1
ผลของการสาดเหล้าเข้าปากแบบไม่ลืมหูลืมตา ลืมประเมินความสามารถในการดื่มของตัวเอง จึงทำให้วสุวีต้องนั่งเอามือสองข้างเท้าคางค้ำยันใบหน้าไว้เพื่อไม่ให้ฟุบไปกับเคาน์เตอร์ที่นั่งดื่ม เปลือกตาหญิงสาวขยับยุกยิก ค่อยๆ ปรือตาขึ้น แสงไฟสลัวทำให้ประสิทธิภาพการมองเห็นลดลง แต่นั่นยังไม่ร้ายเท่ากับฤทธิ์เหล้า เธอเมาถึงขนาดมองเห็นบาร์เทนเดอร์รูปหล่อมีสองหัวสี่ตา
ก่อนพี่บาร์เทนเดอร์จะมีหัวงอกเพิ่ม วสุวีต้องหยุดดื่ม!
เป็นไปได้เธอก็อยากจะนอนหลับยาวๆ หลับแบบซ้อมตาย ไม่ต้องตื่นขึ้นมาเผชิญกับสารพันปัญหาที่คอยถาโถม วิบากกรรมของเธอเริ่มขึ้นตั้งแต่สูญเสียแม่ไป วสุวีกลายเป็นคนไร้ที่พึ่ง ผู้คนรอบกายวุ่นวายโกลาหล จ้องแย่งชิงตักตวงผลประโยชน์ใส่ตัวอย่างไม่นึกเกรงใจ โลกที่เคยสดใสถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกแห่งความชั่วร้าย
มุมปากของหญิงสาวโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม ยิ้มที่เต็มไปด้วยความขื่นขมระทมทุกข์ แม่เลี้ยงเธอมาราวกับเจ้าหญิง ปัญหาร้อยพันถูกจัดการสิ้นซากก่อนที่มันจะเข้ามากล้ำกรายในชีวิต แม่บอกให้เธอตั้งใจเรียนและเมื่อถึงเวลาเหมาะสมแม่จะสอนให้เธอเรียนรู้ธุรกิจของครอบครัว
แต่แม่คงลืมไป ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า แม้แต่ตัวท่านเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ใครจะคิดว่านักธุรกิจสาวสุดแกร่งอย่างคุณวิรงรอง กิตตินันท์ จะมาตกม้าตายด้วยเรื่องง่ายๆ อย่างนี้ วสุวีจึงต้องรับผลแห่งความประมาทนั้น
เธอไม่ใช่คนขี้ขลาด ขี้กลัว และพร้อมจะต่อสู้กับปัญหา เรียนรู้แก้ไขความผิดพลาด เธอมีความสามารถและมั่นใจว่าจะดำเนินธุรกิจของครอบครัวต่อจากแม่ได้ แต่ไม่มีใครเชื่อใจเธอ
วสุวีไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแม่ต้องรับมือกับอะไรบ้าง ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งแบกรับปัญหามากมายเพียงใด แม่ไม่เคยปริปากบ่น โดยเฉพาะปัญหาที่เกี่ยวกับโรงแรมวิรงรอง
โรงแรมที่พ่อกับแม่ช่วยกันสร้างขึ้นมา เป็นอนุสรณ์แห่งความรักของครอบครัว ความทรงจำหลายอย่างเกิดขึ้นที่นี่ แม้ว่าพ่อจะจากโลกนี้ไปนานแล้ว แต่แม่ยังรักษาดูแลโรงแรมเป็นอย่างดี
ตอนที่แม่แต่งงานใหม่กับคุณอาภพธร วสุวีก็อดนึกแปลกใจไม่ได้ เธอคิดว่าแม่ยังรักพ่อไม่เสื่อมคลาย แต่เรื่องของความรักความรู้สึกคน บางครั้งเราไม่สามารถคาดเดาหรือคิดแทนใครได้ วสุวีต้องทำใจอยู่นาน กว่าจะยอมรับว่าแม่ก้าวผ่านความหวานชื่นในอดีตไปหมดสิ้น แม่พร้อมเริ่มต้นกับผู้ชายคนใหม่แล้ว
ความสัมพันธ์ของวสุวีกับพ่อเลี้ยงราบรื่นไม่มีปัญหา ภพธรมีลูกติดชายหญิงอย่างละคน ภานิดาคนน้องวัยใกล้เคียงกับเธอ ส่วนภูรีผู้พี่นั้นแก่กว่า ภายใต้ภาพครอบครัวสุขสันต์ก็มีความเป็นอริเล็กๆ ระหว่างวสุวีกับภานิดา ทั้งตัวเธอและพี่สาวต่างสายเลือดชิงดีชิงเด่นกันอยู่เงียบๆ สิ่งใดที่วสุวีต้องการและได้มา ไม่ช้าภานิดาก็จะออดอ้อนต้องมีตามให้ได้
วสุวีไม่เคยคิดเล็กคิดน้อย เพราะพ่อกับแม่เลี้ยงเธอมาในแบบที่ไม่เคยทำให้รู้สึกว่าขาดอะไร ภานิดาอยากแข่งก็แข่งไปคนเดียว เธอไม่เอาด้วย
พอแม่จากโลกนี้ไปเท่านั้นละ ความจริงอันโหดร้ายก็ปรากฏชัดเจน พ่อเลี้ยงของเธอเริ่มทำตัวราวกับเป็นเจ้าของโรงแรม ภูรีกับภานิดาก็ไม่ได้น่ารักว่าง่ายเหมือนตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ วสุวีกลายเป็นอากาศธาตุ แม้แต่โรงแรมซึ่งเป็นสมบัติของตัวเองเธอก็ไม่มีสิทธิ์มีเสียง
ทุกคนมองข้ามหัววสุวี จนกระทั่งโรงแรมเกิดวิกฤติการเงิน สร้างความเสียหายลุกลามขยายวงกว้าง เธอพยายามแก้ไขแต่ไร้ประโยชน์ ไม่มีใครสนใจจะฟัง เธอจึงต้องแย่งอำนาจบริหารงานคืนมาจากพ่อเลี้ยงและทำให้ทุกคนยอมรับ
เพราะเหตุนี้วสุวีถึงต้องมานั่งกรอกเหล้าเข้าปากพร้อมปฏิบัติภารกิจสำคัญ หมายมั่นว่าจะต้องจับผู้ชายคนหนึ่งให้อยู่หมัด แต่มันผิดแผนตรงเธอสั่งเหล้าแรงไปหน่อย ผู้ชายยังไม่ทันจะได้อ่อยก็เมาแอ๋เสียแล้ว
ปริมาณแอลกอฮอล์ที่สะสมในร่างกายมาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำกำลังออกฤทธิ์เต็มประสิทธิภาพ วสุวียืนตรงๆ ไม่ได้ พื้นที่ใต้ฝ่าเท้าโคลงเคลงเหมือนเรือโต้คลื่น ถ้าแม่เห็นเธอสภาพนี้ ไม้เรียวในมือคงสั่นระริก
อือ...อย่าเพิ่งหลับ ยังหลับไม่ได้!
