16

ตอนที่ 16


 

   

            คนร้ายกำลังพยายามพังประตู และถ้ารอถึงเวลานั้นจุดจบของเธอคงไม่ต่างจากเอมิลี่แน่นอน แมคเคนซี่กลับไปซ่อนตัวอยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์ด้วยความหวาดกลัว พยายามตั้งสติ ข่มใจให้นิ่งแล้วนึกถึงสิ่งที่เดฟสั่งไว้ก่อนจะออกไปว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นให้หนีออกทางประตูหลัง แล้วตรงไปที่บ้านของโจนาธานที่ห่างออกไปสองถนน

                แต่ถ้าเธอไปแล้วพวกนั้นตามมาล่ะ...ไม่เท่ากับว่าเธอหาเรื่องเดือดร้อนไปให้โจนาธานทั้งที่เอมิลี่เพิ่งจะตายแทนเธอน่ะหรือ...

                หญิงสาวคิดหนัก กลัวก็กลัว แต่ก็ไม่อาจทำตามที่เดฟสั่งไว้ได้ จึงมองซ้ายมองขวาหาตัวช่วยว่าจะเจออะไรบ้าง ปัง!

                เสียงถีบประตูข่มขวัญให้หญิงสาวยิ่งลนลานกว่าเดิม มือทั้งสองข้างสั่นเช่นเดียวกับหัวใจที่เต้นรัว แต่สะกดกลั้นความกลัวไว้แล้วกดหมายเลขหาตำรวจ

                โทรศัพท์ใช้ไม่ได้! เดฟไม่ได้จ่ายค่าโทรศัพท์มานานแล้ว

                “อีตาบ้า!” เจ้าของเสียงเล็กร้องออกมาอย่างอัดอั้น ใจจริงเธออยากจะกรีดร้องให้ดังไปถึงบ้านข้างๆ ทีเดียว แต่กลัวว่ายิ่งร้องขอความช่วยเหลือแล้วคนพวกนั้นก็จะเข้ามาฆ่าเธอเร็วขึ้น

                ปัง!

                บาร์เทนเดอร์หน้าเหี้ยมคนนั้นถีบประตูเข้ามาอีกเต็มแรงจนแมคเคนซี่สะดุ้ง กดดันให้หญิงสาวต้องรีบหาทางหนีทีไล่ก่อนที่ทั้งสองจะเข้ามาถึงตัวได้

                “ไปดักทางประตูหลังบ้านด้วย ก่อนที่เด็กนั่นจะหนีไป!” บาร์เทนเดอร์หน้าเหี้ยมตะโกนสั่งชายอีกคนที่มาด้วยกัน และทำให้แมคเคนซี่ไม่เหลือทางเลือกใดๆ นอกจากรีบหนีออกจากบ้านไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ก่อนที่จะไม่มีโอกาส

                ปัง!

                หญิงสาววิ่งไปที่หลังบ้านแล้วเปิดประตูหลังหนีออกไปทัน เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูบ้านถูกถีบเต็มแรงเป็นครั้งสุดท้าย บานประตูเปิดออกพร้อมๆ กับที่เสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่นไปทั้งถนน

                “ฉิบ!” บาร์เทนเดอร์ตัวแสบสบถดังมาก จนแม้แต่แมคเคนซี่ที่กำลังวิ่งหนีไปทางด้านหลังบ้านยังได้ยิน

                แมคเคนซี่ไม่มีเวลาสนใจอะไรแล้ว อย่างเดียวที่ทำคือวิ่งหนีผู้ชายที่กำลังวิ่งตามมาดักทางด้านหลังตัวบ้านได้อย่างฉิวเฉียด เธอเร่งฝีเท้าสุดแรงกำลังที่มีออกไปยังถนนอีกสายที่เชื่อมต่อกับด้านหลังบ้านของเดฟ มีทั้งร้านขายอุปกรณ์การช่างและอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว และทุกคนก็มองเธอเป็นจุดเดียว

                “ช่วยด้วยค่ะ มีคนพยายามปล้นบ้านฉัน ช่วยแจ้งตำรวจให้หน่อยได้ไหมคะ!” หญิงสาวละล่ำละลัก เรียกให้คนที่อยู่ในร้านพลอยออกมาดูด้วย

                “แม็กกี้”

เสียงเรียกชื่อที่คุ้นเคยทำให้หญิงสาวหันไปตามต้นเสียง

                “โจ!” แมคเคนซี่ร้องออกมาด้วยความดีใจราวกับพระเจ้าลงมาโปรดก็ไม่ปาน เธอวิ่งเข้าไปหาเขาเช่นเดียวกับที่โจนาธานก็วิ่งมาหาเธอด้วยด้วยสีหน้าห่วงใยเช่นกัน

