15
พาลินน้อยถูกใจเพื่อนใหม่น่าดู เจอกันครั้งแรกก็เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย กับลูกสาวพิมพ์พลอยไม่แปลกใจหรอกที่เข้ากับพลิศร์ได้ง่าย ที่ผ่านมาก็ไม่เห็นว่าเจ้าแก้มจะเข้ากับใครไม่ได้ แต่ที่ทำให้เธอประหลาดใจคือพลิศร์สามารถเล่นกับเด็กได้ เพราะเท่าที่เธอจำได้เขาไม่ชอบเด็ก
เด็กเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชายหนุ่มไม่อยากเข้าใกล้ เพราะน่ารำคาญ ควบคุมยาก บางครั้งก็แหกปากร้องไห้ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่นี่นอกจากจะเล่นกับพาลินได้ เขายังใช้เสียงสองคุยกับลูกอีกต่างหาก ไม่รู้ไปฝึกมาจากไหน...
ฟังแล้วรู้สึกขนลุก...
“ลุงเพิ่มขา มาดูนี่ค่ะ” ยายหนูว่าแล้ววิ่งนำมายังห้องนั่งเล่น
ทั้งสองทำความรู้จักกันแล้ว และแนะนำตัวกันก่อนหน้านี้แล้วด้วย โดยตกลงกันว่าจะให้พาลินน้อยเรียกเขาว่าลุง
“อะไรเหรอครับ”
“นู่น ตรงนู้น ดูจิ” นิ้วชี้สั้นๆ ที่ไม่ต่างจากแง่งขิงชี้ขึ้นไปบนต้นคริสต์มาสที่ประดับประดาด้วยไฟหลากสี และตัวห้อยซึ่งเป็นเซรามิกธีมคริสต์มาส
“หืม? อันนี้เหรอ” เขาชี้ไปยังเจ้าตุ๊กตามนุษย์ตัวจิ๋วที่มีใบหูยาวและแหลม แต่งกายด้วยชุดสีแดง และสวมหมวกทรงสามเหลี่ยมสีเดียวกับชุด
“ค่ะ” เจ้าแก้มพยักหน้า “อุ้มพาลินหน่อยจิคะ”
เด็กหญิงพาลินยื่นแขนอวบสองข้างออกไปด้านหน้า เพื่อจะให้คุณลุงตัวโตอุ้มขึ้นไป เพื่อจะได้มองเห็นใกล้ๆ คุณลุงจำเป็นก็รีบรับร่างของเจ้าจิ๋วเข้ามาไว้ในอ้อมแขนด้วยความยินดี
ที่จริงมันมากกว่ายินดีด้วยซ้ำ แม้พาลินจะดูอวบอั๋นแต่พอมาอยู่กับพลิศร์แล้วยายหนูกลับดูกระจิ๋วหลิว
“อันนี้ชื่อไอวี่ค่ะ เป็นเอลฟ์” พาลินแนะนำ ไม่ว่าจะคนสัตว์สิ่งของ พาลินน้อยจะใช้ลักษณนามว่าอันกับทุกสิ่ง
“ทำไมไอวี่มาอยู่ตรงนี้คะ”
“มาดูพาลินค่ะ แล้วก็ตะกลับไปบอกคุณลุงจานต้าตอนกลางคืน พาลินต้องเป็นเด็กดี ถึงตะได้ของขวัญ” จานต้าคือซานตาคลอสในพจนานุกรมของพาลิน
พลิศร์พอรู้เรื่องเกี่ยวกับคริสต์มาสบ้าง เพราะตอนเป็นเด็กเขาก็เรียนโรงเรียนคริสต์ แต่เรื่องเอลฟ์ที่คอยมาสอดส่องดูพฤติกรรมเด็กและไปรายงานซานตาคลอส เขาไม่รู้มาก่อน
ก็แน่นอน เพราะมันเป็นกิจกรรมที่ค่อนข้างใหม่สำหรับเทศกาลคริสต์มาส พลิศร์เกิดเร็วไปหน่อยเลยไม่รู้
