณอมร”
แทนที่คำพูดนั้นจะทำให้แรงบีบหัวใจของเขาคลายลง มันกลับเหมือนมือยักษ์บีบหัวใจของเขาสุดกำลังจนแทบแหลกสลายเป็นผุยผง เกิดความเงียบงันในช่วงเวลานั้น แม้ในตอนที่พนักงานร้านยกอาหารมาเสิร์ฟ กวินก็ไม่ได้รู้สึกรู้สมอะไร
“รีบทานเถอะค่ะ เราจะได้ไปน้ำตกกันต่อ”
กวินสะอึก หลุดจากภวังค์แห่งความเจ็บปวด เขาหยิบช้อนส้อมขึ้นมาด้วยมือสั่นเทาก่อนจะรับประทานอาหารโดยไม่รู้ซึ้งถึงรสชาติเอร็ดอร่อยของมันแม้แต่น้อย แม้มื้อนั้นจะทำให้ท้องอิ่ม แต่หัวใจและโพรงอกของเขารู้สึกว่างเปล่าเหลือเกิน
* * * * * * * * * *
ระหว่างที่เอกชัยกำลังจะกระเดือกอาหารลงคอ หูอันไวต่อเรื่องราวข่าวสารของเขาก็ได้ยินพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งพูดคุยกับเพื่อนระหว่างที่เดินผ่านโต๊ะที่เขานั่ง
“เธอว่าใช่คุณบราลีหรือเปล่า”
“คล้ายๆ นะ”
เอกชัยเงี่ยหูฟังเต็มที่
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่ที่แน่ๆ ผู้ชายที่มาด้วยหล่อลากดินเลยแหละ”
“แหม...เธอนี่ ให้ไปช่วยดูดารา ดันไปแอบมองผู้ชายเสียได้”
นั่นเป็นบทสนทนาช่วงเวลาสั้นๆ ของพนักงานในร้านอาหาร แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับปาปารัซซีรุ่นลายครามอย่างเขาที่จะฉกฉวยโอกาสสร้างข่าวเพื่อทำเงินให้ตัวเอง
“เป็นอะไรไปเจ๊”
“อีนี่ ริจะเป็นปาปารัซซีก็หัดหูตาไวบ้างสิยะ เมื่อกี้ไม่ได้ยินชะนีสองตัวนั่นคุยกันเหรอ”
“ไม่ได้ยินอะเจ๊” ชายหนุ่มส่ายหน้า
เอกชัยเอื้อมมือไปตบกบาลลูกน้องดังผัวะ “อีบ้า ขัดใจจริงๆ เลย”
“เจ็บนะเจ๊” ลูกน้องหนุ่มคลำศีรษะป้อยๆ
“แกไม่ได้ยินหรือยะ นังชะนีสองตัวนั้นมันคุยกันว่าเห็นบราลีมากินข้าวกับหนุ่มหล่อ เหมือนที่เราเห็นเมื่อวานเลย”
“จริงหรือเจ๊”
“เออสิ” เอกชัยทำปากเบ้อย่างเอือมระอาลูกน้อง ก่อนจะพูดจีบปากจีบคอ “คราวนี้ละ ได้เล่นข่าวกันมันแน่ๆ แกไปเก็บภาพมาซิ เอาแบบชัดๆ นะ ถ้าไม่ได้ฉันไม่ให้ผ่านโปรฯ”
“โหย...โหด” ปาปารัซซีหนุ่มบ่นอุบ แต่ก็รีบหยิบกล้องคู่ใจขึ้นมาแล้วลุกจากโต๊ะไปอย่างรวดเร็วเพราะกลัวตกงาน
เอกชัยมองตามไปอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ดวงตาเป็นประกายวิบวับ
“เจอข่าวแบบนี้ อีแจ็กกี้เล่นไม่ยั้งแน่แม่หนูบราลีเอ๋ย”
* * * * * * * * * *
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว บราลีก็ขับรถไปตามทางหลวงหมายเลข 3199 อันเป็นเส้นทางสู่อุทยานแห่งชาติเอราวัณต่อ
