1

1

1

 

โรงเรียนพราวปัญญาเปิดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลหนึ่งถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม เป็นโรงเรียนเอกชนระดับกลางที่มีชื่อเสียงทั้งในด้านวิชาการและเป็นเลิศด้านกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกีฬาว่ายน้ำ เนื่องจากโรงเรียนแห่งนี้มีครูสอนวิชาพลศึกษาเป็นถึงอดีตนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติ และเคยคว้าเหรียญทองในกีฬาว่ายน้ำระดับซีเกมส์มาแล้ว 

บุญชูคือหนึ่งในครูผู้ชายที่มีอยู่เพียงสามคนในโรงเรียนแห่งนี้ ครูคนหนึ่งเป็นครูสอนวิชานาฏศิลป์ที่ออกจะอรชรอ้อนแอ้นไปเสียหน่อย ส่วนครูผู้ชายอีกคนก็อายุปาเข้าไป 55 ปี เรียกได้ว่าเป็นปูชนียครูที่ควรค่าแก่การบูชา รับหน้าที่สอนวิชาจริยธรรมเป็นหลัก ดังนั้น ภาระหน้าที่ที่ต้องใช้แรงงานส่วนใหญ่จึงตกเป็นของบุญชู ซึ่งนอกจากสอนวิชาพลศึกษาและเป็นโคชฝึกสอนนักกีฬาว่ายน้ำแล้ว ยังต้องมารับหน้าที่ภารโรงจำเป็นในบางวันอีกด้วย   

บุญชูมีบ้านพักอยู่ภายในบริเวณโรงเรียน ดังนั้นในวันหยุดหรือช่วงที่ว่างเว้นจากการฝึกสอนนักกีฬาว่ายน้ำ เขาจึงชอบตัดหญ้า ปลูกต้นไม้ ซ่อมท่อน้ำ เปลี่ยนหลอดไฟ เพื่อให้ครูคนอื่นๆ และนักเรียนสะดวกสบายในวันที่เปิดทำการเรียนการสอนอยู่เสมอ

เช้าวันหยุดหลังจากซ่อมท่อน้ำในห้องส้วมเสร็จ บุญชูก็มาเปลี่ยนหลอดไฟนีออนบนชั้นสามของอาคารเรียนสำหรับเด็กโตชั้นมัธยมศึกษา ด้วยร่างกายที่สูงใหญ่กำยำ ครูหนุ่มแบกบันไดขึ้นมาบนอาคารเรียนพร้อมกับหลอดไฟนีออนจำนวนหนึ่งได้ในคราวเดียวกัน ในขณะที่เขายืนอยู่บนบันไดเพื่อไขหลอดไฟดวงเดิมที่เสื่อมสภาพออก หลอดไฟดวงใหม่ที่เตรียมมาก็ถูกยื่นส่งให้จากคนที่เดินตามเขามาติดๆ และยืนกอดอกดูเขาเปลี่ยนหลอดไฟอยู่นานแล้ว

“ขอบคุณครับ ผอ.” บุญชูเอ่ยพร้อมกับทำหน้าไขสือ ไม่รู้ไม่ชี้เมื่อถูกพราวนภา ผู้ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนจ้องหน้าเขม็ง เพราะเมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะปฏิเสธมอเดลลิงที่ติดต่อเข้ามาพบครูพละหนุ่มโดยอาศัยความสนิมสนมกับเพื่อนของผู้อำนวยการสาว แต่กลับถูกบุญชูปฏิเสธแบบไม่มีเยื่อใย

“ทำไมนายเล่นตัวแบบนี้นะบุญชู รู้ไหมว่ามีคนเป็นร้อยเป็นพันที่อยากเข้าวงการ แต่ก็ไม่มีโอกาสเหมือนนาย”

“ก็บอกแล้วไงครับว่าผมไม่ถนัด ไม่มีความสามารถพอ” ชายหนุ่มพูดในขณะที่ติดตั้งหลอดไฟดวงใหม่เสร็จแล้ว และกำลังจะหมุนถอดหลอดนีออนอีกหลอดที่อยู่ในโคมเดียวกันออก

“ไม่จริงหรอก นายยังไม่คิดจะลองทำด้วยซ้ำ รู้ไหมว่าพี่เอมมี่เป็นมอเดลลิงคนที่แปดแล้วมั้งที่มาติดต่อนายไปทำงานในวงการน่ะ” พราวนภาเริ่มหัวเสีย เธอแหงนหน้าคุยกับคนที่ปกติก็ตัวสูงกว่าเธอมากอยู่แล้ว และตอนนี้ยังยืนอยู่บนบันไดจนศีรษะของเขาเกือบชิดเพดาน ทำให้เธอรู้สึกเมื่อยคอชะมัด

