11

บทที่ 11


 

11

 

เจนลงจากรถตามเดนนิสมายังคลับหรูแห่งหนึ่งที่ค่าสมาชิกต่อปีสามารถทำให้เธอมีชีวิตอยู่ได้ทั้งปีหรืออาจจะหลายปี ความหรูหราของมันสร้างความประทับใจแก่หญิงสาวผู้มาเยือน ชายหนุ่มพาเธอเข้ามาด้านในที่เปิดเพลงคลอเบาๆ เก้าอี้ในงานถูกจัดเป็นมุมส่วนตัว เปิดไฟเอาไว้เพียงสลัวราง จากตรงนี้หญิงสาวเห็นภาพชายหญิงหลายคู่กำลังอิงแอบแนบชิดกันอยู่ เสียงหัวเราะดังขึ้นมาเป็นระยะๆ บ้างก็จับกลุ่มพูดคุยสนุกสนาน บ้างก็เต้นรำบนฟลอร์ที่อยู่อีกด้านหนึ่ง

เจนคว้าแขนแกร่งของคนข้างกายเอาไว้มั่น รู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เซเลบริตีหนุ่มเพียงแต่หันมามองและยิ้มให้น้อยๆ ยกมืออีกข้างมากุมมือเย็นเฉียบของเธอเอาไว้แล้วพาเธอเดินลึกเข้าไปยังส่วนที่ถูกกั้นเอาไว้เป็นสัดส่วน

ชายร่างยักษ์ที่เฝ้าหน้าห้องค้อมศีรษะให้เขาอย่างคุ้นเคย เดนนิสเดินตรงเข้าไปด้านในเพื่อพบกับเจ้าของงานที่มีสาวสวยแนบกายอยู่ไม่ห่าง มือข้างหนึ่งถือแก้วเหล้า ส่วนอีกข้างก็คีบบุหรี่เอาไว้พลางหัวเราะร่วนอย่างอารมณ์ดี

ชายคนนั้นเป็นชายร่างสูงแต่ไม่บึกบึนเท่าแขกผู้มาเยือน เรือนผมสีทองซีดๆ เป็นสิ่งที่โดดเด่นสะดุดตาที่สุด ชุดสูทที่สั่งตัดจากดีไซเนอร์ชื่อดังดูเหมาะกับผู้สวมใส่ที่มีมาดราวนายแบบนิตยสาร เจ้าตัวลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นผู้มาเยือนชัดเจน

“เดนนิสเป็นไงพวก” เสียงทักทายยินดีของลูคัสดังขึ้นต้อนรับชายหนุ่มผู้มาใหม่

“ไง ลุค” เดนนิสตบหลังตบไหล่ทักทายเจ้าของงานกลับ พร้อมยื่นมือออกไปรับของขวัญซึ่งหญิงสาวที่ติดตามมาด้วยส่งให้

“สุขสันต์วันเกิดนะเพื่อน ขอให้ชีวิตแต่งงานมีความสุข” เดนนิสอวยพรเจ้าของงานที่มีสาวขนาบข้างถึงสองคน แต่กำลังจะแต่งงานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ปาร์ตี้วันนี้ก็คือปาร์ตี้สละโสดพร้อมปาร์ตี้วันเกิด

คนที่ได้รับคำอวยพรถึงกับหัวเราะชอบใจ “ขอบใจ นายก็รู้ว่านี่คือครั้งสุดท้าย ต่อไปนีน่าเอาฉันตายแน่” ลูคัสยิ้มเมื่อพูดถึงคู่หมั้นสาวผู้สามารถปราบเพลย์บอยอย่างเขาเสียอยู่หมัด ไอ้ที่นั่งโอบๆ จับๆ อยู่นี่ก็แค่โชว์เพื่อนหรอก ใจจริงไม่แม้แต่จะคิด เพราะกลัวอิทธิฤทธิ์ว่าที่เจ้าสาวคนสวย

“ตามสบายเลยนะถ้าอยากเมาเหล้าก็ไปทางนั้น อยากเมาควันก็มาทางนี้” ลูคัสบอกพร้อมกับนั่งลงสูบบุหรี่ มองบรรดาเพื่อนสนิทที่สนุกสุดเหวี่ยงกับสาวๆ ที่ทางคลับจัดมาให้ ดวงตาสีฟ้านั่นหรี่ปรืออย่างอารมณ์ดี

