8

รัก...ทำให้นางฟ้าแปลงร่างได้

รัก...ทำให้นางฟ้าแปลงร่างได้

 

“ดาวี่” 

มาร์เซียใจหายวูบเมื่อเห็นบอดีการ์ดร่างยักษ์ของพี่ชาย...คงหนีไม่พ้นแน่แล้ว 

ชั่วพริบตาโคสึเกะเร่งฝีเท้าก้าวมาข้างหน้าและบังมาร์เซียไว้เบื้องหลัง...เธออุ่นวาบในใจที่เห็นเขายืดอกปกป้องอย่างที่เธอไม่เคยคาดคิด จึงเผลอจับต้นแขนเขาไว้เพื่อยึดเหนี่ยว  

“นี่พวกคุณทำอะไรกันอยู่ครับ ทำไมยังไม่ออกไปอีก” ดาวี่มีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด

“หมายความว่า...” มาร์เซียถามเสียงพร่าอย่างงุนงง

“คุณผู้หญิงให้ผมรีบขึ้นมาดูพวกคุณ คนขับฮ. แจ้งผมว่าคุณโค่ลงจากเครื่องและหายมานานมากแล้ว ผมร้อนใจเลยแอบเข้ามา”

คำพูดของดาวี่ทำให้มาร์เซียรู้ทันทีว่าพี่สะใภ้ของเธอเกี่ยวข้องด้วย และคงต้องเสี่ยงเป็นอย่างมากที่ให้ดาวี่มีส่วนร่วมในแผนการนี้ ดาวี่ซึ่งเคยเป็นบอดีการ์ดคู่ใจพี่ชายเธอได้รับมอบหมายให้ดูแลติดตามญศกา...ผู้หญิงคนสำคัญของพี่ชายนับตั้งแต่เธอเหยียบย่างเข้าบราซิล แต่ดูเหมือนว่าปัจจุบันดาวี่กลายเป็นพรรคพวกของญศกาเต็มตัวเสียแล้ว เขายอมทำตามคำสั่งของญศกา แม้จะรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่พี่ชายเธอต้องโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแน่นอน

สมกับเป็นภรรยาพี่ชายเธอที่สุด ญศกาเด็ดเดี่ยวทั้งยังกล้าต่อกรกับมาร์กุสซึ่งทรงอิทธิพลยิ่งกว่ามาเฟียคนไหนในดินแดนนี้ มาร์เซียอยากกล้าขัดใจพี่ชายอย่างเด็ดขาดได้บ้าง แม้เพียงเสี้ยวเดียวของญศกาก็ยังดี

“เรากำลังจะไปกันเดี๋ยวนี้แหละ ทุกอย่างพร้อมใช่ไหม”

สำเนียงอเมริกันทุ้มนุ่มหูของโคสึเกะปลุกเธอออกจากความคิด เขาปลดมือเธอออกจากแขนเขาแล้วเปลี่ยนเป็นจับข้อมือเธอแทน กระแสไฟแห่งความอบอุ่นแล่นปราดเข้าสู่ตัวเธอ ฉับพลันมาร์เซียไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายที่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนทำเป็นไม่รู้จักเธอ พยายามหลีกเลี่ยงและผลักไสเหมือนไม่อยากเสวนาด้วย วันนี้...วันที่เธอหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ เขากลับมาแกะเชือกปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระจากการถูกพี่ชายพันธนาการไว้อย่างแน่นหนา 

“เร็วๆ หน่อยเถอะครับ ตอนนี้ท่านประธานเริ่มหงุดหงิดแล้วที่คุณมาร์เซียยังไม่ไปที่ห้องพิธีเสียที คุณผู้หญิงกำลังถ่วงเวลาอยู่แต่คงทำได้ไม่นาน ท่านประธานอาจขึ้นมาตามคุณด้วยตัวเอง”

“ญ่าต้องลำบากเพราะฉันแท้ๆ เชียว”

“คุณไม่ต้องห่วงหรอก ญ่าจังรับมือพี่ชายคุณได้ แถมยังมีหลานของพวกเราอีกสองคน พวกเขาจะช่วยต้านทานความโกรธของพ่อเขาได้แน่นอน”

“หลานอีกสอง...หมายความว่า...”   

โคสึเกะไม่ตอบนอกจากส่งยิ้มที่ทำให้หัวใจเธอกระตุก และก่อนพากันออกไปเธอก็ทันเห็นชายหนุ่มวางกระดาษสีขาวที่พับทบไว้บนเคาน์เตอร์เล็กๆ หน้าห้อง...อยากรู้จังว่าเขียนถึงใคร และเขียนว่าอย่างไร

 

“ที่คุณแถลงไปทั้งหมดนี่เรื่องจริงหรือยัสก้า” 

มาร์กุสมีสีหน้าตื่นตระหนก ถามเสียงสั่นพยายามระงับความตื่นเต้นเต็มที่

“ที่รักคะ คุณไม่อยู่หรือไง ตอนฉันพูดออกไมค์น่ะค่ะ”

“ก็ฟังอยู่ แต่เพราะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้วทำไมคุณเพิ่งบอก”

“ก็...ฉันอยากให้คุณเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ คุณดีใจไหมที่เราจะได้ลูกแฝด” ญศกายิ้มหวานให้สามี รีบเอาใจเขาไว้ก่อน

“โธ่...ถามได้ ดีที่สุดเลย ผลงานชิ้นโบแดงของผมเลยนะนั่นน่ะ แต่วันนี้วันหมั้นมาร์ซีนญ่า ทำไมอยู่ดีๆ คุณถึงเปลี่ยนโปรแกรมไปหมดล่ะ หรือมาร์ซีนญ่าไม่สบายอีก คุณถึงต้องหาเรื่องอื่นแถลงข่าวแทน ที่รัก...รู้ไหมวันนี้คุณทำป่วนไปทั้งฮอลล์แล้วนะ”

ญศกาอมยิ้ม เพราะรู้ว่าเขาต่อว่าเธอไม่จริงจังนัก 

“ไม่เห็นจะป่วนตรงไหน ฉันบอกทุกคนว่าเราจะขยายโพรเจกต์โรงแรมที่รีโอฯ แล้วก็มีข่าวดีเรื่องทายาทแฝดในท้อง หรือคุณไม่พอใจ” เธอทำเสียงน้อยใจและทำปากยื่นอย่างงอนๆ

“โอย...ผมจะบ้าตาย ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” มาร์กุสตบหน้าผากตัวเอง “แล้วใครตามหามาร์ซีนญ่าเจอหรือยัง ไปเป็นลมที่ไหนอีกหรือเปล่า”

เขากวาดตาไปทางลูกน้องที่ยืนอยู่หน้าประตู

ในห้องเงียบกริบ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ

“เปล่าค่ะ มาร์ซีนญ่าสบายดี”

“อ้าว...แล้วทำไมคุณถึงไม่เอ่ยถึงงานหมั้น จะได้มีข่าวดีสามเด้ง คุณมากระซิบผมว่ายกเลิกงานหมั้นหมายความว่ายังไง ทำไมรึ” เขาหันไปตะโกนสั่งลูกน้อง “ใครไปตามมาร์ซีนญ่ามาทีซิ”