หญิงสาวนั่งสัปหงก รีบยกศีรษะตั้งตรง สองมือตบแก้มตัวเองเบาๆ เรียกสติ สะบัดไล่ความมึนเมาทิ้งไป ปลายเท้ากดยันกับพื้น ดันเบาๆ เพื่อหมุนแกนเก้าอี้ให้หันหน้าไปทางเป้าหมาย รอยยิ้มหยาดเยิ้มปรากฏในหน้า เธอเห็นเขาแล้ว
นั่นไงละ ผู้ชายที่เธอต้องจับให้ได้ในคืนนี้!
อชิระ วรปัทม์
หนุ่มหล่อเจ้าสำราญทายาทตระกูลดังอันดับต้นๆ ของประเทศ แถมยังเป็นเจ้าของโรงแรม รีสอร์ต สปาและพูลวิลลาอีกหลายแห่งในเครือของวีพีกรุ๊ป และที่สำคัญเขามีหุ้นในโรงแรมของเธอด้วย
อชิระเคยขอซื้อหุ้นเพิ่มเพื่อจะได้มีสิทธิ์ขึ้นเป็นผู้บริหารในอนาคต แต่คุณวิรงรองไม่เอาด้วย แม่บุกเบิกสร้างโรงแรมเพื่อเป็นสมบัติของครอบครัว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องยกให้คนอื่นจัดแจงบริหาร คนเดียวที่มีสิทธิ์คือวสุวี
เมื่อไม่ได้ตามที่หมาย อชิระก็ไม่ทำตัวเป็นปฏิปักษ์สร้างปัญหากวนใจ เขายังคงรับผลประโยชน์จากหุ้นที่ตัวเองมีอยู่ เขาไม่ใช่ตัวอันตรายสำหรับโรงแรมวิรงรอง แม่เคยบอกเธออย่างนั้น วสุวีไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังว่าเขาเจรจากับแม่เธออย่างไร เธอไม่เคยรู้จักเขา จนกระทั่งได้ยินชื่ออชิระจากปากแม่ก่อนท่านจะสิ้นใจ
วสุวีสูดลมหายใจเข้าปอด ความมึนเมากำลังจะทำให้เธอเสียงาน ดวงตากลมโตเบิกกว้างจนน่าขัน พยายามถ่างตาเอาไว้ไม่ให้หลับ การมองหาอชิระไม่ใช่เรื่องยาก เขาโดดเด่นเปล่งรัศมีเจิดจ้าราวกับทั้งร่างถูกชุบฉาบด้วยทองคำบริสุทธิ์ แต่ก็นะ เขาคงจะไม่เหลือความบริสุทธิ์ไว้ให้ใครเชยชมแล้วละ มุมปากหญิงสาวโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
อชิระน่ะไม่บริสุทธิ์แน่ มีแต่เธอนี่ละที่อุตริคิดจะเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตัวเองวางเดิมพัน ใครรู้เข้าคงหาว่าเธอตรรกะพัง สิ้นคิด นึกยังไงถึงกล้าเอาตัวเข้าแลก มีแต่วสุวีรู้เหตุผล โรงแรมของเธอกำลังวิกฤติ ผู้บริหารความคิดขัดแย้งไม่ลงรอย ตัวเธอก็ไม่เป็นที่ยอมรับ วสุวีหมดหนทาง ไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร เวลาก็บีบกระชั้นเข้ามาเรื่อยๆ ทางไหนพอหวังได้ก็ต้องลุยไปก่อน ยอมทนฟังคำนินทาดีกว่าปล่อยให้โรงแรมพังพินาศด้วยน้ำมือภพธร
พ่อเลี้ยงของเธอคิดการใหญ่ เขาเตรียมพร้อมเพื่อรอวันนี้นานเท่าไรก็ไม่รู้ โชคยังดีที่แม่ไหวตัวทัน ภพธรคงผิดหวังมาก เมื่อพินัยกรรมของแม่ระบุชัดเจนว่ายกโรงแรมให้เป็นของวสุวีแต่เพียงผู้เดียว
ด้วยเหตุนี้ภพธรจึงรวมหัวกับพรรคพวกกดดันเธอ เอาความสามารถและประสบการณ์ในการบริหารเป็นที่ตั้ง ซึ่งพอเทียบกันระหว่างวสุวีกับพ่อเลี้ยง ยังไงซะภพธรก็ถือไพ่เหนือกว่า เขาวาดฝันถึงวันที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บริหารใหม่ ช่วงชิงความได้เปรียบ และอาจจะวางแผนกำจัดเธอให้พ้นทางในไม่ช้า
หญิงสาวเชื่อว่าเรื่องนี้คุณวิรงรองก็ต้องระแคะระคายสามีใหม่พอควร ไม่อย่างนั้นก่อนสิ้นใจคงไม่สั่งเธอไว้ หากจะขายโรงแรมก็ให้เอาไปขายให้กับอชิระ
แม่จะมองข้ามอาภพไปได้อย่างไรถ้าเขาไม่มีปัญหา คุณวิรงรองไม่ใช่คนพูดจากลับกลอก แต่จากคำสั่งเสียนั้นมันไม่ต่างกับการกลืนน้ำลายตัวเอง แม่ไว้ใจอชิระมากกว่าภพธร
วสุวีก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นแม่มึนฤทธิ์ยาด้วยรึเปล่า แต่เธอมั่นใจว่าท่านต้องมีเหตุผล ทว่าการเดินเข้าไปบอกตรงๆ ว่า คุณอชิระคะ ฉันพร้อมจะขายโรงแรมให้แล้วค่ะ ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอเคยลองส่งคนไปเสนอขายกับเขาแล้ว แค่เกริ่นนำก็โดนตัดบทฉับ
หรืออชิระจะยังเคืองเรื่องเก่าที่แม่ไม่ยอมขายโรงแรมให้ หรือว่าเขาหมดความสนใจแล้วจริงๆ ตัวอชิระก็เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้น แถมยังคลุกคลีอยู่ในวงการนี้ เขาย่อมต้องรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร สิ่งใดควรเสี่ยง สิ่งใดควรหลีกเลี่ยงให้ไกล ในสายตาคนภายนอกโรงแรมวิรงรองอาจดูมั่นคง ประคองตัวผ่านพ้นได้ทุกสถานการณ์ แต่ความจริงนั้นมีปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข โดยเฉพาะบัญชีการเงินการเบิกจ่ายพบพิรุธหลายจุดและมีความเป็นไปได้สูงมากว่าเกลือจะเป็นหนอน
อชิระอาจรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงไม่อยากสอดมือเข้ามายุ่ง แต่วสุวีอยากได้ใครสักคนเป็นโล่กำบัง ต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งทั้งการเงินและมีอิทธิพลพอที่จะคุ้มครองเธอได้ คนที่มีอำนาจพอฟัดพอเหวี่ยงกับภพธร เวลาปะทะกันเธอจะได้มีอะไรรองรับแรงกระแทกบ้าง ไม่ใช่ยืนโดดเดี่ยวเป็นเป้านิ่ง รอรับห่าธนูกลางสมรภูมิรบ
แม่คงคิดแบบเธอ ไม่อย่างนั้นคงไม่สั่งให้ขายโรงแรมให้เขา ใครจะว่าสิ้นคิดยังไงก็ตาม แต่เธอจะพยายามรักษาโรงแรมวิรงรองเอาไว้จนสุดความสามารถ
ที่ผ่านมาวสุวีเคยคิดว่าภพธรฉลาดที่เอาลูกๆ เข้าไปทำงานในโรงแรม ภูรีดูแลฝ่ายบุคคล ส่วนภานิดานั่งคุมฝ่ายการเงิน วางเส้นสายแทรกซึมทุกแผนก ถ่ายโอนอำนาจบริหารมาอยู่ในมือ แต่หลังจากเปิดพินัยกรรมกลับกลายเป็นคุณวิรงรองที่ฉลาดล้ำเกินใคร
โรงแรมวิรงรองเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่เธอไม่ต้องหารแบ่งกับพ่อเลี้ยง แต่แม่คงลืมว่าการเป็นหุ้นส่วนใหญ่สำหรับเด็กจบใหม่อย่างเธอมันยังไม่พอ วสุวีอ่อนด้อยด้วยวัยวุฒิ ซึ่งมีแต่คนโง่เท่านั้นละที่จะตัดสินคุณค่าของเธอเพียงเพราะว่าเธออายุน้อย ตราบใดที่เธอมีความสามารถ มีศักยภาพพอสำหรับบริหารจัดการโรงแรม เธอย่อมมีโอกาสพิสูจน์ตัวเอง ทำไมพวกบ้านั่นถึงเอาประเด็นนี้มาบีบเธอ
คอยดูเถอะ เธอจะทำให้พวกนั้นอ้าปากค้างไปเลย นั่นไงละทางออกของเธอ ดวงตาวาวใสมองตรงไปยังเป้าหมาย ความหวังสุดท้ายที่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ผลหรือเปล่า แต่เธอยินดีที่จะลอง
‘มันเสี่ยงนะวี ถ้าเขาไม่เล่นด้วยล่ะ’
‘เสี่ยงก็ต้องยอมเสี่ยง ดีกว่าอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย แล้วปล่อยให้ฝูงไฮยีนามาเอาโรงแรมของฉันไปทำเป็นบ่อนกลางกรุง’
เธอจำได้ว่าบอกแพหยกไปอย่างนั้น ตอนที่เพื่อนรักพยายามพูดโน้มน้าวให้เธอเปลี่ยนใจ ลองหาวิธีใหม่แทนการจับอชิระ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าจะคว้าน้ำเหลว
แพหยกไม่ต้องการให้เธอทำอย่างนั้น วสุวีเห็นด้วยกับเพื่อนเรื่องความเสี่ยง เธอถึงต้องเตรียมความพร้อมให้ดี โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น งานนี้จะพลาดไม่ได้
แน่นอนเธอจะไม่พลาด ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย หญิงสาวนั่งปลอบใจตัวเอง อย่างน้อยๆ แม่ก็ไว้ใจเขา หากวันนี้เขาไม่อยากได้โรงแรมวิรงรองแล้ว เธอคงจะต้องตามยัดเยียดให้ถึงที่สุด ถ้าไม่ด้วยคำพูดก็ต้องเอาเนื้อหนังมังสาล่อลวงกันละงานนี้!
คิดแล้ววสุวีก็ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มย้อมใจ ปลุกวิญญาณนางแมวยั่วสวาทในตัว ขืนเธอมัวนั่งโอ้เอ้ทอดเวลาต่อไป ยางอายที่โยนทิ้งไว้ข้างหลังอาจหวนกลับมาสั่งให้ล้มเลิกปฏิบัติการแล้วโบกแท็กซี่กลับห้องนอน
ไม่ได้เด็ดขาด!
เธออุตส่าห์นั่งดูงานมาตั้งแต่หัวค่ำ จากสติเต็มร้อยตอนนี้สามสิบเปอร์เซ็นต์จะเหลือถึงหรือเปล่ายังสงสัย เป้าหมายนั่งอยู่ตรงนั้น และวสุวีกำลังคิดวิธีพาตัวเองเข้าไปหาเขา ข้างกายอชิระมีสาวสวยนางหนึ่งจับจองพื้นที่ในอ้อมแขนเขาอย่างเหนียวแน่น คงไม่ยอมเปิดโอกาสให้ใครหน้าไหนแทรกเข้าไปได้ ก็แหงละ ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนที่ได้อยู่กับอชิระ ถ้าพูดว่าไม่หวังอะไรเลยคงเชื่อยาก ตำแหน่งสะใภ้วีพีกรุ๊ปมันหอมหวานยั่วยวนใจ คนที่จับอชิระได้จะสุขสบายไปทั้งชีวิต
วสุวีได้แต่ครุ่นคิดหาหนทาง ดวงตายังจ้องสองคนนั้นเขม็ง เธอเห็นมืออชิระเคลื่อนไหวไปมาเป็นอิสระบนต้นขาอวบของแม่สาวคนนั้น ก่อนจะสอดลึกมุดหายเข้าไปใต้กระโปรงสั้นเต่อ
หญิงสาวตาโต สะบัดศีรษะไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น แต่สองคนนั้นก็นั่งแทบจะสิงกันอยู่แล้ว หัวใจวสุวีเต้นรัวแรง เลือดสาวสูบฉีดทั่วร่าง ขณะนั่งจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมือซุกซนนั้น มันจะสัมผัสลูบไล้กับส่วนไหนและให้ความรู้สึกเช่นไร
ฟู่...