                “เกิดอะไรขึ้น”

                “โจรขึ้นบ้านค่ะ”

                ดวงตาของชายหนุ่มหรี่แคบลงด้วยความสงสัย “เธอมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”

                “อยู่บ้านเดฟค่ะ”

                “อะไรนะ!” คนฟังมีท่าทีตกใจอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกับชาวบ้านที่อยู่แถวนั้นที่ต่างก็มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ

                “ช่างเถอะค่ะ พาฉันไปแจ้งตำรวจที มีคนบุกบ้านเดฟจริงๆ นะคะ”

                “พี่จะเรียกเก้าหนึ่งหนึ่งให้” โจนาธานลูบหลังเพื่อนของน้องสาวผู้ล่วงลับเบาๆ โอบไหล่มนไว้แล้วพาเดินกลับไปที่หน้าบ้านของเดฟ และรอตำรวจมาถึง

                กว่าตำรวจท้องที่จะมาถึง คนร้ายทั้งสองก็หายไปแล้ว แมคเคนซี่รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าพวกนั้นคงจะหนีไปทันทีที่สัญญาณเตือนภัยในบ้านของเดฟดังลั่นไปทั้งละแวกนี้ ถ้าอยู่ให้โดนจับได้สิเรียกว่าโง่ของจริงแน่ๆ พวกตำรวจและพิสูจน์หลักฐานที่มาถึงส่วนมากก็แค่ตรวจเก็บพยานวัตถุและพยานหลักฐานประเภทรอยนิ้วมือแฝง แมคเคนซี่ตามไปให้ปากคำและบอกรูปพรรณสัณฐานคนร้าย ไม่นานก็ถูกปล่อยตัวกลับบ้าน

                “ประตูพังแบบนี้ไม่ดีแน่ ไปอยู่ที่บ้านพี่ก่อนไหม” โจนาธานเสนอเมื่อเห็นว่าสีหน้าของแมคเคนซี่ไม่ดีขึ้นเลย

                “ฉันว่าจะรอเดฟก่อนค่ะ”

                “พี่จะโทร. บอกให้มันรีบกลับ”

                “ขอบคุณมากนะคะโจ” เธอช้อนตาขึ้นมองพี่ชายของเพื่อนด้วยแววตาซาบซึ้ง แต่พอเห็นหน้าโจนาธานคราวใด แมคเคนซี่ก็อดคิดถึงเอมิลี่ไม่ได้ เพื่อนต้องตายเพราะเธอ ไม่ดีแน่ถ้าโจนาธานจะต้องเป็นรายต่อไป

                “บอกได้ไหมว่าไปรู้จักไอ้เดฟมันได้ยังไง”

                “คือว่าฉัน...” แมคเคนซี่หลบสายตาราวกับพี่ชายที่จับได้ว่าน้องสาวริจะมีเดตแรกของโจนาธาน

                “พี่ไม่ได้จะว่าอะไรหรอก แต่เพราะเห็นว่าเธอน่ะปกติไม่ค่อยเข้าใกล้ใคร แต่อยู่ๆ มากับเดฟ นี่เมื่อวันก่อนเรนนี่เพิ่งโทร. ถามพี่ว่าเห็นเธอบ้างไหม หมายความว่าเรนนี่ไม่รู้ว่าเธอมากับเดฟใช่ไหมแม็กกี้”

                “โธ่โจ” นักศึกษาสาวได้แต่ถอนหายใจ เธอไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน และไม่รู้ว่าควรจะบอกเรื่องนี้ให้เขาทราบดีหรือไม่ ทั้งโจนาธานและเรนนี่นั่นละ ไม่ควรมีใครรู้เรื่องนี้จนกว่าเธอจะรู้ว่าคนที่ตามล่าเธอต้องการอะไรจากเธอกันแน่

                “หรือว่าเดตกับเดฟอยู่” โจนาธานกอดอกแล้วมองเธอด้วยสายตาจับผิด ถึงตรงนี้แล้วแมคเคนซี่ก็ไม่มีทางเลือกมากนัก จึงตัดสินใจพยักหน้าไปส่งๆ โกหกว่ากำลังคบกับเดฟไปเลยจะได้จบ

                “เพื่อนพี่คนนี้เป็นคนดี พี่รับรองได้”