“ก็แล้วทำไมคราวนี้ ผอ. ต้องหงุดหงิดขนาดนี้ด้วย เป็นเพราะว่ามอเดลลิงคนนี้เป็นผู้จัดการส่วนตัวของคุณลูกพีชใช่ไหมล่ะครับ” บุญชูหมายถึงพีชญา เพื่อนสาวคนสนิทของพราวนภาซึ่งเป็นนางแบบและนักแสดงแถวหน้าของเมืองไทย 

“แล้วถ้าใช่ นายจะทำไม” ผู้อำนวยการสาวเริ่มมีอารมณ์หงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ เธอยืนเท้าสะเอวพร้อมกับยกมือขึ้นเสยผมสั้นทรงไถข้างเปิดใบหู พราวนภาเป็นผู้หญิงร่างเล็กก็จริง แต่มีบุคลิกคล่องแคล่วบวกกับลักษณะนิสัยเป็นสาวห้าวค่อนไปทางทอมบอย หลายคนจึงมองข้ามความชะอ้อนชะแอ้นที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าโอเวอร์ไซซ์ที่เธอสวมอยู่จนลืมไปแล้วว่าเธอคือผู้หญิง 

“ผมก็ยิ่งไม่สนไงครับ”

“บุญชู!” พราวนภากระแทกเสียงแล้วเดินเข้าไปใกล้ แหงนหน้ามองคนที่ยืนอยู่บนบันไดอย่างออกคำสั่งให้ลงมาคุยกันให้รู้เรื่อง แต่ในขณะนั้นเป็นจังหวะที่บุญชูถอดหลอดไปออกมาจากโคมพอดี 

“โอ๊ะ!” เศษฝุ่นซึ่งเกาะอยู่บนหลอดไฟร่วงใส่ตาคนที่อยู่เบื้องล่าง เสียงอุทานทำให้ร่างสูงใหญ่รีบก้าวขาลงจากบันไดแล้วปรี่เข้าไปหา มือหนาประคองใบหน้าให้แหงนขึ้น วงแขนแกร่งกางออกเพื่อขวางไม่ให้มือของผู้อำนวยการสาวยกขึ้นมาขยี้ตาตัวเองได้ถนัด

“ห้ามขยี้ตานะ” พูดจบก็ถูฝ่ามือข้างที่ถนัดกับเสื้อของตัวเองพร้อมเอ่ยถาม “เคืองตาข้างไหน เดี๋ยวผมดูให้”

“ซ้าย!” คนพูดหลับตาอยู่จึงไม่รับรู้ถึงรอยยิ้มละมุนของอีกฝ่าย

ในเวลาปกติบุญชูไม่เคยได้อยู่ใกล้พราวนภาขนาดนี้ ไม่ได้แตะตัวเธอ แม้แต่มองนานเกินห้าวินาทีก็ยังทำไม่ได้ นานๆ ครั้งที่เขาจะได้มองปากนิดจมูกหน่อยของพราวนภาถนัดๆ ได้แตะมือลงบนแก้มใสๆ ที่ตรงมุมปากมีลักยิ้มเล็กๆ ทั้งสองข้าง ได้เห็นใกล้ๆ ว่าดวงตากลมโตมีแพขนตาที่หนาและงอนงามแค่ไหน 

“จะทำอะไรก็รีบทำสิโว้ย!” 

นั่นไง นี่ขนาดหลับตาอยู่ยังโวยวายลั่น แล้วถ้ารู้ว่าเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้แค่คืบเหมือนอย่างตอนนี้ บุญชูคงถูกชกหน้าหงาย ชายหนุ่มเลื่อนหน้าออกห่าง แหวกตาข้างซ้ายของผู้อำนวยการสาวออกดู จึงเห็นว่ามีเศษฝุ่นเล็กติดอยู่บริเวณหัวตาใกล้กับแผงขนตาล่าง จึงตัดสินใจถอดเสื้อที่สวมออก พลิกกลับด้าน เลือกบริเวณที่คิดว่าสะอาดที่สุดแล้วทำเนื้อผ้าให้เป็นปลายแหลม เขี่ยเศษฝุ่นออกจากตาของพราวนภาให้ 

พอลืมตาขึ้นมาได้ พราวนภาก็มองบุญชูตาขวางเมื่อเห็นเขาเปลือยท่อนบนต่อหน้าเธอ

“เสื้อตัวนี้ผมเพิ่งเปลี่ยนมาใหม่นะครับ รับรองได้ว่าสะอาด ถ้าไม่มั่นใจ ผอ. ก็ใช้น้ำยาล้างตาล้างอีกรอบก็ได้” ครูพละหนุ่มรีบออกตัวพร้อมกับสวมเสื้อกลับไปตามเดิม เพราะถ้าขืนถอดเสื้อต่อหน้าพราวนภานานๆ เดี๋ยวจะพาลโดนด่าแบบไม่ซ้ำคำได้

