0

บทนำ


บทนำ

 

‘รางวัลที่ผมจะประกาศต่อไปนี้คือรางวัลขวัญใจมหาชน มีผู้เข้าชิงรางวัลอันทรงเกียรตินี้ทั้งหมดห้าท่าน และตอนนี้ผลโหวตอยู่ในมือผมเรียบร้อยแล้วครับ’ พิธีกรเว้นจังหวะการพูด เมื่อเสียงของแขกที่มาร่วมงานเงียบลงจึงพูดต่อ ‘และท่านที่ได้รับรางวัลขวัญใจมหาชนในปีนี้ ได้แก่...คุณโช โชติกา ประกายวรรณ เจ้าของรางวัลขวัญใจมหาชนสี่ปีซ้อนครับ’

เสียงปรบมือดังกึกก้องฮอล์ที่ใช้เป็นสถานที่ประกาศรางวัล กล้องทุกตัวจับมาที่นางเอกสาวเจ้าของชื่อที่ได้รับรางวัล ซึ่งกำลังสวมกอดผู้จัดการส่วนตัวด้วยความดีใจ เธอลุกขึ้นค้อมศีรษะให้แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ก่อนจะเดินขึ้นเวทีเพื่อรับรางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นปีที่ห้า

‘ขอเสียงปรบมือให้เธอด้วยครับ’ พิธีกรชายพูดขึ้นเมื่อผู้เชิญรางวัลมอบโล่รางวัลให้เธอ

‘ขอบคุณค่ะ’ หญิงสาวรับรางวัลมาถือไว้ ก่อนจะเดินไปยืนอยู่หน้าแท่นไมโครโฟนบนเวที ส่งยิ้มให้แขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงานทุกท่าน แล้วพูดขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มปริ่มไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า ‘ก่อนอื่นโชต้องขอบคุณทุกท่านที่โหวตให้โชจนได้รางวัลเป็นปีที่ห้านะคะ ถ้าไม่มี...’

ปึง!

“อะไรเนี่ยพี่แชมป์!” โชติกาโวยวายพร้อมจ้องเขม็งไปที่ผู้จัดการสาวประเภทสองที่แต่งตัวแมนพอๆ กับผู้ชายอกสามศอก ซึ่งปิดหน้าจอแล็ปท็อปของเธอลงทั้งที่เธอกำลังนั่งดูการประกาศผลรางวัลอยู่ “โชกำลังตั้งใจดูอยู่เลยนะ”

“แกดูจนจำได้ขึ้นใจแล้วมั้งยายโช ที่สำคัญคลิปที่แกดูมันผ่านมาห้าปีแล้ว!”

ชนินทร์ต่อว่าดาราสาวในสังกัดที่นั่งทำหน้าปลื้มปริ่มอยู่หน้าจอแลปทอป เธอสวมชุดนอนลายการ์ตูนเจ้าหญิงดิสนีย์ตัวโคร่ง ใช้กิ๊บตัวใหญ่หนีบผมสลวยเป็นมวยเอาไว้กลางศีรษะ ใบหน้าปราศจากการแต่งแต้มใดๆ ดูซีดเซียวจนเหมือนคนป่วยก็ไม่เกินจริงนัก และถ้าให้เดา สาวเจ้ายังไม่ได้อาบน้ำเสียด้วยซ้ำ!

“ห้าปีแล้วยังไง” เจ้าของรางวัลขวัญใจมหาชนห้าปีซ้อนไหวไหล่ ไม่เห็นความสลักสำคัญอะไรกับระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา เพราะต่อให้ผ่านมานานแค่ไหนเธอก็ยังภูมิใจทุกครั้งที่ได้เปิดดูมัน “อดีตขวัญใจมหาชนห้าปีซ้อนเลยนะพี่แชมป์ โชได้รับรางวัลนี้ตั้งแต่อายุยี่สิบห้า ทั้งที่เพิ่งเริ่มเป็นนักแสดงได้แค่ห้าปีเท่านั้น นี่ถ้าไม่ใช่ ‘โช โชติกา ประกายวรรณ’ คงทำไม่ได้”

“และแกก็จงสำนึกไว้ว่ามันเป็นแค่อดีต ปัจจุบันแกอายุสามสิบห้า...”