เดนนิสจึงผละออกจากเพื่อนเพื่อไปทักทายเพื่อนคนอื่นๆ ที่แอบเตรียมเซอร์ไพรส์ให้ว่าที่เจ้าบ่าว เมื่อเขาเดินผ่านโต๊ะเครื่องดื่ม เขาจึงฉวยเอาค็อกเทลสีหวานให้เจน ส่วนเขาเลือกเหล้าฤทธิ์แรงแก้วหนึ่งมาถือไว้

เจนมองเครื่องดื่มสีฟ้าในมืออย่างชั่งใจ อันที่จริงเธอเคยลองดื่มแล้ว แต่พอเมาเธอจะพล่ามไม่หยุดแถมจำอะไรไม่ได้ เธอจึงเลี่ยงของเหล่านั้นตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หญิงสาวลองจิบนิดๆ ความหวานและขมที่แทรกมาซ่านอยู่ที่ปลายลิ้นเจนจึงลดแก้วใบนั้นลง

“ดื่มได้ไหม” เดนนิสก้มลงมาถามอย่างเป็นห่วง เธอจึงพยักหน้าแทนคำตอบ

ชายหนุ่มจึงพาเธอมาหยุดที่กลุ่มหนุ่มสาวหลายคนที่รวมตัวกันดื่มอยู่ เพื่อนๆ กล่าวทักทายเขาอย่างยินดี ดูเหมือนเดนนิสจะเป็นที่ชื่นชอบของคนเหล่านี้ไม่น้อย

“ไง เดนนิส” หนึ่งในกลุ่มเพื่อนทักขึ้นเมื่อเห็นเขาควงมากับสาวคนใหม่

“จะไม่แนะนำสาวสวยคนนี้ให้รู้จักหน่อยเหรอ” เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นอย่างคะนองปาก พลางส่งยิ้มให้เดนนิสกับหญิงสาวข้างกาย

“นี่เจน” เขาแนะนำสั้นๆ เช่นเคย ไม่สนใจเสียงโห่ของเพื่อนนัก

“อะไรมันจะง่ายขนาดนั้นวะ เด็กใหม่ของนายเนี่ยไม่มีอะไรน่าสนใจเลยเหรอ” อีกคนถามขึ้น

แต่หนุ่มเจ้าสำราญไม่สนใจ ทำเป็นหูทวนลมต่อไป ไม่นานบรรดาผู้อยากรู้อยากเห็นทั้งหลายก็หมดความสนใจไปเอง

เจนมองดูบรรดาเพื่อนของเดนนิสทีละคนอย่างพิจารณา ทุกคนดูสบายๆ ผ่อนคลายไม่ทุกข์ร้อน หัวข้อที่พูดคุยกันก็มีตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ร้านอาหาร กีฬา แฟชั่น และรถ ไม่มีใครมาจับเข่าพูดคุยถึงความลำบากของการใช้ชีวิต หรือนินทาคนข้างบ้าน เพื่อนร่วมงานเลย

ช่างเป็นชีวิตที่แตกต่างกับสิ่งที่เธอพบเจออย่างสิ้นเชิง คนเหล่านี้คงไม่เคยพบกับความลำบากแม้แต่น้อย ผิดกับเธอที่ไม่มีทางจะใช้เงินกับการสังสรรค์อันไร้สาระแบบนี้ อย่างมากเจนก็ไปงานวันเกิดของใครสักคน ดื่มเครื่องดื่มจากแก้วพลาสติก กินอาหารง่ายๆ ที่เจ้าภาพเตรียมให้ แต่ก็สนุกและมีความสุขไม่ต่างกัน

 

ผู้ร่วมงานเฮลั่นเมื่อเจ้าของงานนั่งบนเก้าอี้โดยมีสาวสวยเต้นเสียดสีกายไปมาด้วยท่วงท่ายั่วเย้า แขนสองข้างถูกผูกไพล่หลังเอาไว้ สาวสวยนักเต้นขึ้นนั่งคร่อมบนตักพร้อมเต้นเลื้อยไปมาบนร่างกายลูคัสจนเขาขนลุกชัน เพื่อนๆ ต่างหัวเราะชอบใจที่เห็นท่าทางของเพื่อนหนุ่ม หญิงสาวคนนั้นยิ่งได้ใจ เธอขยับกายเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุดจนจบเพลง ลูคัสจึงถูกปล่อยให้เป็นอิสระ กระนั้นก็ยังต้องดื่มเหล้าจากเพื่อนๆ จนครบรอบวงถึงสามารถกลับมานั่งที่ได้

เจนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อต้องนั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มควันในอากาศจนเวียนหัว หญิงสาวสังเกตว่ามันคงไม่ใช่บุหรี่ธรรมดาๆ แน่นอน เพราะทุกคนที่สูบล้วนแต่หัวเราะอารมณ์ดีกันทั้งนั้น รวมถึงเดนนิสที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษด้วย

