3

ฝังใจ


3

ฝังใจ

 

เช้านี้ครองประทีปไม่ลืมให้คนไปตามวันฟ้าใหม่มารับประทานอาหารเช้า เธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะทำอาหารรับประทานเอง ไม่มากินที่นี่อีก เพราะไม่เช่นนั้นคนที่บ้านสุริยะสกุลอาจกินอะไรไม่ลง ซ้ำยังอาจเส้นเลือดในสมองแตกตายด้วยความเกลียดชังอันล้นอกที่มีต่อเธอ ดูอย่างตอนนี้ ทั้งนายทั้งบ่าวทำหน้าเหมือนอยากจะขย้ำเธอแล้วฝังลงดิน

“กินข้าวกันได้แล้วละ” ครองประทีปก็รับรู้ถึงสภาวะเดียวกันนี้ แต่เลือกจะมองข้ามไปเสีย

“พ่อครับ เมื่อคืนหลานสาวตัวดีของพ่อย่องมาที่บ้านเรากลางดึก”

วันฟ้าใหม่ตวัดสายตาจากจานอาหารขึ้นมามองหน้าคนพูด เอากับเขาสิ...นอกจากจะปากร้ายขึ้นแล้วยังมีนิสัยขี้ฟ้องอีกต่างหาก

ไม่ทันที่ครองประทีปจะพูดอะไร ทับทิมก็โพล่งขึ้นทันทีทันใด

“อะไรกัน มาอยู่ไม่ถึงวันนิสัยเดิมก็ออกเสียแล้ว คิดจะทำอะไรลูกชายฉันอีกหรือไง”

“ไม่ใช่นะคะคุณป้า” เธอหน้าร้อนขึ้นมาเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อน ใช่ว่าตัวเองจะลืมได้เสียเมื่อไรว่าเคยถอดเสื้อผ้าจนเหลือแต่ชั้นในไปยั่วเขาถึงบนเตียง โธ่เอ๊ย! ตอนนั้นเธอยังเยาว์ ความคิดความอ่านเลยแย่ไปนิด สาบานว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาดเลย

แต่ไม่ทันแล้ว เธอย้อนเวลาไม่ได้

“ไม่ใช่แล้วย่องมาที่บ้านนี้กลางดึกทำไม” ทับทิมคาดคั้น

“ก็เพราะว่า...”

ครองประทีปทำหน้านิ่วรอฟัง เขาไม่เชื่อว่าวันฟ้าใหม่จะทำอะไรแบบนั้นเป็นหนที่สอง มีเขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าวันฟ้าใหม่ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้นอีก

“อย่าไปถามหาความจริงจากพวกชอบโกหกเลยครับแม่ ไล่เธอออกจากที่นี่ไปง่ายกว่าเยอะ”

“พี่อาทิตย์ แป้งมาที่บ้านนี้กลางดึกก็เพราะว่าแป้งหิวต่างหากล่ะคะ ไม่ได้กินอะไรตั้งแต่กลางวัน ไม่เห็นหรือคะว่าตอนที่พี่มาเจอแป้ง แป้งกำลังกินมาม่า”

“ใครจะไม่รู้ว่าเธอแค่ทำการแสดง”

“โอ๊ย! นี่ไม่เจอกันแค่สี่ปี ปากร้ายขึ้นเยอะเลย ยิ่งกว่าผู้หญิงอีกนะคะ ‘เป็น’ หรือเปล่าถามจริง” วันฟ้าใหม่ถามออกไปลอยๆ เพราะเคืองที่ถูกว่าอยู่ฝ่ายเดียว แต่ดูเหมือนว่าคนถูกถามจะไม่ใช่แค่รับฟังลอยๆ เท่านั้น

“เป็นอะไร”

ดวงตากลมโตมองอาทิตย์อีกครั้ง เธอเม้มปากแน่นเตือนตัวเองว่าอย่าไปต่อปากต่อคำกับเขา เธอมาที่นี่เพื่อทำสวนกล้วยไม้ให้ครองประทีป ทำเสร็จเธอจะไป ไม่หวนกลับมาอีกเลย และระหว่างที่อยู่ที่นี่เธอต้องไม่สร้างศัตรู ไม่ใช่สิ…เธอต้องไม่ทำให้ศัตรูเกลียดตนไปมากกว่านี้

“คุณลุงขา แป้งมาหาอะไรกินจริงๆ นะคะ” เธอหันไปบอกกับคนที่คิดว่าน่าจะรับฟังมากที่สุดในที่นั้น “แป้งอาจจะผิดที่เข้ามาในบ้านคนอื่นโดยไม่ขออนุญาต แต่ก็แค่หยิบมาม่า ผลไม้กับขนมไปสองสามอย่างเองค่ะ ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้นเลย”

“ลุงลืมไปเลยว่าเมื่อวานหนูยังไม่ได้กินข้าว ให้นังมะปรางมันไปเรียก มันบอกว่าหนูหลับอยู่ แย่จริงๆ เลยนะลุงเนี่ย ปล่อยให้หลานหิวได้ยังไง”