“ไม่ต้องแล้วมั้งคะ เอ่อ...มาร์ซีนญ่า...ไปแล้วค่ะ” ญศกาเอ่ยเสียงแผ่ว

“ไปแล้ว? ไปไหน น้องผมไปไหน กลับบ้านเหรอ ไหนคุณว่าสบายดี แล้วทำไมไม่รอมาที่นี่พร้อมกัน แล้วนี่วันหมั้นของเขานะ”

“ก็เพราะเป็นวันหมั้นน่ะสิคะ เธอถึงต้องไป”

คำพูดของเธอทำเอาสามีหน้านิ่วคิ้วขมวดยิ่งกว่าเดิม

“มาร์ซีนญ่าไปกับพี่โค่ค่ะ”

“หา! คุณว่าอะไรนะ!” เขาตะโกนเสียงหลง พุ่งเข้าไปหาเธออย่างลืมตัว

“พี่โค่มาถึงเซาเปาลูวันนี้ และมารับมาร์ซีนญ่าไปแล้วค่ะ” ญศกาพูดช้าๆ เพื่อให้เขาจับใจความได้ทัน 

“คุณกำลังบอกผมว่าพี่ชายคุณบินมาจากฮาวายวันนี้ และมันมาที่นี่...มาลักพาตัวน้องสาวผมไปน่ะหรือยัสก้า”

ญศกามองมาร์กุสซึ่งชี้นิ้วลงพื้น หน้าแดง ตาวาว ขบกรามเอ่ยเสียงกร้าว 

“ไม่ได้ลักพาตัวค่ะ มารับตัว” เธอมองตาแป๋ว เอ่ยทีละคำช้าๆ ชัดๆ 

“ต่างกันตรงไหน!” เขาตวาด

“เอ๊ะ! ต่างสิคะ พี่โค่มารับมาร์ซีนญ่าไปทำงานค่ะ!” เธอแหวใส่บ้าง เพราะรู้ว่าหากเธอแรงเขาจะอ่อนให้ แต่หากเธอหงอ เขาจะทำเสียงดังข่มทันที

“ทำงานอะไร ผมไม่เห็นรู้เรื่อง...ที่รัก”

เห็นไหม เขาทำเสียงอ่อนลงอย่างชัดเจน แถมเดินมาโอบไหล่เธออีกด้วย ญศกาต้องกัดปากกลั้นยิ้มเต็มที่

“เขาสองคนไปดูแลงานโพรเจกต์ใหม่ที่เมืองรีโอฯ ค่ะ” เธอหันไปกุมมือสามีมาวางแนบอก แล้วเงยหน้าขึ้นอ้อน “ฉันต้องขอโทษทุกๆ คนด้วยนะคะ มาเมย สารวัตร และก็คุณด้วยค่ะมาร์ก คือ...มาร์ซีนญ่าไม่อยากหมั้นค่ะ เธอมาปรึกษาฉัน ว่ามีคนรักแล้ว เธอคิดมากจนป่วยบ่อยๆ อย่างที่เห็น ฉันเห็นใจเลยอยากให้เขาสมหวังน่ะค่ะ ก็เลย...”

“มีคนรักแล้วเกี่ยวอะไรกับไอ้...โค่ด้วยเล่า หมอนั่นไม่มีทางเป็นคนรักของน้องสาวผมหรอก”

“ก็...” หญิงสาวอมยิ้มมีเลศนัยตีหน้าซื่อตาใส “อันนี้ฉันก็ไม่รู้นะคะว่าใครรักไม่รักใคร เอาเป็นว่าพวกเขาไปด้วยกันแล้ว”

“นึกยังไงถึงนัดแนะไอ้พี่ชายคุณมาพาน้องผมหนี”

“ฉันไม่ได้นัดแนะ” เธอสวนกลับทันที “ก็แค่เปรยๆ เรื่องนี้ให้พี่โค่ฟังเฉยๆ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอะไรทำให้เขาตัดสินใจทำแบบนี้ รู้แต่ว่าครั้งนี้พี่โค่แมนมาก...ถ้าให้เดา เขาคงทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ”

“ฮึ!” มาร์กุสแค่นเสียงในลำคออย่างหงุดหงิดยิ่งขึ้นที่เห็นคนพูดเคลิบเคลิ้มฝันหวานเหมือนเพิ่งอ่านนิยายโรแมนติกเขาสบถเบาๆ “ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างมันจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้...แม่-งเอ๊ย”

“จะบอกให้นะ พี่โค่เป็นคนที่พึ่งพาได้ที่สุด และถ้าเขารับปากใครแล้ว เขาจะทำจนสำเร็จ คุณแม่ถึงขอให้เขามาตามฉันตอนที่เราหลงป่าแอมะซอนไงคะ”

“ดี ถ้าเขาเก่งกาจนักละก็ ผมจะตามล่าเขาให้เจอและพามาร์ซีนญ่ากลับมา ไม่มีใครลูบคมผมแบบนี้แล้วจะหนีรอดพ้นมือไปได้”

“อย่านะ!” ญศการ้องเสียงหลง “ถ้าคุณทำอะไรพี่ชายฉัน เราเห็นดีกันแน่”

“แต่เขาทำผมหลายครั้งแล้วนะ คราวก่อนก็กีดกันไม่ให้พบปะพูดคุยกับคุณ ยุให้คุณเกลียดผม แล้วคราวนี้อาจหาญขนาดมาเอาตัวน้องผมไปในวันสำคัญอีก ทำไมคุณถึงเข้าข้างเขายัสก้า”

“ฉันไม่เข้าข้างใครทั้งนั้น แต่พี่โค่ไม่ได้ตั้งใจจะกลั่นแกล้งคุณ เขาแค่ทำในสิ่งที่เขาควรทำ เพราะต้องการช่วยเหลือมาร์ซีนญ่าเขาถึงต้องทำแบบนี้ ฉันเชื่อว่าสองคนนั้นมีใจให้กันค่ะมาร์ก”

“บ้าไปแล้ว!” เขาตวาดอย่างลืมตัว “มันจะไปมีจงมีใจไปรักไปชอบกันตอนไหน ผมไม่เชื่อ! แล้วน้องสาวผมไม่ใช่เด็กสาวที่จะหลงเพ้อไปกับเรื่องพรรค์นี้ง่ายๆ”

มาร์กุสแบะปาก ยักไหล่ โบกไม้โบกมือประกอบอย่างไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้

“ไม่มีใครตอบได้หรอกค่ะว่าคนเรารักกันตอนไหน หรือคุณตอบได้ งั้นบอกมาซิว่าคุณรักกับฉันตอนไหน” ญศกาย้อนถาม เชิดหน้าท้าทาย

“ยัสก้า คุณอย่ามาเปลี่ยนเรื่องสิ”

“ไม่ได้เปลี่ยนค่ะ แต่ฉันไม่อยากให้คุณบังคับใจใคร คุณต้องปล่อยให้น้องสาวคุณเลือกเอง”

“แล้วถ้ามาร์ซีนญ่าเลือกผิดล่ะ ชีวิตทั้งชีวิตนะคุณ”