“ตกลงนายจะเอาไงเรื่องพี่เอมมี่” พูดแล้วก็ยกมือขึ้นขยี้ตาที่ยังคงมีอาการเคืองอยู่เล็กน้อยจนได้

“ผมก็ตอบไปแล้วนี่ครับว่าไม่สน ยิ่งพี่เอมมี่อะไรนั่นมีความเกี่ยวข้องกับแฟน ผอ. ผมยิ่งไม่สนเข้าไปใหญ่”

“ลูกพีชเกี่ยวอะไรด้วย”

“แนะ! ทำไมคราวนี้ไม่เถียง” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับนิ่วหน้า ปกติแล้วเวลาที่พูดถึงพีชญาในทำนองว่าเป็นคนรักของพราวนภา เขามักจะถูกเธอด่าเปิง หาว่าไม่ให้เกียรติพีชญาบ้างล่ะ หาว่าเขาคิดไปเองบ้างล่ะ แต่ท่าทางตัวติดกันแจ มานอนค้างที่บ้านของผู้อำนวยการสาวที่อยู่ภายในรั้วโรงเรียนด้วยกันบ่อยๆ นั่น จะให้เขาคิดเป็นอย่างอื่นได้อย่างไร

“ขี้เกียจเถียง จะคิดว่าฉันกับลูกพีชเป็นอะไรกันก็เรื่องของนายเถอะ”

“นี่แสดงว่าตัดสินใจคบกันจริงจังแล้วใช่ไหมล่ะครับ” น้ำเสียงของบุญชูเคร่งขรึมขึ้น ดวงตาคมที่มองมายังพราวนภามีแววแห่งความผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง 

ผู้อำนวยการสาวเกลียดสายตาแบบนี้ที่สุด มันเป็นสายตาในแบบเดียวกันกับที่พ่อและแม่ใช้มองเธอ ทั้งที่พราวนภาทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อให้พ่อและแม่ภาคภูมิใจ เธอเรียนจบปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศและกลับมาเป็นผู้บริหารโรงเรียนต่อจากผู้เป็นพ่อทันที ซึ่งมันยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยในสิ่งที่เธอขออีกหรือ เธอขอแค่เป็นตัวของตัวเองเท่านั้น 

“หยุดมองฉันแบบนี้ได้แล้ว ฉันไม่ชอบ”

“ก็ผมเป็นห่วง”

“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ มีโอกาสเข้ามาในชีวิตตั้งมากมายก็ไม่เคยคิดที่จะคว้าเอาไว้ ไหนจะเป็นนักกีฬาทีมชาติ ไหนจะมีคนมาติดต่อให้ทำงานในวงการบันเทิงอีก ทำไมนายไม่ยอมไป มาเป็นครูต๊อกต๋อยที่นี่อยู่ทำไม”

“ที่ ผอ. บอกว่าผมเป็นครูต๊อกต๋อยเนี่ย ก็เป็นครูอยู่โรงเรียนของ ผอ. เองนะครับ”

“ก็นั่นแหละ” พราวนภาทำหน้าเหลอหลาพร้อมกับหาคำพูดมาแก้ตัวแบบพัลวัน

“แล้วโอกาสที่เข้ามาหานายมันดีกว่าการเป็นครูอยู่ที่นี่รึเปล่าล่ะ” 

“จะดีกว่าหรือไม่ ผมก็เลือกที่จะอยู่ที่นี่อยู่ดี ผอ. ไม่ต้องไล่ผมทางอ้อมหรอกนะครับ ผมไม่มีทางไปจากที่นี่แน่นอน” 

บุญชูเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามีโอกาสมากมายเข้ามาในชีวิต นับตั้งแต่เขาเป็นนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติจนกระทั่งได้ไปแข่งซีเกมส์และคว้าเหรียญทองกลับมา เขาก็มีชื่อเป็นตัวแทนไปแข่งในระดับที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทว่าชายหนุ่มสละสิทธิ์ เพียงเพราะดนุพงษ์เรียกตัวให้มาช่วยเป็นครูสอนวิชาพลศึกษาในโรงเรียนของเขา ชายหนุ่มย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านพักหลังเล็กภายในรั้วโรงเรียนแบบถาวร ซึ่งเป็นบ้านที่ติดกับบ้านหลังใหญ่ที่ดนุพงษ์กับพรนภาอยู่อาศัย 

