0

บทนำ


บทนำ


“ไอ้ป่านมันมัวไปมุดหัวอยู่ไหนเนี่ย นับวันมันจะสายเข้าขั้นไอ้แป้งไปทุกทีๆ แล้ว” สาวสวยมาดเฉี่ยวแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดนามริณลดาเบ้ปากเมื่อนึกถึงเพื่อนรักที่เป็นคนนัดหมาย แต่กลายเป็นว่าเลยเวลามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วเจ้าตัวยังไม่โผล่หน้า

“ใจเย็นๆ สิจ๊ะริณ” ชลธิชาพยายามยิ้มเอาใจ เอ่ยด้วยเสียงหวานในจังหวะเนิบช้าที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว หวังจะทำให้อีกคนอารมณ์เย็นลง “เย็นวันศุกร์รถก็ติดเป็นธรรมดาแหละจ้ะ ปกติป่านเป็นคนตรงเวลา...อ๊ะ โน่น มาแล้วจ้ะ” คนพูดแทบจะถอนหายใจโล่งอก เพราะหากคนต้นเรื่องยังมาไม่ถึง ดูท่าจะเกิดสงครามย่อมๆ ขึ้นในร้านแน่ๆ

ร่างสูงเพรียวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงยีนเข้ารูปสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับรองเท้าส้นเข็มสีแดงสดเยื้องย่างผ่านฝูงหมาป่าที่พากันจ้องมองลูกแกะตาเป็นมัน หย่อนตัวลงนั่งตรงโต๊ะที่มีแต่สาวสวย เสียงผิวปากดังแว่วมาแต่ไกล

“ไหงแกมาช้าฮะ เป็นคนนัดแท้ๆ”

“ช่วยไม่ได้รถติดจะตาย นี่สั่งอะไรกันรึยัง” คนมาช้าเพียงยักไหล่ว่าอย่างไม่ใส่ใจขณะเอาแต่เอื้อมมือไปดึงเมนูอาหารมาอ่าน

“สั่งแล้วสิยะ ขืนรอแกชาติหน้ายังไม่รู้จะได้กินไหม”

“สั่งทอดมันกุ้งของโปรดให้ป่านด้วยนะ” อาการหันมองซ้ายทีขวาทีด้วยท่าทางจนใจแทบจะไม่เข้ากับลุคหยิ่งๆ ใบหน้าเชิดๆ ของคนกลางอย่างชลธิชา

“ชาที่น่ารัก” สายป่านหันไปหยิกแก้มเนียนของคนข้างๆ ก่อนจะนึกได้ว่าเพื่อนรักยังขาดหายไปอีกคน และแน่นอนว่าต้องเป็นคนที่สายเสมอ “อ้าวแล้วไอ้เหม็นล่ะ”

“ป่านน่ะชอบล้อแป้งอยู่เรื่อย” ชลธิชาหันไปปรามเมื่อได้ยินสรรพนามที่อีกฝ่ายเรียก เพื่อนคนที่เหลือของเธอชื่อแป้งหอม แต่ทุกคนกลับพร้อมใจกันเปลี่ยนเป็นแป้งเหม็นเพราะเจ้าตัวขี้เกียจอาบน้ำ ก่อนจะเรียกให้สั้นลงเหลือเพียง เหม็นเท่านั้น

“เอ่อว่ะ เห็นบอกว่าอีกสิบนาทีจะถึง นี่ผ่านมาจะครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่โผล่หัว” ริณลดานิ่วหน้าเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ยายจอมหลงขาดการติดต่อไปร่วมครึ่งชั่วโมงแล้ว

“สงสัยหลงทางอีกแน่เลยจ้ะ” ชลธิชาก้มมองนาฬิกาข้อมือ

สายป่านถอนหายใจยาว “นี่แกไม่ได้บอกให้มันใช้รถกับคนขับที่บ้านเหรอ” หันไปคาดคั้นเอากับคนที่กำลังจิ้มเครื่องมือสื่อสารหน้ายุ่ง

“บอกแล้วเถอะ ก็บอกอยู่ว่าวันนี้จะดริงก์ แดรงก์ ดรังก์ ฉลองการเลิกกับแฟนคนที่สามร้อยหกสิบเก้าของแก โอ๊ย!”