“นี่คุณไม่เชื่อใจ ไม่เชื่อมั่นในความคิดของน้องสาวคุณเลยหรือไง เธอมีสิทธิ์เลือกผู้ชายที่จะใช้ชีวิตร่วมกันด้วยตัวของเธอเอง ปล่อยให้เธอได้คิดอย่างอิสระสักระยะ พอกลับมาคุณค่อยถามเธออีกครั้งก็ได้นี่คะว่ายังอยากหมั้นกับสารวัตรหรือเปล่า”

“แล้วพี่ชายคุณเกี่ยวอะไรกับน้องผมด้วยเนี่ย ผมจะไว้ใจมันได้ยังไง มันพาไปสองต่อสอง ถ้ามันทำอะไรน้องผมล่ะ”

“พี่โค่เป็นสุภาพบุรุษมากๆ ฉันขอบอกเลย เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้หรือฉวยโอกาส ตรงนี้น่ะคนละแนวกับคุณเลย อย่าเอาความคุ้นเคยของคุณมาตัดสินคนอื่นสิคะ...เอางี้ ลองนึกย้อนดูนะคะ เมื่อก่อนตอนที่ฉันมาทำงานอยู่ที่นี่กับคุณ คุณแทะโลม แต๊ะอั๋งหรือทำอะไรฉันหรือเปล่าล่ะคะ”

มาร์กุสรีบส่ายหน้าปฏิเสธ 

“จริงเหรอคะ” ญศกาแกล้งถามเสียงเหมือนไม่เชื่อ ก่อนจะสรุปดื้อๆ “โอเค้...ถ้าคุณไม่ได้ทำ คุณก็ไม่เห็นต้องห่วง”

“ผม...ก็...ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีกับคุณตอนนั้นจริงๆ นะ มันเป็นความรัก เป็นแรงดึงดูดระหว่างเราต่างหาก ผมให้แต่สิ่งดีๆ”

“ค้า...” เธอลากเสียง “ดีซะจนฉันเกือบเอาตัวไม่รอด จริงๆ คุณไม่ต้องคิดมากหรอกนะคะมาร์ก ถือซะว่าพี่โค่กำลังตอบแทนบุญคุณของคุณอยู่ก็ได้นี่คะ เขาอาจจะดูแลน้องสาวคุณอย่างดีเช่นเดียวกับที่คุณเคยดูแลฉันไง ฟังอย่างนี้แล้วคุณน่าจะสบายใจขึ้นนะคะ”

ก็เพราะแบบนี้สิ เขาถึงยิ่งกังวลใจ กลัวกรรมตามทัน...มาร์กุสได้แต่กัดฟันกรอด ฮึ่มฮั่มในลำคอ 

“พี่โค่ไปคุมงานแทนฉัน ฉันขอร้องให้เขามา เขาต้องดีลงานปรึกษาหารือกับมาร์ซีนญ่าในฐานะเจ้าของโพรเจกต์ร่วม ถ้าคุณไม่ยินยอมให้เขาทำโพรเจกต์ ฉันจะไปทำเอง ไปรีโอฯ ทั้งๆ ที่ท้องโตลูกแฝดนี่แหละ คุณอยากให้เป็นอย่างนั้นใช่ไหม” เธอกดดันเขาพลางหันไปมองรอบห้องพบว่ามารดาของเขานั่งอมยิ้ม...มาร์กุสคงไม่รู้หรอกว่างานนี้มารดาของเขาอยู่ฝ่ายเธอ...มารีเออน่าเห็นดีด้วย แถมยังกำชับลูกน้องให้ดำเนินตามแผนครั้งนี้อีกแรงหนึ่ง ที่น่าสงสารก็คงจะเป็นสารวัตรโฮแบร์โตนั่นแหละ แต่จะให้ทำยังไงได้...เขาควรหาคู่หมั้นคู่หมายเอง ไม่ใช่ตามใจให้เพื่อนรักจูงจมูกแบบนี้ 

มาร์กุสมองหน้าเธอกับมารดาของเขาสลับกัน หน้าตาบอกบุญไม่รับ

“โอเค...คราวนี้ผมจะยอมให้ แต่คุณต้องบอกผมทันทีถ้าพี่โค่ของคุณหรือน้องสาวผมติดต่อมา” แล้วหันไปสั่งคนของเขาเสียงเข้ม “พวกแกพานายหญิงกับคุณผู้หญิงกลับวิลลาด้วย ดูแลดีๆ ล่ะ อย่าให้ใครหายไปอีก แล้วนี่ดาวี่หายไปไหน ไม่มาดูแลคุณผู้หญิง”

เขาถามรีการ์โด บอดีการ์ดเขาและเป็นเพื่อนสนิทของดาวี่ซึ่งทำหน้าเจื่อน

“ฉันให้เขาไปหยิบของที่ห้องทำงานฉันค่ะ เดี๋ยวคงมา” ญศกาเป็นคนตอบแทน

“งั้นผมขออยู่เคลียร์ความเรียบร้อยที่นี่ก่อน แล้วเจอกันที่บ้านนะที่รัก” มาร์กุสจูบแก้มภรรยาและมารดาของเขา แล้วจำใจออกจากห้องไป โดยมีเหล่าบอดีการ์ดและสารวัตรโฮแบร์โตเดินตามออกมาด้วย  

เจ็บใจนักที่โคสึเกะมาลูบคมถึงถิ่น เพื่อเห็นแก่ภรรยา เขาถึงต้องยอมถอย แต่เป็นถอยมาตั้งหลักหรอกนะ

เมื่อเดินมาได้ไม่กี่สิบเมตร คนของเขาก็เดินลิ่วตรงเข้ามา แล้วยื่นกระดาษให้

“พบในห้องแต่งตัวคุณมาร์เซียครับ”

มาร์กุสคลี่จดหมายอ่าน แล้วกัดฟันกรอด กรามขบแน่นจนสันเป็นนูน 

 

ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลน้องสาวนายอย่างดี ให้เหมือนกับที่นายเคยดูแลน้องสาวฉัน...ทุกประการ หรืออาจดียิ่งกว่าเสียอีก จะให้เธอรู้สึกราวกับอยู่ในบ่อน้ำผึ้งหอมหวานเชียวละ แล้วจะติดต่อไป

โคสึเกะ พี่เมียนาย

 

กระดาษแผ่นเรียบถูกขยำเป็นก้อนกลมติดมือ รับไม่ได้ตรงคำว่าพี่เมียนายนี่แหละที่ตอกย้ำว่าสถานะของเขาอ่อนอาวุโสกว่า  

“ไอ้โคสึเกะ...แก...”

จระเข้แห่งลุ่มน้ำแอมะซอนคำรามฮึ่มฮั่ม แล้วก็กระดิกนิ้วเรียกรีการ์โดให้เข้ามาใกล้ๆ “มันไปรีโอฯ แน่ แต่จะไปที่โรงแรมเลยหรือแวะที่อื่นก่อน พวกแกต้องหาคำตอบมาให้ฉัน แล้วบอกคนของเราว่าหามันให้เจอ ใครเจอก่อนฉันให้โบนัสเพิ่ม เจอเมื่อไหร่จัดการให้น่วมไปเลย ขอสั่งสอนโทษฐานที่กล้ามาเหยียบถ้ำจระเข้ของฉันถึงถิ่นซะที เอาให้เหมือนอุบัติเหตุเล็กน้อยอย่าให้ถึงตายนะเว้ย ไม่งั้นยัสก้าเล่นงานฉันแน่”

เขากำชับ ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย   

“อ้อ แล้วคอยจับตาดูให้ดีด้วย อย่าให้มันทำอะไรไม่ดีกับมาร์ซีนญ่าได้ล่ะ ถ้าน้องสาวฉันเสียหายบุบสลาย พวกแกรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไร...”

