3

3

3

 สองสามวันถัดมาอาจารย์รุ่นพี่ได้โทรศัพท์นัดพิมพ์พลอยรับประทานมื้อเย็น แต่เพราะต้องการคุยกันมากกว่าจะกินอะไรจริงจัง หญิงสาวจึงชวนอาจารย์มาภาไปนั่งคุยกันที่รูฟท็อปบาร์ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นเจ้าของ ทว่าได้ขายกิจการให้คนอื่นก่อนที่จะไปเรียนต่อ

เมื่อก่อนบุคลิกของเธอดูไม่เข้ากับสถานที่อโคจรแบบนี้ เธอเองก็ไม่ชอบสถานที่ที่คนพลุกพล่านหรอก แต่เพราะหลงใหลในศาสตร์ของการปรุงแต่งเครื่องดื่ม มันเลยเป็นแรงบันดาลใจให้เปิดบาร์ขึ้นมา 

แต่พอมีพาลินน้อยชีวิตเธอแทบไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแหล่งอบายมุขหรือของมึนเมาพวกนี้อีกเลย ใช่ว่าไม่อยาก เธอยังชื่นชอบการชงค็อกเทลเหมือนเดิม ทว่าดันไม่มีเวลา

“ฉันไม่ค่อยได้มาที่นี่ ตั้งแต่เธอขายบาร์นี้ให้คนอื่น” มาภาพูดขึ้นขณะใช้ปลายนิ้วแตะขอบแก้วทรงสวยที่มีเกล็ดน้ำตาล เกลือ หรืออะไรสักอย่างเกาะอยู่ แล้วหญิงสาววัยสี่สิบก็แตะนิ้วที่ปลายลิ้น

มันคือเกลือ...ความสงสัยมลายหาย

“เสียดาย เธอน่าจะทำมันต่อ” สายตาคมเฉี่ยวทอดมองไปเบื้องหน้า ไม่สิ...เบื้องล่างมากกว่า ตอนนี้มีรถยนต์คันหนึ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาจอดยังช่องจอดสำหรับลูกค้าของบาร์แห่งนี้

สองสาววัยเกือบเลขสามกับวัยหลักสี่กำลังนั่งชิลล์ จิบเครื่องดื่มชมบรรยากาศอยู่ที่ดาดฟ้าของตึกสี่ชั้น พวกเธอเลือกที่นั่งริมระเบียงซึ่งหันหน้าออกไปนอกตึก

“พลอยเองก็เสียดาย แต่ไม่มีใครช่วยดูแลเลยต้องตัดใจขายไป” 

เธอสร้างรูฟท็อปบาร์แห่งนี้มาเองกับมือ เริ่มจากศูนย์จนเป็นที่รู้จักพอสมควร และมันกำลังจะไปได้ดีตอนที่เธอได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาเอกที่เมืองนอก จะให้คนที่บ้านดูแลให้ก็ไม่ได้ เพราะบ้านของพิมพ์พลอยทำธุรกิจขายเพชรพลอยซึ่งมีร้านอยู่หลายสาขา ป๊า ม้า และพี่สาวจึงไม่สามารถเจียดเวลามาดูแลบาร์ให้เธอได้ อีกอย่างพวกเขาไม่สนับสนุนให้เธอทำด้วย  

 ติ๊ง~ 

Palis : ผมกำลังขึ้นไป

เสียงข้อความเข้าจากสมาร์ตโฟนของอาจารย์มาภาดังขึ้น เธอเปิดอ่าน และปิดหน้าจอทันที ก่อนจะคุยต่ออย่างไม่มีพิรุธ            

“ไหนๆ ก็จะได้กลับมาอยู่ไทยถาวรแล้ว เธอก็เปิดใหม่เลยสิ” อาจารย์มาภาไม่ได้พูดหยอก แต่เล็งเห็นว่าพิมพ์พลอยมีศักยภาพที่จะสร้างมันขึ้นมาได้

“ไม่ไหวมั้งคะ กลับมาสอนคราวนี้พลอยตั้งใจจะสอยตำแหน่งศาสตราจารย์ให้ได้ก่อนอายุสี่สิบเหมือนพี่มา” 

เธอพูดเล่น ก่อนอายุสี่สิบคงยากไป เพราะตอนนี้แม้แต่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยังไม่ได้เป็นเลย

“จะมาเอาดีด้านวิชาการว่างั้น” มาภายิ้มขำ ไม่ใช่ว่าดูถูก เธอมั่นใจว่าพิมพ์พลอยทำได้ แต่ที่นึกขำเพราะเอ็นดูคนที่อยากเดินตามรอยเธอมากกว่า ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าคนอย่างเธอจะเป็นแบบอย่างให้ใครได้

“ก็คง...”

