14

14

14

 

 แคลิฟอเนียร์, สหรัฐอเมริกา

อากาศยานลำใหญ่แล่นลงจอดยังสนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส ชายหนุ่มเชื้อสายไทยผิวสีน้ำผึ้ง เจ้าของความสูงกว่าหกฟุตเดินออกจากนกยักษ์ที่เขาโดยสารมาหลายชั่วโมง จากนั้นก็ใช้เวลาอีกเกือบชั่วโมงกว่าจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองและมารับกระเป๋ายังสายพาน

“ได้ที่อยู่มารึยัง” นิ้วแกร่งกดต่อสายถึงผู้ช่วยส่วนตัวที่เขามอบหมายภารกิจบางอย่างให้จัดการ

“ได้มาแล้วครับบอส ผมจะรีบส่งโลเกชันให้ทางแชตนะครับ” คนปลายสายที่อยู่อีกซีกโลกหนึ่งตอบกลับมา

พลิศร์มอบหมายให้นาวินตามสืบที่อยู่ของใครคนหนึ่งในแอลเอ โดยให้เวลาเพียงหนึ่งวัน คือในระหว่างที่เขานั่งเครื่องบินจากไทยมาลงประเทศในตะวันออกกลาง และต่อเครื่องจากตะวันออกกลางมายังลอสแอนเจลิส ผู้ช่วยของพลิศร์ต้องทำงานข้ามทวีปแบบหัวหมุนแทบไม่ได้นอน เพราะต้องหาข้อมูลที่บอสต้องการให้ได้แบบไม่มีข้อแม้

“อืม” พลิศร์รับคำสั้นๆ แล้วกดตัดสาย 

ติ๊ง! 

รอข้อความเพียงไม่กี่วินาที เสียงเตือนจากแอปพลิเคชันสนทนาก็ดังขึ้น มือใหญ่หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมากดดูสิ่งที่นาวินส่งมาให้ แล้วกดเรียกใช้บริการอูเบอร์เพื่อให้ไปส่งยังที่หมาย

ทีแรกเขาตั้งใจจะรอเธอกลับไปเมืองไทยอย่างใจเย็น ทว่ามีบางอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มตัดสินใจมาที่นี่อย่างกะทันหัน 

นัยน์ตาคมมองหน้าจอเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ในมือที่ปรากฏข้อความว่าคนขับรถใกล้ถึงจุดนัดหมาย พลิศร์จึงหยิบแจ็กเกตยีนสีเข้มขึ้นมาสวมทับสเวตเตอร์ไหมพรมสีควันบุหรี่ แล้วเดินออกจากอาคารผู้โดยสารขาเข้า

ก้าวเข้าสู่เดือนธันวาคมแล้ว แม้ตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนียจะมีอากาศอุ่นกว่าหลายพื้นที่ในประเทศ แต่หากเทียบกับไทยแล้ว ถือว่าหนาวใช้ได้เลยละ

เมื่ออูเบอร์มาถึงชายหนุ่มทักทายคนขับรถ ยกกระเป๋าใส่รถ แล้วก้าวขึ้นนั่งยังเบาะหลังรถซีดานสีดำเงา รถยนต์เคลื่อนออกจากท่าอากาศยานขึ้นเหนือไปตามถนนหลวงหมายเลขหนึ่ง ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็พาผู้โดยสารมาถึงที่หมาย

“Thank you! Have a good one.” พลิศร์กล่าวขอบคุณและยกกระเป๋าเดินทางลงจากรถ 

ดวงตาสีนิลภายใต้เปลือกตาสองชั้นมองไปยังบ้านเลขที่อีกครั้ง เพื่อเช็กให้มั่นใจว่าจะไม่กดกระดิ่งผิดหลัง เมื่อแน่ใจแล้วช่วงขายาวของหนุ่มเอเชียวัยสามสิบกว่าก็ก้าวตรงไปยังประตูไม้ของบ้านชั้นเดียวที่ไม่มีรั้วรอบขอบชิด

