8
แค่อยากเปลี่ยนลุคบ้างก็เท่านั้น
งานเลี้ยงของบริษัทวิสิทธิ์ธรานนท์ผ่านพ้นไปด้วยดีสำหรับโชติกาที่ออกงานคู่ครั้งแรกกับพีรภัทร หญิงสาวได้ทำความรู้จักกับครอบครัวชายหนุ่มในฐานะเพื่อน และครอบครัวเขาก็ต้อนรับขับสู้เธอเป็นอย่างดี
โชติกาได้ใช้ประโยชน์จากเอกสารที่ชนินทร์นำมาให้ก่อนไปงาน ซึ่งทำให้เธอพูดคุยกับเพื่อนและครอบครัวของพีรภัทรได้อย่างถูกคอ และหากเธอไม่ได้รู้สึกไปเอง ดูเหมือนพีรภัทรจะเป็นปลื้มเธอมากยิ่งขึ้น คงเป็นอย่างที่ติณณภพเคยพูดไว้ ‘ผู้ชายชอบผู้หญิงฉลาด’
หลังออกงานคู่กับพีรภัทร ทุกอย่างที่เธอหวังไว้ก็เป็นไปตามคาด มีข่าวซุบซิบดาราตามสื่อต่างๆ ถึงเรื่องของเธอไม่เว้นแต่ละวัน สื่อโซเชียลก็เล่นข่าวเธอกับเขาไม่หยุดหย่อน และตอนนี้เธอก็กำลังถูกตั้งคำถามจากสื่อและประชาชนถึงความสัมพันธ์ที่แท้จริงของทั้งสองที่ยังไม่มีใครออกมาไขข้อข้องใจ
กระแสที่ค่อยๆ หดหายไปของนางเอกสาวอดีตเจ้าของรางวัลขวัญใจมหาชนห้าสมัยซ้อนเริ่มกลับมาอีกครั้ง และงานที่เคยซบเซาก็กลับมามีมากขึ้น แม้ไม่รุ่งเรืองเท่ากับตอนที่ยังโด่งดัง แต่ก็ถือว่ามีงานติดต่อเข้ามาไม่ขาดสาย
เธอควรจะดีใจเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในตอนนี้ ทั้งเรื่องงานที่กลับมาเฟื่องฟูและเรื่องความรักที่ราบรื่นไปได้ด้วยดี แถมยังมีหวังเมื่อพีรภัทรแสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจในตัวเธอมากกว่าใคร ชายหนุ่มโทร. หาเธอทุกวันไม่มีว่างเว้น และเมื่อมีเวลาว่างก็มักชวนไปกินข้าวด้วยอยู่เสมอๆ
ทุกอย่างลงตัวและกำลังไปได้ด้วยดีภายในไม่กี่วัน จนบางทีเธอก็ยังนึกว่าตัวเองฝันไป ทว่าเหตุใดเธอกลับรู้สึกนิ่งเฉยต่อสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่ได้ดีใจหรือเสียใจอย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะเรื่องความรักที่เธอหวังมากกว่าสิ่งอื่นใด
โชติกาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อนึกถึงความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือในช่วงเวลาสั้นๆ วันนี้เป็นวันพักของเธอหลังจากโหมรับงานมาตลอดทั้งสัปดาห์ ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว แต่เธอกลับยังไม่อยากขยับลุกไปไหน จึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาท่องโซเชียลอย่างเคย ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้
“วันนี้คุณติณณ์กลับมานี่” ไวเท่าความคิด เธอเปิดเข้าไปที่โปรแกรมซึ่งใช้สนทนากันเรื่อยมา
“คุณติณณ์กลับกรุงเทพฯ แล้วหรือยังคะ”