“แป้งขับรถมาเหนื่อยก็เลยเผลอหลับไปนานตั้งสามชั่วโมงค่ะ ตื่นมาอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว”

เธอบอกเสียงอ่อน ก้มหน้ามองจานข้าวเพราะไม่อยากหันไปสบตากับยักษ์จอมโหด เธอรู้ว่าเขากำลังมองอยู่

“เรื่องพูดแก้ตัวถนัดเป็นที่หนึ่ง ส่วนเรื่องเห็นความผิดตัวเองเป็นเรื่องเล็กน้อยนั้นคงถนัดเป็นอันดับสอง”

“อาทิตย์” ครองประทีปปรามบุตรชายที่ดูเหมือนว่าจะปากร้ายจนเกินเหตุ แต่เพราะพอเข้าใจเหตุแห่งความจงเกลียดจงชังนั้นดีจึงไม่ได้ต่อว่าไปมากกว่านั้น

“ขอโทษครับพ่อ วันนี้ผมไม่กินข้าวนะครับ กินไม่ลง”

พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้น สาปเธอด้วยสายตาอีกครั้งแล้วเดินลงจากบ้านไปทันที

วันฟ้าใหม่ก็เริ่มรับประทานอะไรไม่ลงเหมือนกัน แต่เพราะจำความหิวโหยจากเมื่อคืนได้ดีเธอจึงคิดว่าต้องกินๆ ไปก่อน และจากที่คิดว่าจะเริ่มงานในสัปดาห์หน้า เธอก็คาดว่าต้องเลื่อนมาเป็นวันนี้เลย หรืออีกทาง เธอต้องบอกกับครองประทีปไปว่าทำตามสัญญาไม่ได้ ขอโทษแล้วเก็บข้าวของไปจากที่นี่ตั้งแต่วินาทีนี้

 

ครองประทีปเร่งจัดการให้คนขนเครื่องอำนวยความสะดวกมาที่บ้านพักของวันฟ้าใหม่ทันที พอเธอกลับมาถึงบ้านพักก็พบว่าคนงานกำลังขนโทรทัศน์ พัดลม เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น อุปกรณ์ประกอบอาหาร และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นต่างๆ หญิงสาวนึกขอบคุณครองประทีป แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจกำลังป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องร้ายซ้ำสอง

เธอจะได้ไม่ต้องหาเรื่องย่องไปเรือนสุริยะสกุลกลางดึกอีก

คนงานราวสามสี่คนช่วยยกของลงจากรถบรรทุกหกล้อ ล้วนแต่เป็นคนที่เธอไม่คุ้นหน้าเพราะไร่แห่งนี้มีคนงานแวะเวียนเปลี่ยนผลัดอยู่ตลอดเวลา แล้วดูเหมือนว่าแม้ครั้งนี้จะเป็นการพบหน้ากันครั้งแรก แต่ทุกคนก็น่าจะรู้จักเธอดี ดูจากสายตาที่มองมานั้นก็เดาได้ว่าน่าจะรู้จักอย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว

“ทำงานที่นี่มานานแล้วเหรอคะ” วันฟ้าใหม่ถามชายที่น่าจะอาวุโสที่สุดในบรรดาชายทั้งสี่

“สามปีครับ” ชายวัยกลางคนตอบโดยไม่ได้มีท่าทีเป็นปรปักษ์เพราะเห็นว่าถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นเจ้านาย

“แล้ว...น้าชื่ออะไรคะ แป้งจะได้เรียกถูก”

“ผมชื่อกิตติครับ คุณแป้งเรียกผมว่ากิตเฉยๆ ก็ได้ เข้ามาทำงานที่นี่ได้สามปีแล้ว ส่วนไอ้สามคนนั่น มานี่เร็ว” กิตติเรียกลูกน้องอีกสามคนมายืนเรียงกันแล้วแนะนำทีละคน “นี่ไอ้พงษ์ ไอ้แก้ว ไอ้อ๊อด เป็นคนงานดูแลไร่ สามคนนี้น่าจะอายุน้อยกว่าคุณแป้งนะครับ ยังไม่จบ ปวช. แต่ต้องมาทำงานหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวแล้ว คุณอาทิตย์บอกว่าดูพฤติกรรมของพวกมันสักปี ถ้าเห็นว่าใช้ได้ก็จะส่งเรียนแล้วให้กลับมาทำงานใช้ทุน เหมือนพวกเรียนนอกน่ะครับ ดูโก้ไปอีกแบบ”

วันฟ้าใหม่หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ กับการเปรียบเทียบของกิตติ แต่อีกใจหนึ่งก็นึกชื่นชมอาทิตย์ เขาเป็นชายหนุ่มที่มีหัวคิดดี และจิตใจเมตตาเหมือนพ่อไม่มีผิด แต่ความเมตตาของเขาไม่ได้เผื่อแผ่มาถึงเธอ

“แล้วพงษ์ แก้ว อ๊อดทำงานมากี่เดือนแล้วล่ะคะ ใกล้จะได้ไปเรียนหรือยัง”