ช่วงแรกที่บุญชูเข้ามาเป็นครูสอนที่โรงเรียนพราวปัญญา ตอนนั้นพราวนภายังเรียนอยู่ต่างประเทศ หญิงสาวรับรู้แค่เพียงว่ามีชายหนุ่มที่คุณพ่อของเธอรับอุปการะตั้งแต่เขาเรียนชั้นมัธยมจนจบมหาวิทยาลัยสาขาพลศึกษาได้เข้ามาเป็นครูพละที่โรงเรียนของเธอ เขาผู้นี้เป็นลูกชายของเพื่อนเก่าพ่อซึ่งเป็นครูอยู่ในถิ่นทุรกันดาร บุญศักดิ์แต่งงานกับซูซู หญิงชาวกะเหรี่ยงจนมีบุญชู เด็กชายหน้าตาน่ารักน่าชังแถมยังมีผิวขาวหมดจดเหมือนแม่ ความโชคร้ายเกิดขึ้นเมื่อบุญชูอายุได้สิบสอง พ่อของเขาขับรถตกเขาเสียชีวิต ส่วนแม่ที่ตอนนั้นไร้ที่พึ่งก็แต่งงานมีครอบครัวใหม่ ทำให้ชีวิตของบุญชูเคว้งคว้างและมืดมนไปหมด จนกระทั่งได้รับความช่วยเหลือจากดนุพงษ์

“ไปอยู่กับลุงนุกับป้าภานะลูก” นับจากนั้น แสงสว่างเดียวในชีวิตของบุญชูก็คือดนุพงษ์กับพรนภา ทั้งคู่ตั้งใจจะรับบุญชูไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน แต่ตอนนั้นบุญชูสอบติดโรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ พอดี เด็กหนุ่มจึงใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในโรงเรียนประจำ โดยมีดนุพงษ์และพรนภาดูแลเรื่องค่าเทอมและค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของคำว่า ‘ผู้มีพระคุณ’ ที่บุญชูตั้งใจจะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทดแทน ‘บุญคุณ’ ของคนทั้งสองอย่างเต็มความสามารถในทุกๆ อย่างที่เขาสามารถทำได้

“มีคำไหนเหรอที่ฉันพูดว่าไล่นาย ขืนฉันพูด คนที่โดนคุณพ่อไล่ออกจากบ้านก็คงจะเป็นฉันมากกว่า” พูดแล้วก็เชิดหน้าขึ้นอย่างคนขี้น้อยใจ ช่วงแรกที่คุณพ่อของเธออุปการะบุญชู ทั้งคู่ไม่ค่อยได้เจอกัน แต่พราวนภาก็ได้ยินพ่อกับแม่ของเธอพูดถึงเด็กในอุปการะอยู่บ่อยๆ ทีแรกพราวนภาก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งเธอเรียนจบจากต่างประเทศและกลับมาอยู่บ้านแล้วพบว่า พ่อกับแม่ของเธอเอะอะก็เรียกหาแต่บุญชู จนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าใครกันแน่เป็นลูกแท้ๆ ใครกันแน่เป็นเด็กในอุปการะ

“จะคำไหนก็ช่างเถอะครับ ผมไม่แคร์หรอก สิ่งที่ผมแคร์คือความรู้สึกของลุงนุกับป้าภามากกว่า ผมอยากให้ ผอ.คิดให้ดีๆ เรื่องที่ผอ. คบกับคุณลูกพีช รู้ไหมครับว่ามันทำให้ท่านทั้งสองคิดมาก อย่าลืมสิครับว่า ผอ. คือลูกสาวคนเดียวของพวกท่าน”

“แหม...รู้เหมือนกันนี่ว่าฉันเป็นลูกคนเดียวของคุณพ่อคุณแม่ ส่วนนายเป็นใครมาจากไหนถึงมาสอนฉันอยู่เนี่ย”

“เป็นคนที่หวังดีกับ ผอ. ไงครับ”

“ไม่ต้องมาหวังดีกับฉันหรอก ฉันน่ะเห็นโลกกว้างมาเยอะ แถมอายุก็แก่กว่านายตั้งหลายปี”

“แค่สามปี!” ชายหนุ่มรีบเถียง

“แล้วแก่กว่ารึเปล่าล่ะ อีกอย่างนะ ฉันเป็น ผอ. โรงเรียนนี้ต่อจากคุณพ่อแล้ว ดังนั้นนายควรจะฟังคำสั่งฉัน ไม่ใช่คำสั่งคุณพ่อ”

ได้ยินอย่างนั้น บุญชูก็วางหลอดนีออนที่กำลังจะนำไปเปลี่ยนที่โคมไฟไว้บนโต๊ะนักเรียนตัวที่ใกล้ที่สุด  แล้วหันแล้วหันมายิ้มกว้างอวดฟันเรียงสวยใส่ผู้อำนวยการสาว 

พราวนภารู้ดีว่าบุญชูตั้งใจจะกวนประสาทเธอ ท่าทางยืนนิ่ง ประสานมือทั้งสองไว้ด้านหน้าพร้อมกับค้อมศีรษะเล็กน้อยนั่น ดูก็รู้ว่าเขากำลังประชด

“ครับ ผอ. มีอะไรให้ผมรับใช้ก็บอกมาได้เลยครับ”

“แค่เลิกกวนประสาทฉันก็พอ”

