4
“พลอยดูไม่โอเคที่เจอนาย”
ก็ไม่แปลกหรอก หากเธอเป็นพิมพ์พลอยคงไม่ใจเย็นแบบนี้ จะฟาดให้หลังแอ่นเลยด้วยซ้ำ ทำกันไว้ขนาดนั้นแล้วยังมีหน้าเข้ามาคุยเหมือนคนไม่เคยมีเรื่องกันมาก่อน
อาจารย์มาภารู้สึกคิดผิดที่วางแผนให้พลิศร์มาเจอพิมพ์พลอย เธอไม่น่าใจอ่อนเห็นใจน้องชายของเพื่อนสนิทเลย
“ฉันว่าต่อไปนี้ก็เลิกยุ่งกับพลอยซะเถอะ”
“ทำไม”
“ไม่เข้าใจจริงๆ เหรอ” เขาน่าจะรู้เหตุผลดีกว่าใครๆ “หรือเกิดสนใจยายพลอยขึ้นมาอีก”
มาภาคิดว่าต้องเป็นอย่างหลัง หากไม่สนใจ พลิศร์คงไม่เทียวถามเธอเกี่ยวกับพิมพ์พลอยหรอก ไอ้ที่บอกว่ารู้สึกผิดและอยากรู้ความเป็นไปของหญิงสาวว่าสบายดีไหมนั่นข้ออ้างชัดๆ
“ก็น่าสนดี” ชายหนุ่มยอมรับตามตรง “การแต่งกายและท่าทางพลอยเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน อยากรู้ว่าเรื่องอื่นจะเปลี่ยนไปด้วยไหม”
พอพูดประโยคสุดท้าย สายตาเขาวิบวับมีเลศนัย
“ในสมองนายจะคิดแต่เรื่องเดียวรึไง ถามจริง...เป็นน้องชายอลันจริงรึเปล่า ทำไมถึงได้ดูเลวผิดพี่ชายนายขนาดนี้” ใช้คำว่าเลวก็เกินไป แต่ก็ไม่เกินจริงหรอก
อลันคือเพื่อนสนิทของมาภา และพ่วงท้ายด้วยตำแหน่งลูกเขยของเธอ ใช่...เธอได้ลูกเขยที่อายุอ่อนกว่าไม่ถึงปี จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อลูกสาวตัวดีดันอยากได้เพื่อนแม่ทำสามี
ตอนนี้สองคนนั้นก็แต่งงานมีโซ่ทองคล้องใจอายุได้กว่าห้าเดือนแล้ว ทว่าตั้งแต่หลานคลอดเธอยังไม่มีโอกาสเห็นหน้าเลย เพราะยังไม่มีเวลาบินไปหาที่ฮ่องกง
“อะไรกันพี่มา ผมหมายถึงเรื่องการทำอาหารต่างหากเล่า เมื่อก่อนพลอยทำอาหารเก่งมาก อยากรู้ว่าไปอยู่เมืองนอกฝีมือจะพัฒนาขึ้นไหม”
“กล้าสาบานให้เป็นหมันไหมว่านายหมายถึงเรื่องนี้จริงๆ”
ยังแถได้หน้าตาเฉย มาภาผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ เธออ่านสายตาของพลิศร์ออก
“ไร้สาระ สาบงสาบานอะไรกัน” สาบานไป หากเป็นจริงขึ้นมา พลิศร์น้อยก็อดลืมตาดูโลกสิ
ปกติพลิศร์จะไม่พูดเรื่องใต้สะดือกับใครหากว่าเขาไม่สนิทและไว้ใจคนคนนั้น และแน่นอนเขาไว้ใจมาภา นับถือไม่ต่างจากพี่สาวคนหนึ่ง และก็เพราะมาภานี่แหละทำให้เขายังรับรู้ความเป็นไปของใครอีกคน
“พี่มา”
“อะไร”
“นั่นกิ๊กพี่รึเปล่า มากับใครล่ะนั่น เข้าไปทักสักหน่อยไหม”
พลิศร์จำหน้าคู่เดตคนล่าสุดของอาจารย์มาภาได้ เคยบังเอิญเจอกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่นครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเขาไปกินข้าวกับลูกค้า ส่วนมาภาไปกับกิ๊ก แต่เธอแนะนำให้รู้จักในฐานะเพื่อน
“คงต้องไปทักสักหน่อยแล้วละ”
เขามากับผู้หญิง ดูท่าทางสนิทแนบชิด เธอต้องไปประกาศศักดาเสียหน่อย ไม่ได้จะไปหาเรื่องหรอก เสียภาพลักษณ์อาจารย์หมด เพียงแต่ไปทำให้ไอ้ผู้ชายคนนั้นรู้สักหน่อยว่าเธอไม่ใช่ของตายที่ใครจะทำอะไรก็ได้
เมื่อมาภาเดินไป พลิศร์ก็หันซ้ายหันขวามองหาคนร่างบาง แต่เธอไม่อยู่ในรัศมีสายตา
หรือว่าจะไปห้องน้ำ...
