บทที่ 8

8

                ริมฝีปากหญิงสาวถูกอชิระครอบครองพร้อมกับส่งเสียงครางพอใจดังครึ้มในอก ค่อยๆ ขยับปากบดเคล้าปากเธอให้อุ่นซ่าน ทำให้วสุวีสั่นสะท้านในวงแขน ด้วยการใช้ฟันขบริมฝีปากล่างของเธอและดูดดึงเบาๆ

                “ผมรอเวลานี้มาทั้งวัน การได้จูบคุณมันเป็นมากกว่าความฝัน” เสียงเขารำพันราวติดอยู่ในภวังค์แห่งความลุ่มหลง

                อชิระจูบเธอเนิ่นนานกว่าจะพอใจ ฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วร่าง เบียดกายกระแซะเข้าหากัน ให้ทรวงอกนุ่มหยุ่นของเธอขยับเสียดสีกับเนื้อตัวของเขา ความเป็นชายแข็งกร้าวดุนดันซอกขาเธออย่างกระตือรือร้น

                “คุณเสือขา...”

                วสุวีห่อไหล่ ซ่านสยิว เมื่อถูกเขาไล้เลียใบหูขาวสะอาด อชิระค่อยๆ ละเลียดผิวเธออย่างเชื่องช้าไม่รีบร้อน มือเขาเล้าโลมทุกส่วนของร่างกาย บีบเคล้น นวดคลึงสลับกันไป สัมผัสลูบไล้ผิวเนียนละเอียดอย่างทะนุถนอม ค่อยๆ สุมไฟในกายเธอให้คุกรุ่น ทำให้เธอคุ้นเคยและพึงพอใจจนกระทั่งเผลอครางออกมา

                “จะตรงนี้หรือบนเตียงดีครับ”

                “ตรงไหนก็ได้ค่ะ แค่มีคุณ”

                “คุณน่ารักที่สุด” อชิระมอบจูบหวานล้ำเป็นรางวัลแก่หญิงสาว รอยยิ้มพร่างพราวเต็มใบหน้า “บนเตียงก่อนดีกว่า คุณจะได้รู้ว่าเตียงผมก็นุ่มไม่แพ้เตียงคุณ”

                “พาฉันไปสิคะ”

                วสุวีกระซิบออดอ้อน ยกแขนโอบรอบลำคออชิระ ยินยอมทุกอย่างไม่ว่าจะถูกเขาลากไปขึ้นสวรรค์หรือลงนรกชายหนุ่มครางก่อนช้อนร่างเธอขึ้นอุ้ม

                ชายหนุ่มวางคนในอ้อมแขนลงบนเตียงแล้วทอดกายทาบทับ ทิ้งน้ำหนักลงมาอย่างระมัดระวังไม่ให้เธอต้องอึดอัด จากนั้นก็เริ่มปรนเปรอเธอด้วยจูบแสนหวาน ฟอนเฟ้นร่างนุ่มนั้นอย่างหลงใหล 

                ริมฝีปากนุ่มแยกออกตอบรับการรุกราน ซึมซับความเร่าร้อนที่เพิ่มพูนมากขึ้น เชื่อแล้วที่เขาบอกว่าหิว เพราะทุกพื้นผิวบนร่างกายวสุวีถูกกวาดเลียกลืนกินอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ปากและฟันของเขาครูดเบาๆ สลับกับการดูดเลีย เนื้อตัวหญิงสาวบิดเร่าเรียกร้อง

                “คุณเป็นของผม”

                “ฉันเป็นของคุณ”

                “ของผมคนเดียว”

                เขาพึมพำฝังจูบแสดงความเป็นเจ้าของ เหนี่ยวรั้งทุกความต้องการของเธอสู่ความรวดร้าวทรมาน แสวงหาการปลดปล่อย

          “ให้ผมสัมผัสคุณ” เขากระซิบปลอบเมื่อเธอหนีบขาเข้าหากันแน่น มือเขาจึงหยุดชะงักอยู่ที่หน้าท้องแบนราบ

                “แต่มันน่าอายนะคะ”

                “ไม่เห็นน่าอายเลยทูนหัว คุณสวยจนผมอดใจไม่ไหว ผมจะทำให้คุณมีความสุข ไม่ต้องเกร็งนะครับ เราเคยๆ กันอยู่นี่นา”

                ก็ไอ้คำว่า เคยๆ กันอยู่ นี่ละน่ากลัว เพราะคำคำนี้ทำให้วสุวีขาดการยับยั้ง ปล่อยให้อารมณ์ความต้องการครอบงำอย่างหน้าไม่อาย

          “คุณเสือ”

                เธอยังลังเลไม่แน่ใจ ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนเป้าหมายเลื่อนมือกลับขึ้นมาที่ทรวงอก วสุวีเอียงใบหน้าหลบเปิดทางให้เขาซุกไซ้ลำคอ ปลายลิ้นของอชิระยังวกวนบนผิวนุ่ม

                “แบบนี้ล่ะคุณชอบไหม”

                “คิดจะวางยาให้ฉันติดกับดักหลงเสน่ห์คุณเหรอคะ”

                “อืม...คุณต่างหากที่วางยาผม อย่างน้อยตอนนี้ก็โดนแล้วสองเม็ด”

                หญิงสาวมองตามสายตาอ้อยอิ่งของเขาที่จับนิ่งอยู่กับยอดอกสีชมพูเข้มจัดของเธอ วสุวีหน้าแดงซ่านด้วยความอาย ยาสองเม็ดที่เขาว่าก็คงเป็นนี่สินะ 

                หญิงสาวครางเสียงสั่น ยอดอกค่อยๆ ผลิบานชูชันขึ้นอวดสายตาชาย อชิระไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย รีบอ้าปากครอบครองมันทันที ความเสียวซ่านแล่นพล่านทั่วกายสาว ปลายถันของเธออุ่นวาบและเปียกชื้นจากการดูดดึงของเขา แผ่นหลังเธอแอ่นโค้งเสนอเนื้อตัวให้เขาสัมผัสลึกซึ้ง

                “คุณเสือ” นิ้วเรียวซอกซอนเส้นผม ขยี้ขยำระบายความเสียวซ่าน

                “แบบนี้คุณชอบไหม อยากให้ผมทำอีกหรือเปล่า” เขาถอนปากพึมพำเหนือปลายยอด ริมฝีปากของเขาปัดผ่านแผ่วพลิ้ว ก่อนจะขยับย้ายไปยังอีกข้าง ปล่อยให้ฝ่ามือเคล้าคลึงในส่วนที่ผ่านการเชยชมมาแล้ว

                “คุณกำลังทรมานฉัน”

                “ผมจะดีใจมากถ้าคุณคิดอยากเอาคืนบ้าง” ชายหนุ่มหลอกล่อพร้อมจับมือเธอให้ลูบไล้อกกว้าง “ลองทำตามผมดู เรียนรู้ทำความรู้จักกับร่างกายของผม อ่า...”