“แต่ผมอยู่ของผมดีๆ ผอ. มาให้ผมกวนประสาทถึงที่เองนะครับ”

“เอ่อ!...” พราวนภาถึงกับสะอึกเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าที่นี่มันชั้นสามของอาคารเรียนเด็กโต

“งั้นก็เชิญนายเปลี่ยนหลอดไฟของนายตามสบายเลย ฉันจะไม่ยุ่งเรื่องของนายอีกแล้ว นายอยากจะเข้าวงการหรือไม่ก็เรื่องของนาย”

“ขอบพระคุณครับท่าน ผอ. ที่เข้าใจผม” 

คำขอบคุณที่อัดแน่นไปด้วยความประชดประชันนั้น ทำให้พราวนภาเกือบจะฟาดหมัดลงไปบนกรามของครูพละหนุ่มให้หายโมโห แต่ติดตรงที่มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเสียก่อน พราวนภาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูพร้อมกับยิ้มหวาน ทำให้บุญชูมองผู้อำนวยการสาวด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าใครกันนะที่ทำให้พราวนภาอารมณ์ดีได้ขนาดนี้

“ฮัลโหลลูกพีช...ถึงไหนแล้ว...จ้าเดี๋ยวจะไปหาเดี๋ยวแหละ...” พราวนภาคุยโทรศัพท์ พร้อมกับเดินออกจากห้องเรียนที่บุญชูกำลังเปลี่ยนหลอดไฟ แม้เธอจะเดินลับตาไปแล้ว แต่เสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดียังดังมาถึงหูคนที่กำลังยืนถอนหายใจออกมาหนักๆ ด้วยความกลุ้มใจแทนผู้มีพระคุณของเขา...

 

พีชญาร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับครอบครัวของพราวนภาด้วยสีหน้าระรื่น เธอนั่งติดกับผู้อำนวยการสาว โน้มตัวไปซบเธอเป็นระยะ ตักอาหารให้พราวนภาอย่างเอาอกเอาใจ พูดจาหยอกล้อกันราวกับว่าโลกนี้มีเพียงเธอทั้งสองโดยที่ไม่สนใจว่าทำให้ดนุพงษ์กับพรนภาและบุญชูแทบจะกลืนข้าวไม่ลงแค่ไหน นี่ก็คืนที่สี่แล้วที่พีชญามานอนค้างที่บ้านกับพราวนภา นางแบบสาวทำราวกับว่าที่นี่เป็นบ้านของเธอไปเสียแล้ว เช้าเธอก็กินอาหารร่วมกัน จากนั้นก็ออกไปทำงาน พอตกเย็นก็กลับมากินมื้อค่ำด้วยกันอีก

“เฮ้อ...” พรนภารวบช้อนพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ข้าวในจานของเธอพร่องไปแค่นิดเดียว เพราะความตื้อตันกับภาพลูกสาวที่เอาแต่คลอเคลียเพื่อนหญิงตรงหน้าทำให้เธอกลืนอะไรไม่ลงอีกแล้ว

“อิ่มแล้วเหรอครับคุณป้า ทานอีกนิดสิครับ” บุญชูรีบบอก พร้อมกับทำท่าจะตักแกงจืดเต้าหู้ไข่ให้พรนภา แต่ถูกอีกฝ่ายยกมือปฏิเสธ

“ไม่ดีกว่าบุญชู ป้าไม่อยากกินอะไรแล้วละ”

“คุณแม่เบื่ออาหารหรือคะ” พีชญาถามด้วยน้ำเสียงมีจริตน่ารัก พรนภาจะเอ็นดูเธอมากกว่านี้หากคำว่า ‘คุณแม่’ ที่พีชญาใช้เรียกไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งเกินกว่าแม่ของเพื่อนทั่วๆ ไป

“ก็นิดหน่อยจ้ะหนูลูกพีช แม่แก่แล้ว กินอะไรก็ไม่ค่อยอร่อย”

“ถ้าอย่างนั้นขากลับจากหัวหิน ลูกพีชจะซื้ออาหารทะเลสดๆ มาฝากนะคะ เผื่อคุณแม่จะเจริญอาหารขึ้น...คุณพ่อก็ด้วย” พูดกับพรนภาจบก็หันไปพูดเอาใจดนุพงษ์ต่อ รายนั้นรวบช้อนหลังจากภรรยาไม่นาน 

ใบหน้าที่นิ่งขรึมนั้นบ่งบอกว่าเขาไม่ค่อยชอบใจเพื่อนสนิทของลูกสาวเท่าไร แต่ด้วยพีชญาเป็นผู้หญิง จะพูดจาตักเตือนกันตรงๆ ก็คงจะไม่เหมาะ เพราะดนุพงษ์เองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะมีก็แต่...