“หกเดือนแล้วครับ แต่รับรองว่าผ่านโปรแน่นอนเพราะพวกเราขยันกันมากๆ มีงานอะไรก็อาสาทำแข็งขัน” พงษ์ตอบอย่างฉะฉาน เขาเป็นหนุ่มที่รูปร่างสูงกว่าอีกสองคน แต่ผิวพรรณดำคล้ำไม่ต่างกันนัก คงเป็นเพราะการทำงานที่ต้องตากแดดเป็นประจำ

“ถ้าอย่างนั้น พวกนายทั้งสามคนก็คงจะไม่ได้ทำหน้าที่หลักๆ ในไร่น่ะสิ เพราะว่าจะไปเรียนกันอยู่แล้ว”

“ใช่ครับ พวกผมมีหน้าที่ตัดใบองุ่น ดูแลศัตรูพืช ถางหญ้า” พงษ์ยังทำหน้าที่ตอบคำถามเช่นเดิม ในขณะที่อีกสองคนช่วยกันพยักหน้า

“งั้นดีเลย”

 

หลังจากจัดข้าวของเรียบร้อย วันฟ้าใหม่ก็ขับรถมาคุยกับครองประทีปอีกครั้งที่ออฟฟิศของไร่ตะวันฉาย เธอต้องการทำงานในส่วนของตัวเองให้เสร็จเร็วขึ้นอีกนิด เพื่อจะให้ตัวเองได้ไปจากที่นี่โดยเร็วเช่นกัน ถึงแม้ครองประทีปจะยอมรับในตัวเธอและแสดงเจตจำนงชัดเจนว่าต้องการให้เธออยู่ แต่คนอื่นๆ ไม่อยากให้อยู่ เธอก็ทนอยู่ไม่ได้เหมือนกัน

“คุณลุงพอจะติดต่อบริษัทรับเหมาให้แป้งได้ไหมคะ โรงเรือนเพาะชำกล้วยไม้จะได้เริ่มตอกเสาเข็มเสียที”

ครองประทีปละสายตาจากเอกสารในแฟ้มขึ้นมามองหน้าลูกสาวของผู้มีพระคุณ แววตามุ่งมั่นของเธอช่างถอดแบบพ่อมาไม่มีผิด

เขาคงยื้อให้วันฟ้าใหม่อยู่ที่นี่ได้ไม่เกินสองปี จากนั้นเขาจะทำอย่างไรถึงจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้แก่ธราเทพได้ เขายืนยันแน่นหนักว่าถึงอย่างไรก็จะไม่ปล่อยวันฟ้าใหม่ไปตามยถากรรมเด็ดขาด ได้แต่หวังว่าอะไรๆ จะดีขึ้น อาทิตย์ให้อภัยหญิงสาว ไม่ได้รักกันอย่างคนรัก แต่มีใจเมตตาอย่างพี่น้องก็ยังดี

“หนูเพิ่งมาถึงที่นี่เมื่อวาน พักก่อนก็ได้ ลุงไม่รีบร้อนอะไร”

“ไม่ต้องพักหรอกค่ะ แป้งพักจากกรุงเทพฯ มานานมากแล้ว นี่แป้งเอาแบบแปลนมาให้ดูด้วยนะคะ”

วันฟ้าใหม่กางกระดาษเขียนแบบบนโต๊ะ ลายเส้นถูกวาดด้วยดินสออย่างละเอียด แสดงให้เห็นถึงความรู้ของผู้เขียนว่ามีมากพอตัว

“ลุงขอเก็บเอาไปดูสักคืนนะ แต่ดูคร่าวๆ แล้วน่าจะไม่มีปัญหา หนูเก่งอยู่แล้วละ”

“ขอบคุณค่ะ ไว้พรุ่งนี้แป้งจะมารอคำตอบนะคะ วันนี้แป้งไม่กวนแล้วค่ะ” วันฟ้าใหม่ลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้ตามมารยาทแล้วหันหลังกลับ ทว่าน้ำเสียงเอื้ออาทรของครองประทีปทำให้เธอต้องชะงักเท้า

“ลุงดีใจนะ ที่หนูกลับมาที่นี่ ถึงใครจะว่าอย่างไร ลุงก็อยากให้หนูรู้ไว้ว่าที่นี่คือบ้านของหนู”

ร่างบางหันกลับมามองครองประทีป นัยน์ตาเป็นประกายแสดงความขอบคุณสุดหัวใจ...แต่เธอไม่สามารถคิดว่าที่นี่เป็นบ้านได้จริงๆ

“แป้งจะพยายามค่ะ”

 

วันฟ้าใหม่เดินออกมาจากห้องทำงานของครองประทีปด้วยใบหน้าแช่มชื่น มีกำลังใจขึ้นมาอีกนิด แต่แล้วรอยยิ้มของเธอก็ต้องเลือนหายไปเมื่อรู้สึกได้ว่าใครบางคนกำลังมองมา

“คนนี้แหละ”

พนักงานสาวสวยแต่งกายด้วยชุดคาวเกิร์ลกำลังกระซิบกระซาบด้วยเสียงอันดังมากพอให้เธอได้ยิน