                อชิระกระตุกไปทั้งร่างเมื่อวสุวีสะกิดปลายเล็บของเธอกับยอดอกของเขา

                “คุณเจ็บเหรอคะ”

                “ไม่เจ็บ แต่มันเสียวมาก อยากลองทำอย่างอื่นอีกไหม” ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนหงาย รั้งกายหญิงสาวให้เกยก่ายอยู่เหนือเขา “จูบผม ทำเหมือนที่ผมทำกับคุณ สัมผัสผมตรงไหนก็ได้ตามที่หัวใจของคุณต้องการ”

                อชิระหลอกล่อเชิญชวน ลากปลายนิ้วไปตามแนวกระดูกสันหลังกระตุ้นความกล้าให้หญิงสาว วสุวีลดสายตามองปากเขาที่แย้มออกรอคอย แม้จะเขินอาย แต่ความอยากลองอยากรู้ก็มีอยู่มาก

                “ผมรู้ว่าคุณทำได้ เอาสิจูบผมเลย” เขาบีบเน้นที่บั้นท้ายนุ่ม

                หัวใจหญิงสาวเต้นรัวแรงและในที่สุดปากของเธอกับเขาก็พบกัน วสุวีส่งลิ้นไล้เล่นในปากเขา เธอต้องตั้งหลักอยู่นานกว่าจะจับทางได้ แต่ความสะเปะสะปะนั้นกลับทำให้คนที่อยู่ใต้ร่างครางระงม เร่งเร้าเธอไม่หยุด

          “ไม่ว่าคุณอยากทำอะไรกับร่างกายนี้ มันดีทั้งนั้น อย่าคิดว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องผิดบาป คุณกับผมโตพอที่จะรับผิดชอบและสนุกกับมัน และคุณ อา...แม่ทูนหัวตัวน้อยๆ ของผม คุณทำได้ดีเสมอ”

                ชายหนุ่มส่งเสียงพอใจ เมื่อเธอใช้ปากเม้มต้นคอของเขา อชิระตัวสั่นด้วยความต้องการที่เรียกร้อง เสียงครางของเขาทำให้หญิงสาวหลงละเลิงในอำนาจ

                วสุวีถูกอชิระผู้ช่ำชองให้ท้ายจนโยนความอายทิ้งไปข้างเตียง หญิงสาวเริ่มเรียนรู้ที่จะแยกเซ็กซ์ออกจากความรัก บางครั้งสองสิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นพร้อมกัน เธอกับเขาพิสูจน์กันมาหลายครั้ง และทุกครั้งก็จบลงด้วยความสุขสมงดงาม

                ความผูกพันทางกายมันซับซ้อนน้อยกว่าความลึกซึ้งทางใจ สองเรื่องนี้อาจเกี่ยวพันเชื่อมโยงกัน แต่วสุวียังไม่อยากคิดแยกแยะ รู้แค่ว่าตัวเธอต้องการอชิระและอชิระก็ต้องการเธอ มันคือความยินยอมพร้อมใจจากทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่บังคับขู่เข็ญ

                วสุวีโกหกตัวเองไม่ได้ว่าไม่มีความสุข การได้ร่วมรักกับอชิระทำให้เธอเติบโตเป็นหญิงสาวอย่างเต็มตัว เป็นผู้หญิงที่มีเลือดเนื้อ อารมณ์ และความต้องการ แม้จะรู้ว่าเสียเปรียบเขาทุกทาง แต่ก็ยังอิ่มเอมทุกครั้งโดยไม่รู้สึกฝืนใจ เป็นอชิระคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้

                ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสียก็ไม่แปลกที่เธอจะปล่อยกายใจสนุกให้เต็มที่ อชิระเป็นคู่นอนที่ดี วสุวีไม่นึกรังเกียจสัมผัสของเขาอย่างที่นึกรังเกียจภูรี

                “ตัวคุณแข็งจัง” มือเธอลูบคลำแผงอกตึงแน่น

                “ไม่ใช่แค่ตัวหรอก อย่างอื่นก็แข็ง” เขาพามือเธอไป ครางพอใจที่เธอกอบกุมส่วนล่าง “อืม...ต้องทำไงต่อดีนะ”

          เจ้าของมือนุ่มมองเขาตาโต ใบหน้าแดงก่ำ อยู่นิ่งไม่ยอมขยับจนชายหนุ่มต้องยกสะโพกขึ้นเรียกร้อง 

                “ขืนคุณอยู่เฉยๆ แบบนี้อีกไม่กี่นาทีผมคงลั่น อูว...แบบนั้นแหละทูนหัว”

                ชายหนุ่มสูดปาก เมื่อมือของเธอเริ่มขยับรูดรั้งตามความยาว เชื่องช้าเร้าใจ กล้ามเนื้อหน้าท้องของเขาหดเกร็งเสียวซ่าน เมื่อเธอไม่ทันใจก็เสยสะโพกสวนขึ้นรับ

                “คุณเสือ”

                “ชักเก่งใหญ่แล้ว” เขากระเซ้าเสียงสั่น คลื่นความหฤหรรษ์แผ่ซ่านตั้งแต่หัวจดเท้า การปลุกเร้าของเธอทำให้เขาจวนเจียนที่จะปลดปล่อยออกมา

                “ยังไม่ได้ชักเลยค่ะ”

                “งั้นก็รีบทำเถอะ ผมจะซึ้งใจมาก ถ้าคุณจะเร่งมือให้เร็วกว่านี้อีกนิด”

                “คุณใจร้อนจัง หิวมากเหรอคะ”

                “ผมตายได้เลยนะ ถ้าคุณไม่ให้กินตอนนี้” 

                “โชคดีที่ฉันเป็นคนมีน้ำใจ”

                อชิระไม่สามารถโต้ตอบหญิงสาวได้เพราะถูกความเสียวซ่านเล่นงานอย่างหนัก แก่นกายเขาสั่นระริก เพียงแค่เธอขยับข้อมือเบาๆ เสียงแหบห้าวก็ครางพอใจยิ่งยวด

                “ตอนที่คุณสัมผัสฉันตรงนั้น มันทรมานเหลือเกิน”

                “ผมในตอนนี้ก็ไม่ต่างจากคุณนักหรอก แต่ถ้าจะเอาคืนกันละก็ คุณต้องขยับมือให้เร็วกว่านี้อีกนิด อ่า...นั่นแหละ เกือบดีแล้ว เร็วอีกคนสวย...อีก โอ้...ช้าลงหน่อยทูนหัว พอก่อน เดี๋ยวผมไม่อยาก...ไม่ อ๊ะ! ไม่ไหวแล้ว!”

