7

ไข่ใบที่เจ็ด


ไข่ใบที่เจ็ด

“อีกหกหลอดขอเจาะที่หลังมือนะคะ”

สิ้นประโยคนั้นต้นแขนของชาหวานถูกรัดแน่นอีกครั้ง พร้อมกับแอลกฮอล์นำพาความเย็นมาสู่จุดอันถูกเลือกให้สละเลือดออก ความเจ็บจี๊ดบนหลังมือเกิดขึ้นตามมาติดๆ เลือดสีแดงเข้มค่อยๆไหลผ่านสายยางลงสู่หลอดบรรจุ ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว ราวกับว่าผู้ลงมือต้องการให้คนที่สีหน้าไม่สู้ดีรู้ตัวน้อยที่สุด

ดวงตาคู่งามหลับปี๋ เบนหน้าไปอีกทางไม่ปรารถนารับรู้ในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น สร้างมโนภาพของเงินหนี่งแสนดอลล่าห์ขึ้นมาเป็นยารักษาความเจ็บ หลอดแล้วหลอดเล่าถูกสับเปลี่ยน จนกระทั่งหลอดที่เก้า เธอเริ่มใจหวิวๆและเวียนหัว ยามมองกำแพงสีขาวรู้สึกได้ถึงความพร่ามัวของสายตา

“หมอ...”

หญิงสาวได้ยินเสียงตัวเองเอ่ยออกไป เสียงนั้นเบายิ่งนัก ภาพทุกอย่างกลายเป็นสีขาวขมุกขมัว สมองเต้นตุ๊บๆปวดร้าวจนไม่อาจลืมตา

 เสียงต่อมาคือเสียง...กริ่ง ค่อนข้างยาวและแหลม ตามด้วยเสียงฝีเท้าของคนมากมายที่วิ่งมา ร่างของเธอถูกอุ้มเปลี่ยนไปสู่ที่ใดสักแห่ง

กลิ่นเหม็นฉุนฉุดความพร่ามัวทั้งหลายให้สลายแตกออก ดวงตาอัลมอนด์กระพริบถี่แล้วค่อยๆลืม ภาพที่มองเห็นคืนกลับชัดเจน เธอกวาดตามองรอบด้าน ห้องนี้คือห้องทำงานของอิลิน่า ห้องที่เธอตรวจร่างกาย และตอนนี้เธอนอนอยู่บนเตียงขาหยั่ง โดยมีอิลิน่าถือแอมโมเนียชุบสำลีให้ดม

“ไม่ได้ทานอาหารมาใช่ไหม? ดื่มน้ำน้อยและคงตื่นเช้ามากละสิ”แพทย์หญิงเอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ เคยชินในเรื่องที่เกิดขึ้น

“หมอคะ ฉัน...ป่วยหรอคะ?”

“ไม่ต้องกังวล เธอแค่เป็นลม”

คำตอบทำให้คนเป็นลมถอนหายใจยาว ความหวาดหวั่นว่าตนเองจะป่วยเป็นโรคใดจนไม่สามารถบริจาคไข่ได้คลายลง ยังไม่ทันจะถึงหนึ่งนาทีความหวาดหวั่นนั้นกลับมาอีกครั้ง เมื่อแพทย์ผู้ตรวจอธิบายถึงเลือดทั้งหลายว่าจะถูกใช้นำไปตรวจสิ่งใดบ้าง

“เลือดของเธอจะถูกนำไปตรวจหากรุ๊ปเลือดและ RH, Estrogen , FSH*, AMH*, Drugs screen, Prolactin*, Blood count, HIV I/II , STD ทุกชนิด , ตรวจค่าตับ ไต ไทรอยด์ , ไวรัสตับอักเสบ A B C, ตรวจความตอบสนองต่อยา , ตรวจหาความเสี่ยงของการเกิดโรค และสุดท้าย Genetic test* เพื่อหาโรคแฝงใน DNA ที่เธออาจเป็นหรืออาจเป็นพาหะ”

คำอธิบายแสนละเอียดทำให้ผู้เพิ่งฟื้นจากการสลบสีหน้าไม่สู้ดีนัก นึกไปถึงมารดาผู้อาจเป็นมะเร็ง เกิดคำถามกับตัวเองว่าถ้าแม่เป็นมะเร็ง เธอจะมีโรคนี้แฝงอยู่ในพันธุกรรมหรือไม่? หากว่าเกิดมีและถูกตรวจพบ...

หญิงสาวกลืนน้ำลายอันแสนขมลงคอ ดวงตาร้อนผ่าวด้วยความกลัว

แน่นอนว่าหากถูกตรวจพบ เธอย่อมไม่มีสิทธิ์เป็น Egg Donor เช่นเดียวกับไม่มีสิทธิ์ในการได้รับค่าตอบแทนหนึ่งแสนดอลล่าห์ อันเป็นเงินที่จำเป็นต้องใช้เพื่อรักษาแม่ในกรณีแม่ป่วยจริง

“เอาละแต่งตัวได้แล้วชาร์ม เดี๋ยวเธอเข้าห้องน้ำและปัสสาวะใส่ถ้วยนี้ วางถ้วยไว้บนอ่างล้างมือ จากนั้นลงไปพบแลนที่ชั้นห้าก่อนกลับโรงแรม”

ชาหวานทำทุกอย่างด้วยความเลื่อนลอย พาร่างลงมายังชั้นห้า ตรงสู่ห้องทำงานของแลนซึ่งเจ้าของห้องนั่งรออยู่แล้ว เธอฝืนยิ้มเล็กน้อยปิดบังความกลุ้มใจ เอ่ยถามด้วยเสียงค่อนข้างเบา

“จะทราบผลทุกอย่างเมื่อไหร่คะ?”

