8

บทที่ 8


            

 

หลังจากกลับไปอยู่บ้านสองวันสองคืน ธารธาราก็ต้องกลับมาทำงานต่อ เธอเลือกที่จะกลับมาในวันอาทิตย์ตอนเย็น เพราะไม่อยากให้ภูผาต้องตื่นมาส่งแต่เช้า ซึ่งทันทีที่เธอไหว้วาน น้องชายผู้ปากเสียก็ไม่มีท่าทางอิดออดให้เห็น แถมยังดูเต็มอกเต็มใจอย่างยิ่งยวด นั่นคงเป็นเพราะอยากเจอหน้าสาวร่วมบ้านเธอนั่นเอง ธารธารารู้สึกหมั่นไส้น้องชายเต็มกำลัง และแอบสมน้ำหน้าที่ภูผาต้องผิดหวัง เมื่อไปถึงบ้านพักแล้วไม่เจอมนิสรณ์ เพราะบ้านปิดเงียบ และรถของเจ้าตัวก็ไม่จอดอยู่ แสดงว่าคงออกไปข้างนอกแล้ว คนเป็นพี่จึงไล่น้องกลับไปในทันที ไม่ได้คิดจะขัดขวาง แต่เป็นห่วงหากน้องชายต้องกลับบ้านมืดค่ำ 

            ภูผาอิดออดอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อแน่ใจว่าตัวเองคงไม่มีวาสนาจะได้พบกับสาวสวยแล้ว จึงยอมขึ้นรถแล้วขับกลับไปแต่โดยดี

            ธารธาราได้แต่มองตามไปอย่างขำๆ จากนั้นเธอก็เดินไปไขประตูบ้าน แต่แล้วสิ่งที่เธอเห็นก็ทำให้ถึงขั้นตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง

            จะไม่ให้ตะลึงได้อย่างไร เมื่อห้องรับแขกที่เคยโล่งสะอาดตา และมีเพียงเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นโต๊ะญี่ปุ่นกับเบาะรองนั่งสองอันได้อันตรธานหายไป แล้วมีชุดรับแขกหลุยส์เข้ามาแทนที่ บนโต๊ะมีแจกันใบโตที่จัดดอกกุหลาบประดิษฐ์สีขาวใส่ไว้ ซึ่งมองผ่านๆ แล้วคล้ายของจริงเหลือเกิน แถมบนผนังก็ยังมีรูปถ่ายของสาวน้อยหน้าตาหมดจดในกรอบสีทองด้วยอิริยาบถต่างๆ ติดอยู่สี่ถึงห้ารูป ทุกอย่างในห้องดูแตกต่างจากวันที่เธอเดินออกจากบ้านไปมาก

หรือว่าบางที เธอจะเข้าบ้านผิด?

            ความคิดนั้นทำให้หญิงสาวถอยออกมาตั้งหลัง ก่อนที่จะแหงนมองจนคอตั้งเพื่อดูเลขที่บ้าน...ตัวเลขเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยน มันคือบ้านพักของเธอ เธอมั่นใจ แล้วอย่างนั้นมันเกิดอะไรขึ้น

            ระหว่างที่กำลังสงสัยและละล้าละลังว่าจะเข้าหรือไม่เข้าไปในบ้านดี ก็มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาจอดในลานจอดรถของบ้านอย่างช้าๆ ไม่นานหญิงสาวคนหนึ่งก็ก้าวลงมา

กลิ่นน้ำหอมชั้นดีโชยมาก่อนตัว และเมื่อเห็นอีกฝ่ายเต็มตัว เธอก็แทบจะร้องว้าว นิยามที่ว่าสวยหยาดฟ้ามาดินเป็นอย่างนี้นี่เอง มิน่าเล่า ภูผาถึงได้เพ้อเป็นบ้าเป็นหลัง