                อชิระร้องลั่น สะโพกเกร็งกระตุกอย่างรุนแรงก่อนคลื่นรักร้อนระอุจะพวยพุ่งออกมารินรดมือนุ่ม วสุวีรีบละมือจากเขาอย่างตกใจ

                “คุณทำผมขายหน้านะงานนี้” ชายหนุ่มยิ้มสั่นๆ ดวงตาหวานเยิ้มจากความสุขสมที่เธอปรนเปรอให้ ก่อนจะไขว่คว้าเธอมาจูบ บดขยี้ปากนุ่มอย่างหนักหน่วงรุนแรงเต็มไปด้วยความรู้สึก

                อชิระกอดจูบหญิงสาวอยู่หลายนาทีกว่าจะยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระ

                “เหตุการณ์สงบลงแล้วใช่ไหมคะ” วสุวีเลื่อนกายลงมานอนหนุนต้นแขนกำยำ

                “คงคิดว่ารอดแล้วสินะ” เขาดีดปลายจมูกเธอหยอกเย้าแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณดีใจเร็วเกินไปคนสวย สำหรับผมน่ะแค่นี้ถือว่าเพิ่งเริ่ม”

                “แต่คุณจะทำอะไรฉันได้ล่ะคะ ก็มัน...” อ่อนยวบหมดความน่าเกรงขามไปแล้วนี่นา

                เธอไม่คิดว่าอชิระจะฟื้นจากอาการอ่อนเปลี้ยรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาที ไม่มีสัญญาณอะไรบ่งบอกถึงการเริ่มต้นใหม่ แม้อารมณ์ความรู้สึกของเธอจะยังคั่งค้างแต่ก็คิดว่ายังรอได้ มันไม่จบแค่นี้วสุวีก็รู้ เขากับเธอยังมีเวลากันอีกทั้งคืน

                “ผมยังไม่ทันได้ส่งคุณขึ้นสวรรค์เลย”

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไม่รีบร้อน” หญิงสาวหัวเราะสดใส แหงนหน้าขึ้นจูบปลายคางเขา ก่อนพลิกกายนอนตะแคงหันหลังให้

                “รีบหน่อยเถอะ เครื่องผมติดง่าย ร้อนไวและทำได้มากกว่าที่คุณคิด ต่อให้คุณหันหลังแบบนี้ก็ไม่มีปัญหา” อชิระตะแคงตัวตาม โอบประคองทรวงสาวกลมกลึงเอาไว้ในมือ “คุณสร้างความสุขให้ผมขนาดนั้น ผมไม่กล้าเอาเปรียบคุณหรอก”

                เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหู ขยับแนบลำตัวชิดกายเธอ สิ่งที่วสุวีมั่นใจนักหนาว่าสิ้นฤทธิ์กลับแข็งขึงขึ้นมาดุนดันบั้นท้ายหนั่นแน่น ฝ่ามือใหญ่เคล้นคลึงสองเต้าปลุกเร้าอารมณ์ที่คั่งค้างจนหญิงสาวหลุดเสียงครางรัญจวนใจ

          “คุณเสือตรงนั้น ไม่ได้ค่ะ” เธอประท้วงเสียงพร่าเมื่อมือข้างหนึ่งของเขาลูบต่ำมาที่ซอกขา สานต่อความพยายามก่อนหน้านี้

                “ได้สิ แล้วคุณจะรู้สึกดีด้วย” อชิระไม่ยอมอ่อนข้อให้เธออีกแล้ว มือเขาเล้าโลมกับเนินเนื้อนุ่มกลางกาย

                ทุกสัมผัสของปลายนิ้วที่ล่วงล้ำทำให้วสุวีหายใจไม่ทั่วท้อง ความต้องการของเธอยังไม่ได้ปลดเปลื้อง มันก็เหมือนกับกองไฟที่ยังไม่มอดดับ ง่ายเหลือเกินที่จะเติมเชื้อเพลิงให้ไฟพิศวาสนั้นลุกปะทุขึ้นมาอีกครั้ง 

                อชิระเคลื่อนไหวอย่างชำนาญ ปลายนิ้วเขาปลุกเร้าเย้าหยอก หญิงสาวคู้กายดันบั้นท้ายไปด้านหลังเพื่อหยอกล้อกับแก่นกายร้อนจัด สัมผัสกันอย่างมีชีวิตชีวา เสียวซ่านทุกคราวที่ชายหนุ่มโลมลูบส่วนอ่อนไหวบอบบางและไวต่อความรู้สึก นิ้วเขากดลึกแทรกผ่านความอ่อนนุ่มเข้ามา หมุนวนในความชุ่มฉ่ำเร้าใจ ทำให้เธออ่อนเปลี้ยไร้กำลังต่อต้าน 

                “ผมจะบ้าตายเพราะคุณ” อชิระจูบบ่านุ่ม ตระกองกอดหญิงสาวเอาไว้อย่างหวงแหน

                “ส่วนคุณก็กำลังจะทำให้ฉันคลั่ง”

                “เหมือนคุณจะพร้อมแล้ว” เขาถอดถอนนิ้วแกร่งออกจากความฉ่ำชื้นแสนหวาน 

                เมื่อความหฤหรรษ์ถูกพรากออกไป วสุวีก็ทำได้แค่ครางประท้วง “อย่าเพิ่งค่ะ คุณเสือ...อ๊ะ” 

                “ใจเย็นๆ คนสวย ผมรู้ว่าคุณต้องการอะไร” 

                อชิระประกบติดแผ่นหลังหญิงสาว บีบเคล้นบั้นท้ายเธออย่างมันเขี้ยว ก่อนจับแก่นกายแข็งกร้าวพร้อมออกศึกมาจดจ่อ แตะไล้ส่วนปลายหยอกเย้ากับความสาวร้อนฉ่า ค่อยๆ คืบคลานสอดประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน ในท่านั้นร่างกายของทั้งคู่ได้อิงแอบแนบชิดกันทุกส่วน

                เขากอดรัดเธอแน่นราวกับกลัวว่าจะหลุดลอยหายไป ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดต้นคอ จังหวะรักเริ่มบรรเลงอย่างนุ่มนวล อ่อนหวาน แต่เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง หนุ่มสาวก็ขยับรับส่งกันอย่างลงตัว เสียงครางสะท้านดังผสานเสียงบั้นท้ายกระทบกับหน้าขา กลิ่นอายแห่งการร่วมรักปลุกกระตุ้นแรงกำหนัดให้โหมทะยาน ยิ่งชายหนุ่มควบขับเร่งความเร็วมากขึ้นเท่าใด เสียงหวานใสสั่นพร่าก็ยิ่งครวญครางดังขึ้นมากเท่านั้น 