“เดนนิส วันนี้ขอยืมเด็กนายสักคืนได้ไหม” ชายคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามขึ้น ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าพวกเขาเมาแล้วจะขอแลกคู่ควงกัน หากอีกฝ่ายและฝ่ายหญิงเต็มใจ เพราะส่วนมากแล้วจะเป็นหนุ่มสาวที่มาพบกันในงานปาร์ตี้สังสรรค์มากกว่าจะคบหาจริงจัง

“เอาสิ ถ้าเธอยอม” เดนนิสหันมาหาของเล่นในมือที่ตอนนี้ตัวแข็งทื่ออย่างไม่เชื่อหูว่าชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ เธอจะตกปากรับคำให้เธอไปกับใครง่ายๆ เพียงอีกฝ่ายเอ่ยปากขอ

“ว่าไงครับเจน สนใจจะไปสนุกกับผมสักวันไหม รับรองคุณจะประทับใจจนลืมหมอนี่เลยละ” หนุ่มคนนั้นถามพร้อมยกมือเธอขึ้นจุมพิตด้วยท่าทางเจ้าชู้

แม้เขาไม่ได้มีท่าทีคุกคาม แต่หญิงสาวก็รู้สึกขยะแขยงเกินกว่าจะบรรยายได้และยังรู้สึกเคืองคนที่นั่งโอบไหล่เธออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวนี้ด้วย เธอรู้สึกน้อยใจอย่างบอกไม่ถูก สิ่งที่เป็นอยู่ยิ่งตอกย้ำสถานะของเธอได้เป็นอย่างดี หญิงสาวไม่ได้ตอบชายหนุ่มผู้นั้น เธอชักมือกลับแล้วลุกออกไปเสียดื้อๆ เธอต้องการอากาศบริสุทธิ์และต้องการออกจากสถานที่อันแสนน่ากลัวนี้

 

หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ไม่รู้ว่าตัวเองหลุดเข้าไปในโลกแบบไหน คนรวยพวกนี้ช่างน่าขยะแขยง กลิ่นบุหรี่ที่อวลอยู่ตามตัวทำให้เจนเหม็นจนอาเจียนออกมาในที่สุด ไม่รู้ว่าจะทนได้สักกี่น้ำหากต้องกลับเข้าไปใหม่ หญิงสาวต้องการกลับบ้าน เธอจะไปบอกเดนนิส ว่าอยากออกไปจากที่นี่เหลือเกิน

เจนสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อเรียกขวัญและกำลังใจในการเดินกลับไปยังห้องเดิม เสียงหัวเราะยังเล็ดลอดออกมา คราวนี้ไม่มีใครสนใจการกลับมาของเธออีก มีเพียงเธอเท่านั้นที่ก้าวขาแทบไม่ออกเมื่อรู้ความจริงบางอย่าง

“ไอ้เลว แกนี่จริงๆ เลยนะไปขู่ผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไง” ชายคนที่นั่งหันหลังเอ่ยตำหนิเดนนิสเมื่อเขาเล่าถึงวิธีได้มาซึ่งของเล่นชิ้นใหม่

“ของหวานอยู่ตรงหน้าใครจะอดใจไหว ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลสิวะ” เดนนิสบอกพลางหัวเราะชอบใจ แต่ในใจลึกๆ กลับหวั่นใจ หากเธอรู้ขึ้นมาเขาจะทำอย่างไร แต่ด้วยฤทธิ์ของมึนเมาที่สูบเข้าไป ความคึกคะนองปากเก่งจึงมีมากกว่าการระมัดระวังตัว ยิ่งมาอยู่ในกลุ่มเพื่อนสนิทที่รู้ไส้รู้พุงกันหมดแบบนี้ เดนนิสจึงไม่ลังเลที่จะเปิดเผยความจริงต่อหน้าเพื่อน

“แล้วนี่ยูจีนทำยังไงกับนายคนนั้นล่ะ” คนเดิมซักถามต่ออย่างอยากรู้อยากเห็น

“ไม่รู้ ฉันส่งหลักฐานไปให้ก็ไม่ได้สนใจอีก” เดนนิสบอกอย่างไม่ใส่ใจ เพราะพนักงานระดับล่างไม่ได้อยู่ในความสนใจของเขาเท่าไร

“ไม่อยากจะคิดเลยว่ะ ถ้าเธอรู้ว่านายหลอกฟันเธอ เธอจะว่ายังไง” เสียงเพื่อนคนหนึ่งสำทับแล้วคนทั้งกลุ่มก็หัวเราะครืน