ที่มาที่ไปก็เกิดจากหนังสือสำหรับเด็กเรื่อง The Elf on the Shelf: A Christmas Tradition/
โดยในช่วงระหว่างวันขอบคุณพระเจ้าไปจนถึงวันคริสต์มาส เอลฟ์ซึ่งเป็นผู้ช่วยของซานตาคลอส จะถูกส่งมาที่บ้านแต่ละหลังเพื่อเฝ้ามองพฤติกรรมของเด็กๆ แล้วกลับไปรายงานซานตาคลอสที่อยู่นอร์ทโพลหรือขั้วโลกเหนือ หากใครเป็นเด็กดีก็จะได้ของขวัญจากซานต้า แต่ถ้าเกเรก็จะอด
ในตอนกลางวันเจ้าเอลฟ์จะไม่ยอมขยับตัว และมีกฎว่าห้ามเด็กๆ ไปสัมผัสตัวเอลฟ์ ไม่เช่นนั้นเวทมนตร์ของเจ้าเอลฟ์จะหายไป และในตอนกลางคืนที่ทุกคนเข้านอนเหล่าเอลฟ์จะเดินทางกลับนอร์ทโพลไปรายงานซานตาคลอส และจะกลับมาอีกครั้งในตอนกลางวัน
ซึ่งในทุกวันเอลฟ์จะไปอยู่ในที่ต่างๆ ในบ้านไม่ซ้ำกัน
อย่างวันนี้เจ้าเอลฟ์ไอวี่ของพาลินก็ปีนขึ้นไปอยู่เกือบปลายยอดของต้นคริสต์มาส
อันที่จริงก็เป็นฝีมือของหม่ามี้นั่นแหละที่เอาไปวางไว้ตรงนั้น เรื่องเอลฟ์ก็เหมือนกับเรื่องซานตาคลอสที่จะมาให้ของขวัญในคืนวันคริสต์มาสอีฟ...ไม่ใช่ฝีมือคุณลุงซานต้าจริงๆ หรอก แต่เป็นพ่อแม่ของเด็กๆ ต่างหาก
“แบบนี้พาลินคงได้ของขวัญเยอะทุกปีใช่ไหมคะ เพราะพาลินของลุงเพิ่มเป็นเด็กดีที่หนึ่งเลย” เพิ่งได้เจอหน้าไม่กี่ชั่วโมงก็ยอเจ้าพาลินได้น่าหมั่นไส้เหมือนรู้จักมานาน
“ได้เท่านี้ค่ะ” ยายหนูพูดพลางชูมือป้อมๆ ขึ้นมาสองข้าง แล้วก็กางนิ้วทั้งสิบออก
นิ้วสั้นๆ อวบๆ นั่นทำเอาพลิศร์ใจเหลว พาลินช่างน่ารักไปทุกสัดส่วนเลย แม้แต่นิ้วน้อยๆ ขาวอมชมพูยังน่าเอ็นดู
พิมพ์พลอยมองลุงกับหลานกำมะลอกะหนุงกะหนิงกันอยู่ห่างๆ เธอรอจังหวะที่จะเข้าไปไล่ตะเพิดแขกไม่ได้รับเชิญออกจากบ้าน ทว่าพาลินน้อยก็ไม่ยอมอยู่ห่างพลิศร์เลย
ไม่รู้ว่าเธอคิดมากไปรึเปล่า แต่รู้สึกได้ว่าพลิศร์จะฉวยโอกาสลูกสาวเธอมากไปแล้ว มีโอกาสทีไรเป็นต้องขโมยหอมแก้มเจ้าก้อนตลอด อีกทางหนึ่งก็เข้าใจได้ว่าเขาคงมันเขี้ยว
ทว่าสายตาที่ใช้มองเจ้าตัวเล็กมันก็ประหลาดอย่างไรชอบกล ดูอบอุ่นและมีความหมายแอบแฝง ต่างจากสายตาของอติคุณที่มองลูกสาวเธอ เป็นแววตาที่เจือความเอ็นดู ทว่าไม่ลึกซึ้งอะไร
ไม่ใช่รู้แล้วนะว่าพาลินน้อยเป็นลูกสาวตัวเอง แต่ทำเป็นเล่นละครตบตาเธอ...