หญิงสาวที่เดินมาสูงราวหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร เธออยู่ในชุดเดรสแขนกุดสีเหลืองขมิ้น ที่หากผิวไม่สวยจริง รับรองสวมแล้วดับอนาถ แต่เมื่ออยู่บนเรือนร่างโปร่งระหง กลับทำให้ผิวสีขาวอมชมพูดูผ่องผุดผาด ดวงหน้ารูปไข่สวยเฉี่ยวด้วยเครื่องหน้าที่รับกันในทุกส่วน ผมยาวถูกเกล้าเอาไว้เป็นมวยหลวมๆ และปล่อยเป็นปอยลงมาเคลียไหล่ ดูเซ็กซี่ชนิดที่นางเอกบางคนยังต้องชิดซ้าย

สาวสวยมาหยุดยืนตรงหน้าเธอพร้อมทั้งส่งยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยไมตรี “สวัสดีค่ะพี่น้ำ”

            แม้จะงุนงงว่าอีกฝ่ายรู้จักชื่อตนได้อย่างไร แต่ธารธาราก็ยิ้มกว้างกลับไป จริงอย่างที่ปาริชาตว่า ลูกคนใหญ่คนโตไม่จำเป็นต้องหยิ่งยโสเสมอไป “สะ...สวัสดีจ้ะ” น้ำเสียงของธารธาราตะกุกตะกัก นั่นเป็นเพราะเธอรู้สึกประหม่า พอต้องยืนต่อหน้าคนสวยหรือคนที่ดูดีมากๆ เธอมักจะเป็นอย่างนี้

            “ลูกศรค่ะ มนิสรณ์ เตชะวัฒนา เพิ่งย้ายเข้ามา ฝากตัวด้วยนะคะ”

            ไม่รู้ว่าหูฝาดไปหรือเปล่าที่ได้ยินอีกฝ่ายแนะนำนามสกุลดังกว่าชื่อ แต่รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าของผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ทำให้ธารธารายิ้มกลับไปอย่างจริงใจ “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ แล้วก็ดีใจมากที่ได้อยู่ร่วมบ้านกันนะคะ”

            “เข้าบ้านกันไหมคะ”

            “เอ่อ...จ้ะ” ธารธาราพูดเหมือนกำลังละเมอ เธอคงโดนความสวยของอีกฝ่ายสะกดจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว พอเข้าไปในบ้าน พยาบาลสาวก็รู้สึกเก้ๆ กังๆ เพราะไม่คุ้นเคย มองกวาดสำรวจห้องรับแขกอีกครั้ง แล้วเธอก็พบว่าโต๊ะของเธอถูกดันไปอยู่ด้านหลังตรงซอกระหว่างบันไดกับห้องครัวนั่นเอง แต่เพราะเป็นคนไม่คิดอะไร เธอจึงไม่ถือสา อาจเป็นเพราะข้าวของของมนิสรณ์มีมาก เลยต้องย้ายของของเธอไปไว้ตรงนั้น

            มนิสรณ์เดินเข้าบ้านทั้งที่ยังสวมรองเท้าส้นสูงกว่าห้านิ้ว มือเรียวไล้ไปตามขอบโซฟาราคาแพง “จริงๆ แล้วนี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะ ที่ลูกศรต้องอยู่ร่วมกับคนอื่น จะว่าไปก็รู้สึกแปลกๆ อยู่นิดหน่อย แต่เดี๋ยวก็คงจะชินไปเอง จริงไหมคะ”

            เหมือนอีกฝ่ายจะเปรยให้ฟังมากกว่าขอความเห็น ธารธาราจึงได้แต่ตอบรับ “เอ้อ...ค่ะ”

            “พอดีลูกศรต้องจากบ้านมาไกล แล้วก็คิดถึงบ้านมาก ก็เลยพยายามจัดบ้านให้เหมือนบ้านที่ลูกศรอยู่มาแต่อ้อนแต่ออก พี่น้ำคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ”

            ใครจะไปกล้าว่า เมื่ออีกฝ่ายขนข้าวของมาเต็มพิกัดขนาดนี้แล้ว อีกอย่าง ธารธาราคิดว่าเธอคงอยู่บ้านหลังนี้ไม่นาน ดังนั้นการที่ข้าวของของเพื่อนร่วมบ้านขนเข้ามาจนเต็มพื้นที่ โดยดันของของเธอไปไว้ด้านหลัง คงไม่มีผลอะไรกับเธอนัก เพียงแค่เก็บขึ้นไปไว้ด้านบนก็เรียบร้อย