“คุณลูกพีชกับ ผอ. จะไปเที่ยวหัวหินกันเหรอครับ” 

บุญชูเอ่ยขึ้น ทำให้พีชญาหันไปมองชายหนุ่มพร้อมด้วยรอยยิ้มขันเมื่อนึกถึงใบหน้าของเอี่ยมชัย ผู้จัดการส่วนตัวของเธอเพิ่งจะมาดูตัวครูพละหนุ่มเมื่อเช้า รายนั้นเคืองที่บุญชูไม่สนใจเขาเลย แต่ก็ยังคงเพ้อถึงความหล่อสมบูรณ์แบบของชายหนุ่มไม่ขาดปาก และคิดว่าคงไม่ละความพยายามชักจูงบุญชูเข้าวงการง่ายๆ 

“ใช่ค่ะ พรุ่งนี้ลูกพีชจะพาดาวไปพักที่บ้านพักตากอากาศริมทะเลของลูกพีชเอง คุณบุญชูถามทำไมเหรอคะ”

“ผมขอไปด้วยได้ไหมครับ”

“ไม่ได้!” พราวนภาตอบกลับมาแทบจะทันที

“ให้บุญชูไปด้วยก็ดีนะดาว เป็นผู้หญิงไปเที่ยวกันสองคนมันอันตราย” ดนุพงษ์หันไปพูดกับลูกสาว

            “ไม่อันตรายหรอกฮะคุณพ่อ ที่นั่นเป็นบ้านของลูกพีช รับรองว่าปลอดภัย”

            “แล้วไหนจะขับรถขับราอีกล่ะ ให้บุญชูไปด้วยน่ะดีแล้ว ง่วงจะได้สลับกันขับได้” คราวนี้พรนภาพูดเสริม

            “แต่แม่ฮะ ดาวโตแล้วนะฮะแม่ ตอนเรียนอยู่อเมริกา ดาวขับรถข้ามรัฐคนเดียวก็ยังทำมาแล้วเลย”

            “ให้ผมตามไปบริการพวกคุณทั้งสองเถอะครับ จะได้สวีต เอ๊ย! เที่ยวกันอย่างสนุกขึ้น” บุญชูอาสา ทำให้พราวนภาถึงกับเม้มปากและมองเขาตาขวาง

            “ก็ดีเหมือนกันนะดาว ลูกพีชเห็นว่าช่วงนี้ดาวพักผ่อนน้อย เมื่อคืนก็เกือบตีหนึ่งกว่าดาวจะได้นอน” พีชญาพูดพร้อมกับยื่นฝ่ามือไปแตะข้างแก้มของผู้อำนวยการสาวด้วยความห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง 

            “เห็นไหมครับ คุณลูกพีชยังเห็นด้วยเลย แบบนี้ ผอ. ก็คงไม่กล้าขัดใจคุณลูกพีชใช่ไหมล่ะครับ งั้นผมขอตัวไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะครับ” บุญชูพูดพร้อมกับหันไปยิ้มขอบคุณพีชญาที่ช่วยพูดให้ นางแบบสาวยิ้มหวานให้ชายหนุ่ม ในขณะที่พราวนภานั้นไม่พูดอะไรเลยนอกจากพยักหน้าสองสามทีพร้อมกับทำหน้าบึ้ง บุญชูจึงไม่กล้าพูดจายียวนเธออีก ครูพละหนุ่มตักอาหารคำสุดท้ายเข้าปากแล้วขอแยกตัวกลับไปบ้านพักหลังน้อยที่อยู่ถัดจากบ้านหลังใหญ่เพียงไม่กี่ก้าวเพื่อเตรียมตัวไปเที่ยวหัวหินกับสาวๆ ในวันพรุ่งนี้

 

            เช้าตรู่ของวันหยุดยาว บุญชูจัดการนำกระเป๋าเสื้อผ้าของผู้อำนวยการสาวและของพีชญามาเก็บในรถตรงตามเวลาที่นัดหมาย วันนี้ชายหนุ่มสวมชุดสบายๆ สมกับที่จะไปเที่ยววันหยุดด้วยเสื้อกล้ามสีขาวสวมทับด้วยเสื้อฮาวายสีน้ำเงินเข้มพิมพ์ลายสับปะรดสีเหลือง กางเกงที่เขาสวมยาวคลุมเข่า ส่วนรองเท้าบุญชูเลือกสวมรองเท้าผ้าใบกระชับเท้าแทนการสวมรองเท้าแตะ เพื่อความปลอดภัยในการขับรถ

            “ง่วงก็ผลัดกันขับได้นะบุญชู” พราวนภาบอกหลังจากเข้ามานั่งเบาะข้างคนขับ ในวันสบายๆ แบบนี้ พราวนภามักจะสวมเสื้อยืดตัวใหญ่โคร่งกับกางเกงผ้าเนื้อบางเบาสวมใส่สบาย ส่วนพีชญาสวมเสื้อเอวลอยอวดเอวคอดกับกางเกงขาสั้นตัวจิ๋ว ดีหน่อยตรงที่นางแบบสาวนั่งอยู่เบาะด้านหลัง ไม่อย่างนั้นคงทำให้คนขับเสียสมาธิไม่น้อย

