9
ภาวินมารอรับองศาที่โรงเรียนด้วยชุดที่ดูก็รู้ว่าเลิกงานก็บึ่งรถมาที่โรงเรียนทันที เพราะเป็นเสื้อผ้าชุดเดียวกันกับที่สวมออกจากบ้านของนลินไปเมื่อเช้า เสื้อเชิ้ตสีขาวยังคงอยู่ในกางเกงสีเทาเข้ม เมื่อเช้าชายหนุ่มออกจากบ้านไปยังไง ตกเย็นก็ยังคงเนี้ยบอยู่อย่างนั้น เด็กน้อยเดินจูงมือมากับคุณครูประจำชั้น เมื่อเดินมาถึงรถของผู้เป็นลุงที่จอดรออยู่ก็หันมาพูดกับครูสาวเสียงอ่อย
“องศาอยากอยู่กับครูลิน” พูดแล้วก็ขืนตัวไว้เมื่อนลินกำลังจะส่งมือน้อยๆ ที่เธอจูงมาให้คุณลุงของเขา
“องศาคะ เมื่อคืนองศานอนกับครูลินไปแล้ว คืนนี้กลับไปนอนบ้านคุณลุงนะคะ แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยมาเจอกันไง” ครูสาวพยายามหลอกล่อลูกศิษย์
“ไม่เอา องศาอยากนอนกับครูลิน ไม่อยากอยู่กับลุงภาม” องศาพูดเสียงสั่นราวกับกำลังจะร้องไห้
นลินเลิกคิ้วอย่างทำหน้าไม่ถูก เธอเหลือบมองเจ้าของรถ ชายหนุ่มก็ได้แต่ยืนอมยิ้มอยู่
“นี่ไม่คิดจะช่วยกันอธิบายหน่อยเหรอคะ”
“อธิบายทำไม หลานชายผมอยากอยู่ที่ไหนก็ตามใจเขา” พูดแล้วก็หันไปถามหลานชาย “คืนนี้อยากนอนบ้านไหนครับองศา”
“บ้านครูลินครับ” เด็กชายตอบด้วยสีหน้าที่เบิกบานขึ้นนิดหนึ่ง
“แต่ว่า...” นลินกำลังจะขอปฏิเสธ แต่เมื่อเด็กน้อยโผเข้ามากอดเธอไว้แน่นอย่างมีความหวัง หญิงสาวก็ใจอ่อนยวบจนพูดปฏิเสธไม่ออก
“องศาชอบนอนกับครูลินครับ ครูลินตัวฮ้อมหอม”
คนที่ตัวฮ้อมหอมแก้มแดงเรื่อขึ้นเมื่อชำเลืองไปเห็นภาวินอมยิ้ม เมื่อคืนนลินนอนแทบไม่หลับเพราะระแวงที่มีผู้ชายซึ่งเพิ่งรู้จักกันมานอนอยู่ในห้อง เธอตื่นขึ้นมาแอบดูเขาอยู่เป็นระยะๆ เห็นภาวินนอนขดอยู่ในถุงนอนแล้วก็ได้แต่สงสาร และคิดว่าต่อไปนี้ชายหนุ่มคงจะเข็ดจนไม่ยอมนอนในถุงนอนอย่างทรมานเหมือนเมื่อคืนอีกแล้ว
“เอาสิ เดี๋ยวลุงนอนด้วย”
“เดี๋ยวนะคะ เรื่องที่องศาจะมานอนกับฉันอีกคืน เรื่องนี้ฉันเข้าใจได้ แต่ว่าคุณจะมานอนด้วยทำไมคะ”
“ก็เพราะว่าถ้าองศาอยู่ที่ไหน ผมก็จะอยู่ที่นั่นด้วยน่ะสิ ผมไม่ค่อยมีเวลาอยู่กับเขา กลางวันผมก็มัวแต่ยุ่งกับงานที่บริษัท ถ้าตอนกลางคืนผมให้หลานอยู่แต่กับคุณ เดี๋ยวองศาก็ยิ่งห่างเหินกับผมเข้าไปใหญ่ อีกอย่าง ผมซื้อบ้านนั้นไว้แล้ว ก็อยากจะเข้าไปอยู่ให้คุ้มค่าหน่อย”
คำอธิบายของภาวินทำให้นลินไม่กล้าจะปฏิเสธ ที่นั่นคือบ้านของเขาจริงๆ เธอต่างหากที่เป็นผู้อาศัย
“ขึ้นรถได้แล้วครับองศา เราจะไปบ้านครูลินกัน”
เมื่อได้ยินคุณลุงบอกว่าจะไปบ้านครูลิน องศาจึงยอมขึ้นไปนั่งบนคาร์ซีต เด็กน้อยทั้งส่งเสียง ทั้งกวักมือเรียกคุณครูของเขาที่ยังคงลังเลอยู่