“หยุด!” คนถูกทักเรื่องอายุรีบยกมือห้าม มันช่างแสลงหูเธอเสียจริงๆ “สามสิบสี่ปีกับอีกเจ็ดเดือนต่างหากล่ะ โชยังไม่แก่ขนาดนั้นซะหน่อย” เธอแก้ให้ด้วยใบหน้าบูดบึ้ง ใครเขาพูดถึงเรื่องอายุกัน โดยเฉพาะกับคนที่เลยเลขสามมาเกือบห้าปีอย่างเธอ

“ถ้าแกไม่แก่จริงทางช่องคงไม่ส่งบทแม่มาให้แกเล่นหรอกยายโช!” ชนินทร์พูดแทงใจดำคนฟัง จนเจ้าของรางวัลขวัญใจมหาชนห้าปีซ้อนยกมือขึ้นป้องหู และเอาแต่ส่ายหัวอย่างไม่อยากรับรู้ความจริงข้อนี้

“ซุป’ตาร์อย่างโชไม่มีทางรับเล่นบทแม่อย่างแน่นอน”

โชติกาประกาศกร้าวเป็นครั้งที่เท่าไรก็จำไม่ได้ เพราะไม่เคยสนใจนับครั้งสักที ซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทยที่ได้รับรางวัลการันตีความสามารถมาหลากหลายเวทีอย่างเธอไม่เหมาะกับบทนั้นแม้แต่น้อย ไม่ใช่ว่าบทมันไม่ดี แต่เธอยังไม่แก่ถึงขั้นต้องรับเล่นบทแม่

ปัจจุบันมีเด็กในวงการเกิดใหม่มากมาย ทว่า โชติกา ประกายวรรณ ยังคงเป็นดาวค้างฟ้าที่เหมาะกับบทบาทนางเอกเท่านั้น ส่วนบทอื่นอย่าได้แม้แต่เอามาเสนอเชียว

“เพราะแบบนี้ไงแกถึงไม่มีงานละครมาสามปีเต็ม!”

“นั่นเพราะโชไม่รับงานเองต่างหาก”

“เหรอยะ”

โชติกาไม่มีงานละครมาร่วมสามปี ไม่ใช่แค่ราคาค่าตัวต่อตอนที่สูงลิ่ว แต่หญิงสาวยังเลือกรับงานเฉพาะที่ตนอยากทำเท่านั้น จนผู้จัดหลายค่ายคิดว่าซูเปอร์สตาร์ดาวค้างฟ้าของวงการวางมือเรื่องการแสดงและต้องการพักผ่อนอยู่บ้าน หลังจากที่ทำงานหนักมานานหลายปี ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นเลย

“ถ้าไม่ใช่ละครบู๊ ละครย้อนยุค ตีรันฟันแทง ระเบิดภูเขา เผากระท่อม หรือละครที่โชได้รับบทแม่ โชคงรับเล่นไปนานแล้วค่ะพี่แชมป์”

“แกอย่าลืมนะโชติกา...เงินเก็บที่มีก็เริ่มร่อยหรอลงทุกวัน” ชนินทร์ทิ้งตัวนั่งลงข้างดาราสาวที่ตนเองรักและเอ็นดูเหมือนน้องในไส้อย่างจนหนทางที่จะพูดเรื่องนี้ เธอเคยพูดเรื่องนี้มาก็หลายรอบ แต่โชติกาก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง ได้เวลาที่เธอต้องพูดจริงๆ จังๆ เสียที

“โชยังมีงานอีเวนต์โชว์ตัว ไหนจะพรีเซนเตอร์อีก มันไม่สาหัสขนาดนั้นหรอกมั้งคะพี่แชมป์” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ใจกลับไม่มั่นคงเอาเสียเลย ดูท่าทางชนินทร์แล้วไม่มีแววล้อเล่นสักนิด

“อีเวนต์เดือนละไม่กี่งานเพราะเขาสู้ค่าจ้างแกไม่ไหว ส่วนพรีเซนเตอร์สามตัวที่แกเป็นอยู่ก็หมดสัญญาสิ้นปีทั้งหมด แบบนี้จะรอดเหรอโช ไหนจะค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีก”

“นี่โชกำลังตกอับเหรอพี่แชมป์”