            “ตามสบายเลยจ้ะ ปกติพี่ก็ไม่ค่อยได้ใช้พื้นที่ชั้นล่างอยู่แล้ว”

            “ขอบคุณนะคะ แต่ต่อไปลูกศรคงมีแขกมาที่บ้านบ้าง ขออนุญาตกันไว้ตรงนี้เลย”

            “ค่ะ ตามสบายเลย เพราะเป็นบ้านของลูกศรเหมือนกัน”

            ริมฝีปากสีแดงสดของหญิงสาวคลี่ยิ้ม ก่อนที่จะสายตาจะหยุดอยู่ที่ตะกร้าในมือของธารธารา “แล้วนั่นอะไรคะ” มนิสรณ์ถาม เมื่อเห็นว่าฝาตะกร้าขยับเองได้

            “อ๋อ...ลูกแมวน่ะค่ะ มันชื่อเจ้าดาร์ลิง” ธารธาราตอบพร้อมเปิดฝาตะกร้าออก เพื่อให้เจ้าดาร์ลิงโผล่ออกมาทักทายเพื่อนคนใหม่ของเธอ

            มนิสรณ์มองแมวน้อยอย่างเอื้อเอ็นดู “น่ารักจังเลยค่ะ ขออุ้มหน่อยได้ไหมคะ”

            “ได้สิจ๊ะ” ธารธาราตอบรับอย่างยินดี ตอนแรกเธอก็หวั่นใจอยู่ว่าหากเพื่อนร่วมบ้านไม่ถูกกับแมว เธอจะทำอย่างไร

            “พันธุ์อะไรคะนี่ อเมริกันชอตแฮร์ใช่ไหมคะ” ถามพลางก็เกาคางเจ้าดาร์ลิงอย่างเอ็นดู

            “ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ พี่เก็บได้จากท่อระบายน้ำ” ธารธาราบอกที่มาของดาร์ลิงไปตามความจริง และนั่นก็ทำให้มือเรียวของคนที่อุ้มแมวอยู่ชะงัก

            “พี่น้ำกำลังจะบอกว่ามันเป็นแมวจรจัดเหรอคะ” เสียงนั้นห้วนและแหลมขึ้นมาทันที ก่อนที่เจ้าดาร์ลิงจะถูกจับยัดลงในตะกร้าดังเดิม

            “เอ่อ...ก่อนหน้าอาจจะใช่ แต่ตอนนี้มีคนเลี้ยงมันแล้ว” ธารธาราพยายามแก้ต่างให้แมวของปราณนต์ คำว่า ‘แมวจรจัด’ ดูจะแรงไปสักหน่อย เพราะตอนนี้ถึงเธอจะยังหาเจ้าของเก่าไม่เจอ แต่มันก็มีเจ้าของใหม่ที่รักและดูแลมันเป็นอย่างดี ถึงกับยกให้มันเป็นลูกสาวของเขาเลยทีเดียว

            “นั่นแหละค่ะ เขาเรียกว่าแมวจรจัด แมวไม่มีหัวนอนปลายเท้า”

            ธารธารางุนงงกับท่าทางของอีกฝ่าย เมื่อกี้ยังทำท่าทีเอ็นดูเจ้าแมวน้อยอยู่ แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนไปราวกลับหน้ามือเป็นหลังมือ

            “แล้วอย่างนี้มันจะมากัดมาข่วนข้าวของของลูกศรหรือเปล่าคะ แต่ละอย่างในบ้านนี่ไม่ใช่ถูกๆ”

            ความอึดอัดเข้าครอบงำพื้นที่ในห้องรับแขกทันที ดูเหมือนการมีเพื่อนมาอยู่ร่วมบ้านในครั้งนี้จะไม่ใช่อย่างที่วาดฝันไว้ แต่คนอย่างเธอก็มีความรับผิดชอบพอ เพื่อไม่ให้เกิดความขุ่นข้องหมองใจกันตั้งแต่วันแรก เธอจึงกล่าวรับรองสัตว์เลี้ยงในความดูแลของตัวเอง

            “ส่วนใหญ่พี่จะขังมันไว้ในห้องนอนน่ะ มันไม่ออกมาหรอก พี่รับรอง จะดูแลมันเป็นอย่างดี”