คนแอบมองเป่าลมออกจากปาก อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้น ปากคอแห้งจนต้องยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีก เธอเห็นผู้หญิงคนนั้นขยับร่างกายเสียดสีบนตักอชิระ ดวงตาพริ้ม แอบอิงในอกกว้าง เลื่อนมือลูบคลำขยำเนื้อตัวฝ่ายชาย ก่อนจะโน้มคอดึงเขาให้แหงนเงยรับจูบ
อื้อฮือ...วสุวีแทบสร่างเมา ดูแล้วไม่น่าใช่จูบที่อ่อนหวานเคลิ้มฝัน หนุ่มสาวคู่นั้นเหมือนคนหิวโหย ซัดกันนัวแบบไม่แคร์สายตาใคร แล้ววสุวีจะทำยังไงถึงจะแยกทั้งคู่ออกจากกันได้ แทบไม่มีทางเลย หรือเธอจะต้องยอมให้เขาล้วงแบบนั้น
คิดแล้วก็สั่นสะท้าน สองขาพลันเบียดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ ความรู้สึกที่คิดว่าจะเป็นอย่างไรเมื่อถูกเขาแตะต้อง ทำให้เธอครั่นเนื้อครั่นตัวแปลกๆ หัวใจหวิวไหวยังไงบอกไม่ถูก วสุวีไม่มีประสบการณ์เรื่องนี้ เธอรู้เท่าที่เพื่อนเคยเล่าให้ฟัง ซึ่งมันก็ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกซึ้ง เธอไม่เคยลงมือปฏิบัติจริงกับใคร แต่คืนนี้เธอจะลงมือกับอชิระ
หญิงสาวสูดลมหายใจ ปลุกใจตัวเองให้ฮึดสู้ ถ้าจะเอาอชิระให้อยู่ อะไรที่จำเป็นต้องทำ เธอก็ต้องทำ จะมัวมาเหนียมอายไม่ได้ เขาชอบสาวเร่าร้อน เธอก็จะเร่าร้อนให้ผู้หญิงคนนั้นชิดซ้ายไปเลย
วสุวีเห็นผู้หญิงคนนั้นเบียดกายแนบชิดกับอชิระ พัวพันนัวเนีย จนอารมณ์ของคนแอบมองเริ่มปั่นป่วน รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งร่าง หวังจะใช้เหล้าดับอารมณ์ แต่กลับทำให้ร้อนยิ่งกว่าเดิม สองคนนั้นกอดจูบลูบคลำกันอย่างไม่อายผีสางเทวดา ขนาดเธอมองอยู่ตรงนี้ยังเสียววูบวาบที่ท้องน้อย แล้วถ้าเธอถูกเขาทำแบบนั้นบ้างมันจะรู้สึกยังไงนะ
อา...ไหล่วสุวีห่อเข้าหากัน เนื้อตัวสั่นสะท้านวาบหวิว
เธอรู้ว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องธรรมชาติ ทว่าการจะมีเซ็กซ์กับผู้ชายที่เพิ่งเจอหน้ากันมันออกจะตะขิดตะขวงใจไม่น้อย เธอไม่ใช่ประเภทมั่วไปเรื่อย กว่าจะตัดสินใจใช้วิธีนี้ก็ชั่งใจอยู่นาน ยิ่งมาเห็นหน้างานของจริงก็ชักหวั่นๆ
อชิระกับผู้หญิงคนนั้นคลอเคลียซุกไซ้กันอย่างเร่าร้อน จินตนาการของคนแอบมองเริ่มเตลิดเปิดเปิง วสุวีเริ่มคิดฟุ้งซ่านและขัดเขิน ถ้าถูกเขาจูบและลูบไล้ผิวกาย จะทำให้วาบหวามซาบซ่านสักเพียงใด ฝ่ามือคู่นั้นจะปลุกเร้าอารมณ์สาวได้สักแค่ไหน และเธอพร้อมจะหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียวกับเขาแล้วหรือไม่
โอย...ถ้าเธอไม่ดื่มมากจนเมาเกินไป ก็เป็นไปได้ว่าเธออาจจะยังเมาไม่มากพอ ถึงคิดเรื่องน่าอายได้เป็นตุเป็นตะ วสุวีใช้มือโบกไล่ไอความร้อนในร่างกาย ดูสิสองคนนั้นยังนัวกันไม่เลิก หรือนี่จะไม่ใช่วันของเธอ
เฮ้ย ไม่ได้! ถ้าคืนนี้พลาด เธออาจจะหมดโอกาสแก้ตัว ใกล้วันที่คณะกรรมการผู้บริหารโรงแรมจะนัดประชุมเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนตัดสินชี้ชะตาว่าใครจะนั่งแท่นผู้บริหารคนต่อไป หากมติออกมาให้ภพธรได้ตำแหน่งประธานบริหาร เธอก็มั่นใจเลยละว่าชื่อเสียงดีงามของโรงแรมที่แม่สร้างมานานต้องถึงกาลอวสานอย่างแน่นอน เป็นหายนะครั้งใหญ่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง วสุวียอมปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้
อชิระชื่อเล่นว่าเสือ วสุวีไม่ได้มีใจนึกอยากจะเป็นเหยื่อเดินเข้าไปให้เสือขย้ำ แต่เธอทำใจปล่อยวางเรื่องโรงแรมไม่ได้ เธอต้องสู้ยิบตา เล่นมันทั้งในและนอกกติกาเพื่อคำว่าชนะ เป็นไงเป็นกัน!
หากรักษาโรงแรมวิรงรองเอาไว้ไม่ได้จริงๆ เธอก็ยังสามารถเชิดหน้ายืดอก จุดธูปบอกแม่ด้วยความภาคภูมิใจว่าเธอพยายามเต็มที่แล้ว
กึก!