ระหว่างทาง บรรยากาศภายในรถเงียบงันจนกวินรู้สึกว่าเธอพูดน้อยลง เวลาถามคำก็จะตอบคำราวกับไม่อยากให้เขารื้อฟื้นคำถามในร้านอาหารสักเท่าไร จนกระทั่งเข้าสู่ลานจอดรถของอุทยานแห่งชาติเอราวัณอันเป็นจุดหมายปลายทาง บราลีก็นำรถไปจอดใต้ร่มไม้ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถพร้อมเขา เธอเดินไปเปิดกระโปรงรถแล้วหยิบตะกร้าออกมา
“มา...วินช่วย”
กวินเอื้อมมือไปจับหูหิ้ว บราลียิ้มให้เขาแล้วปล่อยมือ
“อะไรอยู่ในนี้เนี่ย” เขาเอ่ยถามอย่างสนใจ
“ของทานเล่นค่ะ” เธอตอบพร้อมกับหยิบหมวกปีกกว้างออกมาสวม หลังจากนั้นก็หยิบเสื่อออกมาหนีบไว้ใต้รักแร้แล้วปิดกระโปรงรถ
“แหม...ดีจริง เมื่อเช้าได้ทานข้าวต้มฝีมือลี ตอนบ่ายก็ได้ทานของว่างอีก”
“แซนด์วิชกับคุกกี้เอามาจากห้องครัวของรีสอร์ตน่ะค่ะ ไม่ได้ทำเองหรอก” เธอบอกก่อนจะเดินนำเขาไปยังทางเข้าน้ำตกเอราวัณซึ่งขนาบด้วยต้นไม้ใหญ่ มีป้าย ‘งดนำภาชนะโฟม สุรา ขวดแก้ว กีตาร์ และสัตว์เลี้ยงเข้าไปในน้ำตก’ ของอุทยานติดตั้งอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง อีกฝั่งเป็นป้ายบ่งบอกรายละเอียดเกี่ยวกับน้ำตกแห่งนี้ซึ่งจัดทำโดยบริษัทบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ยักษ์ใหญ่
น้ำตกเอราวัณนั้นเดิมชื่อน้ำตกสะด่องม่องลาย ตามชื่อของห้วยม่องไล่และห้วยอมตะลาอันเป็นต้นน้ำ แต่ด้วยลักษณะของน้ำตกชั้นที่เจ็ดซึ่งมีรูปร่างเหมือนเศียรของช้างเอราวัณ ภายหลังผู้คนเลยขนานนามเสียใหม่ว่าน้ำตกเอราวัณนั่นเอง
น้ำตกแห่งนี้เต็มไปด้วยความร่มรื่นงดงามด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ระยะทางกว่าหนึ่งพันห้าร้อยเมตรมีน้ำตกทั้งหมดเจ็ดชั้น โดยทั้งเจ็ดชั้นมีชื่อคล้องจองกันคือ ไหลคืนรัง วังมัจฉา ผาน้ำตก อกนางผีเสื้อ เบื่อไม่ลง ดงพฤกษา และภูผาเอราวัณอันเป็นที่มาของชื่อน้ำตกนั่นเอง
กวินสังเกตเห็นว่าสองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ทำให้รู้สึกถึงธรรมชาติอย่างแท้จริง วันนี้ผู้คนมาเที่ยวค่อนข้างบางตา แต่บราลียังคงสวมแว่นตาและหมวกปีกกว้างพรางตัว เธอพาเขาเดินเลยชั้นไหลคืนรังไปที่วังมัจฉาซึ่งมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ น้ำใสแจ๋วสะท้อนแสงเป็นสีฟ้าอมเขียวมรกตคล้ายสระว่ายน้ำ ครั้นเมื่อมองลงไปในน้ำก็เห็นปลาพลวงแหวกว่ายอยู่มากมายสมชื่อวังมัจฉาทีเดียว
“น้ำน่าว่ายจริงๆ”
“นักกีฬาว่ายน้ำของคณะอย่างวินเห็นแล้วคงอดไม่ได้สินะคะ”
กวินหันไปยิ้มให้เธอ “ดีใจจังที่ลีจำได้”
“แหม...ลืมแล้วเหรอ ลีตามไปเชียร์วินทุกครั้งที่ลงแข่งเลยนะ”