“อะแฮ่ม!” 

ยังพูดไม่ทันจบพิมพ์พลอยก็ถูกขัดจังหวะ สองสาวต่างพร้อมใจกันหันไปมองต้นเสียง

“บังเอิญจัง มาเจอพี่มาที่นี่ ว่าแต่มากับ...” 

สายตาคมเบนไปมองหญิงสาวอีกคนที่กำลังมองจ้องเขาอยู่ด้วยสายตาประหลาดใจกึ่งตระหนก 

“พลอย” เสียงเขาเบาราวกระซิบคล้ายจะตะลึง

มาภาอยากจะปรบมือให้กับการแสดงของพลิศร์เหลือเกิน แสดงดีไม่มีที่ติ 

ก่อนหน้านี้เธอเผลอหลุดปากกับพลิศร์ว่าจะมาพบพิมพ์พลอย พอรู้เขาก็ตื๊อจะมาด้วย มาภารำคาญเลยยอมตอบตกลง แต่จะให้ไปพร้อมกันเลยก็กลัวพิมพ์พลอยจะโกรธ เลยวางแผนให้ชายหนุ่มบังเอิญมาเจอ

“ขอนั่งด้วยคนนะ” เขาขออนุญาต พร้อมอนุญาตตัวเองให้เลื่อนเก้าอี้มานั่งข้างพิมพ์พลอยแทนที่จะเป็นมาภา

ก็มันเป็นสถานการณ์บังคับนี่นา เพราะมาภานั่งติดชิดริมอีกฝั่ง ฉะนั้นที่ว่างจึงมีแค่ที่ข้างๆ พิมพ์พลอย

“ทำไมถึงมาที่นี่ได้” มาภาทำเป็นเอ่ยถามทำลายความเงียบ

ตั้งแต่พลิศร์เข้ามาร่วมวง อาจารย์รุ่นน้องก็ไม่ปริปากพูดใดๆ แววตาไม่เชิงว่างเปล่า แต่ดูคาดเดายากว่ากำลังคิดอะไร

“มาทานมื้อเย็นกับลูกค้าแถวนี้ เลยแวะหาอะไรดื่มก่อนกลับ” เขาแต่งเรื่อง “พลอยกลับมาตอนไหน เพิ่มไม่เห็นรู้เลย”

ถามด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสนิทสนม เหมือนคนไม่มีเรื่องผิดใจกันมาก่อน

ก็แหงสิ...เรื่องในอดีตพลิศร์ไม่ได้รับผลกระทบเท่าพิมพ์พลอยนี่ เขาเลยพูดคุยกับเธอได้อย่างไม่มีข้อกังขาในใจ

“หลายวันแล้ว” หญิงสาวนิ่งคิดอยู่นานว่าจะปฏิบัติตัวต่อคนตรงหน้าอย่างไร

จะปั้นปึ่ง เฉยเมย ไม่สนใจ หรือจะทำตัวปกติเหมือนไม่เคยโกรธดี สุดท้ายก็เลือกที่จะพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใช้แววตาที่ไร้ความรู้สึกจ้องมองนัยน์ตาคมกริบอย่างไม่หวาดหวั่น

หากเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่สบตากับเขาตรงๆ ไม่ใช่เพราะกลัว แต่มันเป็นความเขินอาย เหมือนสาวน้อยแรกรุ่นที่ไม่คุ้นเคยกับชายหนุ่ม ทว่าตอนนี้พิมพ์พลอยไม่ใช่หญิงสาวอ่อนเดียงสาอีกต่อไป เวลาที่ผันเปลี่ยนไปเกือบสี่ปี เปลี่ยนเธอให้เป็นคนใหม่ที่มาดมั่น และไม่หวั่นเกรงต่อสายตาชาย

“เอ่อ...เดี๋ยวฉันขอตัวไปคุยกับหนูลิณก่อนนะ” มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของมาภา เธอเลยถือโอกาสนี้ปลีกตัวออกมา

เมื่อมาภาเดินออกไป พลิศร์ก็เปิดฉากสนทนาอีกครั้ง “เรียนจบรึยัง” 

เขาลอบมองเสี้ยวหน้าของคนที่นั่งหันข้างให้ตนอย่างสำรวจ ใบหน้ายังมีเค้าโครงเดิมเพียงแต่แต่งแต้มดวยเครื่องสำอางอย่างบรรจง มันไม่ได้หนาไป กำลังพอดี แถมสไตล์การแต่งหน้ายังเปลี่ยนคนหน้าหวานให้ดูเฉี่ยวขึ้น บวกกับผมยาวไดร์ตรงที่รวบเป็นหางม้าอยู่กลางศีรษะ ยิ่งทำให้เธอดูร้อนแรงขึ้น