คิดได้ดังนั้นก็ไม่รอช้าที่จะก้าวไปตามทิศทางนั้น ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากวอแวพิมพ์พลอยนัก เธอปล่อยเขาเป็นอิสระ เขาก็ควรจะโผบินไปให้ไกล แต่ให้ตายเถอะ...ไปได้ไม่ถึงเดือนก็รู้สึกอยากกลับมาตายรัง
“ที่รักคะ ถึงเวลาต้องไปเรียนแล้วนะ”
แม้จะยังไม่เห็นตัว แต่พลิศร์จำได้ว่านั่นคือเสียงพิมพ์พลอย
เธอคุยกับใคร ทำไมต้องเรียกที่รัก หรือจะเป็นกิ๊กที่ไปสอยได้ตอนเรียนปริญญาเอก...
เมื่อกดวางสายจากเจ้าแก้มอ้วนแล้วคุณแม่ยังสาวก็หันหลังจะกลับเข้าไปในร้าน ใบหน้าปะทะเข้ากับแผ่นอกกว้างที่ยังแน่นและแข็งเหมือนเมื่อสี่ปีก่อน
“คุยกับใคร” พลิศร์ไม่ได้ตั้งใจจะทำเสียงเข้ม แต่มันเป็นไปเอง
คนตัวเล็กกว่าแหงนมองหน้า จากนั้นก็สะบัดหน้าเดินเฉียดไหล่ผ่านเขาไป “สาระแน”
เสียงเล็กดังในระดับที่คล้ายว่าจะบ่นกับตัวเอง แต่อยู่ในระยะประชิด มีหรือที่พลิศร์จะไม่ได้ยิน
“พลอย” เขาจับข้อมือบางไว้ สายตาคมจ้องมองอย่างเอาเรื่อง “เมื่อกี้พูดว่าอะไร”
“สา...ระ...แน!” คิดว่ากลัวหรือไง เธอไม่หงอเหมือนแต่ก่อนแล้วนะ
พอได้ยินชัดๆ คุณพ่อของพาลินก็ถึงกับเหวอรับประทาน อะไรทำให้ผู้หญิงเรียบร้อยคนนั้นเปลี่ยนไปขนาดนี้
“ปล่อย” ดวงตารูปวงรีที่แต่งแต้มเปลือกตาอย่างโฉบเฉี่ยวด้วยอายแชโดว์และไลเนอร์จ้องมองมือใหญ่ที่ถือวิสาสะมาจับข้อมือเธอไว้
“บอกมาก่อนว่าคุยกับใคร”
“มันใช่เรื่องของคุณหรือไง”
เธอสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุม และเลี่ยงออกไปโดยไว แต่เดินยังไม่พ้นบริเวณห้องน้ำก็ต้องชะงัก ร่างสูงที่เดินตามมาก็หยุดไปด้วย
“ตัวนี้เด็ด กูลองแล้ว ถ้ายายนั่นกินเข้าไปรับรองว่าคืนนี้ต้องเสร็จมึง”
ผู้ชายวัยยี่สิบกลางๆ สองคนกำลังยืนคุยกันในมุมอับ ทว่าพิมพ์พลอยที่เดินผ่านได้ยินประโยคหลังเข้าพอดี
“มึงแน่ใจนะ ถ้าคืนนี้กูไม่ได้น้องนางฟ้านั่น มึงต้องคืนเงินกูมาด้วย”
“กูใช้มาแล้ว ไม่ดีกูไม่เอาให้หรอก” พูดจบก็ผลักไหล่เพื่อนเข้าไปในบาร์
ผู้ชายที่อยากแอ้มน้องนางฟ้าสั่งค็อกเทลสีสดกับบาร์เทนเดอร์ ได้มาก็แอบเทของเหลวใสที่เพื่อนให้มาใส่ แล้วเดินไปสมทบกับกลุ่มเพื่อนที่คาดว่าจะมาด้วยกัน เพราะดูท่าทางสนิทสนม
ชายคนนั้นยื่นแก้วให้หญิงสาวคนหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นน้องนางฟ้าที่เขาหมายถึง เขาคะยั้นคะยอให้น้องนางฟ้ายกแก้วขึ้นดื่ม ทว่าตอนที่ขอบแก้วเกือบสัมผัสกับริมฝีปากอวบอิ่มนั้น...