“เห็นหน้าก็รู้อยู่หรอกว่าแรดไม่เบา”

วันฟ้าใหม่นิ่วหน้า คำพูดระคายหูทำให้ใจอันเบิกบานก่อนหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นมัว แต่ด้วยเธอเป็นปัญญาชนหญิงสาวจึงเดินนิ่งๆ เข้าไปถามอย่างสุภาพ “มองหน้าแบบนี้ พูดถึงดิฉันอยู่หรือเปล่าคะ”

สองสาวขยับถอยหลังให้มีรัศมีความห่างเพื่อความปลอดภัย แล้วหนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “เปล่าค่ะ”

“เปล่าแล้วมองหน้าทำไมไม่ทราบ”

“เราไม่ได้มองนะคะ คุณคิดมากไปเอง เรามองไปเรื่อยเปื่อยต่างหาก”

อีกคนหนึ่งรีบแก้ตัว แต่ท่าทางลอยหน้าลอยตายียวนเช่นนี้ทำให้วันฟ้าใหม่อยากออกแรงยิ่งนัก วิญญาณนางมารร้ายที่ออกจากร่างเธอมาหลายปีกลับมาเข้าร่าง

“งั้นก็รีบกลับไปทำงานซะ หรือจะให้ฉันฟ้องนายใหญ่ว่าพนักงานของท่านจับคู่นินทาคนอื่นจนไม่เป็นอันทำการทำงาน”

“เธอนั่นแหละที่ต้องกลับไป”

เสียงห้าวของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลัง วันฟ้าใหม่ยืนแข็งเป็นหิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร น้ำเสียงแบบนี้มีอยู่คนเดียว

วันฟ้าใหม่เห็นสีหน้าของสองพนักงานสาวแล้วได้แต่พ่นลมหายใจออกมา สีหน้าหวาดหวั่นแต่แววตาเย้ยหยัน คงจะมีก็แต่มนุษย์เพศหญิงเท่านั้นที่ทำได้

ไม่นานร่างสูงใหญ่ก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ แววตาเรียบเฉยแฝงไปด้วยประกายความโกรธ เธอขยับถอยหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติ

“แป้งไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะพี่อาทิตย์ สองคนนั้นว่าแป้งก่อนว่าแรด” เธอบอกไปตามความจริง

“เด็กเลี้ยงแกะอย่างเธอพูดอะไรออกมาก็คงเชื่อไม่ได้ แล้วฉันก็ไม่ได้โง่” อาทิตย์บอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ที่สำคัญ ถึงสองคนนั้นจะพูด มันก็ไม่ได้ผิดจากความจริงเลย”

วันฟ้าใหม่เม้มปาก หรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง กำลังคิดว่าเปลี่ยนจากทำร้ายร่างกายยายสองคนนั้นมาทำร้ายอีตานี่ดีไหม

“จะว่ายังไงก็ช่างเถอะค่ะ แป้งไม่เห็นจะสนใจเลย คุณทั้งสองคนก็เหมือนกัน เชิญว่า นินทา แดกดันฉันได้สบายเลยนะคะ ฉันไม่แคร์”

วันฟ้าใหม่ไม่ได้ประชดประชัน แต่พูดตามสิ่งที่คิดอย่างซื่อตรง เธอเลิกสนใจความคิดของคนอื่นนานมากแล้ว และจะสนแค่ว่าการกระทำของตนเองทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือไม่ ถ้าไม่...ต่อให้ใครจะว่าอย่างไรเธอก็จะไม่สนใจทั้งนั้น เมื่อครู่นี้ก็แค่หมั่นไส้เท่านั้นเอง

แต่พอหญิงสาวมีสีหน้าท่าทางสบายอกสบายใจเช่นนั้น อาทิตย์ก็ยิ่งโมโหหนักเข้าไปใหญ่ เขาเกลียดสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเธอเป็นที่สุด อยากจะรู้เหมือนกัน...ว่าเธอจะรู้จักความเจ็บปวดกับเขาบ้างหรือไม่

“งั้นเหรอ มากับฉัน ฉันอยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะยังรู้สึกเฉยได้อีกมั้ย”

วันฟ้าใหม่แทบร้องออกมาเมื่อถูกกระชากแขนอย่างแรงจนร่างถลาเข้าไปปะทะเจ้าของร่างสูง แววตระหนกปรากฏในดวงตาคู่ใส อาทิตย์พึงพอใจที่เห็นความกลัวออกมาจากดวงตาของเธอ แต่ยังไม่มากพอ ชายหนุ่มกึ่งลากกึ่งจูงร่างบางเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง ก่อนจะปิดประตูแรงๆ จนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

หญิงสาวรับรู้ถึงขนตามแขนที่ลุกชูชัน ใจเธอสั่นระรัวจนอีกนิดก็คาดว่าจะเป็นลมล้มพับลงไปแล้ว

ภาพเหตุการณ์ในคืนที่หญิงสาวลอบเข้าหาอาทิตย์แจ่มชัดขึ้นในหัวของคนทั้งคู่ กับวันฟ้าใหม่มันคือความรู้สึกผิด แต่สำหรับอาทิตย์มันเป็นเรื่องน่าสะอิดสะเอียน