โชติกาแทบไม่อยากเชื่อว่าซุป’ตาร์อย่างเธอจะเข้ามายืนในจุดที่เรียกว่า ‘ตกอับ’ นี้ได้ ทั้งที่อายุสามสิบสี่ปีเจ็ดเดือนอย่างเธอยังทำงานในวงการได้อีกนาน ไม่มีใครปฏิเสธเรื่องความสามารถของเธอแน่ๆ แต่ทำไมกลับไม่มีงานจ้างเข้ามา

“มันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าแกยังไม่ยอมรับงานก็อาจจะตกอับจริงๆ เข้าสักวัน” ชนินทร์จับมือน้องสาวมากุมไว้ “ตอนนี้เด็กใหม่ในวงการก็ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ถ้าแกไม่รู้จักเอาตัวรอดในสถานการณ์แบบนี้ แกก็จะกลายเป็นดาวค้างฟ้าที่ไม่มีอันจะกินในชีวิตจริงแทน ส่วนพี่น่ะไม่มีปัญหาอะไรหรอก เพราะรายได้หลักช่วงหลังก็มาจากเด็กใหม่ในสังกัดทั้งนั้น แต่แกนี่สิ...”

“โชควรรับบทแม่เหรอ...”

“อันนี้ก็แล้วแต่แก พี่ไม่บังคับอยู่แล้ว”

“แล้วโชควรจะทำยังไงดี”

โชติกาเริ่มเครียดกับสิ่งที่ผู้จัดการส่วนตัวบอก เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง เธออาจจะได้กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปทั้งปี หรืออาจจะเลวร้ายถึงขั้นไม่มีปัญญาซื้อแม้แต่มาม่ากินเลยก็ได้

“พี่รู้จักหมอดูคนหนึ่ง ท่านแม่นมาก โดยเฉพาะเรื่องเนื้อคู่ ไม่เคยทำนายให้ใครผิดสักราย” ชนินทร์เอ่ยน้ำเสียงจริงจัง

“รู้ได้ไงว่าไม่เคยผิดสักราย พี่แชมป์ตามเก็บสถิติมาหรือไง” โชติกาเบ้ปากด้วยความหมั่นไส้ เรื่องหมอดูขอให้ไว้ใจพี่สาวในร่างชายของเธอได้เลย งมงายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว หากมีประกวดแฟนพันธุ์แท้หมอดูในไทย ชนินทร์คงได้รับรางวัลทุกปี

“ยังจะมายอกย้อน”

“พี่แชมป์ก็รู้ว่าโชไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ ที่สำคัญเรากำลังคิดวิธีแก้ไขเรื่องงานที่โชกำลังจะตกอับ ไม่ได้คิดถึงเรื่องเนื้อคู่ซะหน่อย”

“เราก็ไปดูเรื่องงานแถมด้วยเรื่องความรักไง แกอยู่เป็นโสดมาสามสิบห้าปีไม่เหงารึไง หรือจะปล่อยให้หยากไย่เกาะมดลูกก่อนถึงจะคิดเรื่องหาผัว”

“ถึงเวลามันก็มาเองนั่นแหละ ไอ้เรื่องผอสระอัวน่ะ” หญิงสาวแย้งไม่เต็มเสียงนัก “คนเราทุกคนย่อมมีเนื้อคู่เป็นของตัวเอง”

“เนื้อคู่แกใช้เวลาเดินทางนานเนอะ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็สามสิบห้าปีแล้ว”

“ไม่ต้องมาประชดเลย” โชติกาแยกเขี้ยวใส่ผู้จัดการสาวประเภทสองที่บังอาจพูดเรื่องจริงที่โคตรจะกระทบจิตใจกันเลย เหมือนถูกลากไปตบที่กลางสี่แยกอย่างไรอย่างนั้น เรื่องเนื้อคู่พอทน แต่ไอ้การย้ำอายุนี่มันทรมานคนฟังสุดๆ

ใช่ว่าเธออยากจะอยู่เป็นโสดแบบนี้เสียเมื่อไร ทั้งที่เธอได้รับการโหวตให้เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่มีใบหน้าสวยที่สุดในเอเชีย แต่กลับไม่มีใครเข้ามาจีบเลย มีบ้างที่แวะเข้ามาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ แต่ไม่นานก็หายไป เพราะแบบนี้ไงล่ะถึงได้ยังโสดอยู่จนถึงปัจจุบัน

โสดโดยไม่ตั้งใจน่ะเข้าใจไหม! ถ้าผู้ชายมันหาได้ง่ายขนาดนั้น เธอคงมีลูกสามผัวสิบไปแล้ว ไม่มาห้อยโหนเกาะคานเล่นอยู่แบบนี้หรอก

โอ๊ย คนโสดมีนิสัยพาลแบบนี้ทุกคนไหมนะ!