เธอหันไปมองภาวินที่ตอนนี้เปิดประตูฝั่งผู้โดยสารด้านหน้ารอ พร้อมกับมองมาด้วยสีหน้าเร่งเร้า นลินจึงต้องขึ้นรถไปกับพวกเขาอย่างปฏิเสธไม่ได้
นลินแทบไม่เชื่อสายตาว่าห้องนอนของเธอจะเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้ ห้องนอนที่เคยประกอบไปด้วยฟูกนอนยางพาราเล็กๆ กับตู้แขวนเสื้อผ้าแบบรูดซิป และชั้นวางของพลาสติกแบบง่ายๆ กลายเป็นห้องที่มี
เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งครบหรูหราจนผิดหูผิดตา ตู้เสื้อผ้าแบบรูดซิปถูกแทนที่ด้วยตู้ไม้ขนาดใกล้เคียงกับตู้เดิม โต๊ะเขียนหนังสือแบบพับเก็บได้ถูกติดตั้งไว้ตรงมุมหนึ่งของห้อง เครื่องปรับอากาศแบบมีเครื่องฟอกอากาศในตัวทำความเย็นภายในห้องได้อย่างทั่วถึง ด้วยเสียงที่แผ่วเบาราวกับไม่ได้เปิด และที่พิเศษสุดคือเตียงขนาดคิงไซซ์ที่ถูกนำมาวางจนกินพื้นที่เกือบทั้งหมดของห้อง
นลินเข้าใจแล้วว่าทำไมภาวินยังคงยืนกรานว่าจะมานอนค้างที่บ้านเธอทั้งที่เมื่อคืนเขานอนไม่ค่อยสบายนัก ที่แท้เขาก็จัดสิ่งอำนวยความสะดวกที่เขาอยากได้เอาไว้อย่างครบครันแล้วนี่เอง
“ที่ผมขอกุญแจบ้านไว้ ก็เพราะจะให้คนเข้ามาแต่งห้องนี่แหละ เปลี่ยนแอร์ใหม่ค่อยดีหน่อย เมื่อคืนแอร์ห้องคุณไม่ค่อยเย็น แถมเสียงดังจนผมแทบนอนไม่ได้”
ชายหนุ่มพูดด้วยสีหน้าพอใจ เมื่อเครื่องปรับอากาศเครื่องใหม่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามที่เขาต้องการ
“แล้วเตียงนี่?” นลินถามพร้อมกับชี้ไปที่เตียงนอนที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมหนึ่งเท่าตัว
“อ้อ เมื่อคืนผมสังเกตคุณตอนนอน เห็นว่าคุณนอนไม่ดิ้น ก็เลยคิดว่าน่าจะนอนเตียงเดียวกันได้ ทีแรกผมก็คิดว่าจะซื้อมาสองเตียง แต่คำนวณพื้นที่แล้วมันไม่พอ ก็เลยเอาเตียงใหญ่เตียงเดียวไปเลยดีกว่า”
“หมายความว่า คุณจะนอนเตียงเดียวกับฉันอย่างนั้นเหรอคะ ไม่มีทางค่ะ คืนนี้ฉันจะไปนอนนอกห้องจริงๆ นะคะ”
“แล้วองศาล่ะ แกตามไปนอนกับคุณด้วยแน่ๆ” ชายหนุ่มเตือนให้หญิงสาวรู้ตัวว่าจะมีเด็กตามติดไปด้วยทุกที่
“รู้ไหมว่าตั้งแต่ผมพาองศามาอยู่ด้วย เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่ผมได้นอนร่วมห้องกับแก ผมอยากสร้างความสนิทสนมกับหลานชายของผมให้มากขึ้น โดยมีคุณช่วยเป็นสื่อกลางให้ ถ้าองศายอมรับผมเมื่อไหร่ ผมก็จะไม่รบกวนคุณแล้วละลิน” ภาวินอธิบายให้ครูสาวฟังอย่างใจเย็นและมีเหตุผล
“นี่คุณคิดว่าคุณมานอนร่วมห้องกับผู้หญิงได้ง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องคิดอะไรเลยอย่างนั้นเหรอคะ”