“ไม่ตลกค่ะคุณริณลดา” คนที่เพิ่งโดนแขวะปาเมนูใส่หัวเพื่อนพลางแยกเขี้ยว

ริณลดารอสายอยู่นาน สุดท้ายได้แต่โยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ “ไม่รับว่ะ สงสัยขับรถอยู่แหงๆ”

“แกส่งพิกัดร้านเข้าไปในไลน์กลุ่มซิ เผื่อมันจะเปิดอ่าน” แม้จะเคยมาร้านนี้เป็นร้อยๆ รอบ แต่ยายเอ๋อก็ยังหลงทางได้ตลอดจนเพื่อนๆ พากันกุมขมับส่ายหน้า ขนาดห้องน้ำในหอพักของมหาวิทยาลัยตั้งอยู่เยื้องไปทางซ้ายมือของห้องพัก ยายเอ๋อยังเดินเลี้ยวขวาไปโผล่อีกปีกของตึกเป็นประจำ

“ส่งแล้ว แต่ฉันไม่ไว้ใจ แม่ง...เพื่อนแกยิ่งป้ำๆ เป๋อๆ อยู่”

สายป่านเลิกคิ้ว ชี้ตัวเอง “อ้อ...เพื่อนฉันคนเดียวงั้นสิ”

ชลธิชาที่เห็นเพื่อนทั้งสองกำลังจะวางมวยรีบยกมือขึ้นห้าม ก่อนจะหันไปเห็นร่างเล็กๆ ผ่านประตูร้านเข้ามา “อ๊ะ แป้งหอมมาแล้ว”

“โห หน้าตูมมาเลย เพิ่งตื่นแหง” ริณลดาไล่สายตาขึ้นๆ ลงๆ สำรวจร่างคนมาใหม่ด้วยใบหน้าละเหี่ยใจ “ฉันเคยบอกมันไปแล้วไม่ใช่เหรอวะว่าอย่าใส่เสื้อลายทางคู่กับกระโปรงลายดอก มันดูรก เลอะ เกร่อ เกลื่อน แล้วก็เรื้อนมากกก” เจ้าแม่กูรูด้านความสวยความงามกอดอกมองเพื่อนรักอย่างรำคาญใจ หากไม่ติดว่าหิว จะขอหิ้วแม่นี่กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหวีผมใหม่

“เอาน่าๆ ก็เห็นอยู่ว่ามันเพิ่งตื่น ที่สายนี่ไม่น่าจะเพราะหลงนะ เพราะมันหลับเพลินมากกว่า”

“กว่าจะเสด็จมานะยะแม่ตัวดี” ริณลดาเอ่ยปากเหน็บทันทีที่อีกฝ่ายหย่อนก้นน้อยๆ ลงบนเก้าอี้

หญิงสาวไซซ์มินิ ตัวเล็กผิวขาวหน้าตาน่ารักเพียงหัวเราะเก้อๆ ไม่นำพาคำต่อว่าต่อขานของเพื่อน เสยกเมนูขึ้นอ่านแล้วแอบหันไปถามคนข้างๆ “ริณมันไปกินรังแตนที่ไหนมา หรือว่าความจริงวันนี้ที่เลี้ยงเพราะมันอกหัก แต่กลัวเสียหน้าเลยทำเป็นมาบอกแป้งว่าเลี้ยงให้ป่านใช่ไหม”

“ตลก!” คนถูกนินทาชะโงกมาเขกหัวเพื่อนจอมมึน “เลี้ยงไอ้ป่านย่ะ ไม่ใช่ฉัน เพราะฉันยังไม่เคยอกหัก...”

“แหงละ เพราะแกยังไม่เคยคบใคร เป็นประเภทไม่มีใครเอา โอ๊ย...”

“จะกินน้ำตาต่างเหล้าใช่มะ”

“เปล่าจ้าเปล่า” คนดวงซวยรีบยกมือขึ้นโบกพลางยิ้มประจบ

ชลธิชามองคนซ้ายทีขวาทีแล้วยิ้มขำ ก่อนจะหันไปถามคนป้ำๆ เป๋อๆ อย่างเป็นห่วง “แป้งให้คนขับรถขับมาส่งใช่ไหมจ๊ะ”

ปิยวลีส่ายหน้า “เปล่า พี่ปุณมาส่งน่ะ”

“อ้าวเฮ้ย...ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นา...”