            “แน่เหรอคะ เผลอได้ที่ไหนล่ะ สัตว์จรจัดพวกนี้”

            “มันคงอยู่กับพี่อีกแค่คืนเดียว เดี๋ยวพรุ่งนี้เจ้าของก็คงมารับไปแล้ว”

            “โล่งอกไปที” หญิงสาวถอนหายใจออกมาแรงๆ “เอ่อ...จริงๆ ลูกศรก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะคะ แต่กลัวว่าถ้ามันทำข้าวของเสียหายแล้วพี่น้ำจะรับผิดชอบไม่ไหว แค่นั้นเองค่ะ เพราะแต่ละอย่างแพงมาก”

            ธารธาราทำหน้าไม่ถูกกับสิ่งที่เพื่อนร่วมบ้านกล่าว แต่อีกฝ่ายยังส่งยิ้มมาให้ ราวกับไม่รู้ว่าคำพูดของตัวเองนั้นกำลังทำร้ายความรู้สึกคนอื่น

            “งั้นวันนี้ทักทายกันแค่นี้ก่อนนะคะ ลูกศรมีนัดไปกินข้าวกับเพื่อนในเมือง พอดีแวะมาเอาของนิดหน่อย ไปก่อนนะคะ”

            “ค่ะ”

            หลังจากที่หญิงสาวสวยรวยกลิ่นหอมจากไป ความรู้สึกอึดอัดที่เกิดขึ้นก็หายวับไปกับตา แต่ธารธาราคิดว่ามันคงเกิดขึ้นอีกแน่เมื่ออีกฝ่ายกลับมา เธอคงต้องเลี่ยงโดยการไม่เผชิญหน้า

            ตอนที่เธอคิดว่าปราณนต์รังเกียจเธอนั้น ก็ว่าอึดอัดและหนักหนาแล้ว ยามนี้เธอรู้แล้วว่ามันเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกในตอนนี้

 

เมื่อก้าวขึ้นรถคู่ใจ มนิสรณ์ก็หยิบเจลล้างมือที่ซื้อติดรถไว้มาฟอกล้างมือในทันที แต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกขยะแขยงก็ยังมีอยู่ อย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด เพื่อนร่วมบ้านของเธอเป็นพวกรสนิยมต่ำ เลี้ยงอะไรไม่เลี้ยง เลี้ยงแมวจรจัด

            แต่เมื่อคิดอีกทีเธอก็สบายใจในระดับหนึ่ง ก่อนหน้าเธอแอบหวั่นว่าธารธาราจะเป็นผู้หญิงสวยจัด และดูเหมือนปราณนต์จะให้ความสนิทสนมมากเป็นพิเศษ แต่เมื่อเธอเจอตัวจริงแล้วกลับพบว่าอีกฝ่ายห่างไกลจากเธอมาก แม้จะโครงหน้าสวยพอไปวัดไปวาได้ แต่การแต่งกายทั้งเชยแหลก หน้าไม่แต่ง น้ำหอมก็ไม่ฉีด แล้วผู้ชายที่ไหนจะแลกัน

            มนิสรณ์ชะเง้อมองไปยังบ้านข้างๆ ซึ่งปรากฏว่ายังคงเงียบสนิท ความผิดหวังเล็กๆ เกิดขึ้นในหัวใจ แต่มันก็เกิดขึ้นไม่นาน เมื่อคิดว่าพรุ่งนี้คงได้เจอกัน

            หญิงสาวเข้าเกียร์ถอยรถออกจากที่จอด วันนี้เธอจะเข้าไปสำรวจในตัวเมืองสักหน่อยว่ามีสถานที่ไหนน่าสนใจบ้าง แม้พรุ่งนี้จะเป็นวันที่เธอต้องเริ่มทำงาน แต่จะให้อุดอู้อยู่แค่ในบ้านที่เงียบเชียบราวกับป่าช้าตลอดค่ำคืนคงไม่สนุก เพราะที่ผ่านมาชีวิตของเธอเต็มไปด้วยสีสัน

           

