6

ไข่ใบที่หก


ท่าอากาศยานนานาชาติ Los Angeles รัฐ California

ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออก สตรีร่างอวบอิ่มผู้พึ่งเดินออกมาจากเกท ยืนงุนงงดวงตาจับจ้องอยู่บนป้ายบอกทาง พร้อมกับสองเท้าเริ่มเดินไปตามลูกศร สลับกับคอยลอบมองคนที่เธอคาดว่าเขาโดยสารมาบนเครื่องลำเดียวกัน

จากเกทมุ่งตรงไปสู่บริเวณรับกระเป๋า จุดนี้ทำให้ริมฝีปากบางยิ้มขัน เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนมีเพียงกระเป๋าเป๋ใบใหญ่หนึ่งใบ ไม่ได้โหลดกระเป๋าใดๆเพิ่ม ด้วยเหตุนี้ดวงตาทรงอัลมอนด์จึงเริ่มมองหาป้ายบอกทางอีกครั้ง ตามด้วยการยิ้มโล่งอกเมื่อพบกับป้ายบอกทางสำหรับผู้ต้องการใช้บริการรถแท็กซี่

ครั้งนี้คือครั้งแรกที่ชาหวานได้เดินทางต่างรัฐ และคือครั้งแรกที่ได้ขึ้นเครื่องบิน ด้วยเหตุนี้เธอจึงตื่นเต้นไม่น้อย หญิงสาวเดินไปต่อคิวรอรถแท็กซี่ซึ่งแถวไม่ยาวนัก รอไม่ถึงสามนาทีดีก็ถึงคิว คนขับรถคือชายเอเชียอายุราวสี่สิบปี เขายิ้มเป็นมิตรท่าทางกันเอง กวักมือเรียกให้เธอเดินตามไปยังรถแท็กซีสีฟ้าขาวซึ่งจอดอยู่ไม่ไกล พร้อมกับส่งภาษาจีนทักทาย

ผู้ถูกเข้าใจผิดยิ้มเขิน รีบส่ายหน้าอธิบาย “ขอโทษค่ะ ฉันพูดภาษาจีนไม่ได้”

เจ้าของรถพยักหน้า เอ่ยเป็นภาษาอังกฤษ “ไปไหนครับ?”

ชาหวานหยิบกระดาษซึ่งจดที่อยู่เอเจนซี่ส่งให้ “ไป Beverly Hills ค่ะ ที่อยู่ตามนี้เลย”

ลุงวัยสี่สิบปีหยิบแว่นขึ้นมาสวม กดใส่ที่อยู่ลงบน GPS เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยจึงส่งกระดาษคืน รถเริ่มเคลื่อนที่ มุ่งไปยังเมือง Beverly Hills

จากสนามบินถึงเมือง Beverly Hills ใช้เวลาราว 35 นาที ส่วนหนึ่งเป็นเพราะช่วงเวลานี้ถนนค่อนข้างว่าง ถึงกระนั้นตัวเลขค่าแท็กซี่ก็ทำให้ผู้โดยสารถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่... $101.55

แม้จะรู้ว่าสามารถเบิกคืนได้ แต่ยามต้องรูดบัตรเดบิต ราวกับว่าการรูดนั้นกรีดเอาเลือดของเธอออกไปด้วย หญิงสาวรับใบเสร็จมาจากคุณลุง พับเก็บไว้อย่างดี เปิดประตูลงจากรถ หยิบที่อยู่ขึ้นมาดูอีกครั้งหากยังไม่ทันจะได้มองเลขที่ สายตาได้ไปหยุดอยู่ที่ตึกฝั่งตรงข้าม

ตึกนั้นคือตึกสูงราวสิบชั้น หน้าตึกตั้งป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่ เป็นรูปเด็กทารกและรูปหญิงสาวตั้งครรภ์ เด็กและผู้หญิงเหล่านั้นล้วนหลากเชื้อชาติ ยังมีชื่อเอเจนซี่ “Better Life Egg donor and Surrogate Agency” 

ชาหวานขยำกระดาษในมืออย่างไร้เหตุผล สองมือสั่นเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึกหวาดหวั่นในทางที่กำลังเลือกเดิน รวบรวมกำลังใจเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงเดินไปยังทางม้าลาย รอสัญญาณไฟ ข้ามถนนและเดินตรงเข้าไปในตึก

ประตูกระจกสีขาวใสเลื่อนเปิด มองเข้าไปพบกับเคาน์เตอร์พนักงานต้อนรับ เธอคือผู้หญิงตะวันตกอายุราวสามสิบปี ชาหวานเดินตรงไปพร้อมรอยยิ้ม เช่นเดียวกับเธอผู้นั้นเอ่ยทักทายเปิดฉากการสนทนา

“สวัสดีค่ะ สบายดีไหมคะ วันนี้มีอะไรให้ดิฉันช่วยเหลือคะ?”

“สวัสดีค่ะ สบายดีค่ะ ฉันมาพบแลน” ชาหวานหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดอีเมลล์รายละเอียดการนัดหมายส่งให้

ประชาสัมพันธ์สาวเอียงคอมองรายละเอียด ชี้นิ้วไปทางลิฟท์ซึ่งอยู่ด้านซ้ายมือไม่ไกลออกไป “ชั้น 5 ค่ะ Have a good day”

“Have a good day”

ชาหวานเดินไปกดเรียกลิฟท์ ดวงตาจ้องอยู่ตรงตัวเลขระบุชั้นการเดินทางของลิฟท์ รับรู้ถึงมือสั่นมากขึ้น เหงื่อผุดออกจนชุ่มทั้งที่มือค่อนข้างเย็นจัด ยังมีหัวใจซึ่งกำลังเต้นรัว ทันทีที่ลิฟท์ดังแจ้งการมาถึง ร่างของเธอสะดุ้งเล็กน้อย สองเท้าอันหนักอึ้งเดินเข้าไปในลิฟท์ ใช้นิ้วอันสั่นเทากดชั้นห้า