ครืด~
สมาร์ตโฟนของพิมพ์พลอยสั่นเตือนว่ามีสายโทร. เข้าจากเพียงพัชร์ เธอเลยเดินออกห่างจากพลิศร์และลูกสาวเพื่อไปรับสายพี่สาว
“ว่าไงเจ้พัชร์”
“พาลินไม่อยู่ด้วยเหรอ” เพียงพัชร์ถามหาหลานสาวด้วยความคิดถึง
“เอ่อ...” พิมพ์พลอยอ้ำอึ้ง กำลังลังเลว่าจะโกหกหรือพูดความจริงดี
เพียงพัชร์รู้เรื่องเกี่ยวกับพลิศร์เกือบทุกอย่าง รวมถึงรู้ว่าพลิศร์คือพ่อของพาลิน และพี่สาวเธอก็ห้ามนักห้ามหนาว่าห้ามไปข้องเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นอีก
แต่ตอนนี้พลิศร์มาข้องเกี่ยวกับเธอเอง โดยที่เธอไม่ยินดี
“เจ้พัชร์ พลอยมีอะไรจะบอก แต่สัญญาก่อนว่าจะต้องไม่โกรธน้อง” พิมพ์พลอยตัดสินใจแล้วว่าจะพูดความจริง เพราะไม่อยากให้พี่สาวมารู้เองทีหลัง
ถามว่าพี่สาวจะรู้ได้อย่างไรในเมื่ออยู่ห่างกันไกลหลายพันไมล์ คำตอบคือพาลิน...พาลินน้อยพูดเก่ง และมักเล่าทุกเรื่องให้อากง อาม่า และหม่าม้าพัชร์ฟัง
“มีอะไร” เกริ่นมาแบบนี้คนเป็นพี่ยิ่งอยากรู้
“คือ...พลิศร์มาแอลเอ”
“อ้อ...ไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้น แล้วยังไง” เพียงพัชร์ไม่รู้จักพลิศร์เป็นการส่วนตัว ไม่เคยสนทนาหรือแม้แต่พบหน้า ทว่าก็พอรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน
นอกจากจะเป็นพ่อของหลานสาวเธอ เขาเป็นหนุ่มนักธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก เพราะนอกจากฝีมือในการบริหารงาน เขายังมีความหล่อที่ทำเอาสาวๆ คลั่งไคล้
“เขามาหาพาลิน”
“ว่าไงนะ ไปได้ยังไง เขารู้แล้วเหรอว่าเจ้าแก้มอ้วนเป็นลูก” ฉายาเจ้าแก้มอ้วนของพาลินน้อยก็เป็นเพียงพัชร์นี่แหละที่ตั้งให้
“คือพลอยก็ไม่รู้ว่าเขามาได้ยังไง แต่ที่แน่ๆ น่าจะยังไม่รู้ว่าพาลินเป็นลูก พลอยเคยโกหกเขาว่าพาลินเป็นลูกเจ้พัชร์”
“เคย? อย่าบอกนะว่าตอนอยู่ไทยได้ไปเจอมันด้วย” ฟังจากสรรพนามที่ใช้เรียกก็น่าจะรู้ว่าเอ็นดูพ่อของเจ้าแก้มขนาดไหน
“เอ่อ...” อ้ำอึ้งอีกแล้ว ก็พิมพ์พลอยไม่เคยเล่าเรื่องราวระหว่างเธอกับพลิศร์ในตอนที่เธอกลับไปเก็บข้อมูลทำธีสิสให้พี่สาวฟัง
เพราะรู้อยู่แล้วว่าถ้าเจ้พัชร์รู้จะต้องโกรธ แต่ดูเหมือนตอนนี้จะเลี่ยงไม่ได้แล้ว
“ก็เคยเจอกัน”