โชติกากดส่งข้อความไปและรอคอยคำตอบจากอีกฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ
ทางด้านคนถูกถามกำลังโดยสารรถยนต์ส่วนตัวโดยมีเลขาฯ หนุ่มรับหน้าที่สารถี มุ่งหน้ากลับที่พัก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อมีเสียงเตือนของแอปพลิเคชันไลน์ ชายหนุ่มอมยิ้มเมื่อรู้ว่าเจ้าของข้อความเป็นใคร
“กลับแล้วครับ” เขาส่งข้อความกลับไป และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะรอคอยคำตอบเขาอยู่ เพราะทันทีที่กดส่งข้อความ หน้าจอก็ขึ้นแสดงว่าโชติกาอ่านข้อความแล้ว
ติณณภพกำลังพิมพ์ข้อความตอบกลับเมื่อเธอถามว่า “ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหนคะ” แต่ยังไม่ทันได้กดส่งก็มีสายเรียกเข้าจากคนที่กำลังคุยอยู่เสียก่อน
‘ขวัญใจมหาชนห้าสมัย’
เขาไม่มีทางให้โชติกาเห็นแน่นอนว่าเขาบันทึกชื่อเธอว่าอะไร ติณณภพกระแอมเล็กน้อยก่อนรับสาย “พิมพ์ตอบไม่ทันใจคุณ หรือว่าทนคิดถึงผมไม่ไหวกันแน่”
“ต้องคิดถึงอยู่แล้วสิคะ”
‘วันนี้มาแปลกแฮะ’ ติณณภพคิดในใจ แต่คำตอบของเธอก็ทำให้ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายเต้นแรงกว่าปกติ แม้จะรู้ว่าเธอพูดเล่นมากกว่าจะจริงจังก็ตาม
“คุณติณณ์จะผ่านแถวอนุสาวรีย์ชัยไหมคะ”
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ฉันอยากกินก๋วยเตี๋ยวเรือ” เธอบอกเสียงอ่อย เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้ติณณภพเดินทางถึงไหนแล้ว ดีไม่ดีเขาอาจจะกำลังเลี้ยวรถเข้าคอนโดก็ได้ใครจะไปรู้ “ถ้าคุณผ่าน...”
“ผมผ่านทางนั้นพอดี” ติณณภพตอบทันทีโดยไม่รอให้เธอพูดจบ “คุณโชอยากได้อะไรแบบไหน สั่งมาได้เลยครับ ลูกน้องเฉพาะกิจคนนี้ยินดีบริการ”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะคะ”
“คร้าบ...”
และเมื่อเขายืนยัน หญิงสาวก็บอกกล่าวสิ่งที่เธอต้องการทันที ถึงแม้เธอจะไม่บอกก็พอเดาได้ถึงวิถีการกินของเธอ และดูเหมือนว่าสาวเจ้าจะอยากกินอย่างที่บอกจริงๆ เพราะเธอสั่งซะจนเขาคิดว่าไม่มีทางที่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวจะกินหมดได้
“สั่งเยอะขนาดนี้จะกินหมดเหรอคุณโช”
“สั่งเผื่อคุณด้วยไง”
ติณณภพยิ้มออกเมื่อได้ฟังเธอพูด “รู้ได้ไงว่าผมยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า”
“นี่มันเที่ยงแล้วนะคุณ” โชติการ้องเสียงหลง เพราะนี่ก็ปาไปเที่ยงวันเข้าแล้ว “ถ้าคุณอยากได้อะไรเพิ่มเต็มที่เลยนะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”