ลิฟท์ช่างไวยิ่งนัก เพียงชั่วพริบตาประตูลิฟท์เปิดออกพร้อมเสียงบอกชั้น ผู้มาเยือนกำมือแน่น เม้มปากเดินออกจากลิฟท์ เบื้องหน้าคือประตูกระจกที่เปิดเลื่อนเมื่อเธอเดินเข้าใกล้ ข้างประตูติดป้ายตัวอักษรสีแดง

” Egg Donor Center”

ชาหวานเดินผ่านประตู ห้องห้องนี้คือห้องค่อนข้างใหญ่ มุมทางซ้ายมือคือโซฟาสีชมพูอ่อนเข้าชุด ใกล้กับโซฟาคือโต๊ะวางชุดชากาแฟและเครื่องชง ถัดออกไปอีกนิดคือตู้กดน้ำ

ดวงตาเคลื่อนมองไปยังผนังห้องสีขาว อันถูกประดับด้วยรูปเด็กตั้งแต่ทารกจนราวสองขวบ ส่วนต่อจากส่วนโซฟาคือห้องเล็กห้องน้อย ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องห้องแรก เธอเป็นผู้หญิงเอเชียผมประบ่าสีดำสนิท รูปร่างผอมบาง สวมเสื้อคอเต่าแขนยาวสีฟ้ากางเกงยีนส์ เธอคนนั้นเดินตรงมาหาชาหวาน เลิกคิ้วหนึ่งข้าง

“ชาร์ม?”

ชาหวานพยักหน้า “ค่ะ คุณคือ...?”

“สวัสดีชาร์ม ฉันแลน เป็นไงบ้างไฟลท์บินราบรื่นดีไหม?”

“สวัสดีค่ะแลน ทุกอย่าง...ดีค่ะ ดีมาก”

ชาหวานยิ้มเขินอายในสายตาที่กำลังสำรวจเธออย่างโจ่งแจ้ง แม้เจ้าของสายตาจะเป็นผู้หญิง แต่ก็สร้างความไม่สบายใจให้เธอพอควร ด้วยรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองถูกมองราวกำลังกลายเป็นสินค้า!

แลนพอดูออกในแววตาหลุบต่ำของคนถูกสำรวจ เธอผายมือไปยังห้องซึ่งเดินออกมา “มาเริ่มกันเลยดีกว่า ตามฉันมาทางนี้”

ชาหวานยิ้มบางๆ เดินตามไปพร้อมกับมือทั้งสองข้างกุมบีบกันแน่น ประตูห้องสีขาวเปิดออก ภายในห้องมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่กึ่งกลาง ด้านหลังโต๊ะทำงานมีตู้เอกสารตู้ใหญ่ยาวเต็มความกว้างห้อง เจ้าของห้องผายมือไปทางเก้าอี้ ส่วนตัวเธอเดินไปหยิบแฟ้มสีส้มเข้มแล้วเดินตรงมานั่งที่โต๊ะ ส่งแฟ้มนั้นให้คนที่นั่งตื่นเต้น

“ข้อมูลเหล่านี้คือข้อมูลที่เธอจำเป็นต้องกรอก เธอเอาเอกสารที่ฉันบอกมาครบไหม?”

ชาหวานพยักหน้า เลื่อนกระเป๋าสะพายมาวางลงบนตัก เปิดกระเป๋าหยิบแฟ้มเอกสารและหยิบทุกอย่างออกมา โดยไม่ลืมย้ำเรื่องบางเรื่องซึ่งเธอแจ้งทางอีเมลล์แล้ว

“เอกสารทุกอย่างค่ะ แต่ขาดรูปปู่ ย่า กับรูปพ่อตอนเด็กค่ะ”

หลังจากรื้อค้นกล่องเก็บของของแม่ เธอได้พบว่าแม่มีสมุดเก็บรูปถ่าย เรื่องน่าดีใจที่สุดคือพบรูปถ่ายของแม่ตอนเด็กอายุราว 5-6 ปี ยังมีรูปของตาและยาย รูปของเธอตอนเกิดซึ่งโรงพยาบาลมอบให้

เมื่อเห็นภาพแม่ หัวใจดวงน้อยนึกถึงคนที่นอนอยู่โรงพยาบาลตามลำพังในอีกฝั่งหนึ่งของประเทศ การเดินทางมาแคลิฟอร์เนียครั้งนี้ เธอบอกมารดาว่ารับงานช่วยจัดงานปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน แม้ละไมจะแปลกใจเล็กน้อยเพราะงานไปจัดถึงแคลิฟอร์เนีย แต่เธอไม่ได้ซักถามอะไรนัก ด้วยเชื่อใจในความประพฤติของลูกสาวสุดที่รัก

“ขอบคุณมาก ฉันจะนำเอกสารเหล่านี้ไปแสกน ระหว่างนี้เธอก็จัดการกรอกรายละเอียดในแฟ้ม”

แลนเดินออกไปพร้อมเอกสาร ชาหวานเปิดแฟ้มแล้วเปิดดูเอกสารทีละหน้า คิ้วขมวดเมื่อพบกับเอกสารราวครึ่งร้อยแผ่น แบ่งออกเป็นสามเซท เซทแรกคือการอธิบาย ว่าอาชีพ Egg Donor คืออาชีพถูกกฏหมาย และต้องทำการเสียภาษีรายได้ให้กับรัฐบาลเช่นเดียวกับอาชีพอื่นๆ

 หน้าต่อไปคือการเซ็นยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลทางอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพของ FDA  ยังมีรับรองว่าข้อมูลที่กำลังจะกรอกทุกอย่างคือความจริง ที่ทำให้เกิดอาการเสียวสันหลังที่สุด คือคำขู่ที่แน่ใจว่าไม่ใช่เพียงแค่ขู่

“หากมีสิ่งใดที่เราทราบภายหลังว่าผู้สมัครให้ข้อมูลเท็จ เราจะทำการฟ้องร้องในทันทีพร้อมเรียกค่าเสียหายซึ่งเกิดขึ้นตามจริง”