“ก็ทำอย่างนี้ไงล่ะ” สิ้นเสียงแหวของหญิงสาวที่เป็นหัวข้อของวงสนทนา เก้าอี้ตัวหนึ่งก็ถูกทุ่มลงกลางโต๊ะทำเอาแก้วแตกกระจาย เหล้าหกเรี่ยราดจนคนทั้งหมดหายเมาเป็นปลิดทิ้ง

ผู้คนต่างลุกขึ้นยืนอย่างตกอกตกใจพอรู้ว่าใครคือผู้ก่อเหตุ คนเหล่านั้นต่างหลบตาเธอและเดินจากไปอย่างเงียบๆ ทิ้งไว้แต่ตัวต้นเหตุที่นั่งตกตะลึงทำอะไรไม่ถูก

“คนเลว” เจนกัดฟันพูดทั้งน้ำตา เธอไม่นึกว่าเดนนิสจะเลวร้ายได้ถึงเพียงนี้ เขากล้าดีอย่างไรมาหลอกเธอ ใช้เล่ห์กลหลอกล่อให้เธอตกอยู่ในสภาพอันน่ารังเกียจเช่นนี้

“เจน” เดนนิสเรียกชื่อเธอเบาๆ ตกตะลึงเกินกว่าจะพูดแก้ตัวหรือทำอะไรที่เข้าท่ากว่านี้ และยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไร ฝ่ามือเล็กๆ แต่มีประสิทธิภาพก็ฟาดลงมาที่ซีกหน้าข้างหนึ่งเสียเต็มแรง จากนั้นเธอก็วิ่งออกจากคลับหรูแห่งนั้นทันที

 

หญิงสาวออกมายืนรอแท็กซี่ที่ริมถนน และเมื่อแท็กซี่คันหนึ่งแล่นมาจอดตรงหน้าเธอก็กระโดดขึ้นรถทันที หญิงสาวยกมือขึ้นกุมที่หน้าอก หัวใจบีบรัดจนหายใจแทบไม่ออก เธอเจ็บเหลือเกิน เจ็บจนไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกนี้ได้อย่างไร ไม่อยากเชื่อว่าเธอจะชอบคนแบบนั้น

เขามันสารเลว! น่ารังเกียจยิ่งกว่าอะไรดี คิดถึงตรงนี้หญิงสาวก็ร้องไห้ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่จนคนขับแท็กซี่หันมามองเธอบ่อยๆ

“คุณโอเคไหมครับคุณผู้หญิง” ชายวัยกลางคนร่างท้วมเอ่ยถามผู้โดยสารสาวที่ตั้งแต่ขึ้นรถมาก็เอาแต่ร้องไห้

“ฉัน ฉันโอเคค่ะ” เจนสะอื้นตอบ

เธอดูไม่โอเคเอาเสียเลยแต่เขาก็จนปัญญาที่จะปลอบใจ นอกจากปล่อยให้ผู้โดยสารสาวร้องไห้จนพอใจ ไม่นานแท็กซี่หนุ่มก็หันไปสนใจถนนเบื้องหน้าเพื่อส่งเธอให้ถึงจุดหมายตามที่เธอบอกเอาไว้

“คุณช่วยรอฉันตรงนี้สักสิบนาทีได้ไหมคะ ฉันอยากให้คุณไปส่งฉันอีกที่หนึ่งด้วย” เจนขอร้องด้วยตาแดงก่ำ และยังมีเสียงสะอื้นแผ่วๆ 

คนขับรถพยักหน้าอย่างเข้าใจ หญิงสาวจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน กวาดเอาข้าวของที่ติดตัวมาไม่กี่ชิ้นลงกระเป๋า เตะรองเท้าส้นสูงคู่ที่เพิ่งถอดออกด้วยอารมณ์โกรธ และเลือกสวมรองเท้าผ้าใบคู่เก่าวิ่งออกมาจากบ้านโดยไม่สนใจสีหน้าตกอกตกใจของรปภ. ที่หน้าประตู

 

เดนนิสวิ่งตามออกมาทันทีเมื่อได้สติ แววตาผิดหวังเสียใจของหญิงสาวยังติดตาเขา รวมถึงความรู้สึกชาบนหน้าที่ช่วยยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง เขารีบวิ่งตามหลังเธอทันทีที่นึกได้ แต่ก็เห็นหลังเธอไวๆ ก้าวขึ้นรถแท็กซี่หนีไปต่อหน้าต่อตา เขาจึงวิ่งกลับมาขึ้นรถที่พนักงานขับมาจอดรอที่หน้าคลับแทน