“ฉันเลยต้องชวนแกไปดูหมอนี่ไง”

“มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย ตกงานจำเป็นต้องดูหมอด้วยเหรอ” หญิงสาวแย้งอย่างไม่เห็นด้วย ถ้ามัวแต่พึ่งดวงพึ่งโชคลาภ ไม่เป็นอันทำมาหากินกันพอดี “จะบอกให้นะพี่แชมป์ ชีวิตคนเราอยู่ได้เพราะเรากำหนดเอง ไม่ใช่จากดวงหรืออะไรทั้งนั้น”

“แกจะไปไม่ไป”

“ดูปากโชนะ...โช-ไม่-ไป” หญิงสาวเน้นทีละคำอย่างชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะย้ำอีกครั้ง “โชไม่เชื่อเรื่องดวง”

 

สองชั่วโมงต่อมา @สำนักหมอเทพ

โชติกาที่นั่งอยู่ไม่สุขพยายามเอาผ้าพันคอที่คลุมหัวมาปิดบังหน้า เพราะกลัวคนอื่นที่มาใช้บริการหมอเทพผู้หยั่งรู้ รู้ลึก รู้จริงจะจำได้ ตอนแรกเธอไม่อยากมาที่สำนักหมอเทพแห่งนี้ด้วยซ้ำ แต่ก็ขัดผู้จัดการส่วนตัวไม่ได้ ผลสุดท้ายก็ต้องมานั่งแกร่วอยู่ที่นี่ด้วยความไม่เต็มใจ แถมยังต้องมากังวลกลัวคนจำได้อีก

“หมอพูดจริงเหรอคะที่ว่าโชเป็นคนมีวาสนา” เป็นคำถามของคนที่ไม่ค่อยเต็มใจมานะเนี่ย ไม่ค่อยจะเชื่อเลยจริงจรี๊ง

“ใช่” หมอเทพพยักหน้ายืนยันก่อนจะพูดต่อ “แต่นั่นก็ต่อเมื่อเจ้าพบเนื้อคู่ของเจ้าแล้วเท่านั้น”

นั่นไงล่ะ ออกแนวของฟรีไม่มีในโลก และถ้าอยากมีวาสนาก็ต้องหาผัวให้ได้ก่อน

“เนื้อคู่เหรอคะ” เธอถามย้ำอีกครั้ง

“เนื้อคู่ของเจ้าเป็นคนมีวาสนาสูง จะนำพาเจ้าไปพบเจอแต่สิ่งดีๆ ในภายภาคหน้า”

“ที่ว่ายายโชมีวาสนาเพราะมีเนื้อคู่เป็นคนวาสนาสูงเหรอคะหมอ” คราวนี้เป็นชนินทร์ที่ถามบ้าง

“ถูกต้อง”

“แล้วเมื่อไหร่โชจะเจอเนื้อคู่ล่ะคะ”

ไม่รู้จะเชื่อดีหรือไม่ แต่จากข้างต้นที่ได้คุยกันมาสักระยะก็อดจะปฏิเสธไม่ได้ว่าหมอเทพผู้หยั่งรู้คนนี้ดูดวงแม่นใช่ย่อย หากฟังไว้คงไม่เสียหายอะไร เธอพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของตัวเอง ก่อนจะตั้งใจฟังหมอเทพพูดต่อ

“อันนี้ข้าก็ตอบเจ้าไม่ได้ มันขึ้นอยู่ที่ตัวเจ้าแล้วละแม่หนู”

“อ้าว...แล้วโชจะรู้ได้ยังไงคะว่าคนไหนคือเนื้อคู่ของโช” หรือต้องให้คุกกี้ทำนาย

‘~Come on Come on Come on Come on baby ให้คุกกี้ทำนายกัน~’ หญิงสาวคิดถึงเพลง ‘คุกกี้เสี่ยงทาย’ ของวง BNK48 ในใจด้วยความนึกขัน ทว่าก็ต้องหูผึ่งเมื่อเจอประประโยคเด็ดเข้าให้