มือเรียวขาวเซ็นเอกสารเหล่านั้น เริ่มต้นเซทที่สอง อันเกี่ยวกับประวัติของเธอ รายละเอียดเหล่านี้มากมายนัก ไล่ตั้งแต่ประวัติส่วนตัวทุกอย่างโดยละเอียด การศึกษา ตำหนิบนร่างกาย การทำศัลยกรรม เจาะหูหรือไม่  สุขภาพฟัน รอบเดือนครั้งสุดท้ายจำนวนคู่รักที่เคยมี ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่มีเพศสัมพันธ์ ครั้งสุดท้ายที่ตรวจสุขภาพและตรวจเลือด  ยาหรือวิตามินที่เคยใช้ในรอบห้าปี

เอกสารในชุดนี้มีจำนวนราว 20 แผ่น

เซทสุดท้ายคือเซทที่ทำให้ชาหวานถึงกับกุมขมับ เพราะเกี่ยวข้องกับครอบครัวของเธอ แต่ละคำถามละเอียดยิ่งนัก ไล่ตั้งแต่ส่วนสูง น้ำหนัก สีตา สีผิว เชื้อชาติ อายุ/เสียชีวิตเพราะสาเหตุใด ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ลงมาจนถึงหลานหากมี

ยังมีประวัติด้านสุขภาพ ละเอียดอย่างที่เธอไม่เคยคิดว่าจะต้องละเอียดถึงเพียงนี้ สิ่งเหล่านี้สร้างความลำบากใจให้ผู้กรอกอย่างยิ่ง ด้วยเธอไม่รู้เลยว่าบรรพบุรุษของเธอมีผู้ใดป่วยเป็นโรคถ่ายทอดทางพันธุกรรมหรือไม่ ไม่ทราบแม้แต่โรคเบาหวาน ความดัน หรือแม้แต่สิว ว่ามีใครในครอบครัวเป็นบ้าง

เพราะคำขู่ในสัญญาที่เซ็นชุดแรก ทำให้ข้อมูลสุขภาพทางฝั่งบิดา ล้วนปรากฏ N/A ส่วนทางฝั่งมารดานั้นถูกเลือก “No” ทั้งหมด เพราะละไมเคยเล่าให้ฟังว่าตาและยายแข็งแรงมาก ไม่เคยป่วยไปโรงพยาบาล ส่วนอาการป่วยที่อาจจะเป็นมะเร็งหรือไม่ของผู้เป็นแม่ หญิงสาวเลือกกรอก No เหตุเพราะตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด ถือว่าเธอไม่ได้โกหกแต่อย่างใด

เอกสารทั้งหมดกรอกครบ พร้อมกับแลนซึ่งหายไประยะหนึ่งเดินกลับเข้ามา “เสร็จแล้ว?”

“เสร็จแล้วค่ะ”

แลนคืนเอกสารทั้งหมดซึ่งนำไปแสกน หยิบแฟ้มไปตรวจความเรียบร้อย เธอเลิกคิ้วเล็กน้อย “ข้อมูลสุขภาพทางฝั่งบิดานี่...”

“ไม่ทราบเลยค่ะ”

แลนไม่ได้พูดสิ่งใดต่อ เพียงพยักหน้าพร้อมกับผายมือไปยังประตู “ขั้นตอนต่อไปคือการพบจิตแพทย์ ตามมาทางนี้ค่ะ”

               

โซนพบจิตแพทย์อยู่ที่ชั้นเจ็ด ระหว่างการเปลี่ยนชั้นสตรีทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันนัก หนึ่งเพราะแลนกำลังเคร่งเครียดกับการอ่านเอกสารของชาหวาน สองเพราะชาหวานรู้สึกคอแห้งและเกิดอาการไม่อยากพูดขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

การพบจิตแพทย์คือสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเธอยิ่งนัก จากการหาข้อมูลเกี่ยวกับ Egg Donor ทางอินเตอร์เน็ต ล้วนไม่มีขั้นตอนนี้ปรากฏ คำถามเกิดขึ้นในใจของเธอพร้อมกับความกังวล

หากเธอประเมินสุขภาพจิตไม่ผ่าน หากจิตแพทย์ทราบว่าแท้จริงแล้วเธอไม่ได้สมัครงานนี้เพราะจิตใจเมตตาต้องการจะช่วยเหลือสตรีผู้ไม่อาจมีบุตร หากผลประเมินออกมาเช่นนี้ จะเกิดสิ่งใดขึ้นกับเธอ?

หรือการบริจาคไข่จะไม่เกิดขึ้น!?

“หมอรอเธออยู่ด้านใน เมื่อเสร็จขั้นตอนนี้ให้เธอลงไปหาฉันที่ห้อง” แลนหยุดลงหน้าทางเข้าแผนก

“ค่ะ”

ชาหวานจ้องประตูกระจกซึ่งเลื่อนเปิดออก พาตัวเองเข้าสู่ขั้นตอนที่อาจตัดความฝันในการนำเงินไปรักษาแม่ของเธอ เดินผ่านโซฟาสีชมพูเช่นชั้นห้า หยุดยืนคว้างหน้าห้องที่หนึ่ง ยังไม่ทันจะหันหน้ามองหาประตูห้องได้เปิดออก พร้อมกับสตรีชาวตะวันตกผมสีแดง อายุราวสามสิบกว่าๆ

“ชาร์ม? ฉันชื่อเจนเนต ร็อค...เจนเนต เข้ามาสิ”

“สวัสดีค่ะเจนเนต” ชาหวานเอ่ยตามมารยาทแล้วเดินตามการเชื้อเชิญ

ห้องห้องนี้ไม่ต่างจากห้องของแลน หญิงสาวพาตัวเองนั่งลงเผชิญหน้ากับจิตแพทย์ ผู้ซึ่งเปิดแฟ้มที่คาดเดาได้ว่าคือรายละเอียดของเธอ