“ก็จริง” เขาหัวเราะ
“อยากว่ายน้ำไหมล่ะ ข้างๆ สระมีลานนั่งเล่นด้วย เดี๋ยวลีปูเสื่อนั่งคอยก็ได้”
“ก็ดีนะ” กวินพยักหน้าอย่างตื่นเต้น เพราะการว่ายน้ำเป็นสิ่งที่เขาโปรดปรานนอกเหนือจากการปั่นจักรยานยามเช้า ยิ่งมาเห็นสระน้ำธรรมชาติอันสวยงามแบบนี้ก็ยิ่งอดใจไม่ไหวต้องขอแหวกว่ายดูสักครั้ง
กวินพาบราลีเดินลงบันไดไม้ไปด้านล่าง เธอปูสื่อบนลานกว้างข้างสระน้ำใหญ่ใสแจ๋ว เขาวางตะกร้าลงบนเสื่อก่อนจะนั่งพักผ่อน หญิงสาวเปิดฝาตะกร้าแล้วหยิบอาหารว่างออกมาวางพร้อมกับกระติกเก็บความร้อนและถ้วยสองใบ จากนั้นก็รินกาแฟหอมฉุยและยื่นให้เขาหนึ่งถ้วย
“หอมจัง”
เธอยิ้มน้อยๆ ยกถ้วยของตัวเองขึ้นดื่มก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ “วินจะว่ายน้ำก่อนหรือจะสัมภาษณ์ลีเพิ่มเติมก่อนคะ”
คำถามนั้นทำเอาถ้วยกาแฟชะงักอยู่ที่ริมฝีปากของเขา กวินนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ ก่อนจะดึงถ้วยออกจากปาก จากนั้นก็เงยหน้ามองบราลีแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ความจริง...” เขาทอดเสียงลงอย่างลังเล แต่แล้วก็ตัดสินใจพูดออกไปตรงๆ “ความจริงวินไม่มีอะไรจะถามลีแล้วละ”
“หมายความว่ายังไงคะ” เธอขมวดคิ้วมุ่นมองเขาด้วยความแปลกใจ
“คือจริงๆ แล้ว...เอ่อ...วินแค่อยากมีเวลาอยู่กับลีตามลำพังเหมือนเมื่อก่อน”
บราลีถึงกับอึ้ง เหลือบตามองเขาด้วยความแปลกใจ แววตาของเธอทำให้กวินรู้สึกว่าหัวใจเต้นไม่เป็นปรกติ อึดอัดเหมือนกันที่เอ่ยอะไรไม่ถูกไม่ควรออกไปแบบนั้นทั้งๆ ที่เธอมีสามีเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แต่เมื่อเอ่ยออกไปแล้ว เขาจึงได้แต่รอว่าเธอจะตอบรับหรือปฏิเสธอย่างไรเท่านั้น
“วินก็รู้ว่าลีไม่เหมือนเดิมแล้ว” เธอเอ่ยออกมาในที่สุด
กวินฟังแล้วก็ได้แต่ถอนใจออกมา
“ถ้าเกิดมีคนรู้เห็นเข้ามันจะไม่ดีนะคะ”
“เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย แค่พบปะกันตามประสา...เอ่อ...คนเคยรู้จักกัน”
“คนที่มองโลกในแง่ดีมีไม่มากหรอกค่ะ ใครเห็นเราสองคนอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ต่อให้รู้จักเราดีแค่ไหน พวกเขาก็ต้องคิดไปในทางไม่ดีแน่ๆ”
เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “วินแค่คิดถึงลี อยากอยู่ใกล้ลีเหมือนเมื่อก่อน”