หญิงสาวกระดกเหล้าเข้าปากแล้วคว่ำแก้ว แววตามุ่งมั่นแน่วแน่ และแล้วก็ถึงเวลาของเธอ ในที่สุดอชิระก็ผละออกจากแม่สาวใจกล้า เขายืดตัวยืนเต็มความสูง ค่อยๆ ปลดมือออกจากการเหนี่ยวรั้งแบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น เขาทำท่าจะกลับ วสุวีขยับตัวเตรียมพร้อมทันที
โอกาสของเธอมาแล้ว มาพร้อมกับความสงสัยใคร่รู้ ทำไมอชิระไม่หิ้วแม่คนนั้นกลับไปด้วย หรือนั่งเช็กของกันแล้วพบว่าไม่ตรงสเปกจึงแยกย้าย แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเธอ
วสุวีเกาะเคาน์เตอร์ยึดเป็นหลักทรงตัว ค่อยๆ เลื่อนสะโพกลงจากเก้าอี้ทรงสูง พื้นด้านล่างยังโคลงเคลงไม่เลิก เธอเกร็งมือเกาะแน่นเพื่อไม่ให้ล้ม
ตั้งหลักได้หญิงสาวก็ปล่อยมือ เชิดหน้าขึ้น พลางดึงเดรสลาเทกซ์เกาะอกสีดำวาวให้เลื่อนลงต่ำเผยเนินอกขาวผุดผ่อง ก้อนเนื้อนุ่มเบียดล้นออกมาท้าทายสายตา ทุกครั้งที่เธอหายใจ ทรวงอกอวบอิ่มก็จะขยับสะท้อนขึ้นลงดุจบัวปริ่มน้ำ วสุวีเดินเซน้อยๆ แต่ก็ประคองร่างเข้าไปขวางทางอชิระได้สำเร็จ
ชายหนุ่มมองเธออย่างชื่นชมเปิดเผย ทิ้งสายตาอ้อยอิ่งนานเป็นพิเศษตรงเนินอกขาวอวบ
อืม...งานดี
เธอเป็นแม่สาวผมยาว ใบหน้าเรียวได้รูป ดวงตากลมโตหวานเยิ้ม ล้อมด้วยขนตายาวหนาเป็นแพ จมูกโด่งเข้ากับริมฝีปากที่ขบเข้าหากัน นับเป็นสาวสวยที่น่าสนใจ พวกลูกรักพระเจ้า รูปหน้าตรึงตาตรึงใจ แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือหุ่นทรงของแม่โฉมสะคราญ ช่างทรมานใจชายโสดอารมณ์ค้างอย่างเขาเสียจริงๆ
อยากรู้ชะมัดว่าใครเป็นคนดีไซน์ไอ้ชุดแบบนี้ขึ้นมา มันน่าอึดอัด แต่ก็เร้าใจเป็นบ้า ยิ่งมาอยู่กับไม้แขวนสุดเพอร์เฟกต์แบบนี้ก็ยิ่งมองเพลิน เห็นแล้วอชิระก็นึกอยากลากนิ้วลูบไปตามแนวโค้งเว้า จากช่วงอกสู่เอวคอดจบที่โค้งสะโพก แววตาซุกซนไล่ไปตามสัดส่วนชวนใจสั่น หุ่นเธอเหมือนนาฬิกาทรายถึงจะไม่สะบึมเต็มไม้เต็มมือแบบคิม คาร์เดเชียน แต่อชิระกลับชอบแบบคนตรงหน้ามากกว่า หน้าอกหน้าใจของเธอดูเหมาะเจาะพอดีมือ เอวเล็กกิ่วจนคิดว่าเขาสามารถรวบมันได้ด้วยมือทั้งสองข้าง สะโพกเธอผายออกในสัดส่วนที่ลงตัว และบั้นท้ายงามงอนนั้นน่าบีบเล่นเป็นบ้า ก็ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เขาอาจจะได้บีบเล่นคืนนี้ละ
ให้ตายสิ แค่คิดว่าจะทำอะไรกับเธอ ความเป็นชายของเขาก็คึกคักตื่นตัวจนแทบทนไม่ไหว ไฟปรารถนาที่ยังไม่มอดดับทำท่าจะลุกฮือขึ้นมาอีกรอบ
“จะกลับแล้วเหรอคะ”
เธอถามพร้อมรอยยิ้ม น้ำเสียงของเธอนุ่มหวานรื่นหู คงให้ความรู้สึกที่ดีมากๆ ตอนครางระส่ำเรียกชื่อเขา
“คืนนี้ค่อนข้างน่าเบื่อนะครับ” อชิระยิ้มบาง ตอบอย่างไว้เชิง หลุบตามองนวลเนื้อขาวผ่องอย่างอดใจไม่ไหว เวลาเธอหายใจที มันก็ขยับยั่วตาเขาที น่าฟัดให้จมเขี้ยว!
ชายหนุ่มเกิดอาการคอแห้งกะทันหัน นึกอยากลองดูดกลืนเจ้าก้อนเนื้ออวบอัดนั่นดูสักครั้ง รสชาติผิวเนียนละเอียดนั้นจะหวานล้ำสักเพียงใด อชิระหลับตาผ่อนลมหายใจ ปล่อยให้ไฟรักในกายค่อยๆ เผาไหม้ลามเลีย เขาค่อนข้างตกใจกับเคมีในร่างกายที่ตอบสนองต่อเธอ เลือดทุกหยดพลุ่งพล่าน ความต้องการแจ่มชัด แต่บางทีมันอาจเป็นผลต่อเนื่องจากแม่สาวคนที่เขาเพิ่งทิ้งมาก็เป็นได้ เขาก็โดนเจ้าหล่อนปลุกเร้าจนเดือดได้ที่เลยทีเดียว
“ทำไมไม่ลองหาอะไรทำแก้เบื่อล่ะคะ” คำถามของเธอทั้งท้าทายและเชิญชวน
“คิดๆ ดูแล้วบางทีผมอาจจะตัดสินใจเร็วไปหน่อย การปรากฏตัวของคุณทำให้คืนนี้ของผมดูมีความหมายขึ้นมาเลย ก็ต้องอยู่ที่คุณแล้วละครับ ว่ายินดีที่จะช่วยทำให้ผมหายเบื่อไหม”
“ถ้าเพื่อนคุณคนนั้นไม่มีปัญหา ฉันก็ยินดีค่ะ” ปลายคางของเธอเชิดไปทางผู้หญิงคนที่เขาเพิ่งจากมา
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” อชิระยิ้มตอบสบายๆ “แด๊ดดี้ของเธอเพิ่งไลน์บอกว่าจะตามมาน่ะครับ”
“คุณก็เลยต้องรีบเผ่นกลับงั้นเหรอคะ”
ชายหนุ่มแกล้งตีหน้าเศร้า “โชคชะตามักเล่นตลกกับผมเสมอ”
“โถ...น่าสงสารจัง” เธอแสดงความเห็นใจด้วยการวางมือนุ่มแนบแก้มเขา “ถ้า...คุณยังไม่ง่วง สนใจดื่มต่อกับฉันไหมคะ”
“คนสวยใจดี” อชิระพลิกหน้าเข้าหาฝ่ามือเธอแล้วจูบเบาๆ เธออุทานตกใจจะดึงมือกลับ แต่เขาจับเอาไว้แล้วส่ายหน้าห้ามไม่ให้เธอดึงมือกลับ “ผมยินดีอยู่เป็นเพื่อนคุณได้ทั้งคืน ถ้าคุณเลี้ยงเหล้าผมไหว”
“ฉันจะเหมาเหล้าทั้งร้านมาให้คุณ”