จิตแพทย์สาวหยิบเอกสารออกมาสามชุด วางลงเบื้องหน้าผู้สมัคร

 “ฉบับที่หนึ่งเอกสารเซ็นยินยอมให้ทางเรานำผลทดสอบไปใช้ได้ เอกสารชุดที่สองคือหนังสือเซ็นยินยอมให้ฉันเป็นจิตแพทย์ผู้ทดสอบ เอกสารชุดที่สามเซ็นยินยอมให้เปิดเผยผลการทดสอบต่อว่าที่ผู้รับไข่บริจาคของเธอ ซึ่งในที่นี่เราเรียกว่า Intended Parents หรือย่อๆเรียก  IPs แน่นอนว่าค่าใช้จ่าย $550 สำหรับการทำแบบทดสอบ ค่าชั่วโมงจิตแพทย์ $1,000 ค่าธรรมเนียมปรึกษา $350 ค่าใช้จ่ายทั้งหมดนี้ IPsในอนาคตของเธอจะเป็นผู้รับผิดชอบ”

ชาหวานรับเอกสารเหล่านี้ไปเปิดอ่าน เซ็นทั้งหมดแล้วจึงส่งคืนให้ เจนเนตรับเอกสารไปเซ็นเช่นกัน เก็บเอกสารทั้งสามชุดกลับเข้าแฟ้ม จ้องมองผู้กำลังเผชิญหน้าด้วยแววตาที่ยากนักว่าคิดสิ่งใด เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงพาให้ผู้ฟังใจกระตุก

“ทำไมถึงอยากเป็น Egg Donor?”

ทั้งที่คำถามง่ายแสนง่าย แต่กลับยากยิ่งนักสำหรับผู้ถูกถาม ในใจของชาหวานบังเกิดสองทางเลือก ทางเลือกที่หนึ่งคือการตอบแบบสร้างภาพ สร้างตัวเองให้กลายเป็นนางฟ้า หากทางสายนี้เธอหวาดหวั่นยิ่งนัก ว่าจิตแพทย์ผู้นี้จะจับได้หรือไม่?

ทางที่สองคือการตอบตามความจริง แต่ก็เสี่ยงเหลือเกิน เพราะความจริงนั้นบ่งบอกอย่างแน่ชัด ถ้าเธอไม่เจอปัญหาต้องการใช้เงิน คงไม่คิดบริจาคไข่ให้ใคร

 กลายเป็นว่าเหตุผลหลัก...คือเงินล้วนๆ ช่างเป็นสตรีที่น่ารังเกียจเสียยิ่งนัก!

หญิงสาวกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างยากลำบาก ตัดสินใจบอกความจริงแต่ไม่ทั้งหมด โดยไม่ลืมแทรกความไม่จริงที่ทำให้เธอพอดูดีเข้าไปบ้าง

“ฉันมีความจำเป็นต้องใช้เงินค่ะ และเห็นว่าอาชีพนี้นอกจากจะได้เงิน ยังได้ช่วยสร้างฝันให้กับผู้หญิงที่ต้องการมีลูก ทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันกับผู้หญิงที่รอคอยไข่บริจาคมีสิ่งคล้ายกัน นั้นคือเราต้องการความช่วยเหลือและเรามีความหวัง...เพื่อชีวิตที่...ดีขึ้น”

เจนเนตอมยิ้มบางๆ จดอะไรบางอย่างลงในแฟ้ม ถามคำถามต่อไป

“จากสถิติค่าตอบแทน Egg Donor พบว่า Egg Donor ที่มีค่าตอบแทนต่อครั้งสูงที่สุดคือ Donor เชื้อสายจีน 100% รองลงมาอันดับสองคือเอเชีย อันดับสามคือตะวันตกผมบลอนด์ตาฟ้า อันดับสี่คือเชื้อสาย Jewish* ต่อๆไปคือตะวันตกทั่วไป อาหรับ และแอฟริกัน เธอคิดยังไงกับเรื่องนี้?”

“ฉันคิดว่า...” ผู้ถูกถามคิดหนักในคำตอบ ครุ่นคิดชั่วครู่จนได้คำตอบที่ไม่เหยียดเชื้อชาติจึงตอบด้วยความมั่นใจ “ผู้ที่ต้องการมีลูกซึ่งมีเชื้อสายจีน มีปัจจัยด้านค่าใช้จ่ายสนับสนุนความต้องการของตนเองสูงที่สุด”

 “ในนี้ระบุว่าเธอเรียกค่าตอบแทน $100,000 ไม่คิดว่า...มันมากเกินไปหรอ?”

“ไม่ค่ะ ฉันเชื่อว่าฉันสมควรได้รับค่าตอบแทนเท่านี้ การช่วยเหลือของฉันตีคู่กับความเสี่ยงชีวิต นั้นคือความเสี่ยงที่บางครั้งเงินประเมินค่าไม่ได้”

จิตแพทย์หญิงปิดแฟ้มลง หันไปหยิบหนังสือหนึ่งเล่มและกระดาษหนึ่งแผ่น พร้อมกับส่งดินสอสองบีให้คนนั่งงงเล็กน้อย เริ่มต้นอธิบายพลางหยิบนาฬิกาจับเวลาขึ้นมา

“เอาละ...ตอนนี้เรามาสู่ขั้นตอน Psychological And Personality Screening คือการประเมินสภาพจิตและแบ่งกลุ่มว่าเธอคือกลุ่มคนประเภทใด  มีเวลาทำหนึ่งชั่วโมง ตอบให้จริงที่สุดเพราะหากเธอโกหกเราก็รู้”

“แล้ว...เคยมีคนสอบตกไหมคะ?”