                ชายหนุ่มจับขาเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นพาดบนขา เปิดเส้นทางรักให้มากพอที่จะอัดสะโพกส่งความเป็นชายรัวกระหน่ำเข้าใส่อย่างไม่ปรานี วสุวีตัวสั่นโยกคลอนตามแรงส่ง ความเสียวซ่านสาดซัดอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายบีบรัดเขาอย่างรุนแรง ก่อนจะหวีดร้องอย่างสุขสมเมื่อบรรลุถึงปลายทาง

                อชิระหลงลืมตัวตนปลดปล่อยเชื้อพันธุ์อุ่นร้อนในเรือนกายหญิงสาวจนหมดสิ้น หัวใจยังเต้นกระหน่ำรัวแรง สองกายกอดก่ายสั่นสะท้าน เขาถอดถอนแก่นกายจากความสาวเย้ายวน วสุวียังคงตอดตุบเสียวซ่าน เธอครางเบาๆ น่ารักจนเขาต้องยื่นหน้าจดจมูกสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากเส้นผมชื้น ทั้งคู่ยังนอนตะแคงซ้อนกันอยู่ท่าเดิม แม้มองไม่เห็นหน้าเธอ แต่เดาว่าคงจะแดงจัด เพราะใบหูน่ารักน่ากัดนั้นสีเข้มขึ้นกว่าปกติ

                เขาอยากบอกเธอให้ลุกขึ้นเป่าผมจะได้นอนสบายๆ แต่พลังงานในร่างกายถูกใช้ไปจนหมดกับการร่วมรัก จากสภาพกะปลกกะเปลี้ยของทั้งคู่ การเอื้อมมือไปตลบผ้าห่มคลุมร่างแล้วนอนนิ่งๆ กอดกันอย่างนี้น่าจะดีที่สุด

                สายมากแล้วที่อชิระงัวเงียตื่นขึ้นมาวาดวงแขนควานหาหญิงสาว เพื่อพบกับความว่างเปล่าเย็นเฉียบของเตียง ชายหนุ่มผงกหัว ปรือตามองก็ไม่เห็นแม้แต่เงา เสียงในห้องน้ำก็เงียบกริบ วสุวีไม่อยู่ในห้อง หลังกรำศึกรักหนักหน่วงมาทั้งคืน เธอยังจะเหลือเรี่ยวแรงหนีเขาไปไหนได้อีกเนี่ย

                ไม่อยากยอมรับหรอกว่าผิดหวัง แต่ลึกๆ ในอกมันวูบโหวงชอบกลตอนที่ตื่นมาแล้วไม่เห็นเธอ อชิระรู้ว่าอาการแบบนี้ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก แต่เขาควบคุมตัวเองไม่ได้เมื่ออยู่ใกล้หรือได้กอดจูบเธอ เขากลายเป็นเสือคลั่งรัก ลุ่มหลงมัวเมาในห้วงแห่งตัณหา ตะกละตะกลามขย้ำเธอจนเกือบสว่าง

                เขาเหมือนคนโดนยาสั่ง ไม่ว่าวสุวีปรารถนาสิ่งใดก็พร้อมยกใส่พานถวายให้หมด เธอขอให้ซื้อโรงแรมเขาก็ซื้อ เธอขอให้ออกหน้าช่วยเขาก็ยอมรับปาก ถึงจะเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา แต่ความมั่นหน้าเจ้าเล่ห์วสุวีก็มีไม่น้อย เขาจะปล่อยให้เธอล่วงรู้ความได้เปรียบนี้ไม่ได้เด็ดขาด

                มือใหญ่สะบัดผ้าห่มออกจากร่าง ขายาวก้าวลงเตียงจะไปอาบน้ำ ทว่าหางตาเหลือบเห็นกระดาษโน้ตแผ่นน้อยพร้อมข้อความที่เขียนด้วยลายมือเรียบร้อยเป็นระเบียบ

                วสุวีไปทำงานแล้ว เช้านี้เธอมีประชุมที่โรงแรมเรื่องแต่งตั้งประธานบริหาร ถ้าเขาไม่มีธุระที่ไหนก็ให้ตามไป หรือไม่ก็แวะไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน เธอจะเตรียมมื้อเด็ดไว้รอ

                สาบานให้ดิ้นตาย เธอเขียนคำว่า มื้อเด็ด จริงๆ 

                ชายหนุ่มยิ้มกว้างกับข้อความนั้น คนเลี้ยงเสือชักจะเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวใหญ่แล้ว เขาต้องไปแน่ อชิระไม่ปล่อยให้เธอเผชิญหน้ากับคนพวกนั้นเพียงลำพังหรอก โดยเฉพาะไอ้ภูรีที่เพิ่งก่อเรื่องบัดสีไปหมาดๆ เขารู้ว่าเธออาจจะทำใจได้ แต่มันจะดีกว่าถ้ามีเขาช่วยเป็นกองหนุน

                อชิระหยิบโทรศัพท์มาพิมพ์ข้อความกดส่งถึงหญิงสาว เขาสั่งให้วสุวีถ่วงเวลาไว้ก่อน อย่าเพิ่งด่วนสรุปตัดสินใจอะไรทั้งสิ้นจนกว่าเขาจะไปถึง

                หลังจากเธออ่าน ก็มีข้อความตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

                ชายหนุ่มอมยิ้มขณะมองรูปสติกเกอร์การ์ตูนผู้หญิงกำลังกระโดดดีใจจนตัวลอย วสุวีส่งข้อความเพิ่มมาอีกหนึ่งประโยค

            ซิมบารีบมาให้ไว้ ก่อนฉันจะโดนไฮยีนารุม

            อชิระหัวเราะลั่น รีบส่งข้อความตอบกลับเธอไป...

ผิดเรื่องแล้วคุณ ซิมบานั่นมันสิงโต!