คนที่ถูกคู่ปรับเก่ากล้าเข้ามาล้วงกล่องดวงใจถึงถิ่นเอ่ยเสียงเหี้ยมเกรียมอย่างที่ไม่เคยได้พูดเสียงแบบนี้มานานหลายเดือนแล้ว 

 

รีโอเดจาเนโร

หากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีคนบอกว่าเขาจะต้องมาบราซิล เขาคงจะหัวเราะเยาะคำพูดนั้น แต่ตอนนี้โคสึเกะกลับหัวเราะไม่ออก เพราะเขาทำอะไรไปมากกว่าที่ตัวเองเคยคาดคิดไว้ แม้ยังงงๆ ว่าทำไปได้อย่างไร ปีศาจตนไหนมาสิงให้ทำ

 นอกจากจดหมายที่เขาเขียนทิ้งไว้แล้ว หากมาร์กุสรู้คงยิ่งกระอักเลือดที่ดาวี่...อดีตบอดีการ์ดของตัวเองเสี่ยงช่วยคู่เขม่นอย่างเขาโดยเข้ามาในห้องและเร่งให้เขากับมาร์เซียรีบไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ นอกจากบอดีการ์ดร่างยักษ์แล้ว ญศกาก็ช่วยเหลือเขาอย่างดี ทำตามแผนการที่เขาส่งเมลมาให้เมื่อวันก่อน ญาติผู้น้องเขาเลือกสถานที่ที่เหมาะสมให้ และเป็นคนติดต่อเรื่องยานพาหนะในการเดินทางทั้งหมด 

เธอสั่งให้เฮลิคอปเตอร์ของมาร์กุสไปส่งเขากับมาร์เซียทางตอนใต้ของเมือง มีรถเช่าหนึ่งคันจอดรออยู่ที่นั่น และเขาต้องขับรถเช่าคันนั้นเข้าเมืองรีโอเดจาเนโรไปยังที่พักตามระบบนำทางจีพีเอส เขาค้นดูแล้วยังพบแผนที่แนะนำสถานที่ต่างๆ ในลิ้นชักคอนโซลรถอีกด้วย ทุกอย่างถูกจัดเตรียมเพื่อไม่ให้คนมากอิทธิพลอย่างมาร์กุสตามหาพวกเขาได้ง่ายและเร็วเกินไปนัก 

การจราจรในเมืองใหญ่ของบราซิลอย่างรีโอเดจาเนโร ไม่ได้แตกต่างกับที่เซาเปาลูเลย ถนนหนทางคับคั่งไปด้วยรถยนต์สารพัดขนาดทั้งเล็กใหญ่ รถมอเตอร์ไซค์ก็มีจำนวนไม่น้อย พวกนั้นใช้ช่องว่างแคบๆ ซิกแซกบนท้องถนนอย่างชำนาญไม่ต่างกับพลพรรคมอเตอร์ไซค์ในกรุงเทพฯ และโตเกียว 

“คุณหิวไหม” โคสึเกะหันไปถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ยังไม่ทันอ้าปากบอกรับหรือปฏิเสธ คำตอบก็ดังครืดคราดออกมาจากท้องของเธอ เขาหันไปมองหน้าเธอและหัวเราะออกมาพร้อมกัน “คนสวยๆ อย่างคุณนี่ ท้องร้องดังได้เหมือนกันนะ”

เขายิ้มล้อ แล้วก็ต้องชะงักเพราะลืมตัวชมมาร์เซียว่าสวย 

“เอ่อ...คุณช่วยมองๆ หน่อยแล้วกันว่าอยากทานที่ร้านไหน ผมจะชะลอความเร็วให้” เขารีบหันกลับไปมองท้องถนน แต่ยังทันเห็นมาร์เซียหน้าแดงระเรื่อ...ผู้หญิงลาตินฯ อายเป็นด้วยแฮะ

“หรือจะไปร้านที่ในโบรชัวร์แนะนำดี”

“ร้านไหนก็ได้ทั้งนั้นแล้วค่ะ ตอนนี้ไม่เลือกมากแล้ว” มาร์เซียยิ้มบางๆ

“คุณคงตื่นเต้นจนเมื่อเช้าไม่ได้ทานอะไรเลยละสิ”

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันทานอะไรไม่ลงมากกว่า” หญิงสาวบอกเสียงแผ่ว “นี่ถ้ารู้ว่าคุณจะพาฉันพ้นปัญหานี้ได้ ฉันคงกินเอาแรงไว้เยอะๆ แต่เช้า”

“คุณกลัวหรือเปล่า”

“ก็มีบ้างค่ะ คือ...ฉันกลัวพี่มาร์กจับได้” เธอสารภาพ

“คุณไม่เคยขัดคำสั่งพี่ชายคุณเลยหรือไง มาร์เซีย”

เขาหันมาถามอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้ในสังคมเปิดของชาวลาตินฯ  ขนาดญศกาซึ่งมีความคิดความอ่านเป็นชาวตะวันออกยังกล้าทำอะไรตามที่ตัวเองคิดอย่างเด็ดเดี่ยว เชื่อมั่นตัวเองเลย

“ไม่เคยสักครั้งเดียวค่ะ หลังจากคุณพ่อสิ้นไป ฉันรู้ว่าเขาหวังดีและทำเพื่อฉันทุกอย่าง สิ่งที่เขาบอกให้ฉันทำไม่เคยพลาดหรือให้ผลร้ายต่อฉันเลย ฉันก็เลยไม่รู้สึกอะไรเวลาที่ต้องทำตามคำสั่ง”

“ขัดคำสั่งเขาหนแรก คุณก็เล่นเรื่องใหญ่แบบนี้เลย” เขาพูดกลั้วหัวเราะ

“ก็คุณนั่นแหละที่มาชวน” มาร์เซียเอ่ยเสียงอ่อย

“อ้าว...เลยโยนมาทางผมเต็มๆ” เขาขำและสั่นศีรษะเบาๆ ขณะตายังจับจ้องถนนเบื้องหน้า

“แต่ครั้งนี้คงเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายละค่ะ ฉันคงไม่กล้าทำอะไรให้พี่มาร์กเสียใจและผิดหวังมากไปกว่านี้แล้ว สาบานได้เลย” น้ำเสียงมาร์เซียเหมือนคนสำนึกผิด “เอ่อ...แล้วคุณล่ะคะ โคสึเกะ นึกยังไงถึงได้...เอ่อ...พาฉันหนี”

ชายหนุ่มไม่ตอบ แต่เลี้ยวรถเข้าสู่ที่จอดรถของร้านอาหารข้างถนน เงยหน้าขึ้นมองกระจกหลัง เห็นว่ามีรถเก๋งและมอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้ามาจอดเช่นกัน 

มาร์เซียเฝ้ามองผู้ชายร่างโตที่ฉกเธอออกมาจากกรงทองเปิดประตูรถแล้วลงอย่างคล่องแคล่วจนเธอต้องรีบเปิดประตูตามลงไป อย่าได้หวังเชียวว่าเขาจะเดินมาเปิดประตูรถให้ ญศกาเคยบอกเธอเกี่ยวกับการดูแลผู้หญิงของพวกผู้ชายญี่ปุ่นไว้บ้างแล้ว 

‘ผู้ชายญี่ปุ่นน่ะนะ ตรงข้ามกับหนุ่มบราซิลโดยสิ้นเชิง เธออย่าไปคาดหวังกับหนุ่มญี่ปุ่นมากนักล่ะ พวกเขาคุ้นกับการที่มีผู้หญิงคอยดูแลเอาใจใส่เขามากกว่าจะเป็นฝ่ายเริ่ม’

จำได้ว่าเธอร้องยี้เมื่อได้ยินพี่สะใภ้พูด ยังคิดสงสารผู้หญิงที่มีสามีเป็นชาวญี่ปุ่นด้วยซ้ำ แต่นี่เธอกำลังจะ...