เจนเนตพยักหน้า “มี ในทุกๆวันมีผู้สมัครเดินเข้ามาในห้องนี้วันละ 10 คน มีแค่ห้าคนผ่านการทดสอบ แต่มีแค่หนึ่งคนหรืออาจไม่มีเลย...ที่ได้เป็น Egg Donor” นิ้วเรียวยาวชี้ไปทางประตู

 “ด้านนอกคือจิตแพทย์อีกห้าคนทำหน้าที่เดียวกับฉัน นั้นหมายความว่าในทุกวันมีผู้สมัครเดินเข้ามาในแผนกนี้ขั้นต่ำวันละ 50 คน”

ชาหวานยิ้มแหย มือสั่นจนทำดินสอตก เธอรีบก้มเก็บดินสอ ส่วนเจนเนตเริ่มกดจับเวลา กล่าวทิ้งท้ายก่อนเดินออกจากห้องด้วยเสียงทีเล่นทีจริง

“อย่ากังวลมากนัก แค่ตอบให้เป็นความจริงและเป็นตัวเองที่สุด แล้วเธอจะผ่าน”

ผู้ได้รับคำแนะนำเริ่มคุมสติ ดวงตาจับจ้องอยู่ที่หนังสือเล่มสีเขียว หน้าปกเขียนว่า The Minnesota Multiphasic Personality Inventory- 2 (MMPI-2)* ความกดดันพวยพุ่ง ดวงตาเหลือบมองนาฬิกาจับเวลา

“เธอทำได้ชาหวาน!” เสียงสั่นเครือย้ำต่อตนเอง ขยับดินสอเริ่มฝนชื่อและนามสกุล

ข้อสอบ 567 ข้อจบลงเมื่อนาฬิการ้องเตือนหมดเวลา ตามด้วยเสียงเปิดประตู ร่างสูงโปร่งของจิตแพทย์สาวเดินกลับมานั่งประจำที่ ส่งกระดาษทิชชู่ให้ผู้ที่ใช้หลังมือปาดเหงื่อบนใบหน้า

“เป็นไงบ้าง ทำได้ครบไหม?”

ชาหวานพยักหน้า ตาจับจ้องกระดาษคำตอบซึ่งถูกเก็บ กล้ายอมรับอย่างไม่อายว่าทำไปแบบมึนงง ด้วยคำถามในนี้ล้วนเป็นคำถามลวงหลอกความคิด คำถามถามเรื่องเดียวกันแต่ถามถึงสามแบบสามเหตุการณ์ ทั้งที่คำตอบมีเพียงผิดหรือถูก แต่ยากยิ่งกว่าการเขียนเรียงความ

ส่วนที่กดดันที่สุด...คือข้อสอบนี้ไม่มีผิดถูกอย่างแท้จริง!

เจนเนตจัดการเก็บกระดาษคำตอบลงแฟ้ม “มีอะไรอยากถามไหม? เธอมีสิทธิ์ที่จะถามในทุกสิ่งที่เธอสงสัย”

ทั้งที่อยากจะตอบว่าไม่ หากเรื่องบางเรื่องติดอยู่ในใจของชาหวาน ทำให้เธอหลุดปากถามออกไป

“ฉันอยากทราบว่า IPs ต้องประเมินสุขภาพจิตเช่นกันไหมคะ?”

“ถ้าเป็น IPs ของทางเรา ต้องได้รับการประเมินเช่นเดียวกันอย่างแน่นอน ผลการประเมินนี้แหละคือส่วนหนึ่งที่จะช่วยจับคู่ ระหว่าง IPs และ Egg Donor”

ชาหวานพยักหน้ารับรู้ ถามคำถามต่อไปในทันที “ทำไม IPs ถึงไม่รับอุปการะเด็กไปเป็นลูก ทั้งที่มีเด็กมากมายรอคอยให้คนรับไปเลี้ยง ฉันสงสัยว่าทำไมเขายอมเสียเงินตั้งมากมายเพื่อใช้ไข่บริจาค ทั้งๆที่โอกาสในการทำกระบวนการนี้ 50-50”

เจนเนตยิ้มกว้าง แววตาระยิบระยับราวกับว่าถูกใจในคำถามยิ่งนัก เธอทวนคำถามเบาๆต่อตนเอง ดวงตาสีเทาจ้องดวงตาสีน้ำตาลของผู้ถาม

“เพราะความต้องการในการเติมเต็มช่องว่างทางจิตใจของคนเราต่างกัน บางคนอาจสามารถรับเด็กมาเป็นลูกได้ แต่บางคนมีความต้องการที่มากไปกว่านั้น”

จิตแพทย์หญิงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ อธิบายต่ออย่างใจเย็น

“สิ่งที่สตรีกลุ่มผู้ตัดสินใจใช้ไข่บริจาค รู้สึกว่าพวกเธอไม่สามารถหาได้จากการอุปการะเด็ก คือความรู้สึกเกี่ยวข้องจากจิตวิญญานและความผูกพันทางพันธุกรรม หรือพูดง่ายๆคือเด็กเหล่านั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทางใจและความรู้สึกเลย ไม่เหมือนกับเด็กที่ได้มาจาก Egg Donor

 เพราะเด็กที่เกิดจาก Donor ต่อให้ไข่มาจากผู้หญิงคนอื่น แต่สเปิร์มมาจากสามีของพวกเธอ ความเกี่ยวข้องทางใจคือเด็กคนนี้มีส่วนหนึ่งของผู้ชายที่เธอรัก และอีกส่วนคือการเลือก Donor  ปกติจะเลือกหน้าตา อุปนิสัยใกล้เคียง IPs มากที่สุด ทำให้เด็กที่เกิดมามีหน้าตา สีผิว รูปร่างใกล้เคียงพวกเธอมาก มันคือการเติมเต็มข้อบกพร่องของตนเอง นี่คือส่วนหนึ่งซึ่งการรับอุปการะเด็กไม่สามารถทำได้”

ชาหวานพยายามเข้าใจ เช่นเดียวกับที่เจนเนตอธิบายต่อ

“การรับเด็กมาอุปการะ ใครก็สามารถพูดได้ง่ายๆว่าถ้าตัวเองมีลูกไม่ได้จะทำแบบนี้ แต่เอาเข้าจริงๆ การตัดสินใจยอมรับไม่ได้ง่ายแบบนั้น มันมีหลายตัวแปรเข้ามาเกี่ยวข้อง พอเรื่องเกิดขึ้นจริงพวกที่บอกจะรับอุปการะเด็ก ส่วนใหญ่ 80% วิ่งหา Egg Donor กันทั้งนั้น  เพราะสุดท้ายแล้วผู้หญิงพวกนั้นก็คือมนุษย์