“พอๆ” ริณลดารีบยกมือขึ้นปรามก่อนที่สายป่านจะร้องจนจบเพลง “แล้วพวกเราจะกลับกันไง”

“อ้าว...แป้งลืม” ว่าแล้วก็ส่งยิ้มแหยๆ เปิดทาง

“อีกแล้ว!” สามสาวที่เหลือตะโกนพร้อมกันไม่เว้นแม้แต่คนเรียบร้อยอย่างชลธิชา

“ฉันว่าแล้วว่าอย่าไปหวังพึ่งมัน”

คนต้นเรื่องได้แต่เกาหัว ยิ้มแห้งๆ “ก็แป้ง...เพิ่งตื่น แล้วพอหันไปมองนาฬิกา ก็...มันก็เกือบจะเลยเวลานัดมาแล้ว...แล้ว...”

“แกช่วยสรุปมาหน่อยได้ไหม ไม่ต้องเท้าความไปถึงตอนกรุงศรีอยุธยาเพิ่งเริ่มสร้างราชธานีหรอก” ริณลดาหันไปประชด

“เอางี้ ฉันจะสรุปความให้ คือแกเอาแต่นอนจนลืมบอกคนขับรถ พอตื่นมาปรากฏว่าป้าแกใช้คนขับรถไปแล้ว แล้วเผอิญพี่ปุณก็แวะมาบ้านแกพอดี ใช่มะ” สายป่านกอดอกร่ายยาวเสร็จสรรพราวกับไปร่วมอยู่ในเหตุการณ์

ปิยวลีผงกหัวขึ้นลงไม่หยุดราวกับตุ๊กตาไขลาน ดวงตากลมโตมองเพื่อนรักอย่างเทิดทูน “ป่านรู้ได้ไงอะ”

“คบกันมาจะชาติ มันก็เป็นงี้ทุกทีไม่ใช่เหรอ ชีวิตแกไม่ว่าจะซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนยังไง ก็จะมีพี่ปุณโผล่มาเป็นฮีโร โชคดีฉิบ” สายป่านเบ้ปากให้แก่คนโชคดีที่มีชีวิตโคตรน่าอิจฉา

“อาหารมาแล้วจ้า อย่าเพิ่งเอาแต่คุยเลย ริณเองก็บ่นหิวตั้งแต่มาถึงแล้วนี่ เอาข้าวเพิ่มไหม” ชลธิชารับหน้าที่ห้ามศึกอีกครั้ง

“ไม่...อ้วน!”

“คือถ้าพวกแกกะจะกินจนอิ่ม จะนัดมาในร้านแบบนี้ทำไมเว้” สายป่านว่าพลางหันไปมองบริเวณรอบๆ ร้านอาหารกึ่งผับ

“หาเหยื่อ” ริณลดาต่อประโยคให้

“คือมาแดกข้าวในนี้มันแพงรู้ไหมวะ” เจ้ามือบ่นกระปอดกระแปด

ชลธิชารีบตักทอดมันกุ้งวางบนจานเพื่อนรักแล้วเอ่ยปลอบ “ไม่เป็นไรจ้ะ เดี๋ยวพวกเราช่วยหาร”

“หยุดเลยไอ้ชา แกจะบ้าเหรอวะ นานๆ ครั้งยายขี้เหนียวนี่จะเอ่ยปากสักที อย่างนี้มันต้องกินจนล่มจม”

“อ้าว ไหนริณบอกว่ากลัวอ้วนไง” ปิยวลีว่าเอ๋อๆ คนโดนทักเลยได้แต่เดือดปุด

“กินของไอ้ป่าน ไม่อ้วน!”