“ก็ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ นี่” ชายหนุ่มตอบสีหน้าเรียบเฉย ยิ่งตอกย้ำว่าทุกสิ่งที่เขาคิดและทำล้วนทำเพื่อองศาเท่านั้น
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” นลินเอ่ยอย่างคนเข้าใจง่าย ผู้ชายไว้ตัวอย่างภาวิน ถ้าไม่มีเรื่ององศาเข้ามาเกี่ยวข้อง คงไม่ลดตัวลงมาเกลือกกลั้วกับเธอหรอก หากเธอจูนลุงหลานคู่นี้ได้สำเร็จ เขาก็คงจะไม่มายุ่งกับเธอแล้ว
“ถ้าหากคุณอยากจะให้องศาเปิดใจกับคุณละก็ คุณต้องหาโอกาสทำกิจกรรมกับแกบ้าง”
“อย่างเช่นอะไรครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความสนใจ
“คุณต้องรู้ว่าองศาชอบอะไร เช่น ชอบเตะฟุตบอล ก็ต้องไปเล่นฟุตบอลกับแก”
“ฟังดูเข้าท่าดีนะ งั้น...” พูดแล้วก็หันไปทางหลานชายที่ตอนนี้กำลังกระโดดเล่นอยู่บนเตียงหลังใหม่
“วันไหนลุงว่างๆ เราไปเตะฟุตบอลกันนะครับ”
องศายังคงมองมายังชายหนุ่มด้วยแววตาห่างเหิน เด็กน้อยทำเพียงพยักหน้าแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ทำให้ภาวินรู้สึกว่าหลานชายยังไม่อยากจะคุยกับเขาสักเท่าไร
“วันนี้ลุงภามจะช่วยสอนการบ้านองศาด้วยใช่ไหมคะ”
นลินพยายามต่อ หาหัวข้อมาพูดคุยให้ลุงหลานได้ใกล้ชิดกัน ด้วยการนำโต๊ะญี่ปุ่นแบบพับขาได้มากางออกตรงบริเวณพื้นที่ว่างของห้อง เปิดกระเป๋าของลูกศิษย์ตัวน้อย หยิบสมุดภาพระบายสียื่นให้ภาวิน ก่อนจะบอกเลขหน้าของสมุดภาพซึ่งเป็นการบ้านที่ต้องระบายสีส่งครูวันพรุ่งนี้
ภาวินรับสมุดภาพแล้วเดินเข้ามานั่งขัดสมาธิใกล้โต๊ะญี่ปุ่นด้วยอิริยาบถผ่อนคลาย แม้จะต้องดึงชายเสื้อออกจากกางเกงเพื่อให้นั่งได้สะดวกขึ้น ทว่าก็ไม่ได้บั่นทอนมาดผู้บริหารหนุ่มลงได้เลย
นลินแอบมองช่วงหน้าท้องของชายหนุ่ม ที่แม้จะอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิก็ยังคงแบนราบ ที่เห็นเป็นลอนลอดผ่านชายเสื้อที่ยกขึ้นสูงนั่นเกิดจากกล้ามเนื้อที่มาจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ใช่ชั้นของพุงแต่อย่างใด
“เปิดไปที่หน้าเก้านะคะ เรื่องครอบครัวสุขสันต์”
ครูสาวบอกภาวินแล้วก็ส่งกล่องสีไม้ให้เด็กน้อย จากนั้นก็ทำท่าบุ้ยใบ้ให้เดินไปหาคุณลุงของเขา ซึ่งเด็กน้อยก็ให้ความร่วมมือแต่โดยดี
“ครอบครัวสุขสันต์ ประกอบไปด้วยคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยาย” ผู้เป็นลุงอธิบาย และชี้ไปที่ภาพวาดของคนต่างวัยเพื่อให้หลานชายดูและคิดตาม
“องศามีคุณแม่คนเดียว งั้นองศาระบายสีแค่คุณแม่คนเดียวนะครับ”