 มนุษย์...ผู้ต้องการได้สิ่งทึ่ดีที่สุดเข้ามาเติมเต็มชีวิตตนเอง

เช่นเดียวกับการมีลูก ย่อมต้องการคัดเลือกที่ดีที่สุดและใช่ที่สุดเช่นกัน เพราะเด็กจะเข้ามาในฐานะลูกซึ่งผูกพันไปตลอดชีวิต ไม่ใช่แค่ตุ๊กตาพอเบื่อก็วางทิ้งไว้ บางสิ่งยังไม่เกิดขึ้นกับตัวเอง ในฐานะคนนอกมองจากด้านนอก คิดทุกอย่างง่ายดายว่าจะทำเช่นนั้นเช่นนี้ แต่พอเกิดขึ้นจริงกับตัวเอง ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด...ไม่เป็นไปตามที่คิดเอาไว้หรอก

 คนเราไม่ควรตัดสินการตัดสินใจของใคร ถ้าเราไม่เคยพบเจอกับปัญหานั้น เพราะเราจะไม่มีทางรู้ได้ว่าเขารู้สึกยังไง และมันหนักหนาแค่ไหน ฝุ่นผงในสายตาเรา อาจเป็นภูเขาในสายตาเขาเพราะเขาคือคนที่มีปัญหา”

แม้จะไม่แน่ใจว่าเข้าใจอย่างถ่องแท้ หากชาหวานค่อนข้างคิดว่าเธอเข้าใจมากขึ้น คำถามที่สงสัยถูกคลี่คลาย คำตอบเหล่านี้คล้ายกุญแจไขโลกอันแสนแคบของเธอ พร้อมกับความคิดใหม่ที่ว่าคนเราไม่ควรตัดสินการตัดสินใจของผู้อื่น หากเราไม่ได้ยืนในจุดนั้นเช่นเขายืนอยู่

เช่นเดียวกับเรื่องราวของเธอ หญิงสาวแน่ใจนักว่าการที่เธอเลือกขายไข่ คงมีคนมากมายตำหนิและไม่เห็นด้วย

ทว่า...คนเหล่านั้นล้วนคือคนนอก ไม่ได้มาร่วมมีส่วนในชีวิตเธอ ไม่ได้มาร่วมมีมารดาป่วยหนักเหมือนเธอ หากเธอเสียแม่ไปคนที่เสียใจที่แท้จริงคือเธอ...ไม่ใช่คนเหล่านั้นที่เป็นเพียงคนอื่น

“ฉันหมดคำถามแล้ว”

เจนเนตผายมือไปทางประตู “ยินดีที่ได้พบเธอในวันนี้นะชาร์ม”

ชาหวานยิ้มตามมารยาท ลุกขึ้นสะพายกระเป๋า “เช่นกันค่ะ”

จากชั้นเจ็ดลงมาสู่ชั้นห้า ตรงเข้าสู่ห้องของแลนซึ่งเปิดประตูรอ ทว่าผู้ที่อยู่ในนั้นไม่ใช่แลน แต่คือบุรุษเชื้อสายละตินร่างท้วมอายุน่าจะราวๆเกือบสามสิบ เขาผู้นั้นยิ้มกว้างทักทาย ผายมือไปทางเก้าอี้

“ชาร์ม ผมชื่อว่าไมเคิล เชิญนั่งเลยครับ”

ชาหวานพาร่างที่เริ่มเหนื่อยกับการทดสอบนั่งลงบนเก้าอี้ ดวงตาอันแสนล้าจากการตื่นเช้าและการทำแบบทดสอบเบิกกว้าง จ้องเอกสาร 4 ชุดซึ่งวางเรียงไว้ ยังไม่ทันเอ่ยถามอีกฝ่ายได้ชิงอธิบาย

“ตามกฏของเอเจนซี่เรา Egg Donor ต้องทำการทดสอบ IQ เอกสารสามชุดแรกคือเอกสารเซ็นยินยอมให้ทางเราทดสอบ ให้เราสามารถนำผลไปใช้ได้ และเซ็นอนุญาตเปิดเผยข้อมูลให้ IPs ส่วนอีกชุดคือข้อสอบ มีทั้งหมด 100 ข้อให้เวลาทำ 60 นาที คุณพร้อมไหมครับชาร์ม?”

หญิงสาวพยักหน้าเอือยๆ เริ่มด้วยการเซ็นเอกสาร แล้วจึงหยิบดินสอสองบีขึ้นมาฝนชื่อนามสกุล วันเกิด เลข SSN ทันทีที่ฝนข้อมูลส่วนตัวเสร็จ นาฬิกาจับเวลาคล้ายกับของเจนเนตได้ถูกตั้งเวลาและวางข้างเธอ

“หนึ่งชั่วโมงนะครับ”

ครั้งนี้เธอไม่ได้เอ่ยถามเรื่องเคยมีคนสอบตกหรือไม่ ด้วยแน่ใจนักว่ามีอย่างแน่นอน เริ่มทำข้อสอบพร้อมกรีดร้องอัดอั้นในใจ เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงมีประกาศรับ Egg Donor ทุกวัน เพราะแท้จริงแล้วมันยิ่งกว่าที่เธอคิดหรือที่ได้อ่านมาจากอินเตอร์เนต

ยิ่งกว่า...เหลือเกิน!

หนึ่งชั่วโมงผ่านไปไวนัก ขั้นตอนทดสอบ IQ จบลง ไมเคิลเก็บกระดาษคำตอบ แลนเดินเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มพอใจ เธอกวักมือเรียกคนนั่งนิ่งราวตุ๊กตาไขลาน

“ขั้นตอนสุดท้ายแล้วชาร์ม ตรวจร่างกายและสุขภาพที่ชั้นสิบ!”