“ทำไมวันนี้คุณโชใจดี หรือว่าไม่ตกอับแล้ว” ติณณภพเย้า แต่ในใจกลับรู้สึกขอบคุณที่เธอแสดงความเป็นห่วงเขา
“ตลอดสองอาทิตย์ไม่ได้ดูทีวีหรือเล่นโซเชียลเลยหรือไง ตอนนี้โชติกาดาราสาวขวัญใจมหาชนกำลังกลับมาทวงบัลลังก์คืนแล้วนะคะคุณติณณภพ” หญิงสาวโอ่ “โชติกาคนนี้มีเงินจ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวอย่างแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไม่เกรงใจคุณแล้วนะ”
“เอาให้เต็มที่เลยค่ะ”
“จัดไปอย่าให้เสีย”
ติณณภพคุยสายกับโชติกาอีกสองสามประโยคก็วางสาย ข้อความที่เขาเตรียมจะส่งให้เธอยังคงค้างอยู่ที่เดิม และเธอคงไม่มีโอกาสได้อ่าน “ผมอยู่หน้าคอนโดแล้วครับคุณโช” ชายหนุ่มกดลบข้อความนั้นทิ้งไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเรียกเลขาฯ หนุ่มที่ทำหน้าที่ขับรถ
“ไอ้วิทย์”
“ครับคุณติณณ์” วิทยาเหลือบมองเจ้านายหนุ่มผ่านกระจกมองหลัง แม้ติณณภพจะเรียกชื่อตน แต่สายตาเขาจ้องมองโทรศัพท์ในมือตัวเอง
“กลับรถไปอนุสาวรีย์ชัยฯ”
“ฮะ! คุณติณณ์ว่าอะไรนะครับ”
วิทยาอุทานออกมาด้วยความไม่เข้าใจในคำสั่ง ถึงเขาจะทำงานกับติณณภพมานานหลายปี หรือตั้งแต่เจ้านายหนุ่มเรียนจบใหม่ๆ จนตอนนี้กลายมาเป็นรองประธานกรรมการบริหาร บริษัท หิรัญเลิศ เรียลเอสเตต บริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือของหิรัญเลิศทรัพย์กรุ๊ป แต่ก็ใช่ว่าเขาจะรู้ใจหรือเดาใจผู้เป็นนายถูก และครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน
อย่าบอกนะที่ว่า ‘ผมผ่านทางนั้นพอดี’ ของติณณภพที่คุยโทรศัพท์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเมื่อครู่หมายถึงผ่านอนุสาวรีย์ชัย และ ‘คุณโช’ ที่ว่าคือเหตุผลที่ทำให้ผู้เป็นนายต้องกลับรถไปที่นั่น ทั้งที่ตอนนี้อยู่หน้าคอนโดที่พักแล้ว
“อย่างที่แกได้ยินนั่นแหละ”
ติณณภพตอบโดยที่ยังคงเลื่อนสายตาอ่านข้อความเก่าๆ ที่เคยคุยกับโชติกา หญิงสาวมักเล่าเรื่องราวในชีวิตประจำวันที่เธอพบเจอหรือกำลังทำให้เขาได้รู้ผ่านรูปภาพและคำพูดอยู่เสมอ
เขารู้ดีว่าตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาชีวิตเจ้านายสาวเฉพาะกิจของเขาเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามที่เธอหวัง ต่อจากนี้ไปเธอคงได้ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ อยู่ในสังคมที่คุ้นเคย ผู้ช่วยอย่างเขาคงไม่จำเป็นอีกต่อไป
“ไปร้านก๋วยเตี๋ยวเรือที่อร่อยที่สุด”
“ครับคุณติณณ์”
วิทยาได้แต่ตอบรับคำสั่งและเปิดไฟเลี้ยวเข้าเลนขวาเพื่อกลับรถไปยังจุดหมายใหม่ทันที