เป็นอีกเช้าที่ธารธาราตื่นมาวิ่งออกกำลังกายก่อนออกไปทำงาน และเมื่อกลับเข้าบ้าน เธอก็อดไม่ได้ที่จะชะเง้อมองไปยังบ้านข้างๆ แต่แล้วก็เห็นเพียงประตูที่ปิดอยู่ กับแม่กุญแจที่ยังคล้องเอาไว้ ทำให้รู้ว่าเจ้าของบ้านคงยังไม่กลับมา

            ความห่วงใยเกิดขึ้นในใจวูบหนึ่ง เขาบอกเธอว่าจะไปแค่หนึ่งสัปดาห์ นั่นก็หมายความว่าควรจะกลับมาตั้งแต่วันเสาร์ แต่ทำไมเช้าวันจันทร์แล้ว ก็ยังไม่เห็นแม้เงา

            นี่เธอนับวันรอเขาอย่างนั้นหรือ...เปล่าสักหน่อย ดาร์ลิงต่างหากที่คิดถึงพ่อมัน เธอรับรู้จากแววตาของมัน

            พอโบ้ยความคิดนี้ไปให้แมวได้ ธารธาราก็รู้สึกดีขึ้น และเมื่อมองจนรู้แน่ว่าปราณนต์ยังไม่กลับมา เธอจึงเดินกลับเข้าบ้านอย่างเหงาหงอย ก่อนที่จะไปหยิบผ้าสำหรับผลัดอาบน้ำจากเหงื่อไคล แต่แล้วเมื่อลงมาเธอก็พบว่ามีคนกำลังใช้ห้องน้ำอยู่

            เกือบลืมไปเลยว่าไม่ได้อยู่ลำพังอีกแล้ว ธารธาราจึงกลับไปนั่งรอ นี่เพิ่งจะเป็นเวลาหกโมงสี่สิบนาทีเท่านั้น ยังมีเวลาอีกมาก เพราะปกติเธออาบน้ำแต่งตัวไม่เกินครึ่งชั่วโมง

            ทว่าผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว มนิสรณ์ก็ยังไม่ยอมออกจากห้องน้ำ ความร้อนใจจึงเกิดขึ้นตามระยะเวลา เพราะหากช้ากว่านี้ เธออาจไปทำงานไม่ทัน

            จะตะโกนถามก็เกรงใจ แต่หากปล่อยให้เวลาผ่านไป คนที่จะแย่ก็คือเธอ ในที่สุดธารธาราก็สกัดกั้นความเกรงใจเอาไว้ แล้วตะโกนเรียกอีกฝ่ายผ่านประตูห้องน้ำ

            “น้องลูกศรคะ! อาบน้ำเสร็จหรือยังคะ พี่จะขออาบต่อ” ธารธาราบังคับน้ำเสียงตัวเองให้ละมุนอย่างที่สุด

            “แป๊บหนึ่งนะคะพี่น้ำ เกือบเสร็จแล้ว”

            เสียงใสนั้นแทบจะตอบกลับมาในทันที ซึ่งก็ทำให้คนคอยใจชื้นขึ้นมาหน่อย แต่แล้วเมื่อผ่านไปอีกสิบนาที ประตูห้องน้ำยังคงไม่เปิดออก แถมเสียงน้ำไหลจากฝักบัวก็ยังดังอย่างต่อเนื่อง

            ธารธาราเริ่มทนไม่ไหว เธอเหลือเวลาอาบน้ำแต่งตัวและขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงานแค่ยี่สิบนาที จะทันได้อย่างไร จึงตะโกนถามไปอีกครั้ง “ลูกศร เสร็จหรือยังคะ”

            “ยังค่ะ อีกแป๊บหนึ่ง”

            ธารธาราได้แต่ถอนใจ เวรกรรมอะไรของเธอที่ต้องมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ แล้วถ้ามันเกิดขึ้นทุกเช้าจะทำอย่างไร แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ เพราะจะไปทำงานทั้งที่เหงื่อโซมกายอย่างนี้คงไม่ไหว

            ‘พังประตูเข้าไปเลยดีไหม’ เธอถามตัวเองในใจ แต่สุดท้ายเธอก็เลือกออกไปยืนสงบสติอารมณ์ด้านนอก พยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ เพื่อไม่ให้ตัวเองวู่วามทำอย่างนั้นลงไป