กริ๊ง~

ระหว่างรอให้ประตูบานใหญ่เปิดออก เขาได้ยินเสียงสิ่งมีชีวิตวิ่งอยู่ในบ้าน หากฟังไม่ผิดน่าจะกำลังวิ่งมายังประตูพร้อมส่งเสียงร้องกรี๊ดกร๊าดอย่างดีใจ

“Hello, mr. pizza man!” ร่างน้อยขาวอวบอมชมพูที่สูงเพียงต้นขาของพลิศร์ปรากฏขึ้นหลังประตูสีน้ำตาล ดวงตากลมโตที่มีน้ำใสๆ หล่อเลี้ยงส่งประกายวาววับจับจ้องมาที่มือใหญ่ของชายหนุ่มร่างสูง จากนั้นก็เคลื่อนไปมองดวงตาคมที่มีสีเดียวกันกับเธอด้วยเครื่องหมายคำถามที่ปรากฏอยู่ในตาใส

วินาทีนั้นพลิศร์รู้สึกราวกับว่าเขากำลังส่องกระจกอยู่...

“พาลินขา ทีหลังไม่วิ่งมาคนเดียวแบบนี้นะที่รัก” เสียงหญิงสาวดังขึ้นตามหลัง เธอเดินตามลูกสาวมายังหน้าบ้าน และต้องชะงักเมื่อร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านนอกนั้นไม่ใช่คนส่งพิซซาอย่างที่คิดไว้

“หม่ามี้ขา คุณลุงไม่มีพิดจ้าค่ะ” พิดจ้าคือพิซซาในภาษาของพาลิน

“ว่าไงพลอย” พลิศร์ทักคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก้อนกลมป้อมเจ้าของผมทรงหน้าม้าเต่อที่มัดแกละสองข้าง ตาสุกใสแวววาวยังคงจ้องมองเขาด้วยความกังขา 

พิมพ์พลอยดูเหมือนยังอยู่ในอาการช็อก เธอนิ่งไม่ขยับ และคงจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ

‘เขามาที่นี่ได้ยังไง’ นี่คือสิ่งที่ปรากฏอยู่ภายในหัวของหญิงสาว ‘มาทำไม หรือว่า...’

“ลุงเป็นใครคะหม่ามี้” ยายหนูขี้สงสัยหันไปถามคุณแม่ที่เดินมาอยู่ด้านหลังเธอ

พลิศร์นั่งลงบนส้นเท้าตรงหน้าของเจ้าตัวเล็ก เขากำลังจะตอบคำถามแทนคนเป็นหม่ามี้ ทว่า...

“เพื่อนของหม่ามี้ค่ะ” พิมพ์พลอยชิงตอบก่อนด้วยท่าทีมีพิรุธ

“แฟนหม่ามี้ครับ” ส่วนอีกคนโกหกเด็กอย่างหน้าตาเฉย

พลิศร์ไม่อยากเป็นเพื่อน เขาอยากเป็นแฟน ต่อไปก็จะเลื่อนสถานะตัวเองเป็นสามีและพ่อของลูกเธอด้วย

“แฟนหม่ามี้เหรอคะ แฟนคืออะไร” ยายหนูเอียงคอถามด้วยความสงสัยใคร่รู้

“แฟนก็คือ...”

“พาลินคะ เข้าบ้านกันก่อนเถอะค่ะ ข้างนอกอากาศเย็น” พิมพ์พลอยรีบขัดจังหวะอย่างไว เธอไม่รู้ว่าหรอกว่าพลิศร์จะตอบว่าอะไร แต่ไม่ให้เขาพูดน่ะดีที่สุด

แล้วเขารู้หรือยังว่าเด็กน้อยที่กำลังคุยด้วยคือลูกสาวของตัวเอง...หรือว่ารู้แล้ว ถ้าไม่รู้เขาคงไม่ลงทุนเดินทางมาไกลแบบนี้ 

แล้วรู้ได้อย่างไรกัน...