แลนลุกขึ้นเดินไปกดน้ำมาวางให้ หยิบปฏิทินตั้งโต๊ะเลื่อนวางเบื้องหน้าผู้สมัคร Egg Donor

“ขั้นตอนการเช็คประวัติการศึกษาของเธอใช้เวลา 7 วัน ขั้นตอนการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมใช้เวลา 4 สัปดาห์ ขั้นตอนการตรวจเลือดใช้เวลารอผล 4 – 6 สัปดาห์ คร่าวๆเธอจะทราบผลราวๆไม่เกิน 6 สัปดาห์ เมื่อทุกอย่างผ่านหมด ฉันจะส่งเอกสารสำหรับการออนไลน์ในระบบไปให้เธอกรอก ยังมีเรียงความถึง IPs ที่เธอต้องเขียน 900 – 1,000 คำ”

ระยะเวลา 6  สัปดาห์ทำให้ชาหวานมือกระตุก ด้วยอีกไม่กี่วันผลตรวจชิ้นเนื้อจะออก เธอไม่มีเวลารอถึง 6 สัปดาห์!

“เร็วกว่านั้นได้ไหมคะ?”

แลนส่ายหน้าในทันที “ไม่ได้ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน”

“งั้นหมายความว่าถ้าทุกอย่างผ่าน ฉันก็จะได้งานเลยเช่นกันรึเปล่าคะ?”

เป็นอีกครั้งที่แลนส่ายหน้า เริ่มต้นอธิบายถึงขั้นตอนอย่างไม่มีการขายความฝัน

“เมื่อทุกอย่างตรวจสอบผ่าน เธอจะได้ออนไลน์ในระบบฐานข้อมูล Egg Donor ของเอเจนซี่เรา ฉันจะทำการจับคู่เธอกับ IPs ที่กำลังมองหา Donor โดยอ้างอิงจากผลประเมินทางด้านจิตวิทยา ความคล้ายคลึงทางหน้าตาและพันธุกรรม และข้อมูลต่างๆซึ่งได้รับจากทั้งเธอและ Donor ถ้าความคล้ายคลึงเกิน 80% ขึ้นไป ฉันจะส่งประวัติเธอให้กับ IPs คู่นั้น ส่วนเธอจะถูกเลือกหรือไม่...ขึ้นอยู่กับ IPs ว่าเขาเลือกเธอรึเปล่า”

“หมายความว่าไม่มีกำหนดตายตัวว่าจะได้งานตอนไหน?”

“ไม่มีกำหนด บางคนอาจได้ทันทีที่ Online บางคนรอ 2 อาทิตย์ บางคนรอหนึ่งเดือน สามเดือน หนึ่งปี หรือบางคน...ไม่ถูกเลือกเลย สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เพราะการตัดสินใจสุดท้ายอยู่กับ IPs สิ่งที่เธอทำได้คือทำประวัติตัวเองให้ดึงดูดที่สุด สิ่งที่ฉันทำได้คือเสนอเธอให้น่าสนใจที่สุด แต่สุดท้ายอยู่ที่คนจ่ายเงิน...คือ IPs”

ชาหวานรู้สึกถึงแสงสว่างสุดท้ายกำลังจางหายและดับลง เคยแน่วแน่ว่าจะได้เงินจากงานนี้ กลายเป็นว่าไม่มีความแน่นอนใดๆทั้งนั้น เธออาจจะเป็นผู้ถูกเลือก หรืออาจจะลอยคว้าง ทั้งหมดทั้งมวลคือต้องรอ

รอ..อย่างไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นเมื่อใด ไม่รู้จุดสิ้นสุดและไม่มีกำหนด!

แลนรับรู้ในแววตาผิดหวัง เอื้อมมือไปแตะลงบนหลังมืออันมีพลาสเตอร์ติดแปะห้ามเลือด

“ชาร์ม ถ้ายังไงลองลดค่าตัวลงไหม? แน่นอนว่าเธอประวัติดีมาก เธอสวย เธอเก่ง แต่สิ่งที่เธอไม่มีคือสถิติการตั้งครรภ์จากไข่ของเธอ สิ่งนี้สำคัญมากและเป็นตัวดึงราคาให้สูงได้ การใช้ Egg Donor ใหม่ไม่มีประสบการณ์ คือความเสี่ยงสำหรับ IPs สิ่งแรกที่ IPs จะถามเมื่อฉันเสนอ Egg Donor ให้พวกเขา คือ Egg Donor คนนี้มีสถิติการประสบความสำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์