จากชั้นห้าสู่ชั้นสิบ ชั้นนี้ต่างจากอีกสองชั้นตรงที่มีลักษณะคล้ายคลีนิกเสียมากกว่า ผ่านประตูเลื่อนสู่ภายใน บนกำแพงนอกจากจะมีรูปเด็ก ยังมีใบประกาศนียบัตรของเหล่านายแพทย์และแพทย์หญิงทั้งหลาย ขณะที่ดวงตาทรงอัลมอนด์กำลังอ่านประวัติของแพทย์ท่านหนึ่ง สตรีหน้าเด็กเกินอายุล่วงเข้าปีที่สี่สิบได้เดินเข้ามาหยุดเคียงข้าง เธอกระแอมไอเบาๆ

“สวัสดี”

ชาหวานละสายตาจากสิ่งที่สนใจ กวาดตามองหาแลนซึ่ง...หายไปแล้ว ก่อนจะหันมายิ้มแหยให้แพทย์หญิง ในมือของเธอผู้นี้ถือแฟ้มอันสามารถทราบได้ในทันทีว่าคือประวัติของชาหวาน

“ฉันชื่อว่าอิลิน่า ทำหน้าที่ตรวจสุขภาพและร่างกายเธอ”

ผู้แนะนำไม่รอให้อีกฝ่ายโต้ตอบ เดินนำหน้าเข้าสู่ห้องตรวจห้องแรก ห้องนี้นอกจากจะมีโต๊ะคล้ายห้องของแลน ยังมีที่ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูง เครื่องวัดความดัน เตียงขาหยั่งและเครื่องตรวจอัลตราซาวน์ เป็นเช่นที่ผ่านมา เอกสารสามชุดถูกส่งให้เซ็น ชาหวานจัดการทุกอย่างด้วยความเร็ว ส่งเอกสารทั้งหมดคืนแก่คนที่กำลังจิบน้ำ

“ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดด้วยค่ะ”

คำสั่งของแพทย์หญิง ทำให้ชาหวานถึงกับตาเหลือก “ถอด...ถอดทั้งหมด?”

“ค่ะ ถอดทุกชิ้น”

ผู้สั่งถือแก้วน้ำเดินออกจากห้อง ให้เวลาผู้ได้รับคำสั่งเตรียมตัว หาได้สนใจว่าผู้ได้รับคำสั่งนั้นเข่าอ่อนนั่งลงกับพื้น ดวงหน้าสวยอิลักอีเหลื่อลำบากใจ แต่ในที่สุดร่างอันแสนหนักอึ้งก็ลุกขึ้นและถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออก พร้อมกับการท่องคาถาปลอบตัวเอง

“หนึ่งแสนเหรียญ หนึ่งแสนเหรียญ หนึ่งแสนเหรียญ!”

ประตูห้องเคาะและเปิดออก อิลิน่าอมยิ้มเอ็นดูยามเห็นชาหวานเปลือยชนิดที่เปลือยทั้งหมด เธอรีบเดินไปยังเตียงขาหยั่ง หยิบเอากระดาษผืนใหญ่ซึ่งถูกออกแบบให้คลายกับชุดคลุมส่งให้ชาหวาน

“เธอสามารถสวมชุดนี้ไว้ได้”

ชาหวานแทบอยากแทรกหน้าลงกับพื้น กรีดร้องในใจว่า ‘แล้วก็ไม่บอก!’ รับเอาชุดกระดาษมาสวมด้วยความเร็ว ถึงกระนั้นก็เบามือยิ่ง เพราะกระดาษเนื้อคล้ายกระดาษทิชชู่ บางจนไม่ปรารถนาจะกระทบ

อิลิน่าเดินไปหยิบแฟ้มบนโต๊ะ แล้วตรงกลับมาที่เครื่องชั่งน้ำหนัก เพียงปลายตามองก็ชักนำให้ผู้สมัครตำแหน่ง Egg Donor รู้หน้าที่ การชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงผ่านไป เช่นเดียวกับการวัดความดัน วัดไข้ ฟังเสียงหัวใจ คราวนี้มือของสตรีผู้นั้นผายไปทางข้างเตียง พร้อมออกคำสั่ง

“คราวนี้ถอดชุดออกค่ะ”

“คือถอดทั้งหมดไม่เหลือเลยแบบ...เมื่อกี้?”

“ค่ะ”

ชาหวานปั้นสีหน้าไม่ถูก เมื่อแพทย์หญิงผู้นี้ไม่ได้เดินออกจากห้อง เพียงกอดอกรอให้เธอถอดชุดอันแสนบอบบาง มือเรียวขาวถอดออกอย่างยากลำบาก แก้มนวลแดงจัดราวกำลังจับไข้ หลุบตาลงจ้องมองพื้น

“ก้มตัวค่ะ หมอขอตรวจกระดูกสันหลังว่าปกติไหม”

ผู้ได้รับคำสั่งรีบก้มด้วยความเร็ว ก้มจนได้รับคำอนุญาตให้ยืนตรง แพทย์หญิงเพ่งสายตามองทุกจุดสำรวจเรือนร่างด้วยสายตาที่แสนละเอียดถี่ถ้วน ละเอียดมากจนคนถูกสำรวจแทบวิ่งเอาหน้าผากชนกำแพงลาจากโลกด้วยความอาย

“มีไฝบริเวณสะโพกขวาหนึ่งเม็ด ใต้หน้าอกซ้ายหนึ่งเม็ด ไม่มีรอยสัก  ไม่มีรอยแตกลาย สีผิวสม่ำเสมอ” ผู้สำรวจเอ่ยพลางจด “เหยียดแขนตรงและแบมือด้วยค่ะ”

ชาหวานทำตามอย่างไม่มีอิดออด หวังให้สิ่งเหล่านี้จบลงอย่างไวที่สุด แพทย์หญิงตรวจแล้วโบ้ยหน้าไปทางเตียงขาหยั่ง

“ขึ้นไปนอนบนนั้นค่ะ เดี๋ยวหมอขอตรวจเต้านมคลำก้อนเนื้อนะคะ”

ร่างอวบเกิดอาการกระตุก กลั้นใจปล่อยให้มือนุ่มนิ่มเริ่มต้นตรวจคลำหาก้อนเนื้อซึ่งอาจกลายเป็นมะเร็งเต้านมในวันหน้า ปลอบใจกับตัวเองว่าอย่างน้อยก็ได้ตรวจสุขภาพโดยไม่เสียเงิน

อิลิน่าเปลี่ยนจากการคลำไปเป็นจดบันทึก แล้วดึงเอาที่วางขาทั้งสองออกมาพร้อมกับจับเท้าของคนที่นอนอยู่ให้วางลงบนนั้น เดินไปหยิบอุปกรณ์ซึ่งพาให้คนจ้องมองรีบหนีบขาร้องเสียงหลง

“เดี๋ยวค่ะ ฉันไม่เคยมีเพศสัมพันธ์”

“ค่ะ ทราบจากประวัติที่กรอกมาแล้ว”

นิ้วที่เริ่มสั่นชี้ไปทางเครื่องมือถ่างขยายช่องคลอดอันเล็กที่สุด “ถ้าอย่างนั้น...อันนั้น...จำเป็นด้วยหรอคะ?”