                ชายหนุ่มยิ้มไม่หุบ วสุวีน่าจะรู้ว่าตรงนี้ไม่มีซิมบาเจ้าป่าสักหน่อย มีแต่แชร์คานเจ้าเสือร้ายที่กำลังจะเตรียมตัวออกจากถ้ำไปขย้ำเหยื่อให้เธอ

                วสุวีลดแก้วกาแฟลงช้าๆ ลิ้นของเธอไม่รู้รสขมปร่าของมันสักเท่าไร เพราะตอนนี้มีอะไรให้ขมขื่นกว่ากาแฟเยอะ เธอนั่งอยู่ในห้องประชุมใหญ่ บรรยากาศและสีหน้าผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละคนทำให้ต้องลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอเสียหลายครั้ง 

                วาระสำคัญของวันนี้คือตำแหน่งประธานบริหาร แต่กว่าจะไปถึงหัวข้อนั้นก็ถกเถียงกันเคร่งเครียดถึงสภาพการเงินที่ย่ำแย่ เริ่มมีคนสงสัยเรื่องงบเบิกจ่ายว่าอาจมีข้อผิดพลาด ทว่าภพธรพูดปัดความรับผิดชอบแทนภานิดาทุกอย่าง สร้างความไม่พอใจให้แก่หุ้นส่วนบางคนรวมถึงวสุวีด้วย หญิงสาวตั้งใจจะสืบหาความจริงให้ถึงที่สุด

                วสุวีเริ่มคิดถึงอชิระ ก็...ไม่ใช่จะอาวรณ์กับบทรักร้อนแรงที่ผ่านมาเมื่อคืนหรอกนะ แต่เอาจริงๆ เธอน่าจะปลุกเขา ออดอ้อนเอาใจสักหน่อยแล้วชวนมาเข้าประชุมด้วยกัน อย่างไรตอนนี้อชิระก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีสิทธิ์เต็มที่

                เอกสารซื้อขายมีผลตามกฎหมายเรียบร้อย และเธอก็บรรลุข้อตกลงส่วนตัวกับเขาไปหลายยก คิดแล้วก็อดวูบวาบขึ้นมาไม่ได้ คนบ้าอะไรอึดเหลือเกิน เธอแทบจะก้าวขาเดินไม่ออกด้วยซ้ำ

                หญิงสาวรีบปัดความคิดน่าอายนั้นทิ้งไป ดึงความสนใจกลับมาในห้องประชุม จบจากเรื่องเงินก็เปลี่ยนประเด็นมาที่เรื่องสำคัญ เธอได้แต่นั่งฟังพวกของพ่อเลี้ยงชักแม่น้ำทั้งห้า ร่ายเหตุผลถึงความจำเป็นที่ต้องรีบแต่งตั้งประธานบริหารใหม่ และส่วนใหญ่ก็พูดยกหางชื่นชมลูกพี่ให้คนที่นั่งฟังคล้อยตาม

                หญิงสาวปรายตามองภูรีอย่างนึกสมเพช พี่ชายร่วมโลกของเธออุตส่าห์ลากสังขารอันบอบช้ำพร้อมเบ้าตาเขียวปั้ดมาเข้าประชุม กระดูกซี่โครงของภูรีแข็งแรงกว่าที่อชิระคาดไว้ หรือไม่คุณเสือของเธอก็คงกระทืบเบาไป 

                วันนี้สีหน้าของภูรีเคร่งเครียดกว่าปกติ สายตาแข็งกร้าวจ้องเธออย่างเคืองแค้น วสุวีเบ้ปากนึกอยากจะลุกขึ้นปรบมือให้แก่สปิริตเลือดนักสู้ของเขา อยากรู้จริงๆ ว่าภูรีตอบยังไง เวลามีคนถามว่าหน้าไปโดนอะไรมา

                หญิงสาวเก็บซ่อนความสะใจเอาไว้ภายใต้ท่าทีเรียบเฉย เหลือบมองหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างวาบ หัวใจเต้นตึ้กตั้กกับข้อความที่เด้งขึ้นมา

                เธอผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก ความกดดันถูกยกออกไปจนหมดสิ้น ฮีโรของวสุวีกำลังมาช่วยแล้ว และในไม่ช้าจะต้องมีใครสักคนในห้องนี้ผิดหวังจนอกแตกตาย อาจจะเป็นคนที่กำลังพูดเพ้อเจ้ออยู่นั่นก็ได้

                “ตอนนี้โรงแรมของเราต้องการนโยบายบริหารที่ชัดเจน การแก้ปัญหาที่เห็นผลมีทิศทาง ไม่ใช่จับฉ่ายลูบหน้าปะจมูกไปวันๆ ถ้ายังคอยพยุงอาการกันอย่างนี้ก็มีแต่ทรงกับทรุด สภาพคล่องทางการเงินของเราไม่ค่อยดีนัก ขืนดันทุรังต่อไปจะพากันแย่ทุกฝ่าย”

                “นโยบายจับฉ่ายก็มาจากคนที่รักษาการบริหารโรงแรมอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เหรอคะ” วสุวีเอ่ยถามอย่างเหลืออด ทำเอาภายในห้องเงียบกริบ ไม่มีใครคิดว่าเธอจะกล้าถาม 

                พ่อเลี้ยงของเธอรีบกระแอมกระไอ พูดแก้ไขข้อผิดพลาดของลูกสาวอย่างคล่องปาก เอาประโยชน์เข้าตัวได้แบบหน้าตาเฉย 

                “วีจะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกต้องเสียทีเดียว อาคงต้องขอแก้ต่างให้ตัวเองสักหน่อย”

                “เชิญเลยค่ะ ไม่ว่าอาภพจะพูดอะไร คนส่วนใหญ่ในห้องนี้ก็พร้อมเชื่ออยู่แล้ว วีเองก็พร้อมรับฟังค่ะ”

                “ถึงอาจะบริหารนโยบายต่างๆ ของโรงแรมในตอนนี้ แต่อาไม่มีอำนาจสิทธิ์ขาดไปเสียทุกเรื่อง บางทีเราก็ต้องอะลุ่มอล่วยปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ณ ตอนนั้น แต่ถ้าเมื่อใดที่พวกเราได้ผู้บริหารที่มีอำนาจเต็ม อาเชื่อได้เลยว่าเรามีศักยภาพเพียงพอที่จะพาโรงแรมวิรงรองผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้”

                “ก็แปลสั้นๆ ว่าเราต้องมีผู้บริหารที่เป็นที่ยอมรับของกรรมการทุกคนในที่นี้ใช่ไหมคะ” วสุวีถามความเห็นคนที่เหลือ

                “พูดกันตามตรงตอนนี้เราต้องการประสบการณ์ของผู้บริหารมากกว่าความสดใหม่นะ” กรรมการท่านหนึ่งเอ่ยขึ้น

          “วีเห็นด้วยค่ะ ข่าวดีก็คือตอนนี้เราเจอคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งประธานบริหารคนใหม่แล้ว บุคคลที่มีความสามารถรอบด้าน ประสบการณ์สูง กว้างขวางน่าเชื่อถือ และดีพอที่พวกเราจะฝากอนาคตโรงแรมไว้กับเขาได้”