ด้วยเหตุนี้ทางเราจึงต้องให้ส่วนลดค่าความเสี่ยงนั้นเพื่อซื้อใจลูกค้า แต่ถ้าครั้งที่หนึ่งเธอทำออกมาแล้วดีมาก ไข่ได้เยอะ เอ็มบริโอเยอะ และผลคือไข่นั้นตั้งครรภ์ในมดลูกแม่อุ้มบุญหรือในมดลูก IPs อำนาจการต่อรองจะกลับมาอยู่กับเธอ”

ผู้ทำหน้าที่เกลี่ยกล่อมหยิบโพสอิทโน้ตขึ้นมาเขียนตัวเลข แปะโพสอิทโน้ตนั้นลงบนมือซึ่งกำลังกุมบีบแน่นของผู้ถูกต่อรอง

“ลองเอาไปตัดสินใจดู เธอมีเวลา 6 สัปดาห์สำหรับการตัดสินใจ”

ชาหวานเหลือบตามองตัวเลขนั้น...$69,000 เธอยิ้มขมขื่น ดึงโพสอิทออกจากมือแล้วกำเอาไว้

“ฉันขอถามอะไรบ้างสิ่งได้ไหมคะ?”

แลนพยักหน้า “ได้ทุกสิ่ง”

“ฉันสงสัยว่าทำไมคุณต้องการรูปถ่ายของปู่ย่าตายาย พ่อแม่ และรูปของฉันตอนเด็กๆ สิ่งเหล่านี้มีความจำเป็นหรอคะ?”

แลนไม่ตอบคำถามในทันที เธอเปิดแล็บท็อป กดเข้าไฟล์ F123.68 สิ่งที่บรรจุภายในคือรูปถ่ายซึ่งได้จากการแสกน รูปเหล่านั้นไม่ใช่รูปที่ชาหวานนำมาด้วย เป็นรูปของหญิงสาวชาวเอเชียหน้าตาสวยโดดเด่น ยังมีรูปของบุคคลทั้งหลาย คาดเดาได้ว่าเป็นคนในครอบครัว เธอหันหน้าจอไปทางผู้ถามคำถาม

“รูปถ่ายสำคัญมาก ยิ่งรูปบรรพบุรุษและรูปตอนเด็กยิ่งสำคัญ เหตุผลหลักคือใช้สำหรับเปรียบเทียบ เพราะโลกนี้มีสิ่งมหัศจรรย์ที่เรียกว่าศัลยกรรม และบางครั้งก็เนียนมากจนดูไม่ออก ศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงความสวยภายนอกได้แต่เปลี่ยนเข้าไปถึงพันธุกรรมไม่ได้ เพราะเหตุนี้ IPs จึงต้องการข้อมูล Original จริงๆ ไม่ใช่อะไรที่มีการปรับแต่งแก้ไขแล้ว”

“แล้วสมมุตินะคะ สมมุติว่าถ้าฉันไม่ได้รับการคัดเลือกเป็น Egg Donor สมมุติถ้าผลตรวจไม่ผ่าน หรือสมมุติว่าถ้าเกิดฉันเปลี่ยนใจไม่เป็น Donor แล้ว ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ ฉันต้องรับผิดชอบไหมคะ?”

อีกหนึ่งสิ่งซึ่งทำให้เธอกังวล คือเรื่องการตรวจ Genetic Test อันเป็นการตรวจลงลึกระดับพันธุกรรม ถ้าเกิดแม่ของเธอป่วยเป็นมะเร็ง นั้นหมายความว่าเธออาจมีโอกาสมียีนส์นั้น และการเป็น Egg Donor คงไม่มีทางเกิดขึ้น ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในวันนี้ทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรม ค่าตรวจต่างๆ จะไม่มี IPs มาจ่ายย้อนหลังให้ เช่นนั้นใครจะเป็นผู้จ่ายกัน?

คำถามและสีหน้าบอกชัดถึงความกังวลของผู้ถาม ทำให้แลนรีบโบกมือปฏิเสธ พร้อมอธิบายเพิ่ม

“ไม่ต้องๆ เธอไม่ต้องกังวลในส่วนนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าผลจะมีปัญหา หรือวันข้างหน้าเธอเปลี่ยนใจ จะไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จากเธอแน่นอน ค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการเดินทางมาที่นี่ ส่วนนี้คือความเสี่ยงที่เอเจนซี่ของเรารองรับไว้ จริงๆแล้วกว่า 70% สกรีนไม่ผ่าน มีปัญหาผลเลือด STD , Genetic บางคนตก IQ บางคนตกจตวิทยา ซึ่งเรื่องเหล่านี้ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าแม้แต่ตัว Donor เอง การที่ยอมเดินทางมาร่วมสกรีนเราก็ดีใจและเป็นเกียรติมาก”

ชาหวานยิ้มโล่งใจ คิดในใจว่าเอเจนซี่ช่างใจดีเหลือเกิน เธอไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วทางเอเจนซี่คำนวณเรื่องความคุ้มทุนมาเป็นอย่างดี ผลตอบแทนจากการจับคู่ Donor ระดับพรีเมี่ยมกับ IPs ได้กำไรมากโข ค่าธรรมเนียมและค่าดำเนินการซึ่งทางเอเจนซี่จะได้รับนั้นมีตัวเลขเป็นสามเท่าจากค่าตอบแทนที่ Donor ได้