ภาพที่ติณณภพนั่งทำงานกับแท็บเล็ตอยู่เบาะหลังมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากไซต์งานที่ชลบุรีหายไปทันที ตั้งแต่ ‘คุณโช’ ของเจ้านายโทร. เข้ามา
ตอนนี้มีเพียงผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งยิ้มให้โทรศัพท์ในมือ และไม่มีทีท่าว่ารอยยิ้มนั้นจะแห้งเหือดหายไป มีแต่กว้างขึ้นยิ่งกว่าเดิม แถมบางเวลามีเสียงหัวเราะที่เลขาฯ เช่นเขาแทบจะไม่เคยได้ยินหลุดออกมาจากปากเจ้านายอีกต่างหาก และความอารมณ์ดีของเจ้านายหนุ่มก็เกิดขึ้นทุกครั้งยามมีเสียงข้อความเข้า แม้ตอนนั้นจะตึงเครียดมากแค่ไหน บนใบหน้าก็มีรอยยิ้มประดับอยู่เสมอยามยกโทรศัพท์ขึ้นมาดู สาเหตุของความเปลี่ยนไปนี้คงมีเหตุผลมาจาก ‘คุณโช’ นั่นเอง
หลังจากคุยสายกับติณณภพเสร็จ โชติกาก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อรอชายหนุ่มกลับมาพร้อมก๋วยเตี๋ยวเรือ มองรอบๆ ห้องว่ามีสิ่งใดไม่เป็นระเบียบหรือน่าอายยามแขกมาเยือนหรือไม่ แต่เมื่อทุกอย่างปกติดีจึงเดินไปนั่งรอที่โซฟาบุนวมหุ้มผ้ากำมะหยี่กลางห้องนั่งเล่น
เธอเปิดทีวีดูรายการต่างๆ ผ่านไปสักพักก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นหน้าประตูห้อง และแน่นอนว่าเป็นติณณภพอย่างไม่ต้องสงสัย โชติกาลุกขึ้นตรงไปที่ประตูและเปิดออกทันทีโดยไม่ส่องตาแมวดูว่าเป็นใคร
รอยยิ้มที่เปิดกว้างเตรียมทักทายชายหนุ่มที่ไม่เห็นหน้าค่าตากันมาราวสองสัปดาห์ค่อยๆ หุบลง เมื่อคนที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าไม่ใช่คนที่เธอคิด และเธอก็ไม่รู้จักเขาเสียด้วยสิ
“เอ่อ...มาหาใครคะ” โชติกาถามด้วยความไม่แน่ใจ แม้เขาจะมากดออดหน้าห้องเธอก็เถอะ ถึงจะดูคลับคล้ายคลับคลา แต่เธอก็ยังยืนยันว่าไม่รู้จักเขาอยู่ดี
ชายหนุ่มตรงหน้าแต่งตัวดีด้วยสูทราคาแพง ร่างกายกำยำพอๆ กับติณณภพ แต่แตกต่างกันตรงที่ใบหน้าของคนตัวโตตรงหน้าสะอาดสะอ้านไร้หนวดเคราปกคลุม ทรงผมตัดแต่งและเซตไว้อย่างเป็นระเบียบ หน้าตาคมหล่อเหลาจนพระเอกบางคนของเธอไม่อาจเทียบได้
ส่วนคนถูกทักว่ามาหาใครแปลกใจไม่น้อยที่ถูกตั้งคำถามแบบนั้น เขามากดออดหน้าห้องเธอขนาดนี้ก็น่าจะตอบคำถามได้แล้วนี่ ที่สำคัญเจ้าหล่อนยังมีสีหน้าไม่ไว้วางใจและดูระแวดระวังยามคุยกับเขา
นี่เธอจำเขาไม่ได้จริงๆ อย่างนั้นเหรอ
“มาหาคนสั่งของพวกนี้” เขายกถุงที่ถือมาทั้งสองมือให้เจ้าของห้องได้เห็นพร้อมทำหน้าสลด “ไม่รู้ว่าคนสั่งจะชิ่งรึเปล่า ยังไม่ได้เงินค่าก๋วยเตี๋ยวด้วยสิ”