“หลานสาวพลอยน่ารักจังเลยนะ ใช่คนที่พลอยวิดีโอคอลด้วยตอนนั้นรึเปล่า” 

เขายังไม่รู้สินะ

“ใช่” ถ้าอย่างนั้นก็อย่าทำตัวให้เขาสงสัยนะพิมพ์พลอย

พิมพ์พลอยว่าพลิศร์ฉลาดน้อยกว่าที่เธอคิดไว้เสียอีก ทีแรกเธอคิดว่าถ้าเขาได้เห็นหน้าพาลินน้อยแล้วต้องสงสัยแน่ๆ ว่าเป็นลูกของตัวเอง แต่นี่กลับไม่มีท่าทีคลางแคลงใจเลย

“คุณลุงเข้าบ้านมาด้วยกันจิคะ ข้างนอกมันหนาว” ไม่พูดเปล่า ยายหนูยังไปจูงมือคนตัวใหญ่ให้เข้าด้านในมาอีก

นี่คงลืมที่หม่ามี้เคยสอนไปแล้วว่าห้ามคุยกับคนแปลกหน้า ถึงทั้งสองจะเป็นพ่อลูกกัน แต่พลิศร์ก็ยังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพาลินอยู่ดี 

“ครับ” 

คนตัวโตเดินไปตามการจับจูงของเจ้าจิ๋ว โดยมีคนร่างบางมองตามด้วยความไม่พอใจ 

ก็แหงละเธอยังจำเรื่องของปริมรดาได้ ใจจริงอยากจะเอ่ยปากไล่เขาด้วยซ้ำ แต่ไม่อยากทะเลาะกันต่อหน้าลูก เธอเลยต้องกักเก็บทุกอย่างไว้ในใจก่อน 

 

“ทำงานได้ดีมากหนูปริม” 

จองชัยนัดปริมรดามาตบรางวัลในฐานะที่เธอทำงานที่สั่งได้สำเร็จ และยังทำได้ดีเกินคาด

ภารกิจของหญิงสาวคือการล้วงข้อมูลผู้ถือหุ้นคนสำคัญจากพลิศร์ ชายสูงวัยต้องการรู้ว่าพลิศร์ไปตกลงอะไรไว้กับกิจสิริเพื่อแลกกับคะแนนโหวต เขาจะได้หาทางเล่นตลบหลังหลานชาย

“ต้องขอบคุณคุณลุงด้วยที่ช่วยปริมอีกแรง” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้อย่างอ่อนช้อย ทั้งชม้อยตามองอย่างมีจริต

นอกจากภารกิจหลัก จองชัยยังได้มอบหมายให้ปริมรดาทำภารกิจพิเศษอีกอย่าง นั่นคือการทำให้พลิศร์เบี่ยงเบนความสนใจออกจากงานในบริษัท 

พักหลังมานี้เขาให้ลูกน้องตามดูพฤติกรรมของหลานชาย จึงได้รู้ว่าพลิศร์ติดพันผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ และดูท่าว่าจะสนใจเธอเป็นพิเศษ พอได้สืบลงไปให้ลึกกว่านั้นก็ได้รู้ว่าผู้หญิงที่ชื่อพิมพ์พลอยคือผู้หญิงที่พลิศร์เคยควงเมื่อสี่ปีที่แล้ว

ผู้เป็นลุงจึงสันนิษฐานว่าหญิงสาวคนนี้จะต้องเป็นคนที่พลิศร์มีใจให้ไม่มากก็น้อย ไม่เช่นนั้นหลานชายคงไม่กลับไปกินของเก่า ทั้งที่ไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้มาก่อน

เขาจึงใช้ให้ปริมรดาเข้าไปแทรกตัวเพื่อสร้างรอยร้าว เริ่มจากการวางยานอนหลับพลิศร์และลากขึ้นเตียง เพื่อสร้างสถานการณ์ว่ามีอะไรกัน นอกจากนี้ยังสามารถล้วงเอาข้อมูลสำคัญจากสมาร์ตโฟนของพลิศร์ได้อีกด้วย

เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว

และเมื่อถึงควรแก่เวลา ปริมรดาก็ไปประกาศต่อหน้าให้พลิศร์รู้ว่าเธอท้อง แน่นอน...ต้องเลือกตอนที่พิมพ์พลอยอยู่ด้วย จุดประสงค์ที่แท้จริงคือการทำให้ผู้หญิงของพลิศร์เข้าใจผิด

จากนั้นพลิศร์ก็จะอยู่ไม่สุข และไม่เป็นอันทำงาน

แต่ที่ผ่านมาพลิศร์ไม่เคยเสียงานเพราะผู้หญิง ในทีแรกจองชัยก็ไม่มั่นใจหรอกว่าแผนการเบี่ยงความสนใจจะสำเร็จหรือไม่ แต่ลองดูก็ไม่เสียหาย และผลการตัดสินใจก็ออกมาว่าเขาคิดถูก 

ตอนนี้พลิศร์ถึงกับเลื่อนนัดกิจสิริเพื่อลงทุนไปง้อผู้หญิงของมันถึงอเมริกา

แบบนี้ก็ยิ่งเข้าทางตาเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างจองชัย

“ถ้าหากคุณลุงมีอะไรให้ปริมช่วยอีกก็บอกได้นะคะ” ปริมรดาปะเหลาะ เธอยิ่งกว่าเต็มใจทำให้ เพราะผลตอบแทนนั้นเกินคุ้ม ครั้งนี้เธอก็ได้เช็กเงินสดมากว่าเจ็ดหลัก

“ตอนนี้คงไม่มี”

“นอกเหนือจากเรื่องของเพิ่ม เรื่องอื่นปริมก็ช่วยได้นะคะ” หญิงสาวลุกขึ้นเดินไปหาชายอายุคราวพ่อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน

เธอทิ้งสะโพกลงบนพนักเก้าอี้ และยกมือบางขึ้นลูบไล้ไหล่กว้างอย่างอ้อยอิ่ง ทั้งส่งสายตาเชื้อเชิญอย่างเปิดเผย

ปริมรดาไม่สนใจหรอกว่าเขาเป็นพ่อของอดีตคู่ควงของเธอ ชีวิตเธอผ่านอะไรมามาก เธอเคยถูกพ่อเลี้ยงขืนใจจนต้องระหกระเหินออกจากบ้านเพราะแม่ดันเข้าข้างผัวใหม่

หญิงสาวต้องเผชิญกับความยากลำบากเพียงลำพัง ตอนนั้นเธอไม่มีเงิน และยังเรียนไม่จบ จะหางานทำก็ยาก สิ่งเดียวที่พอจะเป็นทุนให้ต่อยอดหารายได้ก็มีเพียงร่างกาย เธอจึงขายมันให้แก่พวกเศรษฐี เพราะระดับดาวมหาวิทยาลัยอย่างปริมรดานั้นสามารถหาลูกค้าวีไอพีได้สบาย

เธอยกระดับชีวิตตัวเองได้จากการขายบริการ จากนั้นก็ชุบตัวให้ดูสูงส่ง ทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นลูกคุณหนู แล้วก็ได้มาเป็นคู่ควงของจิรเมธในที่สุด 

พอเลิกกับจิรเมธแล้ว เธอก็มองหาเป้าหมายใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องกระเป๋าหนักกว่า

“ฉันรู้ว่าหนูคิดอะไร แต่ขอโทษถ้าต้องพูดตรงๆ ว่า ฉันไม่นิยมใช้ผู้หญิงร่วมกับลูกชาย” 

คำพูดของจองชัยหักหน้าปริมรดาอย่างไม่เหลือชิ้นดี เธอคิดว่าเขาจะเป็นตาแก่มักมากในกาม ไม่สนใจบรรทัดฐานของสังคมเสียอีก เสียดายที่พลาดจากบ่อทองบ่อนี้ แต่หญิงสาวก็ไม่รั้น 

“เอ่อ...งั้นถ้าคุณลุงไม่มีอะไรแล้ว ปริมขอตัวกลับนะคะ” เธอรีบเก็บเศษหน้าและเดินออกจากห้อง