อยู่ดีๆ ก็รู้สึกหน้าร้อนผ่าวกับความคิดบ้าๆ ของตัวเอง 

โน่น...เขาเดินนำเธอลิ่วเข้าร้านไปแล้ว ไม่ผายมือหรือเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง มาร์เซียถอนหายใจและนึกขำ...นี่เธอคาดหวังอะไรจากเขานะ

ชายหนุ่มเลือกที่นั่งด้านหลังที่มีพุ่มไม้บัง เขากวาดตามองไปรอบๆ ก่อนหยิบเมนูมาดูเพื่อสั่งอาหาร สั่งเสร็จก็มองมาที่เธอ มาร์เซียเลือกอาหารจานหลัก สลัดและซุปร้อนๆ หนึ่งที่ ส่วนเครื่องดื่มคือน้ำอัดลมเย็นๆ เพื่อดับกระหายและเพิ่มความตื่นตัว

“ผมยังไม่เคยมาเมืองนี้เลย ทุกอย่างดูใหม่แปลกตา คราวนี้คงต้องขอให้คุณช่วยบอกทางให้ด้วย นาวิเกเตอร์ก็ดันเป็นภาษาถิ่นซะอีก ผมก็ไม่ค่อยคุ้น ฟังศัพท์ไม่ค่อยออก ไม่แน่ใจว่าต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะถึงที่พัก”

“คุณคงชำนาญเรื่องการดูแผนที่” มาร์เซียถามเพราะเห็นเขาหยิบแผนที่ในคอนโซลติดมือมาด้วย

เขาหัวเราะเบาๆ “ผมว่ามันเป็นความเคยชินนะ คนญี่ปุ่นชอบหยิบอะไรติดมือมาอ่านฆ่าเวลา แล้วถ้าอยู่ต่างเมือง ขอให้มีแผนที่แผ่นเดียวเราไปได้ทุกที ตัวผมเองก็เดินทางบ่อยและก็ชอบดูแผนที่เวลาจะไปไหนมาไหน เดี๋ยวนี้สะดวกตรงที่โหลดดูออนไลน์ได้”

“มิน่า...ตอนฉันเจอคุณครั้งแรกคุณก็ดูแผนที่อยู่” เธอแซวเขายิ้มๆ 

เขาไม่ตอบแต่กลับเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ผมต้องบอกคุณไว้ก่อนว่าเราจะไม่ติดต่อกลับไปหาใครเลย คงทำให้พี่ชายคุณหัวเสียหลายวันอยู่ แต่ญ่าจะจัดการทางโน้นให้เรียบร้อย”

“พี่มาร์กคงจะตามหาฉันแทบพลิกแผ่นดิน” มาร์เซียนึกถึงวันที่เธอรู้ว่าโคสึเกะจะมางานแต่งงานของญศกาได้ วันนั้นเธอยังคิดพิเรนทร์ว่าถ้าเธอต้อนรับโคสึเกะโดยวิ่งไปจูบเขาให้พี่ชายเห็น มาร์กุสคงกระชากเธอมาหวดก้น แต่นี่เธอกำลังทำมากกว่านั้นคือหนีตามโคสึเกะมา แล้วหากเจอพี่ชายในครั้งหน้า เขาจะทำโทษเธออย่างไร 

ไม่ใช่สิ เขาต้องลงโทษโคสึเกะก่อนแน่นอน ที่ลูบคมกล้าแหย่กล้าหยามคนอย่างเขา 

ตายละ ทำไมเธอลืมนึกถึงข้อนี้ไป 

“โคสึเกะคะ ฉันกลัวว่าคุณอาจโดนทำร้ายคราวนี้เพราะฉัน”

“จากพี่ชายคุณน่ะหรือ ไม่ต้องกังวลหรอก ผมระวังตัวอยู่แล้ว และถ้าเขาจะทำร้ายผมละก็ เขาคงไม่เอาถึงตายหรอก เขาอยากเจอผมตัวเป็นๆ มากกว่า”

“โคสึเกะคะ คุณไม่กลัวพี่มาร์กหรือคะ ขอโทษค่ะที่ถามเหมือนดูถูกคุณ”

 “ถ้ากลัว เราคงไม่พาคุณมานั่งทานข้าวกันสองคนที่นี่หรอก” เขาจิบเบียร์หลังตอบ

“เอ่อ...อะไรทำให้คุณพาฉันหนีมาคะ”

โคสึเกะเงียบ เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มอย่างใช้ความคิด 

“นั่นสิ ผมก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน” เขาหัวเราะหึเมื่อตอบเสร็จ แล้วก็หันไปสนใจอาหารที่ถูกลำเลียงมาวางตรงหน้า แต่อยู่ดีๆ เขาก็โพล่งออกมา “แล้วคุณยอมมากับผมเพราะอะไรล่ะมาร์เซีย เพราะอะไรคุณถึงไว้ใจผม”

เสียงทุ้มนุ่มหูทำหัวใจเธออุ่นวาบ...นั่นสิ ทำไมเธอถึงไว้ใจเขามากขนาดนี้ อย่างที่ไม่เคยรู้สึกต่อผู้ชายที่ไม่ใช่คนในครอบครัวคนไหนมาก่อน 

มาร์เซียเงยหน้าขึ้นจากจานอาหารแล้วมองหน้าเขา แต่สีหน้าเฉยเมยไร้ความรู้สึกของเขาทำให้ใจเธอหล่นวูบ อดน้อยใจไม่ได้ที่เขาไม่บอกเหตุผลของเขาแต่กลับถามเธอ 

บ้า...นี่เธอคาดหวังอะไรจากเขาอีกแล้ว!