            นาฬิกายังคงทำหน้าที่ของมันอย่างต่อเนื่อง เจ็ดโมงครึ่งแล้ว เธอยังไม่ได้อาบน้ำเลย หรือบางทีเธออาจจะโทร. ไปบอกปาริชาตว่าจะขอไปทำงานสาย ซึ่งแน่นอนว่ามันคงดูไม่ดี เพราะเธอเพิ่งมาทำงานที่นี่ยังไม่ถึงเดือนเลย

            ‘ไปทำงานก่อน แล้วค่อยแวบกลับมาอาบน้ำตอนเที่ยง’ นั่นคือความคิดที่สองซึ่งโผล่เข้ามา แล้วครึ่งวันแรก เธอจะต้องทนอยู่กับเนื้อตัวเหนียวๆ นี่น่ะหรือ ไม่เข้าทำท่าเอาเสียเลย

            “โอ๊ย ทำยังไงดี” ธารธาราชะเง้อมองไปยังห้องน้ำ ซึ่งก็ยังคงเป็นเช่นเดิม มนิสรณ์ยังคงครองห้องน้ำอยู่ จึงเดินไปพิงประตูเพื่อนบ้านแล้วทุบเบาๆ เพื่อระบายความอัดอั้น แล้วประตูบานนั้นก็เกิดพะเยิบพะยาบ เหมือนไม่ได้ใส่กลอน และเมื่อเธอถอยห่างออกมาก็พบว่ามันเปิดอ้าออก หรือปราณนต์จะลืมล็อก?

            “เดี๋ยวเขียดเข้าไปก็เดือดร้อนห้องน้ำฉันอีก” หญิงสาวบ่นเบาๆ พร้อมกับดันประตูหลังบ้านปิดให้เขา แล้วยกก้อนอิฐมาวางดันไว้เพื่อไม่ให้เปิดออกอีกเมื่อลมพัด

            แต่แล้วความคิดบางอย่างก็โผล่เข้ามา ทำไมเธอไม่อาบน้ำที่ห้องน้ำเขาเลยล่ะ...แต่...มันจะดีเหรอ เธอเป็นสาวเป็นนาง จะมาแอบอาบน้ำบ้านผู้ชายได้ยังไง...ใจข้างกุลสตรีค้าน

            ดีสิ เขายังเคยไปใช้ห้องน้ำเธอเลย และตอนนี้เขาก็ไม่อยู่ เขาคงไม่รู้หรอก ถ้าไปทำงานสายจะโดนดุเอาได้นะ...ใจข้างความรับผิดชอบต่อหน้าที่โน้มน้าว

            ธารธาราใช้เวลาตรึกตรองอยู่ชั่ววินาที ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจได้

            “เป็นไงเป็นกัน” ธารธารามองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าปลอดคน เธอจึงเปิดประตูหลังบ้านของปราณนต์ออก ก่อนที่จะแทรกตัวเข้าไปอย่างรวดเร็วแล้วงับปิดลงอย่างเดิม

            เพราะสถานการณ์บังคับ ทำให้ธารธาราได้เข้ามาอยู่ในห้องน้ำของผู้ชายซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ซึ่งก็อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจ ห้องน้ำเขาไม่ได้ต่างจากห้องน้ำบ้านเธอ เพราะมันเป็นแปลนเดียวกัน แต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว เมื่อเครื่องอาบน้ำของเขาล้วนแต่เป็นสีดำ ในขณะที่ของเธอเป็นสีชมพู พอมองไปก็ให้อารมณ์อีกแบบหนึ่ง

            ‘นี่มันใช่เวลาจะมามองห้องน้ำคนอื่นไหม!’ ธารธาราเตือนตัวเองในใจ และนั่นก็ทำให้เธอได้สติ จึงรีบเปิดฝักบัวเพื่ออาบน้ำทันที

            เมื่อเนื้อตัวเปียกชุ่ม เธอก็นึกได้ว่าไม่ได้เอาสบู่ติดติดมือมาด้วย จึงมองไปยังครีมอาบน้ำในขวดสีดำยี่ห้อแปลกตา และแน่นอนว่าตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่น