“พี่อาทิตย์จะทำอะไรคะ”

ชายหนุ่มปล่อยมือออกจากต้นแขนบอบบาง ก่อนก้าวยาวๆ ไปหยุดที่โต๊ะทำงานของตน เท้ามือทั้งสองกับโต๊ะแล้วก้มหน้าหลับตาลงอย่างที่ต้องควบคุมอารมณ์ซึ่งกำลังเดือดจัด เมื่อตั้งสติได้แล้วจึงค่อยๆ หันมามองหญิงสาวที่ตอนนี้ร่างกายกำลังสั่นเทา

“ต้องการเท่าไหร่ สำหรับการที่เธอจะยอมออกไปให้พ้นจากครอบครัวของฉัน”

สิ่งที่อาทิตย์ขอมันไม่ได้เหนือการคาดหมายของเธอ แต่คำพูดอย่างตรงไปตรงมาและสายตาเกลียดชังนั้นสร้างความประหวั่นพรั่นพรึง

“พี่อาทิตย์ แป้งขอโทษ สำหรับเรื่องวันนั้น...แป้งไม่ได้...”

“ฉันถามว่าเธอต้องการเท่าไหร่ แลกกับการเลิกยุ่งกับครอบครัวของฉัน”

วันฟ้าใหม่ห่อตัวลงอีก ฤดูร้อนที่นี่ช่างหนาวเหน็บเสียเหลือเกิน หญิงสาวลอบมองร่างสูงใหญ่ด้วยความหวาดหวั่น เธอถามตัวเองอีกครั้งว่าเคยรักเขาจริงๆ หรือ คำตอบคือไม่แน่ใจ เธอตอบไม่ได้เพราะความรู้สึกของเด็กสาวอายุสิบเจ็ดปียังสับสนเกินกว่าจะเข้าใจคำว่ารัก แต่ถ้าให้เธอถามหัวใจตัวเองตอนนี้ เธอบอกได้คำเดียวว่า ‘ไม่’ เธอไม่ได้มีหัวใจให้เขาแล้ว

ถ้าต้องแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ เธอสัญญาว่าจะกระโดดน้ำตาย

“แป้งก็ไม่ได้ยุ่งนี่คะ” วันฟ้าใหม่บอกเสียงเบา

อาทิตย์อยากจะจับร่างบางมาเขย่าแรงๆ นัก เธอคิดว่าเขาไม่รู้เท่าทันเธอหรือ ไอ้ท่าทางใสซื่อแบบนั้นไม่ใช่เธอเลย เด็กผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นไม่เคยก้มหน้าเวลาคุยกับใคร เธอสบตาและแข็งกร้าวเสมอ มันทำให้เขาคิดว่าหญิงสาวกำลังมีแผนการบางอย่าง อาจจะเป็นแผนการที่วางมาอย่างดีและหวังผลมากทีเดียว

“ไปเรียนหนังสือมาสี่ปี เรียนเกษตรหรือว่าเรียนการแสดงกันแน่”

“คะ?” คราแรกวันฟ้าใหม่เกือบตอบว่า ‘เรียนเกษตรสิ ใครบอกเขากันว่าเธอเรียนการแสดง’ แต่พอคิดดีๆ แล้วความหมายของเขาน่าจะเป็นการด่าเธอว่ากำลังเสแสร้งมารยามากกว่า พอแปลความหมายได้ ดวงตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้นอีกเท่าตัว

ปากร้ายชะมัด!

“แล้วพี่อาทิตย์ล่ะคะ ไม่พบกันสี่ปี ไม่ทราบว่ากินของหวานเยอะเหรอคะถึงได้ดุนัก”

“นี่เธอกล้าว่าฉันเป็นหมาเหรอ” อาทิตย์ชี้หน้าคนตัวเล็กที่ตอนนี้ยังทำตาใส “อย่าคิดนะว่าฉันจะยอมให้เธอร้ายอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนเมื่อก่อน บอกเลยว่าครั้งนี้ฉันจะทำให้เธอได้รู้รสชาติความเจ็บปวดบ้าง จะได้รู้ซึ้งว่าเป็นผู้ถูกกระทำมันเป็นยังไง จำเอาไว้นะ ฉันทำให้เธอหายไปจากโลกนี้อย่างไร้ร่องรอยก็ยังได้”

ขนาดแค่ขู่วันฟ้าใหม่ก็แทบจะหมดสติลงด้วยความกลัว เวลานี้อาทิตย์ดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก ร่างกายที่เคยสูงผอมบึกบึนขึ้นอย่างคนที่ใช้แรงงานเป็นประจำ ผิวคล้ำแดด ใบหน้าหล่อเหลาดุดัน ที่คางและข้างแก้มมีรอยเคราเขียวจางๆ ชวนให้จินตนาการถึงฉากฆาตกรรมโหดในหนังสยองขวัญ