“คุณสัญญามาก่อนว่าจะไม่หัวเราะเยาะฉัน”

เขาเลิกคิ้วทำหน้าเหลอหลา แล้วพยักหน้าส่งๆ ในที่สุด

“ฉันฝันถึงเหตุการณ์สมัยเก่า...เก่ามากๆ ค่ะ มีผู้ชายคนหนึ่งในฝันที่ฉันคิดว่าเขาคือคุณฉันฝันถึงบ่อยมากจนรู้สึกคุ้นเคยกับคุณที่อยู่ในฝัน คิดว่าคงเป็นเพราะเหตุนั้นฉันถึงยอมมาด้วย คุณคิดว่าฉันบ้าสติฟั่นเฟือนอีกแล้วใช่ไหมคะ”

โคสึเกะยกแก้วเครื่องดื่มค้างตั้งแต่เธอเริ่มพูดเรื่องฝัน เขากัดริมฝีปากพลางคิด “ผมไม่คิดแบบนั้นหรอก ผมอยากฟังคุณเล่าเรื่องฝันอย่างละเอียดนะ แต่คงไม่ใช่เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ผมอยากให้เรารีบกินอาหารให้เสร็จแล้วหาที่พักเพื่อพักผ่อนก่อนดีกว่า เรายังมีเวลาคุยกันอีกนาน”

เขาดื่มเบียร์และรับประทานอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย เธอจึงต้องก้มหน้าก้มตาสนใจอาหารบนโต๊ะเช่นกัน

โคสึเกะนั่งศึกษาแผนที่ขณะรอมาร์เซียรับประทานอาหารที่เขาคาดว่าเป็นมื้อแรกในวันนี้ของเธอ ด้วยนิสัยช่างสังเกตของเขาจึงรู้สึกว่าผู้ชายที่นั่งโต๊ะใกล้ประตูเหลือบมองเขากับมาร์เซียบ่อยๆ พอเขาหันไป ชายคนนั้นก็เสหันไปทางอื่น...หรือว่าเขาจะระแวงไปเอง 

“ขอโทษนะมาร์เซีย ผมอยากให้คุณเร่งมือนิดนึง อยากหาที่พักให้เจอก่อนค่ำ”

เมื่อเขาเตือน หญิงสาวก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี 

ทั้งสองใช้เวลาไม่นานในการชำระค่าอาหาร โคสึเกะเดินนำหน้าหญิงสาวไปยังรถที่จอดอยู่ สอดส่ายสายตาไปรอบๆ อย่างระแวดระวัง...ก็เขาลักพาตัวน้องสาวมาเฟียหนีมานี่นา จะประมาทเลินเล่อได้อย่างไร 

แวบหนึ่งมอเตอร์ไซค์และคนขับที่ติดเครื่องจอดอยู่ที่ลานจอดรถทำให้เขารู้สึกเหมือนคุ้นตา...เป็นเพราะขับตามเขามาหรือเปล่าไม่รู้ เขาพยักหน้าให้มาร์เซียรีบเร่งกว่านี้ เมื่อออกรถ เขาเหลือบมองกระจกหลัง ก็เห็นคนขับมอเตอร์ไซค์คันนั้นคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ ไม่ได้ขับรถตามเขามา โคสึเกะถอนหายใจ ส่ายหน้าเล็กน้อยที่ระแวงไปเอง

เขาขับรถวนอยู่บนถนนสายนี้ถึงสองชั่วโมงจึงเจอที่พักที่ญศกาหาให้ มันซับซ้อนหลายเลี้ยวหลายหัวมุม ญศการู้จักได้ยังไงนะ...ที่นี่เป็นคอนโดมิเนียมขนาดห้องนอนสองห้องบนตึกสูงหลายสิบชั้นย่านชานเมือง มีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม ต้องใช้คีย์การ์ดและรหัสถึงจะผ่านประตูอัตโนมัติเพื่อใช้ลิฟต์ได้

 เขายกสัมภาระของตัวเองกับมาร์เซีย ซึ่งเธอพึมพำอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าของตัวเองว่า

“ฝีมือของญ่าใช่ไหมคะ เธอสนับสนุนให้ฉันหนีตามคุณได้สุดๆ จริงๆ ถ้าพี่มาร์กรู้ละก็เป็นเรื่องแน่”

เขายกห้องนอนใหญ่ด้านในให้มาร์เซีย ส่วนเขาเลือกห้องที่ใกล้ประตูห้องชุด ห้องพักนี้สะดวกสบายทุกอย่างทั้งเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า จะเสียอย่างเดียวคือต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน เขาแนะนำให้เธอนอนพักผ่อนระหว่างที่เขาออกไปหาซื้อของจำเป็น พวกขนมปังกาแฟและนมเนยสำหรับอาหารเช้าซึ่งเขาสำรวจแล้วว่าในตู้เย็นไม่มีอะไรนอกจากน้ำเปล่าเท่านั้น แต่หญิงสาวปฏิเสธ เธอขออาบน้ำเพื่อเรียกความสดชื่นแล้วเสนอให้ออกไปพร้อมกันหากจะชอปปิง เพราะเธอคุ้นกับเมืองนี้มากกว่าเขา 

ในที่สุดมาร์เซียกลับกลายเป็นโชเฟอร์เสียเอง กว่าทั้งคู่จะออกมาจากห้องพักก็มืดแล้ว จึงสะดวกกว่าถ้าเธอเป็นคนขับ เธอพาเขาตระเวนชมรอบเมืองโดยเฉพาะแถบชายหาดโคปาคาบานา ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงแรมที่เธอบริหาร คนที่นี่ใช้เสื้อผ้าไม่เปลือง ผู้ชายสวมวันพีซหนึ่งชิ้น ส่วนผู้หญิงมีแต่ทูพีซทั้งนั้น มีเพียงเขา มาร์เซีย และนักท่องเที่ยวบางคนเท่านั้นที่ใส่เสื้อผ้าครบชุดเดินแถวหาดนี้ 

น้องสาวของไอ้จระเข้ยักษ์ชวนเขาเข้าไปรับประทานอาหารค่ำในโรงแรมของเธอ แต่โคสึเกะบอกเธอว่าควรหลีกเลี่ยงก่อนในคืนแรกนี้ เขายังไม่พร้อมจะรับมือสิ่งต่างๆ ที่พี่ชายเธออาจเตรียมไว้ต้อนรับเขา หญิงสาวจึงพาเขาไปดินเนอร์ที่ร้านอาหารใกล้กับชูการ์โลฟ หรือคนที่นี่เรียกกันว่าเปา เด อะซูกา๓๒ ซึ่งเป็นภูเขาใหญ่ที่ตั้งตระหง่านเหมือนก้อนน้ำตาล เป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง

มาร์เซียชวนเขาเดินชมเมืองและชายหาดยามค่ำคืน ตั้งใจว่าจะหาซื้อของจากร้านค้าแถวนั้นแล้วกลับมาที่รถก่อนเข้าที่พัก เธอพาเขาท่องถนนที่มีแสงสีจากร้านรวงและผู้คนคึกคักแม้ยามค่ำคืน โดยเฉพาะหนุ่มสาวที่จู๋จี๋กันเป็นคู่ บ้างก็แลกจุมพิตกันโดยไม่สนใจใคร ขนาดเขาเคยอยู่ฮาวายก็ยังไม่มีการแสดงออกแทบทุกเสาไฟฟ้าเหมือนที่นี่ 

มาร์เซียชี้ชวนให้ดูนั่นนี่พลางอธิบาย เขาแปลกใจที่ฟังเธอพร่ำบรรยายได้ไม่เบื่อ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาไม่ชอบที่เธอพูดมากจนน่ารำคาญ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าเสียงเจื้อยแจ้วของเธอทำให้เขามีชีวิตชีวาและไม่เหงา เขาฟังเพลินจนได้กลิ่นอายทะเลและสายลมเย็นโชยมา จึงรู้ตัวว่าเดินมาถึงชายหาดแล้ว แต่แถวนี้ไม่เปลี่ยวนัก มีผู้คนทั้งหนุ่มสาวและวัยกลางคนพาคู่รักและครอบครัวมาเดินเที่ยวอยู่ตลอดรายทาง