            “คุณนนท์ ขอยืมสบู่หน่อยน้า” เธอเอ่ยขออนุญาต ทั้งที่รู้ดีว่าเขาไม่มีทางได้ยิน

            ‘ได้สิ’ เธอถามเองตอบเองเสียอย่างนั้นในใจ เพราะรู้ว่าปราณนต์ไม่ใช่คนขี้งก เขาต้องให้เธอยืมอยู่แล้ว หรือไม่ก็ถือว่าเจ๊ากันไปกับที่เขาไปขอใช้ห้องน้ำเธอเมื่อวันก่อน

            เพราะเวลาที่รีบเร่ง ทำให้เธอต้องเร่งสปีดอย่างเต็มที่ เมื่อถูสบู่เสร็จ ธารธาราก็เปิดฝักบัวอีกครั้งเพื่อล้างตัว ส่วนผมค่อยไปสระเอาตอนเย็นก็แล้วกัน ดีนะที่เมื่อเช้าก่อนออกไปวิ่ง เธอแปรงฟันไปแล้ว ไม่อย่างนั้นคงต้องปากเหม็นไปที่ทำงานแน่

            เมื่ออาบน้ำเสร็จ ธารธาราก็เช็ดตัวแล้วนุ่งกระโจมอก ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอทำจนติดนิสัยมาตั้งแต่สมัยเรียนวิทยาลัย มันคือกฎเหล็กของการอาบน้ำ ที่จะไม่ใช้ผ้าขนหนูห่อพันตัวเพราะดูไม่เรียบร้อย และจะต้องมีเสื้อคลุมอาบน้ำคลุมสวมทับอีกชั้นหนึ่ง แต่ยามนี้อยู่บ้านพัก จึงตัดเสื้อคลุมออกไป เหลือเพียงผ้าถุงกับผ้าขนหนูสองอย่าง

            หญิงสาวเอาผ้าขนหนูพาดไหล่ทั้งสองข้างแล้วรูดหยิบผ้าชื้นเหงื่อจากราวมาถือไว้ ก่อนที่จะเปิดประตูออก และแน่นอนว่าเรื่องนี้จะเป็นความลับ แม้แต่เจ้าของบ้านก็จะไม่มีวันรู้ แม้เธอจะรู้สึกผิดอยู่บ้างก็ตาม

            “ขอบคุณสำหรับการให้ใช้บริการห้องน้ำนะคะ” เธอหันไปบอกกับอุปกรณ์อาบน้ำแทนเจ้าของบ้าน และเมื่อเสร็จธุระแล้ว ก็คิดว่าตัวเองควรจะออกไปจากที่นี่เสียที

แต่เธอคงลืมไปว่าตัวเองเป็นคนที่ทำบาปไม่ขึ้น ทำผิดครั้งใดก็จะต้องมีคนจับได้ทุกที และครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อเปิดประตูออก จึงจ๊ะเอ๋เข้าอย่างจัง

ตาฝาด! เธอต้องตาฝาดแน่ๆ เพราะเธอตอนกลับออกมาจากออกกำลังกายเธอยังเห็นแม่กุญแจคล้องประตูทางหน้าบ้านของเขาอยู่เลย

ธารธารากะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่ภาพหลอนตรงหน้าออก แต่ภาพของชายในชุดบินที่ทำสีหน้าประหลาดใจใส่เธอยังคงอยู่ เอ...ชักจะยังไงๆ เสียแล้ว

            “คุณ...” เธอลองเรียกดู ชักใจไม่ดีเสียแล้ว

            “คร้าบ...”

            เสียงขานรับนั้นคุ้นหูเหลือเกิน เหมือนกับเสียงของเขาอย่างถอดกันมา ดวงตากลมของธารธาราแทบจะถลนออกจากเบ้าเมื่อรับรู้ความจริง เขากลับมาแล้ว! และเธอก็ถูกจับได้คาหนังคาเขาว่าไปแอบใช้ห้องน้ำเขา เลือดร้อนๆ แล่นพล่านไปตั้งแต่ใบหน้าลงมาถึงปลายเท้า รู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาวอย่างบอกไม่ถูก สายตาคมกริบของเขาที่สาดมองมาทำให้ลมหายใจเธอสะดุดลงแทบจะทันที