            รถเคลื่อนตัวออกจากโรงเรียนพราวปัญญาได้ไม่นาน คนที่เอ่ยปากว่าจะผลัดกันขับก็หลับจนคอพับ บุญชูหันไปมองแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม ที่เขารับอาสาขับรถให้ก็เพราะรู้ว่าพราวนภาทั้งเหนื่อยและเพลียกับภาระหน้าที่ในแต่ละวันมามากพอแล้ว หากจะไปเที่ยว เธอก็ควรจะได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ไม่ใช่มาเหนื่อยขับรถให้ใครบางคนที่เธอต้องการจะเอาใจ ว่าแล้วก็เหลือบมองใครคนนั้นทางกระจกมองหลัง เพราะรู้สึกว่ามีคนมองเขาอยู่ 

            หญิงสาวเมื่อรู้ว่าถูกจับได้ว่าแอบมองก็ทำเป็นเสมองไปทางอื่น แต่เพียงครู่เดียวก็กลับมามองชายหนุ่มด้วยดวงตาพราวประกายเป็นพิเศษอีกครั้ง 

            บุญชูเหลือบมองกระจกอยู่เป็นระยะ ทีแรกเขานึกว่าตาฝาด หรือไม่ก็อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่เมื่อมองกระจกทีไร พีชญาก็ยังมองเขาอยู่ จนกระทั่งเห็นเธอขบริมฝีปากพร้อมกับหลิ่วตา ชายหนุ่มจึงมั่นใจว่าเธอตั้งใจมองมาแน่ๆ

            “คุณลูกพีชอยากให้แวะที่ไหนก็บอกผมได้นะครับ ไม่ต้องเกรงใจ” ครูหนุ่มบอก พร้อมกับขยับแว่นกันแดดที่เสยคาดผมมาสวมปิดบังดวงตาเอาไว้ เพราะแม้กระทั่งตอนนี้ พีชญาก็ยังมองเขาด้วยสายตาที่พาให้สะบัดร้อนสะบัดหนาวไม่หยุด

            “ลูกพีชไม่ได้อยากแวะที่ไหนหรอกค่ะ เพราะนั่งตรงนี้ก็ได้เห็นบรรยากาศดีๆ แล้ว” พูดด้วยน้ำเสียงมีจริตโดยที่ไม่กลัวว่าคนที่นอนหลับด้วยเสียงลมหายใจเข้าออกยาวๆ เป็นจังหวะจะได้ยิน ทำให้คนฟังรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ 

            พีชญาคือคนพิเศษของพราวนภา ไม่ใช่พิเศษธรรมดาเพราะนอนร่วมเตียงกันมาหลายวันแล้ว ต่อหน้าทุกคนพีชญาแสดงความรักกับพราวนภาอย่างเปิดเผยราวกับว่าไม่มีอะไรจะพรากเธอทั้งสองออกจากกันได้ แต่นี่ แต่เมื่อพราวนภาหลับ พีชญากลับชม้ายชายตาให้กับคนอื่นแบบนี้ เห็นท่าจะไม่ค่อยดีเอาเสียแล้ว

            “แต่ผมคงจะแวะปั๊มข้างหน้าหน่อยนะครับ จะซื้อหมอนรองคอให้ ผอ. เสียหน่อย ขืนหลับคอพับแบบนี้ไปตลอดทาง ถึงหัวหินมีหวังคอเคล็ดแล้วจะมาด่าว่าผมขับรถไม่ดีอีก”

            พีชญาหัวเราะเสียงพลิ้วและยิ่งมองครูพละหนุ่มด้วยแววตาปลาบปลื้มมากยิ่งขึ้น

            “ดาวโชคดีจังเลยนะคะที่มีคุณบุญชูคอยดูแล”

            “คุณลูกพีชอย่าพูดแบบนี้ต่อหน้า ผอ. เชียวนะครับ ไม่อย่างนั้นผมจะโดนชกจนฟันร่วงหมดปากแน่” 

พีชญาหัวเราะดังขึ้นอีก เธอไม่ได้ขำเรื่องที่บุญชูพูด แต่เธอหัวเราะเพราะชายหนุ่มทำราวกับไม่รู้ตัวว่า หากเขาทำแบบนี้กับผู้หญิงคนอื่น เขาจะไม่มีวันโดนชกปาก แต่อาจจะถูกทำอย่างอื่นแทน

            “คุณบุญชูก็พูดเกินไป ดาวไม่ได้โหดขนาดนั้นเสียหน่อย”