                ภพธรไม่ได้สะดุดใจกับคำพูดของลูกเลี้ยง พอได้ยินวสุวีพูดในทำนองจะยอมหลีกทางให้ ก็ดีใจจนเก็บอาการลิงโลดไว้ไม่อยู่

                “อาดีใจนะที่วีเข้าใจเรื่องนี้ได้สักที อายินดีจะรับผิดชอบโรงแรมนี้ต่อจากคุณวิและพัฒนาให้ก้าวหน้ากว่าเดิม”

                “วีกราบขอบพระคุณอาภพมากค่ะที่ตั้งใจทำเพื่อโรงแรมของเราขนาดนี้” วสุวียกโทรศัพท์ขึ้นดูอีกครั้ง กวาดสายตามองหน้าทุกคนในห้องแล้วยิ้มออกมา “วีรู้ตัวค่ะว่ายังใหม่เกินกว่าจะแบกความหวังของหลายๆ ท่านในที่นี้ แม้ว่าตัววีจะรักโรงแรมของเราไม่น้อยไปกว่าใคร แต่สถานการณ์ของเราไม่อนุญาตให้ผิดพลาดได้”

                คำพูดเหมือนยอมถอยของวสุวี ทำให้ภพธรค่อยๆ ยืดอกชูคอ คงคิดว่าเธอจะยกโรงแรมให้จริงๆ สินะ ฝันไปเถอะ!

                “อย่างที่รู้หลังจากคุณแม่เสีย โรงแรมของเราอึมครึมมานานเรื่องความชัดเจนของประธานบริหาร วันนี้วีจึงมีเรื่องสำคัญมาแจ้งให้ทุกคนทราบ”

                เสียงเคาะประตูดังขึ้น หญิงสาวหยุดพูดแล้วลุกขึ้นยืนต้อนรับผู้ที่เดินเข้ามาในห้อง อชิระสบนัยน์ตาเปล่งประกายเรืองรองของหญิงสาว ขณะก้าวเข้าไปหาเธอด้วยท่วงท่าที่มั่นคงน่าเกรงขาม วสุวีโปรยยิ้มกับผู้เข้าร่วมประชุมแล้วกล่าวว่า

                “วีขายหุ้นทั้งหมดของตัวเองให้คุณอชิระไปแล้วค่ะ นั่นจึงเท่ากับว่าตอนนี้คุณอชิระถือครองหุ้นมากที่สุด มีสิทธิ์บริหารโรงแรมวิรงรองโดยชอบธรรม ด้วยประสบการณ์และวิสัยทัศน์ในการบริหารงานอันยอดเยี่ยมไร้ที่ติ วีมั่นใจว่าคุณอชิระจะพาโรงแรมของเราฝ่าวิกฤติไปได้แน่นอน และหวังว่าการตัดสินใจครั้งนี้ทุกคนจะเห็นด้วยกับวีนะคะ”

                เสียงฮือฮาดังอื้ออึงในห้องประชุม วสุวีพยายามตั้งใจฟังแต่ไม่สามารถจับใจความได้ เห็นแต่พ่อเลี้ยงของเธอหน้าซีดเผือดสลับแดงเข้ม ส่วนลูกสาวกับลูกชายก็จ้องหน้าเธออย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ วสุวีมองตอบกลับไปอย่างไม่หวาดหวั่น ยิ่งมีอชิระยืนอยู่ใกล้ๆ เธอก็ยิ่งไม่กลัว แน่จริงก็เผยธาตุแท้ออกมาให้ทุกคนได้เห็นไปเลย

                “ถ้าแบบนี้ก็คงไม่ต้องโหวตแล้วมั้งครับ”

                หลังจากหายช็อกภพธรก็ฝืนยิ้มทั้งที่ในใจอยากจับลูกเลี้ยงหักคอให้ตายคามือ ถ้าเป็นวสุวีเขายังพอกำจัดได้ แต่นี่เป็นอชิระที่มีคุณสมบัติครบทุกด้านแบบไม่ค้านสายตา จะยกเหตุผลอะไรมาเป่าหูก็คงไม่มีใครเชื่อ เสียดายแผนการที่วางไว้ พังหมดก็คราวนี้ ภพธรครุ่นคิด แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความยินดี

                “ผมในนามตัวแทนของกรรมการบริหารทุกท่านขอกล่าวต้อนรับคุณอชิระในฐานะประธานบริหารคนใหม่อย่างเป็นทางการนะครับ ได้คนหนุ่มไฟแรง เก่งกาจรอบด้านแบบนี้ ทุกคนก็คงไม่มีข้อกังขา”

                “เชิญค่ะท่านประธาน” วสุวีส่งยิ้มสดใสให้ชายหนุ่ม พร้อมขยับหลีกทางให้

                “เรามีเรื่องติดค้างกันนะ” เขาบอกเบาๆ ขณะเฉียดผ่านหน้าเธอ

                “ฉันสั่งเชฟเตรียมมื้อเด็ดให้คุณแล้วค่ะ”

                อชิระหรี่ตามองอย่างคาดโทษ นึกมันเขี้ยวรอยยิ้มซุกซนของเธอ พอรู้ว่ามีเขาช่วยวสุวีก็ดูจะกระปรี้กระเปร่าสดชื่นขึ้นมาทันตา ก็คงเพราะอย่างนี้คุณวิถึงได้อยากฝากทั้งลูกสาวทั้งโรงแรมไว้ที่เขา วสุวียังเด็กอยู่มากจริงๆ ถ้าเธอคิดว่าแค่นี้เอาชนะภพธรได้ละก็ เธอคิดผิดแล้ว

                ท่านประธานคนใหม่เหลียวหลังไปเรียกธนู

                “หาเก้าอี้มาให้คุณวสุวีนั่งข้างๆ ฉัน”

                ไม่นานหญิงสาวก็ได้ที่นั่งใหม่ซึ่งก็อยู่ใกล้ๆ กับท่านประธานและภพธรต้องขยับถอยร่นไป พออชิระนั่งลง ทั้งห้องก็กลับเข้าสู่วาระการประชุมอีกครั้ง

                “ผมคงไม่ต้องแนะนำตัวอะไรอีกแล้วนะครับ เชื่อว่าทุกท่านน่าจะทราบกันดี แต่เดิมผมกับโรงแรมนี้ก็ผูกพันกันจนไม่อาจตัดใจได้”

                “แต่คุณอชิระก็ไม่เคยเข้าประชุมเองเลยนะคะ เป็นความผูกพันที่ห่างเหินไปหรือเปล่า”

                “ไม่หรอกครับ ผมรับทราบเรื่องของโรงแรมมาโดยตลอด ที่ส่งตัวแทนมานั่นก็เป็นเพราะผมให้เกียรติและวางใจการทำงานของคุณวิรงรอง” 