ชาหวานลุกขึ้นยืนเชคแฮนด์กับแลน แม้จะโล่งใจในหนึ่งเรื่อง แต่ความกลัดกลุ้มอีกหลายสิ่งยังรุมเร้า

“ขอบคุณมาก ถ้ายังไงรบกวนคุณช่วยเรียกแท็กซี่ให้ฉันหน่อยนะคะ”

“ด้วยความยินดี ขอบคุณเธอมากๆที่มาในวันนี้ ฉันจะเร่งทุกอย่างให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แล้วจะรีบติดต่อเธอกลับเมื่อมีความคืบหน้า”

แลนหยิบซองจดหมายสีขาวส่งให้ “นี่คือเช็คค่าอาหารของเธอ $100 เดี๋ยวฉันจะโทรเรียกแท็กซี่ให้ เธอสามารถลงไปรอด้านล่างได้เลย ขอบคุณมากๆนะชาร์มที่สมัครร่วมงานกับเรา สุดท้าย...ขอให้เธอรอด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพของตัวเธอเอง”

ชาหวานรับซองนั้นมา ร่างทั้งร่างในยามนี้หนักอึ้ง หัวใจห่อเหี่ยวราวลูกโป่งถูกเข็มแทงแตก กำซองเช็คแน่นกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล ฝืนยิ้มอำลาก่อนหันหลังเดินจากห้องพร้อมกับคำถาม...

หนึ่งแสนดอลล่าห์...ต้องหาจากไหนกัน

โรงแรมซึ่งทางเอเจนซี่จัดการจองให้ คือโรงแรมระดับห้าดาวใจกลางดาวน์ทาวน์ Beverly Hills ความหรูหราของห้องพัก หาได้ทำให้สตรีผู้มีความทุกข์ขนาดเท่าภูเขารู้สึกตื่นเต้นหรือตื่นใจ เธอกวาดตามองทุกอย่างด้วยสายตานิ่งเฉย ทรุดตัวลงนั่งพิงประตู กอดกระเป๋าเป้แนบแก้มลงบนนั้น

“สิ่งศักด์สิทธิ์เจ้าขา พระเจ้าเจ้าขา ขอให้แม่อย่าได้ป่วยเป็นมะเร็งเลยนะคะ”

การวิงวอนร้องขอในสิ่งที่มองไม่เห็นเกิดขึ้นอีกครั้ง ด้วยเธอรู้ดีว่าหากมารดาป่วยเป็นมะเร็งจริง ไม่ว่าอย่างไรก็คงไม่มีเงินนำมาจ่ายในทันทีอย่างแน่นอน ทางเดียวซึ่งทำได้ในตอนนี้คือการรอผลตรวจ ภาวนาให้ไม่เป็นโรคร้าย

ทั้งที่ไม่ได้ทานข้าวตั้งแต่เช้า ด้วยต้องตื่นและเดินทางไปยังสนามบินตั้งแต่ตีสี่ ทว่าท้องของเธอกลับแน่นอัดไปด้วยความกลัดกลุ้ม ไม่มีพื้นที่ใดๆเหลือให้ความหิว หญิงสาวพาร่างเดินตรงไปยังเตียง วางกระเป๋าลงบนพื้น เอนกายนอนลงบนเตียงอันแสนสบายอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนในชีวิต มือเรียวลูบหมอนซึ่งยัดไส้ด้วยขนเป็ด ใช้นิ้วจิ้มไปมาพร้อมสนทนากับตนเอง

 หากว่าแม่ได้หนุนหมอนนี้นอนคงนอนหลับสบายอย่างยิ่ง เมื่อคิดแล้วก็ยิ่งห่อเหี่ยวใจ ลุกขึ้นนั่งกอดเข่าทอดสายตาเหม่อลอย

เพราะโรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ติดถนน โอบล้อมด้วยร้านค้าและร้านแบรนด์หรู ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องปกติที่จะได้ยินเสียงประกาศต่างๆของรถขบวนแห่ เชิญชวนให้ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นไปเยือน Santa Monica

ข้อความประกาศนั้นทำให้ผู้กำลังเบื่อหน่ายในความโหดร้ายของโชคชะตากระตุกคิ้ว หยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูแผนทีทั้งคำนวณระยะทาง

Beverly Hills -> Santa Monica

ข้อมูลที่ปรากฏถือได้ว่าไม่แย่นัก จากโรงแรมนั่งรถไปที่ Santa Monica Pier ใช้เวลาราวสามสิบนาที ชาหวานจัดการถ่ายของออกจากกระเป๋าเป๋จนเหลือเพียงกระเป๋าเงิน เดินไปหยิบขวดน้ำซึ่งโรงแรมให้ฟรีมาใส่กระเป๋า แววตากระปรี้กระเปร่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงการออกเที่ยว

“นั่งเครียดไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา ไหนๆก็มาถึงแคลิฟอร์เนียแล้ว ไปนั่งชิงช้าสวรรค์ที่ Santa Monica ดีกว่า อย่างน้อยก็ถือว่ามาเที่ยวละกัน!”