คนถูกดุยกมือขึ้นเกาหัวคล้ายไม่แน่ใจ “อันนี้ทฤษฎีใหม่ที่ริณค้นพบเหรอ”

“แป้งหอมจ๋า...ชาว่าแป้งนอนมานานน่าจะหิว อะ...นี่จ้ะ กินยำทะเลหน่อยนะ” คนถูกย้อนกำลังนั่งหายใจฟืดฟาด กำส้อมในมือแน่น ชลธิชาที่รู้ว่าพายุใหญ่กำลังจะมารีบหันเหความสนใจยายเอ๋อ กลัวว่าคนอารมณ์ร้อนจะเอาส้อมแทงคอเพื่อนตายก่อนจะกินเสร็จ

มื้ออาหารผ่านไปอย่างรวดเร็ว และทุกอย่างในจานก็สะอาดเกลี้ยงจนแทบไม่ต้องเสียเวลาล้าง ท่ามกลางท่าทางคล้ายขยาดของหนุ่มๆ เมื่อเห็นกลุ่มสาวสวยเอวบางร่างน้อยฟาดอาหารไปสิบจานเสียสะอาดเกลี้ยงเกลา นี่หากกินกระดูกได้ แม่สาวสี่นางก็คงจะฟาดไม่เหลือ สายป่านยกมือเรียกพนักงานมาเก็บจานและสั่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฤทธิ์แรงพร้อมกับของกินเล่นเพิ่มอีกสามสี่อย่าง

“เดี๋ยวก่อนสิป่าน สั่งไปแบบนั้นแล้วเราจะกลับบ้านยังไง” ชลธิชาร้องท้วง เพราะวันนี้พวกเธอตั้งใจจะดื่มจนเมาจึงเลือกทิ้งรถไว้ที่บ้านแล้วใช้บริการขนส่งสาธารณะแทน กะว่าขากลับจะให้คนขับรถของปิยวลีไปส่ง

“เอ่อ ลืม” สายป่านตบหน้าผากก่อนจะหันไปหายายตัวการ “เอาไง เรียกพี่ปุณของแกมารับก็แล้วกัน”

ปิยวลีเบ้ปาก แต่ก็ยอมล้วงโทรศัพท์ออกมา

“แกออกไปโทร. ข้างนอกเลย เดี๋ยวมาอิ๊อ๊ะจ๊ะจ๋าพี่ปุณคะ พี่ปุณขาอีก รำคาญลูกตา” ริณลดาว่าพลางสะบัดมือไล่ ขณะคนโดนว่าเริ่มเบะ ร่ำร่ำว่าจะปล่อยโฮออกมา

“คืออิจไง เป็นพวกตัวร้ายที่ชอบอิจฉาตาร้อน” สายป่านเท้าคางกระแนะกระแหน

“ก็ฉันเบื่อพวกมัน เบื่อความสัมพันธ์ก้ำๆ กึ่งๆ จะพี่ชายก็ไม่ใช่ พี่ข้างบ้านก็ไม่เชิง สักวันเถอะจะกลายเป็นพี่น้องท้องติดกัน” ริณลดากระแทกกระทั้นทอดมันกุ้งลงในน้ำจิ้มจนเกล็ดขนมปังร่วงกราว

“งือ ริณใจร้าย”

“โอ๋ๆ อย่าไปฟังคนขี้อิจฉาเลยนะ โทร. ไปจ้ะ โทร. ไปบอกให้พี่ปุณมารับพวกเราก่อน สักห้าทุ่มดีมะ พรุ่งนี้ฉันมีงานแต่เช้า” สายป่านรุนหลังเพื่อนให้รีบออกไปจัดการ

ริณลดาเบ้ปาก “พรุ่งนี้วันเสาร์ไหมคะเพื่อน”

คนงานยุ่งเพียงยักไหล่ “ทำไงได้ก็คนมันฮอต”

“ฮอตบ้านแกเถอะ อย่างนี้เขาเรียกใช้งานเกินสัญญาจ้าง ต้องฟ้องกรมแรงงาน!”

“ไม่ใช่ฟ้อง สคบ. เหรอ” ยายเอ๋อหันมาถาม ขณะที่ทุกคนพากันถอนหายใจ

สายป่านโบกมือไล่พลางกลอกตา “เอ๋อ เอ๊ย...มึน เอ๊ย...เหม็น รีบไปโทร. บอกพี่ปุณก่อนเถอะจ้ะ เดี๋ยวพี่แกจะไปนัดคนอื่นซะก่อน”

“เออๆ ใช่ๆ แป้งลืมไปว่าต้องโทร. ตามพี่ปุณ”

“ยายปลาทอง ฉันละอยากจะผ่าสมองแกออกมาดูจริงๆ ว่าในนั้นมันมีอะไรบ้างนอกจากไขมัน!”