“คุณติณณ์!” โชติกาอุทานเรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงดังเมื่อได้ยินเสียงทุ้มที่คุ้นเคย นี่ถ้าเขาไม่พูดออกมา เธอไม่มีทางจำได้ว่าเป็นเพื่อนบ้านข้างห้อง “นี่ถ้าไม่บอกว่าเป็นคุณ ฉันคิดว่าเป็น โรเบิร์ต แพททินสัน”
โชติกาเดินวนรอบร่างสูงที่เปลี่ยนไปราวฟ้ากับเหว เพิ่งสังเกตอย่างจริงจังว่าแท้จริงแล้วติณณภพผิวขาว ส่วนผิวคล้ำที่เห็นก่อนหน้านี้คงเพราะคล้ามแดด
“บอกแล้วว่าผมหล่อเหมือน โรเบิร์ต แพททินสัน”
“และถ้าคุณไม่บอกฉันว่าเป็นเซลส์ขายบ้านขายคอนโด ฉันคิดว่าคุณเป็นเจ้าของโครงการ”
“ตอนนี้เข้าห้องกันก่อนไหม ผมหิวจะแย่อยู่แล้วเนี่ย” ชายหนุ่มโอด ยิ่งได้กลิ่นหอมๆ ของน้ำซุป พยาธิในท้องก็เริ่มส่งเสียงประท้วง “ถ้าคุณจะสงสารคนที่ดื่มกาแฟแก้วเดียวมาตั้งแต่เช้า ช่วยนำผมเข้าห้องทีเถอะ”
“ขอโทษที ตื่นเต้นไปหน่อย” หญิงสาวยิ้มแหยๆ ก่อนจะเดินนำเขาเข้ามาในห้อง แต่ก็ยังไม่หมดคำถาม “คิดยังไงถึงตัดผมโกนหนวดเสียเกลี้ยงเกลาหล่อเหลาขนาดนี้”
โชติกาทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ทรงสูงไม่มีพนักพิงในห้องครัว มองร่างสูงที่จัดแจงหาถ้วยชามด้วยความเพลินตา
“แค่อยากเปลี่ยนลุคบ้างก็เท่านั้น”
ติณณภพไหวไหล่เหมือนไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ขณะที่มือก็ยังแกะถุงอาหารใส่ถ้วยไปด้วย ไม่ลืมที่จะทำเผื่อเจ้าของห้องที่นั่งมองเขาตาเขม็ง
“เพราะเปลี่ยนงานด้วยหรือเปล่า” หญิงสาวคาดเดาจากที่เขาเคยบอกว่าเปลี่ยนงานใหม่ “จริงๆ หน้าที่การงานของคุณแต่งตัวแบบนี้ก็เหมาะดี ถึงจะสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้าได้”
“งั้นมั้ง” ติณณภพแบ่งรับแบ่งสู้พร้อมกับเลื่อนชามอาหารไปตรงหน้าเธอ “ของคุณพิเศษลูกชิ้นและใส่กระเทียมเจียวเยอะๆ”
“พี่ติณณ์ผู้รู้ใจน้องโชเป็นที่หนึ่ง” โชติกาทำหน้าปลื้ม เพราะสิ่งที่เขาพูดมา เธอไม่ได้สั่งเป็นพิเศษ ทว่าติณณภพก็ยังอุตส่าห์จำได้ว่าเธอชอบกินแบบไหน
“กินให้หมดก็แล้วกัน”
“น้องโชจะกินไม่ให้เหลือเลยค่ะ” หญิงสาวยิ้มจนตาหยีแล้วจัดการกับอาหารตรงหน้าทันที
ติณณภพมองหน้าหวานที่มีสีหน้าเอร็ดอร่อยเหมือนเด็กไม่มีผิด ทั้งที่อายุเจ้าตัวไม่เข้าเค้าสักนิด ทว่าการแสดงออกของเธอทำให้เขาเชื่อว่าเจ้าหล่อนยังเป็นเด็กสาวอยู่จริงๆ
“คุณติณณ์” โชติกากลืนอาหารลงคอแล้วพูดต่อ “ฉันบอกคุณหรือยังว่าวันนี้คุณหล่อมาก”
“ยัง” ติณณภพทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เจ้าของหน้าหวาน เบื้องหน้ามีชามก๋วยเตี๋ยวสำหรับตัวเองวางอยู่ “แต่ถึงคุณไม่บอก ผมก็รู้ตัวดี”