“กลัวเหรอ” เขาถามขึ้น ริมฝีปากหยักยกยิ้มอย่างเย้ยหยัน “ถ้าเธอยังอยู่ที่นี่ ฉันจะทำให้เธอกลัวมากกว่านี้อีกเป็นร้อยเท่า ระวังตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน”

ไม่ต้องรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อไปอีก วันฟ้าใหม่เหมือนคนสติหลุด เธอก้าวถอยหลังช้าๆ เหงื่อผุดพรายที่หน้าผาก พอสิ้นเสียงขู่ก้องเธอก็หมุนตัววิ่งหนีออกไปทันที

สาบานว่าเธอจะไม่มาให้เขาเห็นหน้าอีกเลย

 

เกือบสองทุ่มแล้ว อาทิตย์นั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ที่ริมระเบียงห้องนอนของตัวเอง เขาเพิ่งสังเกตว่ามองจากตรงนี้สามารถเห็นแสงไฟจากกลุ่มบ้านพักของคนงานได้ชัดเจน บ้านหลังแรกสุดในสายตาของเขาคือบ้านพักของวันฟ้าใหม่ คราแรกเขาไม่คิดว่าบิดาจะยอมเนรเทศหลานรักให้ไปอยู่ที่บ้านพักคนงาน และที่ไม่คาดคิดไปมากกว่านั้นอีกก็คือ ไม่คิดว่าวันฟ้าใหม่จะยอมไปง่ายๆ โดยไม่โวยวายอะไร ซึ่งมันผิดวิสัยของเธอ

เขายังจำได้ดีว่าเด็กอายุสิบห้าปี ตัดผมสั้นแค่คางคนนั้นร้ายกาจเพียงใด

‘ไม่ค่ะ แป้งไม่เอาห้องนอนห้องนี้ มันเล็ก แป้งอยากได้ห้องนอนใหญ่ๆ ใหญ่ที่สุดในบ้านหลังนี้ เอาห้องของคุณลุงคุณป้าก็ได้ค่ะ อย่าลืมสิคะว่าถ้าไม่มีพ่อแป้ง ทุกคนจะมีที่ซุกหัวนอนไหม’ เด็กสาวเรียกร้องตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเหยียบไร่ตะวันฉาย ไม่ว่าใครจะพูดอะไรเธอไม่ยอมท่าเดียว เธอยืนยันว่าต้องเป็นห้องนอนที่ใหญ่ที่สุดในบ้านให้ได้ จนสุดท้ายครองประทีปต้องจัดการรื้อฝาห้องนอนที่ติดกับห้องของเธอเพื่อขยายห้องให้กว้างมากกว่าใคร

‘ที่แป้งต้องการห้องนอนใหญ่ๆ ก็เพราะว่าสักวันแป้งต้องใช้ห้องร่วมกับพี่อาทิตย์ อยู่สองคนในห้องเล็กๆ อึดอัดแย่ แล้วถ้ายิ่งวันหนึ่งพวกเรามีลูก...’

ทั้งความคิดและคำพูดของเธอทำให้อาทิตย์ขยาดกลัวและเกิดความเกลียดชังขึ้นภายในใจ เขารู้ว่าเธอน่าสงสาร การที่พ่อแม่เสียชีวิตพร้อมกันมันเป็นเรื่องยากที่จะทำใจ แต่ก็ใช่ว่าเธอจะมีสิทธิ์แสดงฤทธิ์เดชกับใครก็ได้ตามแต่ใจตัวเอง ใช่เธอคนเดียวบนโลกเสียเมื่อไรที่ต้องพบกับเรื่องน่าเศร้าแบบนี้ การเรียกร้องอยากได้ไม่มีที่สิ้นสุดทำให้ความน่าสงสารที่เธอมีหมดสิ้นไป

แต่กลับมาหนนี้วันฟ้าใหม่ดูเปลี่ยนไปมาก เธอดูนิ่ง ไม่มีร่องรอยของเด็กสาวช่างเอาแต่ใจอีก ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะสิ้นฤทธิ์ง่ายๆ หรือว่านั่นเป็นแค่การหลอกเหยื่อให้ตายใจ

และหนนี้...เขาจะไม่ยอมเป็นเหยื่อแน่ๆ

“อาทิตย์ พ่อเข้าไปหน่อยได้ไหม”

เสียงของผู้เป็นพ่อดังอยู่ด้านหลังประตูไม้บานใหญ่ หยุดความคิดทุกอย่างของเขาลงในตอนนั้น ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูก็พบว่าครองประทีปยืนถือกระดาษม้วนใหญ่อยู่

“ช่วยพ่อดูนี่หน่อยสิว่าใช้ได้หรือเปล่า”

“อะไรครับ” อาทิตย์รับมาดู มองปราดเดียวก็รู้ว่ามันคือแบบแปลนเรือนเพาะชำ

“พอดูออกไหม”

“ดูออกสิครับ โรงเรือนเพาะชำ”

ครองประทีปเดินไปนั่งบนโซฟา ใบหน้าสุขุมของชายอายุหกสิบสามปีคลี่ยิ้มบางๆ

“เรือนกล้วยไม้ หนูแป้งเขาวาดแบบเอง”