“คุณลูกพีชเป็นแฟน ผอ. เลยไม่รู้สึกว่า ผอ. โหดไงครับ แต่กับผมนี่สิ เกือบจะโดนเตะก้านคอหลายครั้งแล้ว” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับจับจ้องปฏิกิริยาของนางแบบสาว ตอนนี้พีชญาไม่สบตาเขา และได้แต่ยื่นหน้าไปมองผู้หญิงคนที่บุญชูบอกว่าเป็นคนรักของเธอโดยที่ไม่มีคำปฏิเสธใดๆ 

“ดาวน่ะ เห็นอย่างนี้แต่จริงๆ แล้วเขาเอาใจเก่งนะ”

“ผมเชื่อครับ กับคุณลูกพีช ผอ. ก็น่าจะเอาใจเก่ง แต่กับผม แล้วก็คุณพ่อคุณแม่ ผอ. แกจะเอาแต่ใจเก่งแทนน่ะสิครับ”

“คุณบุญชูหมายถึงเรื่องที่ดาวคบกับลูกพีชรึเปล่าคะ” 

พีชญาถาม แม้น้ำเสียงไม่ได้บ่งบอกว่าไม่พอใจ แต่ชายหนุ่มก็พอจะเดาได้ว่าหญิงสาวไม่ได้รู้สึกดีสักเท่าไหร่

“เอ่อ...คือว่า” ครูพละหนุ่มอึกอัก จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะความตั้งใจที่เขาตามมาหัวหินด้วยคราวนี้ก็เพราะต้องการจะกันท่าไม่ให้พีชญากับพราวนภาใกล้ชิดกันมากจนเกินไป 

“ลูกพีชอยากให้ลองเปิดใจให้ดาวกับลูกพีชกันสักนิดค่ะ พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด ดาวยังคงรักและเคารพคุณพ่อคุณแม่อยู่เหมือนเดิม และจะทำหน้าที่ลูกไม่ให้ขาดตกบกพร่อง และอยากให้ท่านเข้าใจว่าลูกพีชกับดาวรักกันด้วยใจจริงนะคะ” พีชญาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น ทำเอาคนฟังอึ้งไปด้วยความรู้สึกผิดที่ไปขัดขวางความรักของทั้งสองได้ลงคอ

“ครับ ผมเข้าใจพวกคุณ แต่พวกคุณก็ต้องให้เวลาลุงนุกับป้าพรด้วยนะครับ เรื่องนี้คุณลูกพีชคงต้องใช้ความพยายามและความอดทนมากหน่อย” 

บุญชูให้คำแนะนำพีชญาก็จริง แต่ตัวเขาเองกลับรู้สึกหัวใจโหวงเหวงไปหมด เขาเหลือบไปมองคนที่นั่งหลับสนิทอยู่ข้างๆ แล้วถอนหายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว ยิ่งได้เห็นพีชญาประคองศีรษะพราวนภาที่เอียงอยู่ให้ตั้งตรง หัวใจเขาก็ยิ่งปวดร้าว 

บ้าไปแล้ว...เขาหึงเธอ 

ใช่ บุญชูหึงพีชญาที่มาแตะต้องพราวนภา หึงพีชญาที่ได้สัมผัสเธอ ในขณะที่เขาแม้แต่มองยังไม่กล้า

“ถึงปั๊มแล้ว เราแวะพักเข้าห้องน้ำแล้วก็หากาแฟดื่มกันก่อนดีกว่านะครับ” บุญชูบอกพร้อมกับเลี้ยวรถเข้าไปจอดภายในสถานีบริการน้ำมัน ในขณะเดียวกันพีชญาก็ปลุกให้พราวนภาตื่นขึ้นมาเข้าห้องน้ำและยืดเส้นยืดสาย

...

หมอนรองคอลายการ์ตูนเหน็บอยู่บนคอระหงของผู้อำนวยการสาว พราวนภาไม่รู้ว่าบุญชูเป็นคนจัดการไปซื้อมาให้ เขาเลือกลายที่คิดว่าพราวนภาน่าจะถูกใจ จากนั้นก็คะยั้นคะยอให้พีชญาเป็นคนนำไปให้เธอใช้แทนที่จะให้มันด้วยตัวเอง

“ลูกพีชนี่รู้ใจดาวไปเสียหมด รู้ได้ไงว่าดาวชอบตัวการ์ตูนตัวนี้” 

พราวนภาเอ่ยชมพีชญาด้วยสีหน้าปลาบปลื้ม ไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้คนให้ที่แท้จริงหัวใจพองโตแค่ไหน บุญชูได้แต่แอบยิ้ม และกลับมาทำหน้าที่พลขับอีกครั้งหลังจากได้แวะพักยืดเส้นยืดสาย จากนั้นก็ขับรถมุ่งหน้าสู่บ้านพักริมทะเลของนางแบบสาว ผู้ซึ่งยังคงมองเขาด้วยแววตาเป็นประกายแปลกๆ ตลอดทาง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น