อชิระหัวเราะชอบใจ ยื่นมือมาปัดปอยผมที่ปกคลุมไหล่เปลือยเปล่า ผิวของเธอขาวนวลเนียนตัดกับสีดำมันวาวของชุดที่สวมก็ยิ่งทำให้โดดเด่นสะกดสายตา ชายหนุ่มถือโอกาสวนปลายนิ้วล้อเล่นกับหัวไหล่เธอ แค่ไหล่ยังนุ่มขนาดนี้ ตรงอื่นจะนุ่มขนาดไหน
“หมดร้านผมคงไม่ไหว ท่าทางคุณเองก็ดื่มไปมากแล้ว แค่ยืนตรงๆ ยังยาก คุณอยากดื่มต่อจริงๆ เหรอ” เขาเอ่ยถามอย่างขบขัน จะทำเก่งมาชวนดื่ม ช่วยยืนให้ตรงก่อนเถอะสาวน้อย
“ถ้าฉันไม่เลี้ยงเหล้าแล้วจะเอาเหตุผลอะไรรั้งตัวคุณไว้ล่ะคะ”
“เห็นได้ชัดว่าคุณหลงเสน่ห์ผม”
“แล้วคุณคิดว่าไงล่ะคะ”
“ค่านั่งดริงก์ผมแพงนะครับ”
“เท่าไรฉันก็พร้อมสู้ราคา” ริมฝีปากของเธอเหยียดยิ้ม บอกเสียงหวาน “ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณเยอะเลยค่ะ”
“เฮ้อ...ผมทำใจแข็ง เล่นตัวกับคนสวยๆ ไม่ได้ด้วยสิ ดื่มอะไรดีครับ”
อชิระก้มหน้าเล็กน้อย ไม่อาจซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ได้ เขาผายมือนำเธอไปที่เคาน์เตอร์บาร์ การทรงตัวของวสุวียังมีปัญหา เธอสุ่มเสี่ยงที่จะล้มลงไปกองกับพื้น กายสาวโงนเงนราวกับโลกไร้แรงโน้มถ่วง การช่วยโอบประคองด้านหลังอย่างมีน้ำใจแอบแฝงของเขาช่วยเธอได้มากทีเดียว
“หวังว่าคงจะไม่มีใครส่งไลน์มาตามคุณอีกคนนะครับ”
เธอหัวเราะ นัยน์ตาพราวหวานฉ่ำน่าหลงใหล “อย่าห่วงเลยค่ะ ฉันไม่มีแด๊ดดี้ และคืนนี้ฉันก็มาคนเดียว”
“อืม...นางในฝันชัดๆ สวย ใจดี พร้อมสู้ราคาและมาคนเดียว มีเก้าอี้ว่างสำหรับเราพอดี” อชิระบอกพลางนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวแล้วสั่งเครื่องดื่ม
ชายหนุ่มนั่งสบายๆ ยกขาข้างหนึ่งขึ้นวางบนฐานเก้าอี้ แยกเข่าเปิดกว้าง วสุวียังยืนรีรอ ก่อนทำใจกล้าขยับเข้าไปตรงกลางหว่างขาแข็งแรงคู่นั้น ปลายนิ้วเธอกรีดกรายบนต้นขาแข็งแรง ลากย้อนขึ้นมาผ่านหน้าท้อง แผงอก ลำคอจนถึงปลายคาง เธอดันใบหน้าเขาให้เงยขึ้นแล้วตีหน้าเศร้า
“เก้าอี้ฉันถูกฉกไปซะแล้ว ทำไงดีล่ะคะ”
อชิระนึกชอบจริตมารยาทนี้ชะมัด เขาคว้าเอวเธอแล้วดึงเข้ามาใกล้
“ผมรู้ว่าต้องทำไง”
“อุ๊ย!” หญิงสาวอุทาน เมื่อถูกเขาจับนั่งบนต้นขา สองแขนโอบเธอจากด้านหลัง กล้ามเนื้อของเขาแข็งแกร่งแม้จะถูกปกปิดด้วยเสื้อผ้า แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนที่แก้วเหล้าจะถูกหยิบยื่นจ่อริมฝีปาก
“อย่าเพิ่งรีบมอมเหล้าฉันสิคะ”
“ให้เกียรติผมสักแก้วนะครับ”
หญิงสาวมองแก้วเหล้าในมือเขาอย่างลังเล เธอเมามากจนไม่สามารถโกหกตัวเองได้อีกแล้ว ขืนดื่มต่อเกรงว่าพาเสียเรื่อง แต่...ถ้าไม่ดื่มจะเอาเหตุผลอะไรมาดึงตัวเขาไว้
แค่...อีกแก้วคงไม่เป็นไรมั้ง
วสุวีกลั้นใจแตะก้นแก้วยอมให้เขาป้อน เธอดื่มรวดเดียวหมด ความร้อนไหลลวกผ่านลำคอจนต้องเบ้หน้า ขณะที่อชิระดูจะพอใจมาก
“เก่งจัง...คอแข็งอย่างนี้ยังกลัวผมมอมอีกเหรอ นี่ผมชักเริ่มกลัวบ้างแล้วนะ คิดว่าตัวเองน่าจะเป็นฝ่ายโดนความน่ารักของคุณมอมเมามากกว่า”
“คุณปากหวาน”
“ชิมก่อนค่อยชมก็ได้” อชิระยื่นหน้าหาเธอ ปากเขาอยู่ใกล้อีกนิดเดียวก็จะได้ลิ้มรสเธอแล้ว แต่เธอรีบยกนิ้วห้าม
“เอาไว้ทีหลังเถอะค่ะ ชิมแล้วเกิดติดใจขึ้นมา ฉันกลัวจะคุยกับคุณไม่รู้เรื่อง” เธอเอียงหน้ามาบอกซ้ำราวกับจะย้ำกับตัวเองไปด้วย แต่คำพูดนั้นกระตุ้นแรงปรารถนาของอชิระ ความใกล้ชิดทำให้ปลายจมูกของเขาพบกับแก้มนวล ต่างคนต่างชะงัก สบตากันในระยะกระชั้นชิด รู้สึกถึงลมหายใจรุ่มร้อนราวเปลวไฟของเขา ไม่ว่าจะเป่ารดตรงจุดใดก็ทำให้รู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งร่าง
“ผมชักไม่อยากคุยกับคุณแล้วสิ อยาก...ทำอย่างอื่นมากกว่า”
“คุณใจร้อนจัง”
“ไม่ใช่แค่ใจ ตอนนี้ผมร้อนไปทั้งตัวเลย”
อชิระไม่ได้โกหก เพราะวสุวีรับรู้ถึงตัวตนของเขาทั้งหมด ความตึงแน่นของกล้ามเนื้อ ท่อนแขนกับแผงอกที่โอบล้อมเบื้องหลัง ต้นขาของเขาแข็งแรง ส่วนตรงนั้นก็แข็งแกร่งมีชีวิตชีวา และกำลังดุนดันหยอกเย้ากับบั้นท้ายของเธอ มือเขาไม่เคยอยู่เฉยลูบไล้ปลุกกระตุ้นทุกเซลล์ประสาทให้ตื่นเพริด ลมหายใจของวสุวีเริ่มฟังคล้ายเสียงหอบ เนื้อตัวเธอเหมือนไม่ใช่ของเธออีกต่อไป
“ไหนลองบอกซิ คุณมีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับผม” เขาถามคลอเคลียที่ใบหู
“ฉัน อืม...” วสุวีครางขณะกดสะโพกลงถูไถกับแก่นกายแข็งกร้าว เธอห้ามตัวเองไม่ได้ คล้ายกับว่าเธอกำลังรอคอยบางสิ่งบางอย่างจากเขา
“ถ้าไม่สะดวกจะพูดตรงนี้ เรากลับไปคุยกันที่ห้องผมดีไหม”
“คุณอยากกลับแล้วเหรอคะ”
“อยากสิครับ ถ้าคุณยอมไปกับผม” เขากระซิบเสียงพร่า