“แก้วนี้พี่ขอนะคะ”
พิมพ์พลอยที่คอยสังเกตอยู่ห่างๆ เดินเข้ามาแย่งแก้วทรงสูงไปจากมือน้องนางฟ้า
“นี่คุณ! เอาคืนมา” ไอ้เลวนั่นจะแย่งแก้วคืน ทว่าพิมพ์พลอยไหวตัวทัน กระดกเครื่องดื่มแก้วนั้นจนหมด “ทำบ้าอะไรวะ”
“ขอโทษด้วยนะ คือแฟนพี่เมา” พลิศร์รีบวิ่งเข้ามาช่วยแก้สถานการณ์ “เอาเป็นว่าเครื่องดื่มบนโต๊ะทั้งหมด พี่ขอเลี้ยงเองแล้วกันนะ”
ผู้ชายคนนั้นดูจะยังไม่พอใจ แต่กลุ่มเพื่อนที่ได้ยินก็เฮลั่นไปแล้ว มันก็เลยต้องตามน้ำไม่เอาเรื่องพิมพ์พลอย ไม่อย่างนั้นเพื่อนคนอื่นจะสงสัย
“พลอย เป็นไงบ้าง” พลิศร์พาพิมพ์พลอยลงมาจากรูฟท็อปบาร์ เขาไม่ได้พาเข้าไปหามาภา เพราะฝ่ายนั้นกำลังสะสางกับคู่กรณีอยู่ “แล้วคิดบ้าอะไรอยู่ ถึงได้ไปดื่มมันจนหมดแก้ว”
“ฉันอยากช่วยเด็กนั่น” พิมพ์พลอยที่เริ่มรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวบอก เธอรับรู้ว่าภายในร่างกายเริ่มเปลี่ยนไป
“เททิ้งก็ได้ไหม” บอกอย่างหัวเสียกับการกระทำที่ไม่คิดหน้าคิดหลังของคนตรงหน้า
“มันคิดไม่ทัน” ยอมรับโดยดุษณี ก่อนหน้านี้เธอดื่มค็อกเทลไปหลายแก้ว ประสิทธิภาพในการประมวลผลของสมองเลยช้า “ยานั่น มันคืออะไร”
“ถ้าเดาไม่ผิดก็น่าจะยาเสียสาว” ยานี้เป็นที่นิยมในหมู่นักท่องราตรีใจโฉด ส่วนใหญ่จะเป็นพวกผู้ชายที่หวังจะแอ้มสาว
“กินแล้วจะตายไหม” ไม่ได้ห่วงเรื่องอื่นเลย กลัวอย่างเดียว กลัวจะไม่ได้เห็นพาลินน้อยอีก
“มันใส่ไปไม่เยอะคงไม่ตายหรอก แค่ทรมาน”
พิมพ์พลอยก็รู้สึกอย่างนั้น เพราะเหงื่อเริ่มซึมตามไรผม กายมันร้อนรุ่มราวกับมีไฟสุม ภายในท้องน้อยขดเป็นมวน เหมือนต้องการการปลดปล่อย
อาการแบบนี้เธอจำได้ มันเหมือนกับอาการที่เคยโดนพลิศร์ปลุกเร้าตอนอยู่บนเตียง
“ไปที่รถกันเถอะ” ชายหนุ่มแตะข้อศอกของคนตัวเล็กเบาๆ
“ไปทำไม” พิมพ์พลอยชักแขนออกราวต้องของร้อน ที่จริงมันไม่ได้ร้อน แต่มีแรงดึงดูดที่น่ากลัว ไออุ่นจากปลายนิ้วเพียงน้อยนิดทำให้เธอสะท้านไปทั้งกาย
“จะไปส่งบ้าน” เขาคิดแค่นั้นจริงๆ
พิมพ์พลอยยอมเดินตาม ให้เธอขับรถกลับเองคงได้ลงข้างทาง อาจไม่ตื่นมาเห็นหน้าลูกอีกก็เป็นได้
พอเข้ามานั่งในซูเปอร์คาร์คันหรูหญิงสาวก็เอาแต่กอดตัวเอง ร่างกายสั่นเทาเบาๆ ลมหายใจเข้า-ออกหน่วงหนัก ราวกับว่าเธอกำลังพยายามควบคุมความต้องการภายใน
“รัดเข็มขัดสิ”