“คุณรู้ไหมคะ ฉันฝันอยากมีชาเปลเล็กๆ เหมือนที่ฉันเห็นที่โรงแรมของคุณที่ฮาวาย ฉันเลยปรึกษากับญ่า และเราก็ตัดสินใจทำโพรเจกต์เวดดิงที่นี่ร่วมกันโดยพี่มาร์กออกทุนให้” เธอยิ้มกว้าง ดวงตาแวววาว “แต่เรายังหาที่ดินบนเขาไม่ได้เลยค่ะ ญ่าบอกว่าคุณเคยทำงานกับเพื่อนที่โตเกียว เป็นบริษัทรับสร้างและออกแบบอาคารใช่ไหมคะ”

“ครับ แต่ผมดูแลเรื่องระบบคอมพิวเตอร์และโปรแกรมออกแบบ ไม่ค่อยมีส่วนในงานสถาปัตย์หรืองานโยธาหรอกครับ”

“แต่ฉันคาดหวังจากประสบการณ์ของคุณค่ะ เรามีมืออาชีพทำให้อยู่แล้ว เพียงแต่หาคนที่จะช่วยไม่ให้ฉันถูกคนอื่นหลอกเอาได้ก็แฮปปีแล้วค่ะ” มาร์เซียยิ้มหวาน “พรุ่งนี้เราไปตระเวนดูที่ดินสำหรับสร้างชาเปลกันนะคะ”

“นี่คุณจะไม่ให้ผมได้พักเลยหรือ” เขาบอกยิ้มๆ พลางเกาท้ายทอย ขณะที่เธอหัวเราะเสียงใส 

ลมแรงพัดผ้าพันคอเธอปลิวหล่นไม่ไกลนัก เขาจึงเก็บมายื่นให้เธอ มาร์เซียรับและยิ้มขอบคุณ เธอก้มหน้าก้มตาผูกผ้าที่พันรอบบ่าให้เป็นปม ลมพัดแรงจนลูกผมปลิวเข้าปากและตา เขาจึงยื่นมือไปปัดให้ และช่วยไม่ได้ที่นิ้วของเขาจะโดนแก้มนวลของเธอ โคสึเกะรับรู้ถึงเคมีระหว่างกันทันทีที่หน้าเธอเบนไปข้างหลังเล็กน้อยยามนิ้วเขาสัมผัสผิวนุ่ม มาร์เซียเงยหน้าขึ้นสบตาเขา...เหมือนมีแรงดึงดูดระหว่างกันที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาจากใบหน้างดงามของเธอได้

“โคสึเกะคะ ฉันขอบคุณมากที่พาฉันมาที่นี่ ถ้าคุณไม่ไปรับฉันในวันนี้ ฉันคง....” เสียงเธอปร่าและแผ่วเบา 

ความเงียบเข้าปกคลุมขณะที่เขาและเธอยังมองสบตากัน

“ฉัน...ฉันจูบคุณได้ไหมคะ” เธอบอกเขาตาแป๋ว “เอ่อ...ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ มันเป็นจูบขอบคุณ...แค่นั้น”

บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมแถวนี้คงพามาร์เซียเขว...ตั้งแต่เกิดมาสามสิบกว่าร้อนหนาว ยังไม่เคยถูกผู้หญิงเอ่ยปากขอจูบก่อนเลย เขาจึงได้แต่ยืนตะลึงตัวแข็งทื่ออย่างไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรดี แทบไม่รับรู้สิ่งรอบตัว นอกจากได้ยินเสียงตัวเองกลืนน้ำลายดังเอื๊อก และก่อนที่เขาจะตอบรับหรือปฏิเสธ เงาของมาร์เซียก็ใกล้เข้ามา เธอแตะบ่าเขาและโน้มตัวเข้ามาใกล้ ปากอวบอิ่มของหญิงสาวทาบทับปากเขาแล้ว 

เหมือนเขาขาดอากาศหายใจชั่วขณะ แขนและมือของเขาก็ขยับเขยื้อนเข้าหาเธอทันทีเพื่อสนองตอบจุมพิตหวานที่หญิงสาวบรรจงมอบให้โดยไม่รู้ตัว

มาร์เซียหลับตาพริ้มพร้อมครางเบาๆ ทันทีที่โคสึเกะจูบตอบเธอ ไม่อยากเชื่อว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ แต่ให้ตายสิ! จูบของเขาทำเธอเหมือนถูกไฟฟ้าชอร์ต แม้จะเป็นฝ่ายเริ่มแต่ก็ทำให้เธอมึนงงฉับพลัน และกระแสไฟฟ้าแรงสูงนั้นแทนที่จะผลักกลับดึงดูดให้เธอยิ่งอยากแนบชิดเขามากขึ้นๆ...ไม่เหมือนจูบแรกสมัยเรียนมัธยมปลายกับเพื่อนชายต่างห้อง จูบนั้นเกิดเพราะอยากรู้อยากเห็นตามประสาวัยรุ่น ซึ่งลงเอยด้วยการร้องอี๋อย่างขยะแขยงเมื่อเธอรังเกียจการแลกน้ำลายกับอีกฝ่าย

และครั้งนี้ก็แตกต่างจากครั้งอื่น เพราะตรงกันข้าม... 

โคสึเกะสอดลิ้นเข้ามาในทันทีที่เธอเผยอปาก มาร์เซียสะดุ้งเพราะรู้สึกปลาบแปลบ เธอตะลึงงันกับความรู้สึกแปลกใหม่ซึ่งไม่รู้จักมาก่อน เพิ่งรู้ว่าจุมพิตไม่ใช่แค่แตะริมฝีปากบดขยี้กัน โคสึเกะกำลังสอนเธอ...สัมผัสแรกที่เหมือนทักทายค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นค้นหาราวกับอยากรู้จักกันมากยิ่งขึ้นผ่านจุมพิตนี้ เขาไล้เลียเล่นปลายลิ้นกับเธออย่างอ่อนหวานอ้อยส้อย ดูดกลืน ขบเม้มปากเบาๆ จุดให้เธอซาบซ่านไปทั่วกาย เขาลูบไล้ถ่ายทอดความรู้สึก เชิญชวนให้เธอทำตาม 

เป็นจูบที่ยาวนานกว่าที่คาดคิด และเธออยากจะกดปุ่มหยุดเวลาเพื่อรักษาความสุขและหอมหวานไว้อย่างนี้

มาร์เซียครางอืออย่างเสียดายที่เขาหยุดจุมพิตนั้น เธออายที่เปิดเผยความรู้สึกแก่เขาจนต้องซบแนบอกกว้างของเขา เมื่อเขาดันตัวเธอเบาๆ หญิงสาวได้แต่สั่นหน้าร้องอู้อี้กับแผ่นอกนั้น ได้ยินเขาหัวเราะเบาๆ ก่อนโอบกระชับไหล่และลูบผมเธออย่างปลอบประโลม

ไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากของเขาและเธอ...ทั้งคู่ยืนกอดกันกลมอยู่อย่างนั้น