“เล่ามาให้หมดพลอย เรื่องมันเริ่มต้นยังไง ห้ามโกหกเจ้” พี่สาวออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเข้ม
เพียงพัชร์เป็นสาวแซ่บและดุมาก
พิมพ์พลอยจึงค่อนข้างเกรงใจพี่สาว เธอเริ่มเล่าตั้งแต่เหตุการณ์ที่เจอเขาครั้งแรกในรอบสี่ปี รวมถึงตอนที่เธอดื่มเครื่องดื่มผสมยาปลุกเซ็กซ์ และเลยเถิดจนได้เสียกับพลิศร์อีกครั้ง
“ยายพลอย เธอเสียสติไปแล้วเหรอ ไปดื่มทำไม” เพียงพัชร์อยากจะต่อว่าให้มากกว่านี้ แต่พูดตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์เลยเก็บไว้ด่าในใจ “ทำไมน้องสาวฉันถึงได้อ่อนต่อโลกขนาดนี้นะ การศึกษาสูงคงไม่ช่วยเธอเลยสินะ”
พิมพ์พลอยไม่เถียง ก็พี่สาวพูดถูกทุกคำ เธอมันอ่อนต่อโลก ที่ดูเข้มแข็งขึ้นก็แค่เปลือกนอก แต่ด้านในยังอ่อนปวกเปียก
หญิงสาวเล่าต่อไปว่าหลังจากวันนั้นพลิศร์ก็ตามตอแยเธอไม่เลิก
“มันสนใจเธอเหรอ”
“คงจะตื่นเต้นกับลุคใหม่ของพลอยแค่นั้นแหละ เพราะระหว่างที่วนเวียนมาหาพลอย เขาก็ยังมีผู้หญิงคนอื่น”
ผู้หญิงที่ว่าก็คนที่บอกว่าท้องกับเขาไง แต่พิมพ์พลอยไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่พี่สาว เพราะมันไม่เกี่ยวกับเธอ
“หื้ม...เจ้ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูดให้เขาเลย แล้วนี่เขายังอยู่ใช่ไหม”
“ใช่ กำลังเล่นกับพาลินอยู่”
“เจ้าแก้มนี่ยังไง สนิทกับคนไปทั่วเลย” เพียงพัชร์รู้จักพาลินน้อยดี ยายหนูเฟรนด์ลีและเข้ากับคนง่าย
“รอพาลินเผลอ พลอยว่าจะไล่เขาไป”
“ไล่ให้มันได้จริงๆ เถอะ ขนาดเขาตามตอแย เธอยังสลัดเขาไม่พ้น”
เพียงพัชร์ไม่อยากจะว่าน้องสาวตัวเองหรอก แต่เธอคิดว่าถ้าไม่นับเรื่องเรียนพิมพ์พลอยนั้นไม่ฉลาดเอาเสียเลย
เธออ่านใจน้องสาวออก พิมพ์พลอยยังตัดพ่อของพาลินออกจากหัวใจไม่หมด แม้เขาจะมีข้อเสียมากมาย แต่ส่วนลึกในใจของพิมพ์พลอยก็ยังมีเงาของพลิศร์อยู่
เรื่องที่บอกว่าพลิศร์ตามวอแวนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพิมพ์พลอยน่าจะเปิดทางให้เขาด้วย ถ้าเกลียดกันจริง น้องสาวเธอต้องทำทุกวิถีทางให้ผู้ชายคนนั่นเลิกยุ่ง และสิ่งที่ยืนยันว่าพิมพ์พลอยยังไม่หมดเยื่อใยคือการที่ยอมมีอะไรกับพลิศร์อีกครั้ง