คำตอบของผู้เป็นพ่อทำให้อาการจดจ่ออยู่กับแผ่นกระดาษกลายเป็นชะงักไป อาทิตย์ยอมรับว่าอคติ เขาตั้งใจแล้วว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับวันฟ้าใหม่ไม่ว่าทางใด การที่บิดาทำแบบนี้ทำให้เขาตั้งป้อมหวาดระแวง

“ถ้าพ่อคิดว่าอยากให้เธอทำแค่ฆ่าเวลา หรือหาเรื่องรั้งให้เธออยู่ ก็น่าจะทำแค่เล็กๆ นะครับ ในแบบที่เขียนมานี้มันใหญ่เกินไป คงได้ถลุงเงินกันสนุก”

ครองประทีปคาดเดาล่วงหน้าแล้วว่าลูกชายของเขาจะต้องตั้งป้อมไม่สนับสนุน แต่ก็รู้อีกเช่นกันว่าอาทิตย์รู้แก่ใจว่าไม่สามารถขัดความต้องการของเขาได้

“ทำใหญ่ๆ นั่นแหละดีแล้ว พ่ออยากให้หนูแป้งเขาใช้เวลาที่นี่นานสักหน่อย”

“หวังว่าพ่อคงไม่คิดที่จะ...”

“เรื่องจับคู่ให้แกพ่อเลิกคิดไปนานแล้ว แกคิดว่าพ่อจะรักหลานนอกไส้มากกว่าลูกตัวเองรึ ถ้ามันฝืนใจแกจนแกต้องเอาตัวเองไปตายแบบนั้น พ่อก็จะไม่บังคับใจแกอีก”

อาทิตย์คลายความกังวลลงได้เล็กน้อยเมื่อได้ยินคำยืนยันหนักแน่นจากปากบิดา แต่เขาไม่ยอมวางใจเสียทีเดียว

“ขอบคุณครับพ่อ”

“แต่พ่อต้องทำให้หนูแป้งอยู่ที่นี่ นานจนกว่าพ่อจะแน่ใจว่ามีคนดูแลเขาดีกว่าพ่อ ท่านธราเทพขอพ่อไว้สองเรื่อง พ่อทำผิดสัญญากับเขาไปเรื่องหนึ่งแล้วคือเรื่องของแก อย่าให้พ่อต้องทำผิดอีกเรื่องหนึ่งเลย”

นัยน์ตาที่เริ่มพร่าเลือนตามวัยหม่นลงเล็กน้อยเมื่อคิดถึงธราเทพ ก่อนธราเทพตายไม่กี่วันเขาได้ฝากคำพูดหนึ่งที่จารึกในใจครองประทีปจนถึงทุกวันนี้

‘ถ้าผมจะมีลูกเขยสักคน ผมก็อยากให้ผู้ชายคนนั้นเหมือนเจ้าอาทิตย์ลูกของพี่ เด็กหนุ่มฉลาดหลักแหลม เป็นสุภาพบุรุษ วันฟ้าใหม่เป็นเด็กขาดความอบอุ่น ถ้าได้ไปอยู่ในครอบครัวที่มีความสุขอย่างครอบครัวพี่ ก็คงจะช่วยเติมเต็มในส่วนที่ขาดได้ ผมขออะไรสักอย่างได้ไหม หากว่าพี่อยากตอบแทนผมสักครั้ง พี่ช่วยให้วันฟ้าใหม่กับอาทิตย์รักกันได้ไหม หรือถ้าไม่ได้ พี่สัญญากับผมมาว่า ถ้าหากวันหนึ่งไม่มีผมอยู่แล้ว พี่จะดูแลวันฟ้าใหม่แทนผมไปทั้งชีวิต’

ตอนที่ธราเทพพูดเขาไม่เอะใจเลยว่าเพื่อนรุ่นน้องที่มีพระคุณต่อเขาจะฆ่าตัวตาย คิดแค่ว่าความเครียดจัดทำให้ความรู้สึกภายในใจพรั่งพรูออกมา ทุกอย่างจึงเกิดขึ้นโดยที่ครองประทีปช่วยแก้ไขอะไรไม่ทัน

“พ่อครับ ทำไมเงียบไป” อาทิตย์ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าบิดานั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

“ไม่มีอะไรหรอก แกแค่ตรวจดูว่ามันใช้ได้หรือเปล่า พรุ่งนี้พ่อจะคุยกับน้องเรื่องหาช่างมาสร้างโรงเรือน”

“ถ้าแค่นั้นก็ได้ครับ”

ชายสูงวัยเพียงแค่ยิ้มให้บุตรชายพลางวางมือลงบนบ่าเป็นการขอบคุณสั้นๆ

“ผมขอโทษนะครับพ่อ ที่ผมทำเพื่อพ่อไม่ได้ แต่ผมแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมไม่รักไม่ได้จริงๆ”