เด็กน้อยพูดพร้อมกับหยิบดินสอสีชมพูมาระบายเสื้อของรูปวาดผู้หญิงในสมุดภาพ เนื่องจากสีชมพูคือสีโปรดของภัทรา
“ไม่ใช่นะครับ องศามีลุงภาม แล้วก็มีคุณตา คุณยายด้วยครับ”
“จริงด้วยสิครับ คุณตาคุณยายใจดี๊ดี”
เด็กน้อยนึกถึงชายหญิงมีอายุคู่หนึ่งที่ภาวินพาเขาไปพบบ่อยๆ ภูมิชายและ พัชรินทร์ คุณตาและคุณยายขององศา แม้จะโกรธภัทรามากตอนที่รู้ว่าเธอตั้งท้องและหอบลูกในท้องหนีออกจากบ้านไป แต่เมื่อได้เห็นหน้าหลานชายก็ให้อภัยและทั้งรักทั้งหลงจนแทบจะมอบโลกทั้งใบให้
“ถ้าอย่างนั้น คนที่มาหาองศาที่โรงเรียนเมื่อเช้าก็เป็นคุณพ่อขององศาสินะ”
เด็กน้อยพูดไปตามที่เขาคิด ทำให้ผู้เป็นลุงขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ ดวงตาคมที่แวววาวด้วยความเอ็นดูหลานเมื่อครู่มองครูสาวเขม็งอย่างตั้งคำถาม ก่อนจะหันไปตะล่อมถามหลานชายด้วยเสียงที่พยายามควบคุมให้เป็นปกติที่สุด ทั้งที่ตอนนี้เขากำลังโมโหมาก
“ใครเหรอครับ ที่มาหาองศาที่โรงเรียนเมื่อเช้า”
“ก็คุณพ่อไงครับ คนที่เคยบอกว่าเป็นพ่อขององศา จะพาองศาไปอยู่ด้วย แต่องศาไม่ไปหรอกครับ องศาจะอยู่กับครูลิน”
คำตอบของหลานชายทำให้ภาวินกำดินสอสีแน่นจนมือสั่น พยายามข่มอารมณ์ด้วยการยื่นมือไปลูบศีรษะของเด็กน้อย พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมฝีมือการระบายสีของแก
“ลิน! ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับลุกขึ้น แล้วเดินนำหญิงสาวไปยังโถงของบ้าน
ท่าทางยืนกอดอก พิงสะโพกกับโต๊ะไม้นั้นทำให้หญิงสาวรู้สึกว่าตัวเขาสูงใหญ่กว่าที่เป็น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ทำให้ใบหน้าที่ปกติก็ยิ้มยากอยู่แล้ว กลับยิ่งดูดุขึ้นไปอีก ทว่าแววตาของเขากลับมีความกังวลจนนลินรู้สึกได้
“วันนี้องอาจพูดอะไรกับคุณบ้าง”
“เขาพูดว่า เขาจะยื่นเรื่องต่อศาล ขอจดทะเบียนรับรองบุตร จากนั้นก็จะเรียกร้องสิทธิ์การเลี้ยงดูองศาในฐานะพ่อแท้ๆ ค่ะ” นลินบอกไปตามความจริง และนั่นยิ่งทำให้สีหน้าของภาวินดูเป็นกังวลมากขึ้นไปอีก
“แต่คุณไม่ต้องกลัวนะคะ องศาไม่อยากไปอยู่กับคุณองอาจค่ะ”
“แต่ก็ไม่อยากอยู่กับผมเหมือนกัน คุณดูสิ ขนาดภาพระบายสีครอบครัว องศายังไม่เอ่ยถึงผมเลย” น้ำเสียงหงุดหงิดปนน้อยใจนั้นบ่งบอกว่าภาวินกำลังหวั่นวิตกว่าอาจจะเสียองศาให้องอาจไปจริงๆ
“ถ้าเรื่องนี้ถึงขั้นต้องขึ้นศาล ก็คงต้องให้องศาเลือกแล้วละค่ะว่าอยากไปอยู่กับใคร ศาลเองก็ไม่ได้พิจารณาแค่ความเป็นสายเลือดเท่านั้นหรอกนะคะ ฐานะทางการเงิน และความพร้อมในการดูแลเด็กคนหนึ่งก็สำคัญ” นลินค่อยๆ พูดให้ภาวินใจเย็นและคลายความวิตกกังวลลง