ชายหนุ่มพยายามเร่งความเร็วเพราะอยากไปให้ถึงบ้านให้เร็วที่สุด อย่างน้อยก็เพื่อจะฉุดรั้งหญิงสาวเอาไว้ เขาไม่รู้ว่าเมื่อเจอเธอจะต้องพูดอะไร แต่สิ่งที่อยากทำที่สุดในตอนนี้คือรั้งเธอเอาไว้ให้นานที่สุด

เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านเขาก็แทบจะกระโดดลงจากรถ วิ่งตรงไปยังห้องนอนเล็กซึ่งว่างเปล่าไร้ผู้คน มีเพียงข้าวของส่วนตัวของเธอที่ยังเหลืออยู่ เดนนิสหายเมาเป็นปลิดทิ้งเมื่อรู้ว่าเขาได้ทำอะไรพลาดไป เขาไม่น่าปากพล่อยเลยจริงๆ

“เจนออกไปนานหรือยัง” เขาวิ่งออกมาถามรปภ. หน้าบ้าน นึกเกลียดความกว้างใหญ่ของบ้านที่ทำให้เขาต้องเสียเวลานานกว่าจะวิ่งมาถึงตรงนี้

“เพิ่งออกไปเมื่อห้านาทีก่อนครับ” รปภ. หนุ่มรายงาน เห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเจ้านายก็พลอยไม่สบายใจไปด้วย

เดนนิสไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเดินเข้าบ้านอย่างหัวเสีย มือเรียวคว้าเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงมาโทร. ออกหาเจน ครั้งแรกทีเดียวโทรศัพท์ยังมีสัญญาณ แต่พอหลายครั้งเข้าเจนก็ปิดเครื่องหนีเขาไปเสียเฉยๆ แต่ชายหนุ่มไม่ยอมแพ้ โทร. หาเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก

 

“ขอบคุณมากค่ะ นี่ค่ะค่าโดยสาร” เจนยื่นค่าโดยสารให้แก่แท็กซี่ผู้มีน้ำใจพาเธอมาส่งจนถึงจุดหมายปลายทาง

หญิงสาวหยุดยืนที่หน้าโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งและหวังให้มีห้องว่างสักห้องสำหรับเธอคืนนี้ ดึกขนาดนี้เธอไม่กล้ากลับบ้าน และเธอก็ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับครอบครัว ขอเวลาพักกายพักใจสักคืนก่อนจะกลับไปหาแม่และน้องๆ

โชคดีที่ห้องพักยังว่าง เมื่อจ่ายค่าห้องเสร็จ หญิงสาวรับกุญแจมาแล้วตรงไปยังห้องที่อยู่ด้านล่าง ไขกุญแจเข้าไปด้านในและทิ้งตัวลงบนเตียงทันทีที่ปิดประตู ซุกหน้ากับหมอนร้องไห้เงียบๆ รู้สึกว่าโลกช่างไม่ยุติธรรมเหลือเกิน ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องมาเกิดขึ้นกับเธอด้วย

เธอไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นของเล่นคนรวย ไม่ได้ต้องการกระเป๋าหรือเสื้อผ้าหรูหรา เธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาที่อยากจะมีชีวิตสงบสุขเท่านั้นเอง ทำไมพระเจ้าถึงให้เธอไม่ได้ หญิงสาวนอนคุดคู้กับที่นอนจนเพลียหลับไปเองในที่สุด

 

เดนนิสขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของเจน บ้านทั้งบ้านปิดไฟเงียบ ชายหนุ่มอยากจะลงจากรถและไปเคาะเรียกคนในบ้านเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ในที่สุดชายหนุ่มก็ฉุกคิดได้ว่า คนอย่างเจนไม่น่าจะหาเรื่องร้อนใจมาให้ครอบครัวแบบนี้ เขารออยู่สักพักก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครมา หรือแสดงให้เขาเห็นว่ามีใครยังตื่นอยู่ในบ้านบ้าง เขาจึงตัดสินใจขับรถกลับ ไม่ลืมที่จะโทร. หาคนที่เพิ่งตบเขาจนหน้าหันเมื่อชั่วโมงก่อน

มือเรียวยกขึ้นไล้ไปตามใบหน้าซีกซ้าย รู้สึกได้ว่าขากรรไกรตัวเองลั่นดังเปรี๊ยะตอนที่เขาอ้าปาก แต่แทนที่จะแค้นใจ เขากลับคิดถึงเจ้าของฝ่ามือหนักๆ นี้อย่างที่สุด


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น