อย่าอ้างว่าเป็นเพราะยาเลย อย่างไรมันก็ฟังไม่ขึ้น
“เจ้ว่าเจ้ต้องจัดการเรื่องนี้เอง”
“เจ้พัชร์จะทำยังไง”
“จะบินไปจัดการมันที่แอลเอไง”
“แล้วเรื่องร้านเบเกอรีล่ะ”
“เดี๋ยวให้หม่าม้าช่วยดูให้” เรื่องร้านน่ะช่างมันก่อนก็ได้ เอาเรื่องพลิศร์ก่อน
“เจ้พัชร์อย่าบอกเรื่องนี้กับป๊าได้ไหม”
“ทำไม กลัวป๊าเอาปืนไปยิงหัวมันเหรอ”
“เปล่า พลอยกลัวป๊าติดคุก” ระหว่างพลิศร์กับป๊าเธอต้องห่วงป๊ามากกว่าสิ
แต่ถามว่าเพียงพัชร์เชื่อเหตุผลของน้องสาวไหม...ก็ไม่ ก็บอกแล้วว่าพิมพ์พลอยยังตัดพลิศร์ไม่ขาด บางครั้งอาจจะมีอารมณ์โกรธ แต่พิมพ์พลอยเกลียดผู้ชายคนนั้นไม่ได้จริงๆ หรอก
ก็เข้าใจแหละว่าเป็นผู้ชายคนแรก น้องสาวเธอก็คงจะฝังใจเป็นธรรมดา
กว่าที่พาลินจะแยกตัวออกจากพลิศร์ได้ก็ตอนที่ยายหนูเข้านอน เมื่อส่งลูกเข้านอนในห้องนอนของเจ้าตัวแล้ว ออกมาพิมพ์พลอยก็ยังเจอพลิศร์นั่งอยู่บนโซฟาดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนั่งเล่น เขาทำตัวประหนึ่งเจ้าของบ้าน
มันดูน่าหมั่นไส้และเขาก็ช่างหน้าไม่อายยิ่งนัก
“นี่คุณพลิศร์ กลับไปได้แล้ว ต่อไปก็อย่ามาที่นี่อีก” หญิงสาวว่าพลางเดินเข้าไปหยิบรีโมตและกดปิดทีวี
“ไม่ไป เพิ่มจะนอนนี่” เขาพูดแล้วมองไปยังกระเป๋าเดินทางที่ยังตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่น
“ฉันหมดความอดทนกับคุณแล้วนะ ออกไป” ร่างบางตรงเข้าไปกระชากแขนคนตัวโต แต่ตัวเธอเล็กนิดเดียวแถมแรงก็น้อย จึงโดนพลิศร์ดึงมานั่งบนตักแทน
เหมือนเปิดโอกาสให้เขาแตะเนื้อต้องตัวเลย
“ปล่อยนะ!”
“อย่ากัดนะ ไม่งั้นเพิ่มจูบจริงด้วย” มือใหญ่ข้างหนึ่งบีบเข้าที่แก้มนวลทั้งสองข้างด้วยแรงที่ไม่มาก เมื่อเห็นเธอทำท่าจะกัด พลิศร์ไหวตัวทันเพราะเคยโดนมาแล้ว “ห้ามหยิกด้วย”
ใช้ฟันไม่ได้ ก็หวังจะใช้มือ แต่พลิศร์รู้ทันเสียก่อน
“อื้อ...อ่อย”
ชายหนุ่มยอมคลายมือที่บีบแก้มออก แต่ไม่ยอมปล่อยคนตัวเล็กลงจากตัก แถมแขนแกร่งยังคล้องเอวเธอไว้มั่น หมดหนทางที่พิมพ์พลอยจะหนีรอด
เมื่อไม่มีทางหลุดพ้นจากพันธนาการ หญิงสาวก็ไม่พยายามให้เสียเวลา เธอเปิดการสนทนาและเข้าเรื่องที่ต้องการจะคุยกับเขาทันที
“มาที่นี่ทำไม”
“มาหาลูกกับเมีย”
ความคิดเห็น |
---|