                อชิระเหยียดยิ้มอำมหิต นัยน์ตาคมกริบจ้องเขม็งไปที่คนพูด คำพูดของเขาแม้ฟังดูธรรมดา แต่กลับเปี่ยมไปด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่ามาก

                “ผมกับคุณวิทำงานร่วมกันมานาน ถ้าไม่เชื่อใจกัน คุณวิคงไม่แบ่งหุ้นให้คนนอกอย่างผมแน่ เรื่องนี้คุณภานิดาที่เพิ่งเข้ามาทำงานยังไม่ถึงสองปีคงจะไม่ทราบ อีกอย่างโรงแรมที่ผมดูแลอยู่มีมากมายหลายแห่งเกินกว่าจะเอาเวลามานั่งแช่อยู่ที่นี่ทั้งที่ก็มีคุณวิคอยจัดการทุกอย่างได้”

          ชายหนุ่มกวาดสายตาเฉียบขาดมองทุกคนในห้อง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนหวานเมื่อมาหยุดนิ่งที่ทายาทคนเดียวของคุณวิรงรอง

                “แต่ก็นั่นละครับ พอขาดคุณวิที่เป็นเสาหลักไป โรงแรมจะเจอปัญหาอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่แปลก สำหรับผมแล้วโรงแรมวิรงรองก็เหมือนสาวสวยที่เป็นรักแรกพบ ผมตัดใจปล่อยให้เธอหลุดมือไปไม่ได้จริงๆ ในที่สุดผมก็สมหวังได้เธอมาครอบครอง และในเมื่อผู้หญิงที่ผมรักกำลังประสบปัญหา เป็นธรรมดาครับที่ผมจะต้องยื่นมือเข้าช่วย ทำให้เธอส่องประกายเฉิดฉายได้อีกครั้ง”

                เนื้อความตอนหลักพูดถึงโรงแรมก็จริง แต่คนพูดจงใจโปรยยิ้มหว่านเสน่ห์ใส่หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ทุกสายตาในห้องประชุมเห็นตรงกัน ตอนที่วสุวีขัดเขินจนต้องเมินหน้าหนีสายตากรุ้มกริ่มของอชิระไปทางอื่น

                “ผมสัญญาว่าจะไม่ทำลายเสน่ห์ เอกลักษณ์ของโรงแรมนี้ ในส่วนของคุณวสุวีผู้ที่เป็นทายาทคนเดียวของคุณวิรงรอง ผมจะแต่งตั้งให้เธอเป็นผู้ช่วยและตัวแทนของผม”

                “ก็ไม่เท่ากับพวกเราต้องมีประธานคอยสั่งการถึงสองคนหรอกหรือคะ”

                “แล้วถ้าผมต้องการจะให้มันเป็นแบบนั้น คุณภานิดามีปัญหาเหรอครับ” อชิระตอกกลับเสียจนภานิดาวางหน้าไม่ถูก

                ทั้งห้องเงียบกริบเหมือนกำลังรอผลลัพธ์ ก็เป็นท่านประธานคนใหม่ที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดนั้นด้วยการหัวเราะออกมาแล้วกล่าวติดตลก

                “ผมแค่ล้อเล่นน่ะครับ ดูทำหน้าเข้าสิ เครียดกันหมดเลย ความจริงที่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้คุณวสุวีได้เรียนรู้และสะสมประสบการณ์เท่านั้น ก็เห็นทุกท่านเป็นห่วงกลัวว่าเธอจะไม่มีประสบการณ์ นี่ไงครับโอกาสเรียนรู้งานมาถึงแล้ว ทุกท่านสบายใจได้ครับ เพราะยังไงอำนาจตัดสินใจเด็ดขาดก็ยังเป็นของผมอยู่ดี”

                แม้ชายหนุ่มจะไม่ได้ประกาศความสัมพันธ์ชัดเจน แต่ทุกคนในห้องนั้นย่อมรู้ดีแก่ใจว่าทั้งโรงแรมและวสุวีต่างมีความสำคัญต่ออชิระ ฐานะของหญิงสาวไม่อาจมองข้ามได้อีกต่อไป

                ข้อสงสัยของท่านประธานคนใหม่ทำให้การประชุมลากยาวหลายชั่วโมงกว่าจะจบลง อชิระเดินตามหลังวสุวีมาที่ห้องทำงาน ประตูยังไม่ทันปิดสนิทดีด้วยซ้ำ เจ้าของห้องก็ถูกคว้าไหล่แล้วดันจนแผ่นหลังชนกับผนังข้างบานประตูนั่นเอง

                “คุณเสือจะทำอะไรคะ” หญิงสาวถามอย่างตกใจ

                “ขบหัวพวกไฮยีนาให้แล้ว ไหนล่ะมื้อเด็ดที่บอกว่าจะให้” อชิระทวงถามพลางโน้มใบหน้าคมสันลงมา หมายตาที่ปากนุ่ม แต่เจ้าของเบี่ยงหลบทันเขาเลยได้งับลำคอหอมกรุ่นเป็นรางวัลปลอบใจ

                “อย่ารุ่มร่ามค่ะ เดี๋ยวมีคนเข้ามาเห็น”

                “ใครเข้ามาตอนนี้ผมจะไล่ออก”

                ยังไม่ทันขาดคำประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาโดยไม่เคาะ อชิระผละถอยแทบไม่ทัน ขณะที่วสุวีลนลานหลบไปยืนข้างหลังชายหนุ่ม หน้าตาแดงก่ำ

          “เอ่อ...ขอโทษที่เข้ามาขัดจังหวะ”

                ภพธรมองอาการของหนุ่มสาวที่เพิ่งผละออกจากกัน เขาพอได้ยินข่าวคราวของอชิระมาบ้าง เพียงแต่ว่าตอนนั้นไม่เกี่ยวข้องกันจึงเห็นเป็นเพียงข่าวไร้สาระของหนุ่มเจ้าชู้คนหนึ่ง ไม่คิดว่าวันนี้อชิระจะก้าวเข้ามาทำลายแผนการของเขาโดยการเชื้อเชิญของวสุวี เขาประเมินความสามารถของลูกเลี้ยงต่ำเกินไป ไม่คิดว่าจะใช้จริตมารยาจับอชิระเสียจนอยู่หมัด

                ลูกเลี้ยงแสนวุ่นวายชักนำปัญหาใหญ่เข้ามา ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ยุ่งยาก ความฝันที่จะเปลี่ยนแปลงโรงแรมชะงักเพราะถูกก้างชิ้นโตขัดขวาง การกำจัดวสุวีให้พ้นทางเป็นเรื่องง่ายแค่พลิกฝ่ามือ แต่การกำจัดวสุวีที่มีอชิระคอยอยู่เบื้องหลังนั้นแทบเป็นไปไม่ได้