หญิงสาวเดินออกจากห้องทำงานซึ่งตั้งอยู่ภายในบ้านหลังใหญ่ของจองชัยมายังโรงจอดรถข้างบ้าน และสวนกับจิรเมธพอดี

เขาดูอึ้ง ซึ่งปริมรดาก็ไม่แปลกใจ เขาคงสงสัยว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ แต่ช่างปะไร เธอไม่อยากเสียเวลาคุยด้วยจึงรีบขึ้นรถและขับออกไปทันที

จิรเมธไม่สามารถคิดในแง่ดีได้เลยว่าระหว่างจองชัยกับปริมรดาจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เธอมาพบพ่อเขาในตอนที่เขาไม่อยู่ คิดได้ดังนั้นก็วิ่งเข้าบ้านและตรงไปยังห้องทำงานของผู้เป็นพ่อ

“พ่อ พ่อกับปริม?” จิรเมธเข้าเรื่องทันทีที่เปิดประตูเข้ามา

จองชัยอ่านสายตาลูกชายออก ถ้าเดาไม่ผิดจิรเมธคงจะเห็นปริมรดาเดินออกจากบ้านมา

“อย่าคิดอะไรอุบาทว์ ฉันแค่จ้างเธอมาทำงานให้”

“งาน? หรือว่ามันเกี่ยวกับเรื่องที่ไอ้เพิ่มทำปริมท้อง” 

จิรเมธรู้เรื่องนี้จากเพื่อน ตอนนั้นเพื่อนเขาไปกินอาหารญี่ปุ่นร้านเดียวกับพลิศร์ ตอนออกจากร้านบังเอิญได้ยินทั้งสองเถียงกัน ฟังได้ความว่าปริมรดาท้อง แต่พลิศร์ไม่ยอมรับเป็นพ่อเด็ก

ก็แหงละ พลิศร์ไม่ได้โง่ ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าปริมรดาเป็นคนแบบไหน เธออาจจะท้องกับใครมาแล้วคิดจะจับพลิศร์

“เธอไม่ได้ท้อง แค่แผนเบี่ยงความสนใจไอ้เพิ่ม”

“แผนอะไร ทำไมพ่อไม่บอกผม” จิรเมธเพิ่งรู้ว่าพ่อสนิทกับปริมรดาถึงขนาดเรียกใช้งานกันโดยไม่ให้เขารู้

“แกรู้ให้น้อยน่ะดีที่สุดแล้ว แค่ทำตามที่ฉันบอก” 

จองชัยไม่อยากให้ลูกชายมายุ่งเกี่ยวกับแผนสกปรกใดๆ หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะได้ไม่ต้องมารับผิดชอบร่วมด้วย

“แล้วทำไมต้องเป็นปริม เป็นคนอื่นไม่ได้เหรอพ่อ” 

เขาไม่อยากให้เธอมายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวเขาอีก ผู้หญิงแบบนั้นไม่น่าเข้าไปข้องเกี่ยว เธอควงอยู่กับเขา และได้ตกลงกันแล้วว่าห้ามไปมีคนอื่น แต่ความกำหนัดไม่ปรานีใคร นอกจากเขาแล้วเธอยังแอบไปมีความสัมพันธ์กับชายอื่นตอนเขาเผลออีกตั้งไม่รู้กี่คน

นี่จึงเป็นสาเหตุที่เขาตัดความสัมพันธ์กับเธอ

“เพราะหนูปริมเป็นผู้หญิงคนเดียวที่สามารถเข้าถึงตัวพลิศร์ได้โดยที่มันไม่สงสัย” จองชัยทราบว่ามาทั้งสองเคยเป็นเพื่อนร่วมหาวิทยาลัยกัน สนิทกันไม่มาก แต่ก็รู้จักกันประมาณหนึ่ง

แล้วยังรู้อีกว่าปริมรดามีอดีตอย่างไร และมีอาชีพอะไร 

ดังนั้นปริมรดาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น