การเดินทางยาวนานกว่าที่คำนวณไว้ ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม ชาหวานรูดบัตรเดบิตจ่ายค่าแท็กซี่ด้วยความเสียดายเมื่อเห็นตัวเลข $135 ยังดีว่าเธอโทรถามแลน หากเธอเดินทางไป Santa Monica ค่ารถสามารถนำไปเบิกได้หรือไม่ โชคดีนักคำตอบที่ได้รับคือแน่นอน ด้วยเหตุนี้การเดินทางจึงเกิดขึ้น

Santa Monica Pier ช่วงเวลาหนึ่งทุ่ม ถูกประดับตกแต่งด้วยไฟหลากสีสัน ทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นเดินกันกระจัดกระจายทั่ว Pier บางส่วนนั่งชมวิวริมชายหาดที่มีเพียงความมืดมิดไม่อาจเห็นสิ่งใด บางส่วนเล่นวอลเลย์บอลชายหาด บางส่วนต่อแถวเล่นเครื่องเล่น บางส่วนต่อแถวร้านอาหาร แน่นอนว่ากิจกรรมยอดนิยมคือขึ้นชิงชาสวรรค์

ชิงช้าสวรรค์ของที่นี่มีขนาดใหญ่ กระเช้านั่งสีขาวเช่นตัวชิงช้า  แกนลำสีขาวประดับด้วยไฟนับร้อยดวงเล่นสีและลาย ลายดอกไม้บ้าง ลายคลื่นน้ำบ้าง แสงไฟจากชิงช้าทอดตัวสะท้องลงบนผิวน้ำ พาให้เกิดภาพงดงามจับใจ

การขึ้นชิงช้าสวรรค์เริ่มต้นด้วยการต่อคิวซื้อบัตร แถวยาวตั้งแต่ปากทางเข้าจนถึงจุดขายตั๋ว ราคาตั๋วอยู่ที่คนละ $8 ต่อแถวเสร็จจึงเดินมาต่อแถวขึ้นชิงช้าสวรรค์ ซึ่งแถวยาวไม่แพ้กัน

ชาหวานต่อแถวพลางชะเง้อมอง ลมซึ่งพัดผ่านพาให้ร่างของเธอสั่น ถึงแม้ฤดูหนาวที่นี่จะหนาวน้อยกว่านิวยอร์ก แต่ลมจากทะเลนั้นหนาวเย็นพอควร เธอหยิบเอาเสื้อเสว็ตเตอร์ซึ่งนำติดกระเป๋ามาด้วยออกมาสวม ถูมือไปมาให้ความอบอุ่น

แม้ว่าแถวจะแลดูยาว หากการรอไม่นานเท่าที่คิด ในที่สุดชาหวานก็ได้ขึ้นกระเช้า ฝั่งตรงข้ามของเธอคือหญิงสาวนักท่องเที่ยว จากการพูดคุยทราบว่าเธอผู้นี้มาจากฝรั่งเศส สองสตรีต่างถิ่นแลกกันถ่ายรูปให้กันและกัน โดยไม่ลืมขออีเมลล์เผื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้าชาหวานมีโอกาสไปฝรั่งเศส เช่นเดียวกับเธอคนนั้นอาจมีโอกาสบินข้ามไปนิวยอร์ก

จาก Santa Monica Pier ชาหวานได้เดินตามฝูงชนไปสู่ Santa Monica Place อันเป็นแหล่งช้อปปิ้งชื่อดัง ระหว่างทางเธอแวะร้าน Frozen Yogurt กด Frozen Yogurt รส Lemonade Sorbet ผสมกับรส Cheesecake  หนึ่งถ้วยใหญ่ จ่ายเงิน $8.97 เดินละเลียดรับประทาน

 สิ่งดึงดูดใจหญิงสาวที่สุดไม่ใช่แบรนด์หรูทั้งหลาย ซึ่งสาวน้อยใหญ่กำลังยืนรุมชื่นชมผ่านกระจก แต่คือคำบอกเล่าจากสาวฝรั่งเศสเมื่อครู่

“ที่นั้นมีต้นคริสต์มาส เห็นว่าจะจุดพลุด้วยละตอนสามทุ่ม”

ชาหวานใช้เวลาเดินราวสิบนาที ในที่สุดก็ถึงถนนอีกสาย อันเป็นถนนที่คึกคักที่สุดในเมือง ถนนแห่งนี้เป็นถนนหลักสายยาวทางเข้าสู่ Santa Monica Place ประดับประดาด้วยไฟหลากสีสัน สองฝั่งถนนคือร้านค้าอันถูกตกแต่งเน้นสีเขียวแดง บางร้านมีคุณลุงซานต้าโบกมือทักทายเด็กๆ เสียงเพลงคริสมาสต์ดังทั่วทุกมุมพื้นที่

“นั้นไงต้นคริสต์มาส!”