“เรา...เราไปซื้อของเข้าที่พักกันเถอะค่ะ” ในที่สุดเธอก็พูดออกมาหลังจากหาคำพูดอยู่นาน รู้ตัวว่าใบหน้าคงแดงเพราะรู้สึกร้อนผ่าว เธอผละจากอกเขาแล้วรีบเดินจ้ำอ้าว ก้มหน้างุดด้วยความอาย

บ้าที่สุด นี่เธอทำอะไรลงไปนะ จะอ้างกับเขาว่าอย่างไรดี

เมา!...ไม่ได้ๆ ก็เธอไม่ได้ดื่มอะไรนอกจากน้ำอัดลมเลยนี่นา

มึน!...มึนอะไรล่ะ ก็มึนความหล่อและมาดแมนอย่างลูกผู้ชายของเขาน่ะซี 

เธอจะกล้าบอกเขาหรือว่านับแต่วินาทีแรกที่เห็นเขาปรากฏตัวเมื่อเช้านี้ เหมือนถูกแย่งอากาศหายใจไปหมด ใจเต้นตูมตาม และพอสบตาสีเข้มคู่นั้น...ฟังเขาบอกว่ามารับเธอก็ราวกับเห็นสายฟ้าฟาดตรงหน้า เธอชาวาบไปทั้งตัวเพราะไม่คิดว่านี่เป็นคำพูดจากเขา...ผู้ชายที่ปฏิเสธเธอตลอดมา

ตายแล้ว...ไปขอจูบเขาก่อน แล้วต้องอยู่กับเขาที่นี่อีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ แล้วเธอจะมองหน้าเขาติดได้ยังไง ถ้ามาร์กุสรู้ว่าเธอทำอะไรลงไป เธอต้องถูกพี่ชายฆ่าตายแน่นอน...ยิ่งคิดยิ่งทำให้เธอเร่งฝีเท้าเร็วยิ่งขึ้น

“โอ๊ย!”

เสียงร้องสองสามครั้งแว่วเข้าหู ทำให้เธอหันไป เห็นชายที่เธอเพิ่งจูบกับเขาถูกผู้ชายสองคนรุมฟาดด้วยท่อนไม้ มาร์เซียตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วครู่ เมื่อตั้งสติได้เธอจึงหวีดร้องให้เสียงดังที่สุด แล้วรีบวิ่งกลับไปเมื่อเห็นผู้ร้ายทั้งคู่ทิ้งท่อนไม้วิ่งหนีไป

โคสึเกะทรุดลงบนผืนทราย หญิงชายที่อยู่แถวนั้นวิ่งเข้ามาดู เธอจึงขอร้องให้ช่วยพยุงเขาไปที่ถนนแล้วรีบขับรถมารับเขา ก่อนเหยียบคันเร่งแทบมิดพาชายหนุ่มไปโรงพยาบาล

 

สองชั่วโมงหลังจากเกิดเหตุ โคสึเกะนอนอยู่ที่ห้องของเขาและหลับไปหลังจากกินยาแก้อักเสบและยาแก้ปวดที่แพทย์จัดให้สำหรับคนไข้ที่หัวแตกเย็บสี่เข็มที่หางคิ้ว ทั้งมีรอยฟกช้ำที่ไหล่และอาจหลังยอก แพทย์สอนวิธีทำความสะอาดบาดแผลและคอยดูอาการให้เธอ

ใครนะที่ทำร้ายเขา...เธอสงสัยทันทีที่ส่งเขาถึงมือหมอ คนที่เพิ่งเดินทางมาเมืองนี้ครั้งแรกจะมีศัตรูได้อย่างไร ถ้าเป็นคนร้ายชิงทรัพย์ก็น่าจะมุ่งมาที่เธอมากกว่าเขาซึ่งเป็นผู้ชายร่างโต 

มาร์เซียโกรธจนระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ยิ่งเห็นชายหนุ่มเจ็บตอนถูกเย็บแผลก็เหมือนเธอถูกเย็บไปด้วย หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองซึ่งปิดเครื่องไว้ตลอดมากดปุ่มเปิด ทันทีที่เครื่องมีสัญญาณพร้อมใช้ก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น เมื่อเห็นชื่อปลายทางปรากฏขึ้นบนจอ หญิงสาวก็หน้าหงิกกดปุ่มรับอย่างแรงทันที

“ฝีมือพี่ใช่ไหม” เธอกรอกเสียงกร้าวทันทีโดยไม่ทักทายสวัสดีต่างกับที่เคย เมื่อรู้ตัวว่าอาจรบกวนคนป่วยที่กำลังหลับพักผ่อน เธอจึงสาวเท้าไปที่ห้องนอนตัวเองแล้วปิดประตู 

“ไม่ต้องมาพูด ไม่ต้องมาถามเลย” เธอร้องขัดในขณะที่ปลายสายยังพูดไม่จบ แล้วต่อว่าเสียงแข็ง “รู้ตัวไหมว่าทำเกินไปแล้ว”

“แล้วเราล่ะรู้ตัวไหมว่ากำลังขึ้นเสียงกับพี่ชายตัวเองน่ะ” ปลายสายตวาดกลับมา

“รู้สิ! เกิดมาก็ไม่เคยทำหรอก แต่หนนี้ฉันไม่ยอมหรอกนะ ถ้าเขาตายไปจะทำยังไง พี่ไม่เล่นแรงไปหน่อยหรือ”

“คนของพี่มืออาชีพ รู้หรอกน่าว่าระดับไหนถึงตายหรือไม่ตายน่ะ ต้องสั่งสอนที่มันลักพาตัวเธอไป แล้วมันยังจูบเธออีกด้วย มันบังคับขู่เข็ญใช่ไหม บอกพี่มานะ ไม่ต้องไปกลัวมัน!”

‘เฮ้อ...พี่มาร์กคิดเอาเองอีกแล้ว’ มาร์เซียถอนหายใจขณะคิด แล้วโพล่งคำขู่ออกไปด้วยความโกรธอย่างไม่ลืมหูลืมตา “ไม่ใช่อย่างที่พี่เข้าใจหรอก พี่น่ะโหดเหี้ยมที่สุดเลย ฟังนะพี่มาร์ก ไม่ใช่แค่จูบหรอกนะที่ฉันจะเสนอให้เขา ถ้าพี่ทำร้ายเขาอีก ฉันจะนอนกับเขา!”

“เฮ้ย!”

ปลายสายร้องตกใจเสียงดังจนเธอหน้าเหย ต้องดึงโทรศัพท์ออกจากหู

“ไม่ต้องเฮ้ยต้องฮ้าหรอก ฉันจะมีเซ็กซ์กับเขาเจ็ดวันเจ็ดคืนเลยทีเดียวถ้าพี่แตะต้องเขาอีก ไม่ได้ขู่นะ ฉันจะทำจริงๆ คอยดู!” มาร์เซียกดปุ่มวางสายโดยแรง แล้วนั่งหอบบนขอบเตียง โมโหจนความดันขึ้นและไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรที่สุดขั้วออกไป

หญิงสาวลืมไปแล้วว่าเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เธอเพิ่งลั่นวาจาต่อหน้าโคสึเกะว่าจะไม่ดื้อไม่ขัดใจพี่ชายอีกแล้ว 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น