                สู้กับอชิระก็หนักหนาสาหัสแทบไม่ได้ผุดได้เกิด แล้วคิดเหรอว่าถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับลูกชาย เจ้าสัวอรุณจะไม่สอดมือเข้ามาช่วย หนทางข้างหน้ามีแต่ขวากหนาม แต่ภพธรจะถอดใจไม่ได้ เขาเตือนตัวเองให้ใจเย็นรอโอกาส ความสัมพันธ์ของสองคนนี้เดาไม่ยาก แต่การทำธุรกิจบนเตียงมันจะยืนยาวสักแค่ไหนกัน แววตาอชิระแสดงความลุ่มหลงวสุวีก็จริง แต่อายุของความสัมพันธ์แบบนี้จะไม่มีวันยั่งยืน 

                วสุวีมีอชิระเป็นที่พึ่งคุ้มกะลาหัว แต่หากสักวันที่ไอ้หนุ่มนี่เจอใครน่าสนใจกว่า ไม่แน่ว่าความมั่นคงของวสุวีในตอนนี้อาจสั่นคลอน รอก่อนไม่เสียหาย ในเมื่อวสุวีอยากเล่นเกม ภพธรก็จะลองเล่นเป็นเพื่อนลูกเลี้ยงดูสักครั้ง

                “คุณภพธรมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” อชิระถาม

                “อ๋อ...อาแค่อยากจะถามคุณเสือว่าต้องการห้องทำงานใหม่เป็นแบบไหน”

                “ไม่ต้องลำบากหรอกครับ ขอโต๊ะทำงานในห้องนี้เพิ่มสักชุดก็พอ แล้วกำชับทุกคนด้วยว่าอย่าลืมเคาะประตูก่อนเข้าห้อง”

                “เอ่อ...ต้องขอโทษด้วยที่อาพรวดพราดเข้ามา อายังชินเหมือนเมื่อก่อนตอนคุณวิอยู่น่ะ”

                พอได้ยินชื่อแม่ วสุวีก็โกรธกรุ่นขึ้นมา “อาภพมีธุระอะไรอีกไหมคะ นั่งคุยกันก่อนก็ได้ค่ะ”

                “ไม่มีอะไรแล้วจ้ะ อาขอตัวเลยดีกว่า สองคนจะได้คุยกันต่อ” ภพธรยิ้มมุมปากอย่างดูแคลน เตรียมจะถอยออกจากห้อง

                “มีอะไรเหรอคะ” วสุวีเห็นพ่อเลี้ยงยังยืนอยู่จึงเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

                “อาแค่อยากชม การแก้ปัญหาของวีนี่เด็ดขาดจนอาคาดไม่ถึง ต่อไปก็ต้องฝากโรงแรมของเราไว้กับคุณเสือด้วยนะครับ”

                “ไม่ต้องห่วงครับ รับรองจะดูแลเต็มที่”

                ชายหนุ่มปิดประตู เบ้ปาก ชักสีหน้า เดินเซ็งๆ ไปแย่งเก้าอี้ของวสุวีนั่งโดยที่เจ้าของยังยืนขมวดคิ้วนิ่วหน้าอยู่

                “พ่อเลี้ยงคุณนี่น่าไปเอาดีด้านการแสดงนะ เสแสร้งแกล้งทำเป็นห่วง แต่แอบมาล้วงความลับเรา”

                “ถ้าฝีมือการแสดงไม่ถึงจะตบตาแม่ฉันมาจนถึงป่านนี้เหรอคะ”

                “แม่คุณก็เก็บความลับเก่ง ไม่เคยปริปากบอกใครเลยว่าแอบเลี้ยงงูเห่าไว้ใกล้ตัว”

                “เรื่องน่าอายแบบนี้ ไม่มีใครเอาจุดผิดพลาดของตัวเองมาโพนทะนาหรอกค่ะ กว่าแม่จะรู้ตัวก็สายเกินไป ฉันก็ได้แต่หวังว่าตัวเองจะไม่พังเหมือนกับแม่”

                “ทำไมคิดงั้นล่ะ มานี่มา” อชิระนิ่วหน้าไม่ชอบใจคำพูดนั้น กวักมือเรียกให้หญิงสาวเข้าไปหา พอวสุวีเดินมาใกล้ไม่ทันระวังตัวก็ถูกเขารั้งลงมานั่งบนตัก เธอตกใจดิ้นรนจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกแขนเขารัดเอวเอาไว้

                “อย่าดื้อน่า”

                “เดี๋ยวใครจะโผล่เข้ามาอีกนะคะ”

                “ผมล็อกประตูแล้ว”

                “เดี๋ยว...ล็อกตอนไหนคะ” วสุวีไม่อยากจะเชื่อ แต่คนเจ้าเล่ห์ยักคิ้วกวนๆ

                “ล็อกตอนคุณไม่รู้ตัวไงล่ะ จะวางแผนแอ้มสาวทั้งทีมัวลีลาชักช้าก็อดสิ”

                “คุณล้อฉันเล่นใช่ไหมคะ นี่ห้องทำงานนะ” 

                “ตื่นเต้นดีออก”

                “คุณเสือ!”

                “ฟังผมนะ” อชิระจับปลายคางของหญิงสาว ดึงใบหน้างามลงต่ำลงจนกระทั่งสายตาทั้งคู่ประสานกัน คำพูดของเขาเบาเหมือนกระซิบ แต่กลับหนักแน่นในความรู้สึกของคนฟัง “ไม่ว่าคุณจะเคยผิดพลาดอะไรในชีวิต แต่การเดินเข้ามาหาผมคืนนั้นคือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดสำหรับคุณ นอกจากไม่พังแล้วจะปังยิ่งกว่าเดิม เชื่อสิ”

                อชิระยืนยันคำสัญญาของเขาด้วยริมฝีปากร้อน วสุวีดิ้นขลุกขลักอยู่ชั่วครู่ก่อนโอนอ่อนคล้อยตาม สกิลขั้นเทพขนาดเขา เธอจะเอาอะไรไปต้านไหว

                “ได้เวลามื้อเด็ดของเสือหรือยัง” 

                “ที่ห้องอาหารน่าจะพร้อมแล้วนะคะ” 

                “ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้นสักหน่อย ข้าวกลางวันคอยได้”

                วสุวีก็เพิ่งมาเข้าใจโจ่งแจ้งตอนที่ถูกเขาจูบเอาๆ จนตัวสั่น อชิระไม่อยากกินข้าวกลางวัน แต่เขากำลังจะกินเธออีกแล้ว!

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น