เสียงตื้นเต้นของเด็กน้อย นำสายตาของชาหวานเบนไปตามนิ้วเล็กซึ่งชี้ให้ทาง สองเท้าของเธอก้าวเดินตรงเข้าไปใกล้ ก่อนจะหยุดยืนเงยหน้าคอตั้งฉาก

ต้นคริสต์มาสสูงใหญ่เท่าตึก 7 ชั้นตั้งตระหง่านหน้าห้างสรรพสินค้า ผู้คนเริ่มพากันจับจองพื้นที่รอชมพลุ สายตาของหญิงสาวหาได้มองที่ต้นคริสต์มาส แต่เหลือบมองคู่รักชายหญิงวัยรุ่นซึ่งกำลังจูบกันดูดดื่ม

ชาหวานละสายตาจากคนทั้งสอง เปลี่ยนมาเป็นลอบมองคู่รักชราวัยถือไม้เท้า สองตายายจูงมือชี้ชวนกันและกันให้ดูความงามของต้นคริสต์มาส ภาพนี้ทำให้เธออมยิ้มกับความน่ารัก อดเศร้าเล็กน้อยไม่ได้เมื่อคิดถึงตัวเอง

แล้วเธอเล่า...จะมีโอกาสพบใครสักคน ที่จะได้อยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าเช่นสองตายายคู่นี้ไหมหนอ?

อุณหภูมิยามดึกหนาวมากขึ้น หญิงสาวกอดตัวเองแน่นหมายให้ความอบอุ่มเพิ่ม เหลือบตามองคู่ข้างๆหลากหลายคู่ตระกองกอดกันแล้วก็รู้สึกอิจฉา

อย่าให้มีบ้างละกัน หึ!

อิจฉาเสร็จก็เงยหน้าขึ้นสูงสำรวจต้นคริสต์มาสสีขาว แต่ละกิ่งประดับของตกแต่งสีแดงและสีทอง มีแสงไฟระยิบระยับรูปดาวส่องแสงประกายตัดกับท้องฟ้ายามค่ำ บนยอดต้นคริสต์มาสคือดวงดาวสีทองทอแสงเรืองรองขนาดใหญ่ เบื้องล่างคือกล่องของขวัญจำลองนับร้อยกล่อง

คนเริ่มเบียดมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเป็นเวลาใกล้สามทุ่ม แรงเบียดดันกันไปมาหนักขึ้น พร้อมกับที่ร่างหนึ่งล้มกระแทกใส่ชาหวาน

หญิงสาวใจหายแน่ใจว่าจะต้องหน้าทิ่มลงไปกองกับพื้น ตกใจหลับตาปี๋ลืมส่งเสียงร้อง ทว่าจังหวะนั้นเองมือของใครคนหนึ่งคว้าจับข้อมือเธอไว้ ใครคนนั้นดึงให้เธอล้มตกสู่วงแขน ท่อนแขนแข็งแร็งและแผงอกแกร่งทำให้ชาหวานลืมตาขึ้น เงยหน้ามองผู้ช่วยชีวิตหมายจะขอบคุณ

วินาทีนั้น...เพียงแค่สบตา

หัวใจเต้นแรงสูบฉีดเลือดวิ่งพล่านไปทั่วร่าง โลกทั้งใบหยุดหมุน ราวกับว่าทั่วอาณาเขตนี้มีเพียงแค่สองร่างชายหญิงซึ่งประคองแอบแนบชิดกันอยู่ ทั้งคู่พากันตกอยู่ในสูญญากาศที่ไม่มีใครหรือสิ่งใดเข้ามาล่วงล้ำได้ ดวงตาสองคู่สบประสาน แลเห็นใบหน้าของกันและกันปรากฏอยู่ในนัยน์ตาของอีกฝ่าย

ระฆังดังก้องทั่ว Santa Monica บอกเวลาสามทุ่ม พลุถูกจุดยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า เธอและเขายังคงโอบประคองกันและกัน ภาพเบื้องหลังคือต้นคริสต์มาสสีขาว เบื้องบนคือพลุสีแดงและเขียวแผ่ขยายอวดลวดลายรูปหัวใจซ้อนกันเป็นวง คนทั้งสองจับจ้องกันและกันคล้ายกับว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์ที่ไม่ปรารถนาจะหลุดพ้น

เสียงพลุระลอกใหม่พุ่งทะยานขึ้นฟ้าก่อนจะแตกตัวเป็นลวดลายดอกไม้ ทำให้ชาหวานคืนสติ ยิ้มเขินอายหลุบตาต่ำ ผู้ที่ช่วยเธอปล่อยอ้อมกอดซึ่งกระชับแน่นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ออก เหลือเพียงแค่แตะข้อศอกช่วยประคอง จนมั่นใจว่าเธอทรงตัวมั่นคงเขาจึงยอมปล่อย

 ปล่อย...ด้วยความรู้สึกเสียดายและอาลัยอาวรณ์

“ขอบคุณค่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

ดวงตาทรงอัลมอนด์ลอบช้อนมองผู้ยื่นอ้อมแขนช่วยเหลือ อดไม่ได้ที่จะเริ่มต้นพิจารณา เขาเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่ สวมชุดสูทสีขาว ชาวเอเชียดวงหน้าหล่อเหลา ตาคมโตจมูกโด่ง  ริมฝีปากค่อนข้างอิ่ม ผิวขาวสะอาดตา

หล่อ...ความหล่อของเขาแทบทำให้เธอละลายกลายเป็นน้ำ!