การแต่งกายของพิมพ์พลอยก็ดูแปลกตาไปอย่างที่มาภาเคยว่าไว้ เธอสวมเชิ้ตผ้าพลิ้วสีอ่อนที่ปลดกระดุมออกมากกว่าหนึ่งเม็ด สาบเสื้อแยกกว้างดูหมิ่นเหม่จนพลิศร์อยากยื่นมือไปติดกระดุมให้เสียเหลือเกิน นอกจากนี้ยังสวมกางเกงยีนรัดรูปเอวสูงสีกรม ขับสะโพกผายให้ดูเด่น เขายังเหลือบเห็นอีกว่าเธอสวมส้นสูงด้วย แต่ก่อนไม่มีซะหรอกที่หญิงสาวจะใส่รองเท้าสูงกว่าหนึ่งนิ้ว

“ยัง” ตอบเพียงสั้นๆ ไม่มีหางเสียง แต่น้ำเสียงไม่ได้ห้วน

“พลอยดูเปลี่ยนไปมากนะ ดูแปลกตา”

“ฉันจำได้ว่าเคยขอร้องคุณว่าหากเจอกันอีก ก็ให้ทำเป็นไม่รู้จักกัน” 

พิมพ์พลอยผินมามองใบหน้าคมคายด้วยแววตาที่แข็งขึ้น ไม่ถึงกับโกรธ แต่ทำเอาพลิศร์เสียวสันหลังวาบเลยละ เมื่อก่อนไม่มีหรอกที่จะใช้สายตาแบบนี้มองเขา เธอเชื่องเป็นแมวน้อยที่แสนออดอ้อน ทว่าตอนนี้กลายเป็นแมวป่าแสนดุร้ายไปเสียแล้ว

และก็ไม่มีหรอกนะสรรพนามที่เหินห่างแบบนี้ แม้เธอจะอ่อนกว่าเขาสี่ปี แต่พิมพ์พลอยจะเรียกเขา ‘เพิ่ม’ และแทนตัวเองว่า ‘พลอย’

“อะไรกัน เรื่องก็ผ่านมานานแล้ว ยังไม่หายเคืองกันอีกเหรอ”

พิมพ์พลอยลมออกหูที่ได้ยินประโยคเหล่านั้น 

‘หายเคือง’ อย่างนั้นเหรอ

ไอ้บ้าเอ๊ย! หากพลิศร์เดินเหยียบเท้าเธอโดยไม่ตั้งใจจะไม่ว่าเลย แต่นี่เขาหลอกฟันแล้วทิ้ง มันใช่เรื่องที่จะลืมได้ง่ายๆ อย่างนั้นเหรอ

“ถ้าพูดอะไรไม่เข้าหูก็ขอโทษด้วย” เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลดูกร้าวขึ้นก็รู้ตัวว่าคงพูดอะไรไม่เหมาะ เขาแค่ต้องการชวนเธอคุย แต่ดันไม่ระวังคำพูด

พิมพ์พลอยหันหน้าหนีโดยไม่พูดอะไร นึกแปลกใจกับพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของพลิศร์เช่นกัน เมื่อก่อนไม่มีหรอกนะ...ถ้าเธอแข็งใส่แล้วเขาจะอ่อนให้ 

เขาร้อนเป็นไฟ ส่วนเธอก็ต้องยอมเป็นน้ำแข็ง ไม่ใช่ว่าเดือดไม่เป็น แต่ตอนนั้นมันหลง เขาโกรธเธอก็สงบ เขางอนเธอก็ง้อ เขาขึ้นเสียงใส่เธอก็เงียบ

“โทษทีนะ ฉันเมาท์กับหนูลิณเพลินไปหน่อย” มาภากลับมาก็พบกับบรรยากาศที่อึมครึมยิ่งกว่าตอนออกไป

“เดี๋ยวพลอยขอตัวสักครู่นะคะ” เธอลุกขึ้นและพูดกับมาภา

ที่จริงอยากขอตัวกลับเลยด้วยซ้ำ แต่กลัวจะเสียมารยาทกับมาภา เพราะรุ่นพี่ไม่ได้ผิดอะไร

พิมพ์พลอยเองก็ปลีกตัวมาวิดีโอคอลหาลูกสาวเหมือนกัน เธอจะโทร. หาลูกสาวตอนประมาณสามทุ่มของวันธรรมดาเพราะเป็นเวลาที่ลูกสาวจะรับประทานมื้อเช้าก่อนไปโรงเรียน

 

 

 

 

 

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น