            “โล่งอกที่เป็นคุณ ผมนึกว่ามีตีนแมวบุกบ้านเข้าเสียอีก” เขาเป็นคนกล่าวขึ้นก่อน

            เขาโล่งอก แต่เธอกลับจุกอก ตอนนี้เธอควรทำอย่างไร สุดท้ายใจก็ร้องในใจว่า ‘หนีสิจ๊ะ จะรออะไร’

            “เอ่อ ฉันอธิบายได้นะ แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ ฉันสายแล้ว ต้องไปก่อนแล้วละ สวัสดี”

            กล่าวจบธารธาราก็วิ่งปรู๊ดออกไปทางประตูหลังบ้าน ปล่อยให้ปราณนต์มองตามด้วยรอยยิ้มขบขัน แล้วพึมพำออกมาเบาๆ

“น่ารักชะมัด”

           

มนิสรณ์ปิดเกมออนไลน์ที่เล่นมานานกว่าครึ่งชั่วโมง แล้วเก็บโทรศัพท์มือถือใส่ลงในกระเป๋าเครื่องสำอาง หลังจากที่คิดว่าตัวเองอยู่ในห้องน้ำมานานเพียงพอแล้ว ความจริงแม้ว่าเธอจะเป็นคนที่อาบน้ำนาน แต่อย่างเก่งก็แค่สี่สิบนาทีเท่านั้น ไม่ได้อาบนานเป็นชั่วโมงครึ่งอย่างวันนี้

            เพราะอะไรน่ะหรือ ที่เธอต้องทนอยู่ในห้องแคบๆ และใช้เกมออนไลน์เป็นตัวฆ่าเวลาอันยาวนานในยามเช้าตรู่ ที่ควรจะได้นอนต่ออีกสักหน่อย นั่นก็เพราะเธออยากครอบครองบ้านหลังนี้คนเดียว แต่ตอนนี้ไม่ได้มีอำนาจขนาดที่จะไล่ใครออกไปจากบ้านได้ ดังนั้นเธอจึงต้องบีบให้อีกฝ่ายขอย้ายออกไปเอง

แม้จะรู้สึกแปลกใจที่จู่ๆ ธารธาราก็เงียบไป แต่เมื่อมองนาฬิกาเธอก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงสี่สิบห้าแล้ว ถ้าอีกฝ่ายรอใช้ห้องน้ำต่อจากเธอ คงต้องไปทำงานสายอย่างแน่นอน

รอยยิ้มสมใจผุดขึ้นบนใบหน้าสวย บางทียายนั่นอาจจะถอดใจไปแล้วก็ได้ ‘อี๋ ไปทำงานทั้งที่ไม่ได้อาบน้ำ ผู้หญิงอะไร ซกมกสิ้นดี’ มนิสรณ์เอาผ้าขนหนูขึ้นมาห่อพันกาย เดินกรีดกรายออกจากห้องน้ำขึ้นไปยังชั้นสองเพื่อแต่งตัว

แต่ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นบันได เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนซอยถี่ๆ อยู่เบื้องหลัง เมื่อหันไปมอง เธอก็ต้องแปลกใจ เพราะคนที่วิ่งตรงมาไม่ใช่ใคร เพื่อนร่วมบ้านของเธอนั่นเอง

ดูเหมือนความรีบเร่งจะทำให้ฝ่ายนั้นมองไม่เห็นเธอ หรืออาจจงใจไม่เห็น เพราะธารธาราวิ่งแซงเธอขึ้นบันไดไป ดีที่เธอจับราวบันไดเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงล้มกลิ้งลงไปกองกับพื้นแน่

ความไม่พอใจเกิดขึ้นในใจมนิสรณ์ แต่สภาพของเพื่อนร่วมบ้านทำให้เกิดความแปลกใจมากกว่า ธารธาราอยู่ในชุดกระโจมอก ตามลำคอ แขน และขา มีหยดน้ำเกาะพราว ในมือมีเสื้อผ้าที่ใช้แล้ว รวมถึงกลิ่นสบู่แบบผู้ชายที่หาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำเท่านั้น ทุกอย่างที่ประกอบกันทำให้สรุปได้ทันทีว่าอีกฝ่ายอาบน้ำแล้ว

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น