หัวใจของสาวน้อยเริ่มกระตุก ราวกับมีลูกไฟนับร้อยกระโดดโลดเต้นอยู่ภายใน ร้อนรุ่มอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และเป็นอีกครั้งที่ดวงตาคู่นั้นสบตากับเธอ หญิงสาวรู้สึกได้ถึงหัวใจตัวเองเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากร่าง มือเย็นเฉียบปานน้ำแข็ง

เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย รีบหยิบขึ้นมาดู ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าผู้โทรมาคือแม่ เธอมัวแต่กังวลและรีบรับโทรศัพท์ ไม่ได้รู้เลยว่าเขาคนนั้นกำลังจับจ้องเธออย่างไม่วางตา แววตาคล้ายกับว่ายังคงตกอยู่ในภวังค์เมื่อครู่

ความกังวลและเป็นห่วงแม่ทำให้ชาหวานรีบฝ่าออกจากฝูงชนเพื่อให้ได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น เธอก้าวเท้าไปได้เพียงสามเก้าก็หยุดชะงักเพราะลืมอะไรบางอย่าง ดวงหน้าสวยหันกลับไปมองเขาคนนั้น เขายังคงยืนอยู่ที่เดิม สายตาจับจ้องเธอเช่นเคย ริมฝีปากบางเล็กคลี่ยิ้มลา พร้อมกับการถอนหายใจลากยาว

“หล่อจัง...” เอ่ยทิ้งท้ายเพียงเท่านี้ ก่อนจะเดินฝ่าคนทั้งหลายออกไป โดยไม่ได้สนใจนึกถึงเขาคนนั้นอีกด้วยคิดว่า

ชาตินี้เธอและเขา...คงไม่มีวันพบกันอีกครั้ง

อีกฝากหนึ่งซึ่งยังถูกฝูงชนอ้อมล้อม เตรัณย์ยืนนิ่งคล้ายถูกแช่แข็ง ใช่แล้ว...เขากำลังต้องมนต์สะกดของสาวปริศนาคนนั้น ผูัหญิงที่เขาเข้าไปรับประคองไว้เพราะเห็นว่าเธอกำลังจะล้ม

ใครเล่าจะล่วงรู้วินาทีที่สบตา กามเทพแผลงศรปักเข้าลงกลางหัวใจ ดวงตาของเธอประทับลงในใจเขาอย่างไม่ต้องสงสัย และในขณะนั้นช่วงเวลาซึ่งเธอเริ่มหันหลังเดินจาก เตรัณย์ได้รู้สึกตัว

ชื่อก็ไม่รู้จัก เบอร์ก็ไม่มี!

ชายหนุ่มฝ่าคนเบียดอัดนับร้อยมุ่งไปยังทางที่สาวปริศนาผ่านไป ทว่าผู้คนมากมายเหลือจะคณานับ หลังจากหลุดวงล้อมด้านในได้ออกมาสู่รอบนอก เขาก็พบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีวี่แววแม้แต่น้อยของเธอคนนั้น

“เฮ้อออออ”

เขารู้สึกเสียดายจับใจ ความห่อเหี่ยวเข้าโจมจู่อาการคล้ายคนอกหัก อกหัก? คิดแล้วก็หัวเราะขำ นี่เขาเป็นอะไรไปถึงได้รู้สึกเช่นนี้กับสาวแปลกหน้า

ชีวิตของเตรัณย์กล้าพูดได้ว่าไม่เคยขาดผู้หญิง เขาคือสูติแพทย์หนุ่มรูปหล่อ มีสาวๆมากมายปรารถนาจะขึ้นเตียงด้วย แต่เขาเองก็ค่อนข้างระวังตัว ไม่นิยม One Night Stand เลยเลือกมีเพื่อนสนิทบนเตียงเป็นตัวเป็นตน ใครคนนั้นคือลิซ่า จิตแพทย์สาวซึ่งเรียนจบ Medical School ที่เดียวกัน

เขาและลิซ่าตกลงใจสานสัมพันธ์ไร้การผูกมัดกันและกันมาเรื่อย

เตรัณย์ล้วงกระเป๋ากางเกง เงยหน้ามองไปยังท้องฟ้าซึ่งยังคงปรากฏพลุหลากสีสัน ท่าทางคล้ายจะเพ่งพิศมองความงามเบื้องบน หากมีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ดี แท้จริงแล้วภาพในคลองจักษุอันปรากฏเด่นชัดยามนี้ คือใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น

ผู้หญิงที่เขาคิดว่าชาตินี้คงไม่มีโอกาสได้พบเธออีกแล้ว...

ใช่เพียงสตรีผู้นั้นจะถูกชักนำตัวไปเพราะเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพย์ บุรุษผู้นี้เองก็เช่นกัน เขาเหลือบตามองชื่อซึ่งปรากฏบนหน้าจอ ถอนหายใจหนักอก

แม่...