เขาสตาร์ตเครื่องยนต์แล้ว แต่คนตัวเล็กยังไม่คาดเข็มขัดนิรภัยเลยไม่ยอมออกตัว พิมพ์พลอยดูจะงงๆ และเบลอ ก็แหงละ...โดนฤทธิ์ยาไปเต็มๆ พลิศร์จึงปลดเข็มขัดนิรภัยของตัวเองและยืดตัวไปจัดการคาดเข็มขัดให้เธอ จังหวะนั้นสายตาคมสบกับดวงตารียาว หากชายหนุ่มไม่คิดเข้าข้างตัวเอง เขาคิดว่าเธอกำลังอ้อนวอนขออะไรบางอย่าง
“อยากให้ช่วยไหม”
พิมพ์พลอยพยักหน้าน้อยๆ อย่างไม่อยากยอมรับ แต่เธอต้านความต้องการของร่างกายไม่ไหว เพียงแค่ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดต้นคอก็ทำให้ยอดอกที่อยู่ใต้บราเซียแข็งดุนดันเสียดสีกับเนื้อผ้าจนเกิดความรู้สึกหวามไหว ไหนจะช่วงกึ่งกลางลำตัวที่ร้อนรุ่มอย่างควบคุมไม่ได้
ให้ตายเถอะ...ห่างเขาไปสี่ปี หลบหน้าทุกครั้งที่เจอกันโดยบังเอิญ ไหงคราวนี้ดันต้องมาศิโรราบให้พลิศร์อย่างเลี่ยงไม่ได้
อันที่จริงก็ทำได้ หากเธอใจถึง ก็แค่ไปคว้าผู้ชายสักคนจากบาร์มาขึ้นเตียง หนึ่งในนั้นต้องมีสักคนที่อยากช่วยเธอ แต่พิมพ์พลอยไม่ใช่ผู้หญิงที่จะมีอะไรกับใครก็ได้ ถึงจะอยู่ในสถานการณ์ที่โดนยาปลุกเซ็กซ์เล่นงาน...เธอก็เลือก
ไหนๆ ก็เคยเสียให้พลิศร์ไปแล้ว เสียอีกสักครั้งคงไม่มีอะไรสึกหรอหรอก
“ถอดกางเกงสิ”
พิมพ์พลอยเลิกคิ้วมองอย่างกังขา
“แล้วรอให้ถึงห้องไหวไหม”
หญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบที่แสนน่าอาย พลิศร์เองที่ไม่ได้โดนฤทธิ์ยาเล่นงานก็ไม่ไหวเช่นกัน เอื้อมมือแกร่งไปปลดตะขอกางเกงยีนรัดรูปให้อย่างใจร้อน
“ถอดออก” เขาสั่งเธออีกครั้ง เพราะพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยเขาเลยทำให้เธอไม่ได้
คนร่างเล็กยอมทำตามคำบอกโดยง่าย นี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมาทำเอียงอาย เธอควรจะเลิกอายตั้งแต่ส่งสายตาวิงวอนให้เขาช่วยแล้ว เมื่อท่อนล่างเปลือยเปล่าเขาก็สั่งให้เธอย้ายมานั่งคร่อมบนตัว โดยชายหนุ่มเลื่อนเบาะไปด้านหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่ เขาปลดซิปและควักแก่นกายที่พรั่งพร้อมออกมา
“ใส่คอนดอมด้วย”
“จะเอาเลยเหรอ” คิดว่าจะให้เล้าโลมกันก่อน แต่ดูท่าแล้วพิมพ์พลอยคงไม่ต้องการ เขาจึงหยิบซองอลูมิเนียมในกระเป๋าสตางค์ออกมาฉีก จากนั้นก็สวมเครื่องป้องกันที่แก่นกาย
“อย่าจับ”