“ตัวของเจ้าจะรู้ดีที่สุด แต่ถ้าเจ้าอายุครบสามสิบห้าเมื่อไหร่แล้วยังไม่เจอผู้ชายคนนั้นเสียที เจ้าเตรียมตัวขึ้นคานทองนิเวศน์ไปตลอดชีวิตได้เลย โชติกา”

“มียังงี้ด้วยเหรอคะหมอ”

โชติกาเบ้หน้า เริ่มกังวลทั้งที่ยืนยันเสียงหนักแน่นว่าไม่เชื่อเรื่องดวงหรือโชคชะตาที่ไม่รู้ใครเป็นคนกำหนด แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ชักเริ่มหวั่น แถมอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเธอก็จะอายุครบสามสิบห้าปีตามที่หมอดูทักแล้ว งานนี้มีคานทองนิเวศน์เป็นเดิมพันเสียด้วย

“ดวงชะตาเจ้ามันก็บุกน้ำลุยไฟมาตั้งแต่ต้นแล้วนี่ เรื่องนี้เจ้าเชื่อข้าเถิด ผู้ชายคนนี้จะเป็นแสงสว่างในชีวิตที่มืดมนของเจ้า จะเป็นแสงสว่างนำพาเจ้าไปพบเจอแต่สิ่งที่ดีๆ หรือบางทีพวกเจ้าอาจจะเจอกันแล้วก็ได้ ใครจะไปรู้...”

...

“พี่แชมป์ว่าที่หมอเทพพูดเป็นเรื่องจริงไหม” โชติกาถามผู้ร่วมฟังชะตากรรมของเธอระหว่างขับรถกลับคอนโดซึ่งเป็นสินทรัพย์ไม่กี่ชิ้นที่มี “โชต้องหาเนื้อคู่ให้เจอก่อนอายุสามสิบห้า ซึ่งก็คืออีกห้าเดือนข้างหน้าเนี่ยนะ คนในโลกนี้มีตั้งมากมาย จะหากันเจอง่ายอยู่หรอกเหรอ”

“ไหนแกบอกถึงเวลาก็มาเองไอ้เนื้อคู่น่ะ” ชนินทร์ยกเอาคำพูดของหญิงสาวมาพูด ทว่าคนที่พูดไว้กลับเริ่มไม่มั่นใจเสียแล้วว่าจะเป็นแบบนั้น เพราะถ้ามาจริงคงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมานานขนาดนี้

“โชเริ่มไม่แน่ใจตั้งแต่ออกจากสำนักหมอเทพแล้วละพี่แชมป์”

“ไหนแกบอกไม่เชื่อเรื่องดวง เรื่องโชคชะตาไง” ชนินทร์ไม่วายเอาคำพูดของดาราสาวในสังกัดมาพูดอีกครั้ง “แต่จะไม่เชื่อเลยก็กลัวขึ้นคานทองนิเวศน์ใช่ไหมล่ะ ฉันรู้ความคิดแกดีหรอกยายโช”

“ชีวิตโชจะอาภัพขนาดนั้นเลยเหรอ”

“แกก็น่าจะรู้ชีวิตตัวเองดีนะว่าอาภัพหรือไม่อาภัพ”

“แต่อีกไม่กี่เดือนเองนะที่โชจะอายุครบสามสิบห้า”

“แกก็ใช้วิกฤตินี้ให้เป็นโอกาสสิ” ชนินทร์พูดออกมาด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย สมกับฉายาจิ้งจอกสาวแห่งวงการบันเทิง

“ยังไง”

“ดาราทุกวันนี้อยู่ได้เพราะเป็นข่าวทั้งนั้น โดยเฉพาะข่าวเสียๆ หายๆ บางข่าวทำให้คนคนนั้นดังเป็นพลุแตกเลยก็มี” ชนินทร์เกริ่นนำ “เนื้อคู่แกเป็นคนมีวาสนา ฉันว่าเขาต้องเป็นไฮโซไฮซ้อสักคนในเมืองไทยนี่แหละ แถมยังพาแกให้มีชีวิตที่ดีได้ นั่นหมายความว่าต้องมั่งคั่งพอตัว”

“แล้วโชจะใช้วิกฤตินี้ให้เป็นโอกาสยังไง ให้เป็นข่าวกับพวกไฮโซเรียกกระแสเหรอ” โชติกาประชด แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มชนินทร์ก็ชักหวั่นว่าตัวเองจะคิดถูก บอกตามตรงว่านี่ไม่ใช่วิถีของเธอเอาเสียเลย

ชนินทร์หันมายิ้มหวานให้ดาราสาว ก่อนจะยืนยันออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถูกต้อง!”