อาทิตย์ทราบดีเรื่องบุญคุณที่บิดาของวันฟ้าใหม่มีต่อบิดาของเขา ธราเทพเป็นผู้ชุบชีวิตครองประทีปจากชายหนุ่มรุ่นพี่ที่ติดการพนันอย่างหนักจนชีวิตใกล้พังให้ได้พบกับแสงสว่างอีกครั้ง เงินก้อนหนึ่งช่วยปลดหนี้สิน ส่วนเงินอีกก้อนก็สร้างไร่องุ่นแห่งนี้ขึ้นมา

บุญคุณของธราเทพที่ครองประทีปซาบซึ้งหนักหนามันเกิดตั้งแต่ตอนที่เขายังไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้ เขาจึงไม่เคยเข้าใจว่ามันมากมายสักเพียงไหน ยิ่งไปกว่านั้นอาทิตย์คิดว่าแค่การที่เขาอดทนให้วันฟ้าใหม่ทำตัวเป็นใหญ่ในไร่ตะวันฉายตั้งสามปีนั้นได้ทดแทนบุญคุณไปหมดสิ้นแล้ว

“ช่างมันเถอะ มันไม่ใช่หน้าที่ของแกที่จะต้องมาตอบแทนบุญคุณใครแทนพ่อ” ครองประทีปตบบ่าลูกชาย แต่ตาสีน้ำตาลเข้มก็ยังไม่คลายความกังวลเสียทีเดียว

ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ความรู้สึกหนักอกไม่จางหายไปง่ายๆ เพราะนอกจากเขาและวันฟ้าใหม่ทุกคนต่างเข้าใจว่าบิดามารดาของเด็กสาวเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ครองประทีปตั้งใจปิดเรื่องนี้แล้วดำเนินคดีไปอย่างเงียบๆ เพราะหากคนรู้มากเข้าก็จะกลายเป็นเรื่องอื้อฉาว ไม่เห็นความจำเป็นต้องโพนทะนา โดยเฉพาะอาทิตย์ วันฟ้าใหม่ขอร้องอ้อนวอนว่าอย่าให้รู้เรื่องนี้เด็ดขาด เธออายและกลัวจะไม่เป็นที่ยอมรับจากชายหนุ่มหากรู้ว่าเธอมีแม่ใจง่ายและพ่อจิตใจอ่อนแอ

ด้วยเหตุนี้ระดับความเวทนาสงสารที่ครองประทีปมีต่อเด็กสาวจึงมากล้นเกินกว่าคนอื่นๆ จะเข้าใจ

“พ่อครับ” อาทิตย์ตัดสินใจถามสิ่งที่ติดค้างมาตลอดสองวัน “พ่อคิดว่ายายเด็กนั่นคิดจะทำอะไรแบบที่เคยทำอีกหรือเปล่าครับ”

“อะไรล่ะ”

“ก็เรื่องที่เขาอยากเป็นเมียผม”

“ฮ่าๆ” ครองประทีปหัวเราะออกมาเมื่อเห็นสีหน้าของบุตรชาย นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นความวิตกกังวลบนใบหน้าเรียบเฉยของลูก “ถ้ากลัวมากแกก็หาตัวจริงสักทีสิ อายุสามสิบสองแล้วน่าจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาได้แล้ว หนูแป้งจะได้ไม่มายุ่งกับแกอีก”

“ผมยังไม่มีใครนี่ครับ วันๆ อยู่แต่กับต้นไม้ อยู่กับวัว” อาทิตย์บอกพลางมองลายมือเป็นระเบียบบนกระดาษเขียนแบบ ดูแล้วค่อนข้างเป็นมืออาชีพเสียจนเขาไม่อยากเชื่อว่าเป็นฝีมือของเธอ

“แล้วหนูนางล่ะ เห็นเทียวไปเทียวมาบ่อยๆ”

ใบหน้าคล้ามคมเงยขึ้นมองบิดา หัวคิ้วเคลื่อนมาชนกันโดยอัตโนมัติ “ผมคิดกับนางแค่น้องครับ ที่นางมาที่นี่บ่อยเพราะจะเก็บข้อมูลทำวิจัยปริญญาโท”

“แล้วแกไม่ชอบหรือไง หนูนางก็สวยเรียบร้อย ถ้าชอบพ่อก็ว่าใช้ได้”

อาทิตย์ยิ้มบางๆ ไม่ตอบอะไร เป็นความรู้สึกที่คลุมเครือสำหรับคนเป็นพ่อมากทีเดียว ทว่าครองประทีปไม่ได้คาดคั้นไปมากกว่านี้ ลูกชายของเขาเป็นคงนิ่งเงียบเช่นนี้มาตั้งแต่เด็ก เรื่องส่วนตัวแทบไม่เคยพูดกับพ่อแม่ แต่ก็ไว้วางใจได้ ไม่เคยทำเรื่องเสียหาย ความคิดหรือความในใจของลูกจึงเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดเดาได้เลยเพราะอาทิตย์มักไม่พูดหรือแสดงออกให้เห็น ชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไรแทบไม่รู้เลย

เรื่องที่อาทิตย์แสดงความรู้สึกได้ชัดเจนมากที่สุดก็เห็นจะเป็นความเกลียดชังที่มีต่อวันฟ้าใหม่เรื่องเดียว

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น