“ทำไมต้องรีบร้อน” เธอส่งสายตายั่ว ปลายลิ้นไล้วนตามแนวริมฝีปากที่แห้งผากช้าๆ “ห้องคุณมีอะไรรออยู่เหรอคะ
“สวรรค์ ไปไหมครับ ผมจะพาทัวร์”
“คุณไม่เหมือนเทพบุตรบนสวรรค์เลยสักนิด”
“ผมไม่ใช่อยู่แล้ว” เขาจับเอวที่ส่ายร่อนไม่อยู่เฉยของเธอเอาไว้ เตือนด้วยเสียงแหบห้าว “คนสวย ถ้าอยากอยู่ต่อก็ควรนั่งเฉยๆ เพราะถ้าคุณยั่วผมอีกนิดเดียว ผมจะไม่ทนแล้วนะครับ”
“แล้วทำไมต้องทนด้วยล่ะคะ”
“เพราะถ้าผมไม่ทน เราสองคนคงได้ขึ้นสวรรค์กันตรงนี้” อชิระหายใจแรงขึ้น เมื่อเธอเบียดหน้าอกกับอกกว้าง ก้อนเนื้อนุ่มที่เขาแอบมองเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้กำลังเสียดสีกับเนื้อตัวเขาอย่างเร้าใจ
ชายหนุ่มลูบไล้กายเธออย่างเพลิดเพลิน เธอเมามายซึ่งเขาก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเมาจริงหรือเมาหลอก เขาลองส่งเหล้าแก้วใหม่ให้ แต่เธอรีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“พอแล้วค่ะ คุณก็ดื่มบ้างสิ ไม่อยากได้ค่าดริงก์แล้วเหรอ ฉันยังไม่เห็นคุณดื่มเลย”
“งั้นผมขอดื่มเลยนะครับ”
อชิระวางแก้ว แล้วจับปลายคางเธอดันขึ้นให้ใบหน้างามเอียงรับได้องศา จากนั้นก็แนบริมฝีปากบดขยี้กลีบปากนุ่มอย่างรวดเร็วและรุนแรง ส่งลิ้นนุ่มแทรกผ่านริมฝีปากที่แย้มเผยอของหญิงสาว กวาดตวัดยั่วเย้ากับเรียวลิ้นของเธอ ดื่มด่ำรสชาติหวานล้ำซาบซ่าน
“อืม...เหล้าดี” เขาเอ่ยชมหลังจากถอนจูบที่ยาวนาน
นัยน์ตาคมทอประกายหวานเต็มไปด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่งยวดกับรสชาติที่เพิ่งได้ลิ้มลอง วสุวียังค้างอยู่ในภวังค์ เธอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองอย่างเผลอไผล เนื้อตัวเธอเบาหวิวราวปุยนุ่น เมื่อกี้นี้เขา...จะ...จูบเธอ
“คุณพูดถูก ทำไมผมต้องทนห้ามใจ ในเมื่อคุณหวานฉ่ำไปทั้งตัวแบบนี้ ไปกับผมเถอะนะครับ ผมอยากจูบคุณทั้งคืน” เขาชวนพร้อมคว้าเหล้าแก้วที่เธอเพิ่งจะปฏิเสธขึ้นดื่มเองจนหมด จ่ายเงินค่าเหล้า ก่อนดันเธอลงจากตักและยืนเผชิญหน้ากัน
“อย่าใจร้ายปฏิเสธผมเลยนะ คืนนี้หัวใจผมไม่พร้อมจะถูกใครปฏิเสธอีกแล้ว คุณจะทำให้ผมคลั่งตาย ไปกันเถอะ สวรรค์กำลังเรียกร้องหาเราทั้งคู่”
วสุวีถูกอชิระประคองพามาจนถึงรถ พอได้ยินเสียงสตาร์ตรถ เธอก็รีบบอกเร็วปรื๋อ
“ฉะ...ฉันขอเลือกสถานที่เองได้ไหม”
“ผมไม่ขัดใจคุณหรอกคนสวย แค่มีคุณทุกที่ก็เป็นสรวงสวรรค์ อยากไปที่ไหนว่ามาเลยครับ แต่ใกล้หน่อยก็ดี เราจะได้มีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆ”
“โรงแรมวิรงรองค่ะ”
อชิระไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่คิดค้าน บอกแค่ว่า “ที่นั่นเงียบยังกับป่าช้า”
“บังเอิญว่าฉันชอบที่เงียบๆ ค่ะ” วสุวีเผลอทำเสียงแข็ง
หญิงสาวเมินหนีมองออกไปนอกรถ ขบริมฝีปากด้านในอย่างขุ่นเคือง ถึงจะเมาก็ไม่ยอมให้ใครมาว่าโรงแรมของเธอ อีกอย่างถ้าไม่ใช่ที่นั่นแผนการจับเสือจะสำเร็จได้ยังไง
“ฉัน...ไม่อยากให้เราตกเป็นเป้าสายตาคน” เธออธิบายเพิ่ม
“แน่ใจนะว่าคุณไม่ได้หนีใครมา”
“เรื่องนี้คุณสบายใจได้ ฉันตัวคนเดียว เพียงแต่ที่เลือกโรงแรมนั้นก็เพราะว่าฉันไม่อยากให้ใครเห็นแล้วเก็บไปนินทาลับหลัง”
“รอบคอบจัง งั้นไปห้องผมไม่ดีกว่าเหรอ รับรองมีแค่เราสองคนที่รู้” เอาจริงๆ อชิระไม่เคยพาใครไปห้อง แต่กับเธอคนนี้ เขาจะยอมแหกกฎตัวเอง ยกเว้นให้สักคน
“งั้นคุณก็ช่วยจอดส่งฉันที่ป้ายรถเมล์ด้วยค่ะ”
อชิระหันขวับ มองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “นี่คุณจะทิ้งผมเหรอ”
“ฉันแค่อยากบอกคุณว่า ฉันไม่ได้ง่ายขนาดที่ใครชวนไปไหนก็ไป ที่ฉันยอมมากับคุณก็เพราะฉันอยากมา ฉันบอกความต้องการของฉันไปแล้ว คุณให้ฉันไม่ได้ เราก็จบกันแค่นี้”
วสุวีสบตาวัดใจกับชายหนุ่ม ถ้าเขายอมปล่อย เธอก็คงต้องแกล้งหาเหตุผลอยู่ต่อ บ้าเอ๊ย เธออยากจะกรี๊ดให้ลั่นรถ การจับผู้ชายคนนี้ทำไมถึงยากเย็นนักนะ
“คุณบอกว่าจะไม่ขัดใจฉัน” ทั้งคู่ยังอยู่บนรถที่จอดนิ่ง หญิงสาวนึกหาทางเบี่ยงเบนความสนใจ เธอหันไปทางเขา แล้ววางมือลงที่ต้นขาแกร่ง ลูบไล้ยั่วเย้าแกล้งบอกเขาอย่างเง้างอน “ถ้าคุณไม่สะดวกจะไปด้วยกัน ฉันก็ทำได้เพียงแค่บอกคุณว่า...ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”
“โอเคคนสวย คุณเป็นนักต่อรองที่มีพรสวรรค์” อชิระยอมแพ้ แรงปรารถนาแล่นมารวมที่กลางกาย ชายหนุ่มแหงนหน้าพิงเบาะหายใจแรง เอ่ยพึมพำ ยื่นข้อเสนอ “ลองลูบมือของคุณต่ำลงไปอีกนิดสิ แล้วผมจะรีบพาคุณไปขึ้นสวรรค์ที่โรงแรมวิรงรอง”
“ฉัน...”