“การเปลี่ยนงานของคุณมีผลดีจริงๆ”
“รีบๆ กินไปเถอะน่า เส้นอืดหมดแล้วมั้ง”
“แค่นี้ทำเขินนะคุณ” โชติกาล้อพร้อมกับกระแทกไหล่คนข้างๆ อย่างเย้าแหย่ “ไม่ต้องเขินหรอกน่าคุณติณณ์ คนกันเองทั้งนั้น”
ติณณภพส่ายหัวเพราะความขี้เล่นของเธอ ก่อนจะถอดสูทตัวนอกออกเมื่อมันไม่เหมาะกับการนั่งกินก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ แบบนี้
เขาปล่อยให้โชติกาเข้าใจว่าที่ตนเปลี่ยนลุคใหม่เนื่องจากเปลี่ยนงาน ซึ่งความจริงแล้วเป็นเพราะคำพูดของเธอต่างหาก
‘ถึงจะหล่อแค่ไหน แต่ไว้หนวดไว้เครายาวเฟิ้มขนาดนี้ ไหนจะผมเผ้ารุงรังอีก ผู้หญิงเขาก็กลัวเป็นนะคุณ นอกจะจะรวยมากๆ เขาถึงจะมองข้ามสิ่งที่ฉันพูดไปทั้งหมด’
และเพราะคำพูดของเธอในวันนั้นเองที่ทำให้เขาต้องขับรถไปร้านตัดผมกลางดึก
“หันหน้ามานี่หน่อยคุณติณณ์”
“หืม...” ติณณภพที่กำลังก้มหน้าก้มตากินอาหารมื้อแรกของวันจำต้องเงยหน้าขึ้นมองคนเรียก
“มีอะไรหรือเปล่า”
“เหงื่อแตกพลั่กเลย”
คนถูกทักตกใจ ไม่ใช่เพราะประโยคเมื่อครู่ แต่เพราะสิ้นคำพูดของเธอก็มีกระดาษทิชชูลอยขึ้นมาซับหน้าเขา ซึ่งมันไม่มีทางลอยขึ้นมาเองได้ ถ้าไม่ใช่จากฝีมือคนที่นั่งข้างกันอยู่ในขณะนี้
“...”
“รอยที่โดนน้ำมันกระเด็นใส่ก็หายดีแล้วนี่” โชติกายังซับเหงื่อให้ติณณภพโดยไม่คิดอะไร และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกจ้องจากตาคมทุกการเคลื่อนไหว “เกือบเสียโฉมแล้วไหมล่ะ”
“อะฮึ่ม!” เกิดอาการติดขัดในลำคอชายหนุ่มเมื่อมือนิ่มยกขึ้นจับหน้าผากเขาที่เคยมีแผลจากการถูกน้ำมันร้อนกระเด็นใส่ เมื่อหาเสียงตัวเองเจอจึงรีบพูดกลบเกลื่อนออกไป เขาทำทุกอย่างเพื่อให้พีรภัทรตกลงหลุมพรางหญิงสาว แต่ไหงกลายเป็นเขาเองที่ตกหลุมความน่ารักของเธอเข้าทั้งตัว “ถึงยังไงผมก็หล่ออยู่ดีแหละน่า”
“นั่นน่ะสิ” โชติกายกมือเท้าคางมองติณณภพโฉมใหม่
“อิ่มแล้วเหรอถึงมานั่งจ้องผมแบบนี้”
“อื้อ”
ให้ตายเถอะ! มานั่งจ้องกันด้วยสายตาแบบนี้ ถึงจะหิวมากแค่ไหนก็กินต่อไปไม่ได้อยู่ดี
“ถ้าอย่างนั้นฝากล้างชามด้วยสิ” ติณณภพเลื่อนชามตัวเองไปตรงหน้าเธอ ก่อนจะรีบลุกหนีไปที่ห้องนั่งเล่น “ขอบคุณครับเจ้านายคนสวย”
“ทีอย่างนี้ละไวเชียว” ถึงจะบ่น แต่เธอก็หยิบชามของเขาและตัวเองไปวางที่ซิงก์ล้างจาน แล้วจัดการกับมันทันที
“ผมขอน้ำสักแก้วด้วยนะคุณโช”
เสียงที่ตะโกนมาจากห้องนั่งเล่น โดยที่เจ้าตัวนั่งไขว่ห้างดูทีวีอย่างสบายอารมณ์ทำให้โชติกาอดจะหมั่นไส้ไม่ได้ “ได้ค่ะคุณชายติณณภพ เดี๋ยวบ่าวจะยกน้ำไปเสิร์ฟนะคะ”