“เอาจริงดิ”

“แกไม่มีอะไรจะเสียแล้วยายโช ทั้งเรื่องงาน เรื่องความรัก ถ้าเขาเป็นอย่างที่หมอเทพบอกจริง มันก็น่าเสี่ยงดูไม่ใช่เหรอ”

“แต่โชไม่รู้ว่าเนื้อคู่โชเป็นใคร ไม่รู้ว่าชาตินี้จะหากันเจอรึเปล่า” หญิงสาวบอกเสียงเศร้า “คนในประเทศไทยก็กี่สิบล้านคนแล้วล่ะ นี่ยังไม่นับผู้ชายทั้งโลกนะ แค่คิดก็ลำบากแล้วพี่แชมป์ โชไม่มีค่าตั๋วเครื่องบินบินหาผัวรอบโลกหรอกนะ”

“ความรู้สึกมันจะบอกแกเองเมื่อถึงเวลา ไม่งั้นแพทวงเคลียร์คงไม่บอกไว้ว่า รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง รู้ว่าเหนื่อยถ้าอยากได้ของที่อยู่สูง...”

“ยังไงต้องขอลองดูสักที...”

เรื่องปากท้องว่าสำคัญแล้ว แต่เรื่องที่จะต้องขึ้นไปอยู่บนคานทองนิเวศน์ตลอดชีวิตน่ะมันคอขาดบาดตายมากกว่า และอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเธอจะมีอายุครบสามสิบห้าปี

แต่จะรอให้เนื้อคู่มาปรากฏตัวเห็นจะไม่ทันการณ์ ฉะนั้นนางเอกซุปตาร์อย่างโชติกานี่ละจะเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาเนื้อคู่เอง แม้ต้องเปลี่ยนบทจากนางเอกตลอดกาลเป็นนางมารเฉพาะกิจ เธอก็ยอม

 

“เอาไปดูแล้วก็เลือกซะ”

“อะไรหรือคะ” โชติกามองกระดาษขนาดเอสี่ปึกหนึ่งที่ผู้จัดการยื่นมาตรงหน้า แต่ก็ยอมรับมาแต่โดยดีแม้ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

“ผู้ชายที่ฉันคัดแล้วคัดอีกว่ามีคุณสมบัติดีพร้อมทุกอย่าง เหมาะจะเป็นศรีสามีของแกในอนาคต” ชนินทร์เฉลยพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ดาราสาวในสังกัด “แกลองเลือกดูสิว่าสนใจใครเป็นพิเศษ”

“เหมือนแค็ตตาล็อกซื้อของเลยเนอะ มีชื่อนามสกุลพร้อมคุณสมบัติ” โชติกาว่าพร้อมเปิดดูทีละแผ่นอย่างทึ่งกับความสามารถของชนินทร์ที่ไปเสาะแสวงหามา และรีบดึงหลบเมื่อผู้จัดการสาวดึงมันกลับคืน

“จะดูไม่ดู”

“ดูสิคะ” โชติกายืนยันโดยการดูรูปถ่ายและประวัติชายหนุ่มที่ผู้จัดการสรรหามาให้เลือกอย่างละเอียดลออ แม้ตอนแรกจะไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีการนี้ แต่คิดๆ ดูแล้วลองดูก็ไม่เสียหาย บางทีเธออาจจะได้ทั้งงานและลงจากคานก็ได้

“คนนี้เจ้าชู้ โชเห็นข่าวควงผู้หญิงบ่อยๆ” หญิงสาวหยิบประวัติของชายคนดังกล่าวไปวางไว้อีกกอง “ส่วนคนนี้ส่วนสูงน้อยกว่าโช เดินด้วยกันคงไม่โอเค”

โชติกายังคงเลือกหนุ่มโสดจากประวัติที่ชนินทร์ให้มา

“คนนี้ก็ไม่เอา...คนนี้ด้วย...คนนี้ก็ด้วย” เธอวางประวัติชายหนุ่มที่คัดออกแล้วกองรวมกับของคนก่อนหน้า