เตรัณย์เลี่ยงไปคุยมุมตึก อันค่อนข้างเงียบจากทุกอย่าง ทันทีที่รับสายยังไม่ทันเอ่ยทัก คำถามเดิมๆได้ยิงแทรก

“เต เมื่อไหร่จะแต่งงาน? เมื่อไหร่จะมีลูก แม่อยากอุ้มหลานแล้วนะ”

คนถูกเร่งรัดลอบถอนหายใจ “ใกล้แล้วครับแม่”

“ไม่ต้องมาโกหกแม่เลยนะเต เราคิดว่าแม่โง่มากนักหรอ หึ!”

“ผมไม่ได้โกหก ก็กำลังหาอยู่ไงครับ”

“หานะหาได้เรื่องรึเปล่า นี่...เราจำน้องเพลงได้ไหม น้องเพลงลูกสาวคนเดียวของท่านรัฐมนตรีกมลกับคุณหญิงเจี๊ยบ น้องกลับมาจากลอนดอนแล้วนะ เมื่อวานน้องมาเยี่ยมแม่ น้องและคุณหญิงเจี๊ยบถามถึงเราด้วย”

เตรัณย์เริ่มรู้สึกถึงกลิ่นตุๆลอยมาตามสาย แน่ใจนักว่าน้องเพลงซึ่งเขาจำไม่ได้และไม่คิดจะจำ คือบุษบาคนใหม่ที่มารดาจะชักนำมาให้อิเหนาเช่นเขา เขาตัดทางโดยการแสร้งทำเป็นสัญญาณไม่ชัด

“ฮัลโหล...ฮัลโหล แม่ว่าอะไรนะครับ ผมไม่ได้ยินเลย”

“แม่ถามว่า...

“ฮัลโหลแม่ ที่นี่สัญญาณไม่ดีเลย แค่นี้ก่อนนะครับ ผมรักแม่นะครับ”

ชายหนุ่มกดตัดสาย อมยิ้มเมื่อนึกถึงว่ามารดาคงกำลังก่นตำหนิเขาอย่างแน่นอน คิดถึงเรื่องแต่งงาน น่าแปลกยิ่งนัก...สมองดันชักจูงภาพสตรีปริศนาผู้นั้นเข้ามาฉายแทรก ชายหนุ่มรีบส่ายศีรษะลบภาพทิ้ง

“เห้ย! สงสัยจะบ้าไปแล้ววันนี้!”

บ้า...เขากำลังคิดว่าตนเองบ้า

บ้าที่ดันจดจำผู้หญิงคนนั้นฝังใจ บ้าที่ลากยาวไกลไปถึงเรื่องแต่งงานและแม่ของลูก และบ้า...ที่ต่อให้เขาจะสลัดศีรษะแรงเพียงใด ก็ไม่อาจสลัดภาพของเธอออกไปจากความคิดได้แม้เพียงเสี้ยวเดียว

=        FSH  คือฮอร์โมนที่มีหน้าที่กระตุ้นไข่ให้สุก และเกี่ยวข้องกับวงจรรอบเดือน สามารถบอกคุณภาพของไข่และการตั้งครรภ์ได้คร่าวๆ ซึ่งฮอร์โมนนี้หากเป็นสตรีที่เข้าข่ายผู้มีบุตรยากหรือวัยทอง จะตรวจพบว่ามีระดับค่อนข้างสูง

=        AMH การตรวจวัดปริมาณไข่โดยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ค้นพบ ได้รับการยอมรับว่ามีความแม่นยำมากที่สุดในตอนนี้ สูติแพทย์ในประเทศสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่จะให้ตรวจสองครั้งเพื่อเปรียบเทียบกันหาค่าเฉลี่ยที่ถูกต้องที่สุด ครั้งแรกคือช่วงเวลาปกติที่ไม่ได้เป็นประจำเดือน ครั้งที่สองคือวันแรกหรือวันที่สองของการมีประจำเดือน แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการตรวจมีราคาสูงมาก ผู้ป่วยที่มีงบจำกัดอาจเลือกตรวจครั้งเดียวช่วงมีประจำเดือน วิธีนี้ไม่ค่อยนิยมในเมืองไทยเพราะราคาสูงมาก

=        Prolactin การตรวจฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการหลั่งน้ำนมและการตั้งครรภ์ แต่ผู้สมัคร Egg Donor จำเป็นต้องตรวจด้วยเพราะสูติแพทย์จะใช้ผลนี้สำหรับการดูความปกติของต่อม Pituitary ซึ่งมีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งกับระบบรอบเดือน เพราะหากฮอร์โมนนี้สูงจะมีผลรบกวนต่อฮอร์โมน GnRH ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตกไข่ ผลการตรวจสามารถนำไปอ้างอิงข้อมูลความสมบูรณ์ของรอบเดือนซึ่ง Egg Donor กรอกข้อมูลได้

=        Genetic test คือการตรวจลึกระดับพันธุกรรมเพื่อหาโรคแฝงซึ่งอาจมีอยู่ในโครโมโซม สามารถตรวจหาได้มากกว่า 200 ชนิด มีราคาค่อนข้างสูง ผลการตรวจสามารถเก็บไว้ใช้ได้ชั่วชีวิตไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะเป็นการตรวจระดับพันธุกรรม

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น