บราลีหลบสายตาของเขาไปทางสระน้ำ การสนทนายุติลงชั่วขณะ เสียงคนเล่นน้ำ เสียงฝูงปลากระโดดจ๋อมแจ๋ม และเสียงลมพัดทิวไม้เข้ามาแทนที่ ตอนนี้เองที่กวินรู้สึกเหมือนถูกจับตามอง แต่เมื่อเหลียวมองรอบๆ ตัวก็ไม่พบสิ่งใดผิดปรกติ จึงคิดว่านั่นคือความรู้สึกที่มาจากความระแวง เพราะการมาเที่ยวครั้งนี้อาจทำให้เธอเสื่อมเสียเหมือนที่เธอเพิ่งยกมาอ้าง
“วินขอโทษ...ถ้ามันทำให้ลีไม่สบายใจ เรากลับกันก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้า “มาถึงที่นี่แล้ว พักผ่อนให้สบายเถอะค่ะ”
“ลีไม่โกรธวินใช่ไหม”
“ค่ะ” บราลีพยักหน้า “ลีจะปฏิเสธมิตรภาพของวินได้อย่างไรกันคะ”
กวินรู้สึกโล่งใจแต่ก็เสียใจไปในคราวเดียวกัน เขาดื่มกาแฟอีกครั้งท่ามกลางบรรยากาศสดชื่นของธรรมชาติ แม้จะไม่ได้ช่วยให้จิตใจที่ห่อเหี่ยวพองโตขึ้นมาได้ แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยบรรเทาไม่ให้หัวใจแหลกสลายป่นปี้ลงไปด้วยความผิดหวัง
“วินอยากเล่นน้ำไม่ใช่หรือคะ”
“อือ” เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะถามเธอกลับบ้าง “ลีล่ะ อยากเล่นไหม”
“ไม่ดีกว่าค่ะ” เธอส่ายหน้าแข็งขัน
สีหน้าเคร่งเครียดของเธอทำให้กวินเข้าใจว่าทำไม เธอคงไม่อยากให้ใครเห็นความสนิทสนมของเรามากไปกว่านี้
“วินไปเล่นน้ำเถอะ เดี๋ยวลีรออยู่ตรงนี้แหละ หรือถ้าวินอยากจะขึ้นไปชั้นบนๆ ก็ได้นะคะ”
“ไม่ละ” เขาส่ายหน้า “เล่นอยู่แถวนี้แหละ ไม่อยากปีนขึ้นไปให้เหนื่อย”
“แหม...มาถึงน้ำตกเอราวัณทั้งที ถ้าไม่ขึ้นไปถึงชั้นที่เจ็ดก็น่าเสียดายแย่นะคะ”
กวินส่ายหน้าอีกครั้ง “ถ้าวินจะขึ้นไปถึงชั้นที่เจ็ด วินก็อยากจะขึ้นไปกับลีคนเดียวมากกว่า”
หญิงสาวสะอึก หันมามองเขาก่อนจะเบือนหน้าหลบสายตาไปทางอื่น เขาเห็นแก้มแดงก่ำของเธอซึ่งบ่งบอกได้ว่าเธอเข้าใจความหมายลึกซึ้งของเขาดี บราลีมีสีหน้าเคร่งเครียดจนกวินรู้สึกว่าเธอเคือง บรรยากาศน่าอึดอัดมากขึ้นทุกขณะที่เขาเริ่มชักนำเธอให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม บางครั้งเขาก็รู้สึกผิดที่ทำอะไรอย่างนั้น แต่ก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้เสียที
กวินทำลายความน่าอึดอัดนั้นลงด้วยการหยิบผ้าขนหนูกับกางเกงขาสั้นออกจากเป้แล้วลุกขึ้น จากนั้นก็เดินไปที่ห้องน้ำใกล้กับศาลาที่พักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเล่นน้ำ
******
วินาทีที่กวินหยิบผ้าขนหนูกับกางเกงขาสั้นเดินจากไป บราลีรู้สึกหัวใจว่าหวิวหวั่นชอบกล ประโยคที่เหมือนแฝงนัยอะไรบางอย่างของกวินทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ เธอรู้ดีว่าเขาหมายถึงอะไร แต่เมื่อเขาไม่ได้พูดออกมาตรงๆ เธอก็ไม่มีสิทธิ์ปรักปรำเขา