“นี่เกือบจะหมดที่ฉันหามาให้แล้วนะ” ชนินทร์ชูประวัติหนุ่มโสดที่ตัวเองสรรหามาและถูกโชติกาคัดออกในมือ ไม่เข้าตาเจ้าหล่อนสักราย

“จะหมดทั้งปึกอยู่แล้วยังไม่ถูกใจสักคนเลยเหรอ หรือควรจะเลิกล้มแผนการนี้ แล้วไปยืนกลางสนามหลวง เขียนป้ายห้อยคอตามหาเนื้อคู่ดี” ชนินทร์ประชดอีกฝ่ายด้วยความหมั่นไส้

“พี่แชมป์!”

“จะตะโกนทำไม อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง” ชนินทร์ยกมือป้องหูเพราะเสียงแหลมมีผลต่อแก้วหู คิดว่าที่ดาราสาวเสียงดังเพราะไม่พอใจที่ถูกประชด แต่กลายเป็นว่าไม่ใช่แบบนั้น เพราะโชติกากำลังเจออะไรบางอย่างต่างหาก

“เจอแล้ว!”

“เจออะไร”

“โชเจอแล้ว! โชเจอเนื้อคู่แล้วพี่แชมป์” โชติกายื่นกระดาษประวัติของคนที่เธอเลือกให้ผู้จัดการส่วนตัวดู “โอ๊ย...หล่อดูดีมีสกุลจริงๆ พ่อคุณเอ๊ย จากประวัตินี้อภิชาตบุตรชัดๆ นี่แหละแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของโชตัวจริงเสียงจริง”

ชนินทร์พยักหน้าเห็นด้วยกับเหตุผลเบื้องต้นของโชติกา เมื่อได้เห็นประวัติว่าที่เนื้อคู่ของหญิงสาว

“พี พีรภัทร วิสิทธิ์ธรานนท์ ลูกชายคนเดียวของบริษัทเจ้าของน้ำเมาชื่อดัง และอนาคตจะเป็นคนขึ้นกุมบังเหียนทั้งหมดแทนคนเป็นพ่อที่กำลังจะวางมือในอีกไม่ช้า”

พีรภัทรเป็นหนุ่มเนื้อหอมหน้าตาหล่อเหลาเอาการ แต่กลับไม่มีเรื่องผู้หญิงให้ต้องวิตกแม้แต่น้อย ไม่ต้องพูดถึงข่าวคาวเสียหาย แม้แต่ข่าวควงกับใครยังไม่มีปรากฏ และชายหนุ่มยังเป็นนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่สื่อต่างก็จับตามอง โดยเฉพาะความโสดของเขาที่ไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้หญิงโชคดีได้ยืนเคียงข้างผู้ชายสมบูรณ์แบบอย่างพีรภัทร

“อายุสามสิบสองปีกำลังดี ห่างกันสองสามปีก็พอไหว”

“ไหวมากเลยค่ะบอกเลย โชเอาคนนี้เลยพี่แชมป์” หญิงสาวชี้ไปที่กระดาษในมือชนินทร์ด้วยความแน่วแน่ ตาเป็นประกาย

“จะไม่ดูคนอื่นอีกเลยรึ”

“ไม่ค่ะ เพราะคนนี้แหละคือเนื้อคู่โช โชรู้ โชรู้สึกได้” เธอวางกระดาษอีกไม่กี่แผ่นในมือลงบนโต๊ะ ซึ่งเป็นประวัติของหนุ่มโสดที่ยังไม่ได้พิจารณา ก่อนจะลุกขึ้นชูมือทั้งสองข้างด้วยความตั้งมั่น “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โชจะจีบคุณพีให้ติด!”