แม้แสงสว่างในรถจะน้อย แต่เขาก็เห็นว่าใบหน้างามนั้นแดงซ่านด้วยความขัดเขิน “น่า...คุณมาไกลเกินกว่าจะอายแล้ว รูดซิปเอามันออกมาแล้วลงมือเถอะ”
เขาเอนเบาะลงต่ำ ขยับเปิดทางให้อย่างเอื้อเฟื้อ วสุวีกลืนน้ำลาย ความอายแล่นพล่านในกระแสเลือด แต่เธอมาไกลอย่างเขาว่า แม้จะไม่รู้ว่าของจริงเป็นอย่างไร แต่เธอก็เคยดูหนังผ่านตามาบ้าง มันคงทำตามไม่ยากนัก ขั้นแรกเธอต้องโยนความอายทิ้งไป แล้วลงมือทำให้อชิระคลั่งไคล้
วินาทีต่อมาวสุวีก็เริ่มลงมือปฏิบัติการลูบไล้ความเป็นชายที่ซ่อนตัวอยู่ในกางเกง เสียงเขาหอบกระเส่าพาใจสาวสั่น ตรงนั้นของเขากำลังแข็งกร้าวดุนดันหาทางเป็นอิสระ หญิงสาวแกะกระดุมกางเกงแล้วรูดซิปลงจนสุด ดึงขอบลงต่ำปลดปล่อยความเป็นชายให้ได้รับอิสรภาพ มันชูชันตอบสนองกับสัมผัสของเธอ
วสุวีได้แต่ถามตัวเองในช่วงเวลาที่อารมณ์กำลังพลุ่งพล่าน ต้องทำยังไงต่อเขาถึงจะติดกับ เธอหลับตานึกถึงภาพที่อชิระทำกับผู้หญิงคนนั้น แค่ลูบๆ คลำๆ ซ้อมมือไปก่อน ยังไงคืนนี้เธอกับเขาก็หนีกันไม่พ้น ต้องสนิทลึกซึ้งถึงเนื้อถึงตัวกันอยู่แล้ว
“คุณนั่งมองเหมือนไม่เคยเห็น ทำต่อสิครับ” เขาเร่งเร้า
หญิงสาวข่มความอายกอบกุมความเป็นชายเอาไว้ในมือ หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบเด้งออกมานอกอก เป็นครั้งแรกที่เธอสัมผัสกับเพศชายอย่างใกล้ชิด เขาร้อนจัดและอัดแน่นไปด้วยพลังความต้องการ วสุวีรู้ว่ายากจะหลบเลี่ยง ถ้ามัวแต่กลัว มัวแต่อายสิ่งที่ทำมาทั้งหมดคงสูญเปล่า เธอเปิดเกมไปแล้วก็ต้องเล่นต่อให้จบ
“โอ...คนสวย คุณต้องเร็วกว่านี้ เร่งมืออีกสิครับ” เขาครางซี้ดเมื่อเธอจัดให้ตามคำขอ
วสุวีอับอายแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี การล้อเล่นกับความต้องการของอชิระไม่ใช่เรื่องดีนัก เพราะตัวเธอก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ร่างกายเธอเกิดอารมณ์ความต้องการ รวดร้าวทรมานในส่วนที่อ่อนไหวกลางกาย วสุวีไม่อาจควบคุมความปรารถนาที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวได้
เธออยากให้อชิระเข้ามาเติมเต็ม
หญิงสาวหายใจแรง กระชับแก่นกายเขาแน่น ขยับข้อมือรัวเร็ว สีหน้าอชิระบ่งบอกถึงความพอใจเสียวซ่าน วสุวีอยากรู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไรในตอนที่ข้ามขั้นทะยานถึงจุดสุดยอด แต่เธอจะไม่ยอมปล่อยให้เขาพบความสุขสมเร็วนัก เธออยากให้เขาทรมานด้วยความต้องการเหมือนอย่างที่เธอกำลังเป็นอยู่ในตอนนี้
แล้ววสุวีก็ตัดสินใจปล่อยมือจากแก่นกายแข็งกร้าว ถอยกลับไปนั่งตัวสั่นที่เบาะของตัวเอง
“ไม่นะ คนสวย อย่าใจร้ายกับผมอย่างนี้ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น”
“ถ้าอยากได้ก็พาฉันไปโรงแรมวิรงรองสิคะ แล้วคุณจะได้มากกว่าที่คิด” เธอบอกเสียงพร่า สองมือยังไม่หายสั่น
“คุณนี่มัน...”
อชิระเข่นเขี้ยวกัดฟันกรอด ไฟรักลุกโชนจนเกินควบคุม สมองเขาไม่เหลือความคิดกลั่นกรองอะไร ยกอำนาจการตัดสินใจให้ช่วงล่างที่คั่งค้างจากมือเธอ ความทรมานที่เธอสร้างไว้ เขาจะให้เธอรับผิดชอบอย่างสาสม
สายตาเขามองเธออย่างลุ่มหลง อยากจับร่างเย้ายวนนั้นกดตรึงไว้กับเบาะรถ แล้วเอาคืนแบบเดียวกับที่เธอทำ ลงทัณฑ์เธอด้วยความเสียวซ่าน ให้รถทั้งคันสั่นสะเทือนเพราะแรงขย่ม แต่ตรงนี้มันโล่งเกินไป แค่อุ่นเครื่องพอหอมปากหอมคอน่ะได้ ถ้ามากกว่านั้นจะกลายเป็นจุดสนใจของผู้คน เขาเองก็ไม่อยากบรรเลงเพลงรักอวดใครประเจิดประเจ้อ
อชิระถอนใจ มองชายกระโปรงของเธอที่รั้งร่นขึ้นมาอวดต้นขาอวบ เธอพูดถูกอย่างหนึ่งเรื่องที่ไม่อยากเป็นเป้าสายตาใคร เขาเองก็เหมือนกัน หวังว่าโรงแรมนั่นคงไม่มีใครปากมาก
“โรงแรมวิรงรองใช่ไหม ถ้าเตียงนุ่มไม่ถูกใจ จะโทษผมไม่ได้นะคนสวย ในเมื่อคุณเป็นคนเลือกเอง” ว่าแล้วอชิระก็เข้าเกียร์ เหยียบคันเร่งพาหญิงสาวมุ่งหน้าสู่สังเวียนรัก
ความคิดเห็น |
---|