“ผมรู้มาว่าองอาจเตรียมการเรื่องนี้มาสักระยะแล้ว เรื่องฐานะทางการเงินฝ่ายโน้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่สิ่งที่ผมกลัวว่าผมจะแพ้ไอ้องอาจก็คือ...” ภาวินทำเสียงอ้ำอึ้ง ก่อนจะมองมายังนลินด้วยสีหน้าครุ่นคิด
“คืออะไรคะ”
“ผมยังไม่ได้แต่งงาน และผมต้องการจดทะเบียนรับองศาเป็นลูกบุญธรรม แม้ในทางกฎหมายผมทำได้ทันทีในฐานะญาติสนิทขององศาก็จริง แต่ถ้าไอ้องอาจมันคัดค้าน เพราะอ้างสิทธิ์ว่ามันเป็นพ่อแท้ๆ ใช้ข้อได้เปรียบว่ามันมีภรรยา และภรรยาจะดูแลองศาในฐานะแม่ แค่นี้ผมก็เสียเปรียบมันไปแล้วก้าวนึง”
ขณะที่เขาพูด หญิงสาวรู้สึกว่าภาวินมองมายังเธอด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป
“คุณก็...แต่งงานเสียสิคะ” นลินพูดกับชายหนุ่ม เพราะคิดว่าเขาคงจะมีคนที่หมายตาเอาไว้อยู่แล้ว
“คุณช่วยแต่งงานกับผมหน่อยได้ไหมลิน”
“อะไรนะคะ!” หญิงสาวแทบจะสำลักลมหายใจตัวเอง ไม่อยากเชื่อว่าภาวินจะขอให้เธอแต่งงานด้วยแบบหน้าตาเฉยแบบนี้ จะว่าเขาพูดไปอย่างนั้นด้วยอารมณ์ชั่ววูบก็คงไม่ใช่ เพราะคนอย่างภาวินไม่มีทางพูดอะไรโดยที่ไม่คิดวิเคราะห์ถึงผลกระทบให้ดีเสียก่อนอยู่แล้ว
“คุณช่วยจดทะเบียนสมรสกับผม เพื่อให้เราเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ผมจะได้มีคุณสมบัติครบถ้วนในการขอองศามาเป็นลูกบุญธรรม ผมต้องมีภรรยาไว้ดูแลองศาในฐานะแม่บุญธรรมด้วย ไม่ใช่แค่จ้างพี่เลี้ยงมาดูแล ไม่อย่างนั้นผมจะกลายเป็นคนที่ไม่พร้อมที่จะดูแลองศาทันที”
นลินฟังภาวินอธิบายแล้วก็ยิ่งมึนงงไปหมด สรุปแล้วเธอต้องช่วยเขาเรื่ององศาไปถึงไหน ครั้งแรกแค่ดูแลเด็กน้อยหลังเลิกเรียนจนกว่าคุณลุงของเขาจะมารับ ต่อมาก็มาค้างด้วย แล้วนี่ถูกขอให้ช่วยแต่งงานอีก ชายหนุ่มคิดว่าเธอเป็นคนมีน้ำใจมากนักหรือไง
“คุณไปขอคนที่คุณวางแผนจะแต่งงานด้วยให้ไปจดทะเบียนสมรสจะดีกว่านะคะ เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนมาก ฉันกลัวว่าคนของคุณจะเข้าใจผิด”
“ผมเคยบอกคุณไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ ว่าตอนนี้ผมไม่มีใคร”
“ถึงตอนนี้คุณจะไม่มีใคร แต่ฉันเชื่อว่าคุณหาคนที่มีคุณสมบัติดีกว่าฉันได้ไม่ยาก”
“แต่คุณสมบัติที่ผมต้องการคือคุณ เพราะองศาติดคุณมาก เรื่องนี้สำคัญที่สุด ถ้าคุณแต่งงานกับผม เชื่อว่าองศาต้องเลือกที่จะอยู่กับผมแน่ๆ”
“อ๋อ...คุณคิดแบบนี้เองเหรอคะ” ที่แท้ทั้งหมดที่ภาวินคิดและวางแผนก็เพื่อที่จะได้สิทธิ์ในการดูแลองศาโดยถูกต้องตามกฎหมายได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