“แกแน่ใจเหรอว่าจะจีบเขาติดน่ะ ถึงแกจะสวยหยาดฟ้ามาดินแค่ไหน แต่แกไม่เคยมีแฟน รู้เหรอว่าจีบผู้ชายเขาจีบกันยังไง” ชนินทร์ปรามาสเพราะรู้จักโชติกาดี บางทีอาจจะมากกว่าที่เจ้าตัวรู้จักตัวเองเสียด้วยซ้ำ “คุณพีเขาโพรไฟล์เลิศขนาดนี้ คู่แข่งแกเพียบแน่ๆ โชติกา”

“พี่แชมป์บอกเองนี่ว่าความรู้สึกโชว์จะบอกเองว่าคนไหนที่ใช่สำหรับโช”

“แต่บางทีแกอาจไม่ใช่สำหรับเขา”

“โชเชื่อว่าด้วยความรักที่โชมีให้ คุณพีจะมองเห็นมันและยอมรับรักโชในที่สุด”

โชติกายิ้มอย่างมีความหวังขึ้นมา ตอนนี้เธอมีเวลาว่าง (ไม่มีงาน) ทำให้มีเวลาจีบเนื้อคู่ของตัวเองเต็มกำลัง ไม่มีทางที่ใครจะปฏิเสธนางเอกซุป’ตาร์อย่างเธอลง รวมถึงพีรภัทรเองก็ด้วย

“อ้ะจ้า...แล้วแต่แกเลยจ้านาทีนี้”

ชนินทร์ได้แต่ส่ายหน้า นี่ขนาดเจ้าตัวไม่เชื่อเรื่องดวงเรื่องหมอดูยังแสดงอาการขนาดนี้ ถ้าเชื่อเต็มร้อยจะขนาดไหน คิดภาพไม่ออกจริงๆ หวังว่ามันจะไม่ไปทุบหัวเขาแล้วลากไปจดทะเบียนหรอกนะ แค่คิดก็สยองแล้วหากมีข่าวทำนองว่า...นางเอกซุป’ตาร์ดาวค้างฟ้าทำตัวเป็นมนุษย์ยุคหิน ใช้ไม้หน้าสามที่หาเก็บตามพงหญ้าข้างทางฟาดหัวผู้ชายลากไปจดทะเบียนสมรส ถ้าเป็นแบบนั้นคงบันเทิงน่าดู

“ไปกันพี่แชมป์” โชติกาคว้ามือชนินทร์ให้ลุกขึ้น

“ไปไหน”

“ไปเตรียมตัวพุ่งชนเป้าหมายยังไงล่ะ”

“ขอความจริงค่ะน้องโช” ชนินทร์รู้ทันว่าความต้องการที่แท้จริงของโชติกาคืออะไร

“ตอนนี้มีเสื้อผ้าคอลเลกชันแบรนด์โปรดของโชมาใหม่ เราไปดูกัน อีกเดี๋ยวแม่บ้านจะมาทำความสะอาดห้องแล้วด้วย อยู่ไปก็เกะกะเขาเปล่าๆ”

“แกนี่น้า...สถานการณ์แบบนี้ยังมีอารมณ์ไปชอปปิงอีกนะ” ชนินทร์ส่ายหน้า แต่ก็ลุกขึ้นตามแรงฉุดของดาราสาว ก่อนที่ทั้งสองจะควงกันออกไปข้างนอก

“บอกแล้วไงว่าแค่ไปดู ไม่ได้บอกจะซื้อสักหน่อย”

สองสาวต่างเพศต่างวัยเดินกอดแขนคุยกันกะหนุงกะหนิง และจังหวะที่เปิดประตูออกไปก็มีลมวูบเข้ามาในห้อง พัดกระดาษประวัติหนุ่มโสดที่ทั้งสองวางไว้ปลิวเต็มพื้นห้อง เหลืออยู่บนโต๊ะเพียงแผ่นเดียวเท่านั้น ซึ่งเป็นประวัติหนุ่มโสดที่โชติกายังไม่ได้พิจารณานั่นเอง

‘ติณณ์ ติณณภพ หิรัญเลิศทรัพย์’

ประวัติหนุ่มโสดที่อยู่แผ่นสุดท้ายค่อยๆ ปลิวตกลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก แถมยังบังเอิญตกไปในถังขยะที่อยู่ข้างโต๊ะอย่างพอดิบพอดี และไม่มีโอกาสที่โชติกาจะได้เห็น เมื่อแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดห้องหลังจากนั้นไม่นาน เพราะถึงแม้จะจัดเก็บเอกสารที่

ปลิวตกตามแรงลมไว้บนโต๊ะดังเดิมอย่างเป็นระเบียบ ทว่าประวัติหนุ่มโสดแผ่นที่ตกลงไปในถังขยะถูกนำไปทิ้งพร้อมกับขยะอื่นๆ และถูกนำไปทำลายต่อไป

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น