ชลธิชาหัวเราะขำกับคำเปรียบเปรยของเพื่อน ก่อนจะชักชวนให้คนอื่นๆ หันมาสนใจเครื่องดื่มตรงหน้าแทนที่จะไปว่ายายเอ๋อ เพราะเดี๋ยวเอาแต่คุยไปคุยมาจะกลายเป็นว่ายายเอ๋อลืมอีก

หลังจากปิยวลีกลับมารายงานว่าพี่ปุณจะมารับทุกคนตรงเวลาไม่มีขาดมีเกิน สาวๆ ในกลุ่มจึงเร่งทำเป้า กระดกแก้วแล้วแก้วเล่าพลางค่อนขอดคนอกหัก จนสายป่านถูกจ้วงแทงเสียเลือดอาบ...ตัวซีด ริณลดาจึงกระดกนิ้วที่กำลังยกแก้วชี้เหยื่ออีกราย และเพื่อนทั้งสองคนหันไปมองเจ้าทุกข์รายต่อไปอย่างพร้อมเพรียง

“จบเรื่องไอ้ป่านแล้ว มาต่อเรื่องแกเลยไอ้ชา”

คนถูกจ้องขยับตัวน้อยๆ สายตาคาดคั้นแบบนั้นทำเอาเธอหายใจไม่ทั่วท้อง “ก็...นิดหน่อยน่ะ ริณรู้ได้ไง”

“ชาจ๋า อย่างชาน่ะนะ ยิ้มหลอกลวงแบบป่านไม่ได้หรอกเวลามีเรื่องในใจ” สายป่านช่วยเฉลย

ปิยวลีพยักหน้าเห็นด้วย “ชาสู้ป่านไม่ได้หรอกจ้ะ รายนั้นเขามีรอยยิ้มการค้าแปะหราอยู่บนหน้า จะทุกข์จะโศกก็ปั้นหน้ายิ้มขายของได้ตลอดแหละจ้ะ”

“นี่ไม่หลอกด่าเพื่อนจะนอนไม่หลับ...ว่างั้น” สายป่านหันไปจิ้มหน้าผากปิยวลีด้วยท่าทางแค้นเคือง ไม่รู้ว่าชื่อปิยวลีที่ควรจะหมายถึงถ้อยคำอันแสดงความรักนั้น ทำไมพอยายนั่นพูดออกมาจึงกลายเป็นถ้อยคำที่ก่อให้เกิดความแค้นทุกที

“สรุปว่าไง มีไรก็เล่ามา หรือจะให้มอมเหล้าแล้วง้างปาก” ริณลดาเร่งรัดตามนิสัยคนใจร้อน

คนถูกซักก้มมองมือ ถอนหายใจ แต่ใบหน้ากลับระบายยิ้ม เธอมีเพื่อนไม่มากนัก...ไม่สิ ต้องบอกว่าเธอเป็นคนมีเพื่อนน้อยมาก แต่ปริมาณจะสำคัญอะไร แค่มีเพื่อนที่รักและเข้าใจเธอแค่สามคนนี้ก็มากพอแล้วสำหรับชีวิตคนคนหนึ่ง

“ชาจะกลับไปหาเอื้อ”

“อืม ก็แค่นี้” ริณลดาพยักหน้า ก่อนจะอ้าปากค้างอีกครั้ง “แกว่าไงนะ!”

“คือเดี๋ยวนะจ๊ะชา เอื้อนี่ใช่เอื้อการย์ไหม...” ปิยวลีละล่ำละลักเอ่ยต่อ

สายป่านไม่รอให้อีกฝ่ายถามจบก็รีบเอ่ยแทรก “คือ เอื้อการย์ จิรวานนท์ คนที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับป่านน่ะนะ คนที่แม่งมีเงินเป็นหมื่นเป็นแสนล้านคนนั้น?”

“อืม จ้ะ แล้วก็เป็นคนที่ชาทิ้งไปเมื่อหกปีก่อน”

“โอ้-มาย-กอด”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น