ไม่แน่ว่าบางทีเธออาจจะคิดไกลไปเองก็ได้ โชคดีเหลือเกินที่เขาตัดสินใจทำลายความน่าอึดอัดนั้นแล้วปลีกตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน
บราลีเป่าปากออกมาด้วยความโล่งใจหลังจากนั่งอยู่คนเดียว แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพักเธอกลับเสียใจที่ปฏิเสธที่จะใช้เวลากับกวินตามลำพัง ทำไมเธอจะไม่อยากอยู่กับเขาล่ะ เธออยากให้เขากอดอย่างแนบชิดเหมือนเดิมด้วยซ้ำ แต่ด้วยฐานะทางสังคมที่พันธนาการเธอเอาไว้อย่างแน่นหนาทำให้จำต้องหยุดยั้งความต้องการของเขาเอาไว้เพียงแค่นั้น
ทว่า...หลังจากกวินหายไปไม่นาน เขาก็กลับมาสร้างความหวั่นไหวให้เธออีกครั้งด้วยการสวมกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว ปล่อยให้ท่อนบนซึ่งเต็มไปด้วยความกำยำแห่งบุรุษเพศเปลือยเปล่าอวดโฉมต่อสายตาของเธอ
ให้ตายสิ...เขาดูดีเหลือเกิน
บราลีรู้สึกดีใจที่การเป็นบุคคลสาธารณะทำให้เธอต้องสวมแว่นกันแดดอยู่ในขณะนี้ เพราะมันสามารถปกปิดดวงตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอันลึกล้ำซึ่งจับจ้องเรือนร่างของเขาทุกตารางนิ้วได้เป็นอย่างดี ร่างสูงของเขาดูกำยำขึ้นกว่าครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นตอนไปเชียร์เขาแข่งว่ายน้ำ กล้ามเนื้อดูเด่นชัดขึ้น โดยเฉพาะช่วงท้องที่เป็นลอนสวยงามกับช่วงขาซึ่งดูเหมือนคนที่ขี่จักรยานเป็นประจำ บราลีรีบหลุบตาลงเมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ กวินวางกางเกงยีนกับเสื้อโปโลใกล้เป้ของเขา หัวใจของเธอเต้นระทึกอย่างประหลาด
“ลีไม่เปลี่ยนใจแน่นะ”
เธอสะอึก ก่อนจะตอบอ้อมแอ้มเสียงสั่นแม้จะเป็นคำสั้นๆ “ค่ะ”
กวินลังเลสักพักจนบราลีไม่กล้าเงยหน้ามองเขา และก่อนที่หัวใจของเธอจะวาย เขาก็ลุกพรวดแล้วเดินไปทางสระน้ำ หญิงสาวกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอก่อนจะช้อนสายตามองแผ่นหลังของเขาอย่างเขินอาย รู้สึกได้ถึงความร้อนวูบวาบที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเมื่อไล่มองมัดกล้ามอันสมบูรณ์บนแผ่นหลังของชายหนุ่ม
เมื่อกวินกระโดดลงน้ำ บราลีก็สูดลมหายใจลึกเริ่มรู้สึกว่าหายใจไม่เป็นจังหวะ เธอต้องสงบใจโดยด่วน เพราะไม่อย่างนั้นเธออาจจะดำดิ่งสู่ห้วงแห่งความรักที่มีต่อเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นก็ได้
* * * * * * * * * *
ความคิดเห็น |
---|