พลิศร์สอดมือใหญ่เข้าไปตรงหว่างขาอีกฝ่ายหวังจะทำให้ให้พร้อมยิ่งกว่าเดิม ทว่าหญิงสาวกลับปัดมันออก พิมพ์พลอยไม่ยอมให้เขาแตะต้องตัวตนของเธอ ทว่าเธอกลับกอบกุมท่อนกายร้อนของเขาไว้ด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะสอดมันเข้าไปยังช่องทางรักที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำหล่อลื่น
“อื้อ!” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน ทว่าเสียงครางก็ยังเล็ดลอดออกมาได้ เธอคงทรมานเกินทน
หญิงสาวพาเขาเข้าไปจนหมดอย่างยากลำบาก ทางมันค่อนข้างคับแคบ เพราะตลอดสี่ปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยใช้งาน
“อ๊ะ!” พิมพ์พลอยเผลอปล่อยเสียงครางเมื่อพลิศร์แกล้งเด้งสะโพกใส่ เนื่องจากเธอยังแน่นิ่งไม่ยอมขยับ “อยู่เฉยๆ”
เสียงหวานดุ เขาจึงหยุด ไม่ได้หยุดเพราะเสียง แต่เพราะสายตาเอาเรื่องของนางแมวป่าตรงหน้าต่างหาก
จากนั้นพิมพ์พลอยก็เอื้อมไปจับไหล่ทั้งสองของเขาเพื่อเป็นหลักยึด ก่อนจะค่อยๆ ขยับสะโพกขึ้นลง มือหนาจะช่วยประคองเอวคอด แต่เธอก็ตีมือเขาและดึงมันออกให้พ้นตัว
ถึงขั้นนี้ยังจะหวงตัวอีก...
พลิศร์คิดในใจว่าหากเขาเอื้อมมือไปเค้นคลึงทรวงอกที่กำลังกระเพื่อมอยู่ภายใต้เชิ้ตสีอ่อนเธอก็คงจะไม่ยอมอีกเช่นเคย แต่ความดื้อด้านมันก็สั่งให้เขาลอง...และก็เป็นอย่างที่คิด พิมพ์พลอยใช้ปลายเล็บจิกหลังมือเขาจนเลือดซิบ
“อื๊อ!” กระนั้นสะโพกผายก็ยังเคลื่อนไหวอยู่บนตักเขาไม่มีหยุดหย่อน
ให้ตายเถอะ พลิศร์ไม่เคยรู้สึกไร้ค่าเท่านี้มาก่อนในชีวิต รู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นเศษขยะ หรือไม่ก็เพียงเครื่องระบายความใคร่ให้คนตัวเล็ก ชายหนุ่มทำได้เพียงนั่งนิ่งให้เธอใช้ร่างกายของเขาสนองอารมณ์ โดยที่ไม่มีสิทธิ์แตะต้องเธอเลย
“อ๊าย!”
พิมพ์พลอยส่งตัวเองถึงปลายทาง แต่พลิศร์ยังค้างเติ่ง แล้วเธอก็ไม่แยแส พอสาสมใจแล้วก็ย้ายสะโพกไปนั่งที่ตัวเอง
“พลอย จะปล่อยให้มันโด่เด่อยู่อย่างนี้เหรอ”
“เหนื่อยแล้ว” หญิงสาวบอกอย่างไม่แยแส และก้มลงไปเก็บอาภรณ์ที่ถอดไว้
พลิศร์ถึงกับอ้าปากหวอ เธอคงเกลียดเขามากสินะ ถึงได้ทำกันขนาดนี้ นี่เป็นเซ็กซ์ครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าไม่มีตัวตน เป็นเหมือนตุ๊กตายาง
ความคิดเห็น |
---|