“ถ้าด้วยเหตุผลแค่นี้ ฉันว่าคุณก็แค่สร้างความคุ้นเคยกับองศา ให้แกไว้ใจและยอมรับคุณ แค่นี้องศาก็คงเลือกที่จะอยู่กับคุณแล้วละค่ะ”
“ผมไม่ต้องการเสี่ยงอะไรทั้งนั้น” ภาวินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นอย่างไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ
“แต่นี่มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้หญิงนะคะ ที่อยู่ๆ ต้องมาจดทะเบียนสมรสแบบนี้ ถึงฉันจะไม่มีพ่อแม่ให้ขออนุญาตก็เถอะ แต่มันมีผลกระทบต่อชีวิตในวันข้างหน้าของฉันมากนะคะ แล้วถ้าเกิดฉันฟลุกสอบชิงทุนได้ขึ้นมาอีกล่ะ”
“ถ้าทุกอย่างเรียบร้อย ผมจะหย่าให้”
“โอ๊ยตาย! ฉันจะกลายเป็นหญิงม่ายในอนาคตเหรอนี่ คุณก็พูดง่ายจังเลยเนอะ”
หญิงสาวนึกภาพตัวเองต้องหอบหิ้วเอกสารการหย่าร้างเป็นหนึ่งในเอกสารประจำตัวในอนาคตแล้วก็แทบจะเป็นลม
“ผมจะให้ค่าตอบแทนคุณ โอนทันทีถ้าคุณตกลงร่วมมือกับผม และทันทีที่ผมจดทะเบียนรับองศาเป็นบุตรบุญธรรมเรียบร้อย เราจะไปหย่ากัน หลังจากหย่า ผมจะให้เงินคุณอีกก้อน ตกลงไหม”
นลินยังคงนิ่งอึ้งกับข้อเสนอที่ภาวินยื่นให้ เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าชายหนุ่มจะเตรียมวางแผนเอาไว้แล้วทุกอย่าง ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะเป็นหนึ่งในหมากที่เขาวางไว้
“นี่คุณคิดว่าเงินซื้อฉันได้อย่างนั้นเหรอคะ”
นลินโวย นี่ภาวินคิดว่าอยากได้อะไรก็โอนเงินมาแล้วเธอจะทำให้ได้ทุกอย่างอย่างนั้นหรือ สำหรับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่นดูแลและสอนพิเศษให้องศา ให้เด็กน้อยรวมถึงคุณลุงของแกมานอนค้างด้วยก็ยังพอไหว แต่นี่เขาขอให้ช่วยจดทะเบียนสมรสด้วย มันชักจะบานปลายจนครูสาวแทบจะรับไม่ไหว
“คุณต้องการค่าจ้างเท่าไหร่” ภาวินถามด้วยสีหน้าจริงจังกว่าที่เคย
“ไม่ค่ะ ฉันช่วยคุณไม่ได้ เรื่องใหญ่ขนาดนี้คุณไปหาผู้หญิงคนอื่นที่เขาเต็มใจทำให้คุณเถอะค่ะ” นลินส่ายหัวดิก เธอไม่สามารถที่จะทำตามที่ชายหนุ่มขอได้
“ก็ผู้หญิงคนอื่นไม่ใช่ผู้หญิงที่องศาติดแจเหมือนคุณนี่ครับ ถ้าผมหาได้คงไม่มาขอร้องให้คุณช่วยหรอก”
ภาวินยังจ้องหน้าเธอนิ่ง สะกดเธอด้วยดวงตาคมกริบที่ทำให้นลินอึดอัดที่ไม่อาจปฏิเสธ แต่ก็ไม่อาจจะรับปากได้
“แต่ว่าฉัน...” นลินยังคงอึกอัก
และสุดท้าย ภาวินก็เอ่ยปากเสนอค่าตอบแทนที่ครูสาวไม่คาดฝันว่าจะมีมูลค่าสูงขนาดนี้
“สองล้าน ถ้าคุณตอบตกลงตอนนี้ และอีกสามล้าน ถ้าเรื่ององศาเรียบร้อย”
ความคิดเห็น |
---|