 “จำเป็นค่ะ ตามปกติหากยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ อาจไม่จำเป็นต้องตรวจภายใน แต่ถ้าเป็นเคสของ Egg Donor ต้องได้รับการตรวจทั้งหมดอย่างไม่มีข้อยกเว้น รวมถึงการตรวจ Pap Smear และการนับจำนวนไข่ เราต้องการแน่ใจที่สุด”

ให้คำตอบแล้วก็เริ่มดันขาที่หนีบกางออก เปลี่ยนน้ำเสียงมาเป็นอ่อนโยนมากขึ้น “ทำใจให้สบายๆ ไม่เจ็บอย่างที่กลัว”

คำว่าไม่เจ็บนั้นโกหกทั้งเพ ชาหวานรู้สึกเสียวแปล็บอย่างที่ไม่เคยเกิดในช่วงล่าง ยังไม่ทันจะกรีดร้องในใจก็ต้องอ้าปากค้างอีกครั้ง เมื่อแพทย์หญิงหยิบถุงยางอนามัยขึ้นมาสวมลงบนแท่งที่ใช้สำหรับสอดทำอัลตราซาวน์ ตามด้วยเจลหล่อลื่น พร้อมกับใช้แท่งนั้นเตรียมสำรวจภายในของเธอ

“ขออนุญาตนับจำนวนไข่ ตรวจสอบรังไข่และมดลูก”

แน่นอนว่าผู้ถูกตรวจสอบไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ทำได้เพียงนอนจุกยามเครื่องมือถูกเคลื่อนสำรวจ น้ำตาหยาดน้อยไหลออกจากหางตา ทั้งเจ็บทั้งจุกจนยากจะหาคำบรรยาย

“มดลูกปกติ รังไข่สมบูรณ์ ข้างซ้ายมีคร่าวๆ 15 ใบ ข้างขวามีไข่คร่าวๆ 13 ใบ โอเคค่ะ ผ่านมาตรฐาน”

“หมายความว่ายังไงคะผ่านมาตรฐาน?”

อิลิน่าประคองคนที่ยังนอนจุกให้ลุก “มาตรฐานของคนที่จะเป็น Egg Donor ของเอเจนซี่เรา ต้องมีไข่ที่ดูแล้วน่าจะกระตุ้นขึ้นอย่างน้อยข้างละ 10 ใบขึ้นไปในวันที่ตรวจ ถ้าต่ำกว่านี้เราไม่สามารถเสี่ยงรับมาเป็น Egg Donor ได้ บางเคสถ้าต่ำกว่าสิบอาจนัดมาตรวจใหม่ในรอบเดือนหน้า”

เจ้าของรังไข่กดท้องตนเอง ความหวาดเสียวเมื่อครู่ยังไม่หายไปไหน ขอบคุณพระเจ้าที่สร้างไข่ให้เธอเกินสิบในรอบนี้ ไม่เช่นนั้นคงต้องมีการร้องไห้เพราะเจ็บตัวฟรี เธอรับเอาชุดกระดาษมาสวม เดินตามแพทย์หญิงไปยังเก้าอี้ตัวหนึ่งซึ่งตั้งข้างโต๊ะสี่เหลี่ยมสีขาว

เก้าอี้สำหรับเจาะเลือด...

ดวงตาทรงอัลมอนด์เบิกกว้าง เมื่อเห็นหลอดสำหรับบรรจุเลือดหลอดใหญ่จำนวนเก้าหลอดถูกเตรียมพร้อม ครั้งนี้คือครั้งแรกในชีวิตที่ต้องเจาะเลือด เธอเหลือบมองท่อนแขนตนเองซึ่งบัดนี้ถูกรัดที่ต้นแขน ความเย็นของแอลกฮอล์ปาดผ่านแผ่ซ่านจากจุดที่สัมผัสไปทั่วร่าง

“พร้อมนะคะ เจ็บนิดเดียว”

ชาหวานไม่เชื่อในคำว่าเจ็บนิดเดียว และก็เป็นจริงตามนั้น เธอเบนหน้าหนีไม่อาจทนเห็นภาพเลือดของตนเองไหลผ่านสายยางไปสู่หลอดพลาสติกสีขุ่น ภาวนาให้ทุกอย่างผ่านไปไวๆ

“ไม่ค่อยได้ทานน้ำใช่ไหม?”

ชาหวานส่ายหน้า วันนี้เธอดื่มน้ำเพียงหนึ่งแก้วบนเครื่อง “ปกติดื่มเยอะค่ะ แต่วันนี้ดื่มน้อย”

แพทย์หญิงดึงเข็มออกพร้อมกับใช้ผ้าก็อตกดแผล ชาหวานยิ้มโล่งอกตามด้วยอาการโลกสลายเมื่อประโยคต่อมาของแพทย์หญิงดังทำลายความดีใจ

“อีก 6 หลอดขอเจาะเลือดที่หลังมือนะคะ”

=        Jewish เชื้อสายยิว

=        The Minnesota Multiphasic Personality Inventory- 2 (MMPI-2) คือแบบทดสอบที่ใช้ทดสอบความปกติทางด้านอารมณ์ จิตใจและบุคลิกภาพ แบบทดสอบนี้ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่ามีความเชื่อถือได้สูงมาก ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆถึง 124 ภาษา โดยแบบทดสอบมีจำนวนทั้หมด 567 ข้อ การตอบคำถามมีเพียง T ที่แทนจริง และ F แทนไม่จริง

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น