โชติกาจัดการในครัวอีกสักพักจึงยกน้ำออกไปให้คนที่นั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นด้วยความสนใจ
“น้ำค่ะ” เธอยื่นแก้วน้ำให้เขา
“ขอบคุณครับ” ติณณภพกล่าวขอบคุณและยกน้ำขึ้นดื่ม ทว่าตายังคงจดจ้องที่ของในมือ “เหมือนเขาจะเป็นผู้ชายที่สำคัญกับคุณมาก”
“แน่นอนสิ นี่น้องชายแท้ๆ ของฉันเชียวนะ” โชติกาทิ้งตัวนั่งบนโซฟาตัวที่ว่าง พร้อมกับหยิบรูปถ่ายใส่กรอบอย่างดีในมือของติณณภพมาดูด้วยความภาคภูมิใจ “นี่เป็นรูปที่ถ่ายตอนน้องชายฉันรับปริญญา”
เธอพูดพร้อมกับมองรูปในมือ เป็นรูปที่ชวกรสวมชุดครุยของสถาบันหนึ่งในอเมริกา โดยมีเธอยืนโอบบ่าเขาไว้ ทั้งที่ตัวเองสูงแค่บ่าของเขา ถึงจะปราศจากรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อ แต่พี่สาวอย่างเธอกลับยิ้มปลื้มจนน้ำตาคลอเบ้า
ไม่ใช่แค่ภูมิใจกับความสำเร็จของเขา แต่ภูมิใจกับความสำเร็จของเธอด้วยที่บังคับชวกรให้ถ่ายรูปคู่กันได้เป็นครั้งแรก ภาพนี้เป็นภาพแห่งความทรงจำสำหรับเธอ ถ่ายทอดความรู้สึกทุกอย่างออกมาสิ้น ทั้งสุข เศร้า ดีใจ เสียใจ รวมไว้ในภาพนี้ภาพเดียว และเธอก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้มีรูปคู่ระหว่างเธอกับน้องอีกไหม
“โชนไม่ค่อยชอบถ่ายรูป คุณน่าจะดูออกจากรูปคู่ของเรา” โชติกาชูรูปในมือให้ติณณภพดูอีกครั้งพร้อมทำหน้ายู่ “แต่เขาเป็นคนที่น่ารัก ชอบช่วยเหลือคนอื่นเสมอ การเรียนก็ดีจนบางทีฉันยังคิดว่าแม่คงเอาไอคิวในส่วนของฉันเก็บไว้ให้โชน ฉันไม่ได้ยกยอน้องชายตัวเองนะ แต่เขาเป็นผู้ชายสมบูรณ์แบบคนหนึ่งเลยละ”
ติณณภพมองหน้าหวานยามเธอพูดถึงน้องชายของตัวเอง เธอมีรอยยิ้มเสมอทั้งปากและดวงตา เขารับรู้ได้ถึงความภาคภูมิใจของเธอที่มีต่อน้องชายคนนี้ และเธอมีความสุขทุกครั้งที่ได้เอ่ยถึง
“ฉันเป็นห่วงเขามากตอนที่รู้ว่าโชนไปเป็นจิตอาสาที่ประเทศซึ่งมีสงคราม แต่ฉันก็ภูมิใจที่เขาเป็นคนดี”
โชติการีบเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหน่วยตาด้วยความรวดเร็ว ทว่าไม่เล็ดลอดสายตาของติณณภพที่จ้องมองเธออยู่ตลอดไปได้
“ผมขอน้ำอีกแก้วได้ไหมคุณโช” เขารู้ว่าคนอย่างโชติกาไม่อยากแสดงความอ่อนแอต่อหน้าใครจึงบอกเธอไปแบบนั้น
“ได้สิคะ” โชติกายิ้ม วางกรอบรูปไว้ที่เดิม ก่อนจะหยิบแก้วน้ำจากมือติณณภพเดินเข้าไปในครัว เพราะไม่อยากแสดงความอ่อนแอต่อหน้าบุคคลอื่น
“ทำไมต้องทำให้อยากปกป้องด้วยเนี่ย”
ติณณภพพูดกับตัวเองเสียงเบา ถึงเขาจะอยากดูแลเธอแค่ไหน แต่คนเดียวที่เธอต้องการก็คือพีรภัทร...ไม่ใช่เขา
ความคิดเห็น |
---|