ได้ยินคำรับรองอย่างนั้นแล้วคนฟังก็ได้แต่ยิ้มแหย อยากจะสาธยายถึงความร้ายกาจของเดฟให้โจนาธานฟังเหลือเกิน แต่ก็คิดว่าไม่ทำจะดีกว่า เธอไม่อยากให้โจนาธานห่วง และอีกอย่างก็เพราะอย่างไรเสียพวกเขาก็เพื่อนกัน เดี๋ยวก็ต้องแก้ต่างให้กันอีก ซึ่งเธอไม่อยากฟังเลยสักนิด

                “พี่ช่วยซ่อมประตูระหว่างรอเดฟมาก็แล้วกัน”

                “ฉันช่วยค่ะ” มีอะไรทำอย่างน้อยก็ดีกว่ารอเดฟอยู่เฉยๆ ไม่อย่างนั้นเธอคงคิดมากจนฟุ้งซ่านไปอีกแน่

                แมคเคนซี่ยิ้มให้โจนาธาน พี่ชายที่แสนดีของเอมิลี่ และยังเผื่อแผ่ความห่วงใยมาถึงคนแปลกๆ อย่างเธออีกด้วย ทำให้เธอรู้ว่าผู้ชายก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียหมดอย่างที่เคยเจอ อย่างน้อยก็โจนาธานนี่ไง

                ส่วนเดฟ...แมคเคนซี่ยังไม่กล้าตัดสินว่าเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่ ต่อให้เดฟร้ายกาจแค่ไหน แต่เธอก็อุ่นใจทุกครั้งที่มีเขา แค่มีเดฟอยู่ใกล้ๆ เธอจะไม่มีวันได้รับอันตรายแน่นอน

               

                หลังแยกจากแมคเคนซี่ เดฟก็รีบเดินทางไปยังบ้านของ ‘เจ้านาย’ ที่อยู่ในเขตบรองซ์ ทว่าเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นสองสามครั้ง เรียกความสนใจจากอดีตนักบินไนท์สตล็อกเกอร์หนุ่มให้ละสายตาจากท้องถนนมามองหน้าจอโทรศัพท์ เพียงเสี้ยววินาทีเดฟก็กดรับสาย

                “นายถึงไหนแล้วเดฟ”

                เดฟขมวดคิ้ว น้ำเสียงแดเนียลจากปลายสายฟังดูร้อนรนผิดปกติ “กำลังจะเข้าเขตบรองซ์”

                “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าเพิ่งไป”

                “ทำไม”

                “ทั้งเอฟบีไอและอัยการเขตกำลังไปที่บ้าน ‘เจ้านาย’ ของนายน่ะสิ!”

เสียงหอบเล็กน้อยจากปลายสายทำให้เดฟรู้ได้ทันทีว่าแดเนียลก็กำลังเคลื่อนที่ตลอดเวลาเช่นกัน “นายอยู่ที่ไหนแดน”

                “กำลังกลับ แต่ต้องหลบพวกเอฟบีไอ”

                “ทำไมต้องหลบวะ”

                “เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง นายไปรออยู่ที่บ้านฉันเลย” แดเนียลบอกที่อยู่บ้านที่บรุกลินแล้ววางสายไป

                เดฟสบถเล็กน้อย แต่ก็มุ่งหน้าไปยังที่อยู่ตามที่แดเนียลบอก

                อดีตนักบินไนท์สตล็อกเกอร์หนุ่มเดินทางมาถึงอะพาร์ตเมนต์ของแดเนียลที่อยู่ในย่านบรุกลินไฮท์ เพียงแค่จอดรถที่ด้านหน้าอะพาร์ตเมนต์หลังใหญ่ เขาก็ต้องขมวดคิ้วแล้วมองบ้านเลขที่อีกครั้งว่าใช่หรือไม่ เพราะดูอย่างไรอะพาร์ตเมนต์นี้ก็ไม่เข้ากับอดีตทหารอย่างแดเนียลเลยสักนิด

                เดฟยืนสูบบุหรี่จนหมดมวน แดเนียลก็มาถึง โดยขับไทรอัมพ์ สแครมเบลอร์คันเก่งของเดฟมาคืนให้ พร้อมทั้งยักคิ้วกวนๆ

                “ค่าเช่าจอดแพงนะ” หนุ่มแว่นยิ้มเจ้าเล่ห์ โยนกุญแจคืนให้เดฟแล้วเดินนำเข้าไปในอะพาร์ตเมนต์

                “ไม่คิดว่านายจะอยู่ที่นี่”

                “ฉันก็ไม่คิดจะอยู่...นี่ของเมียฉัน” เจ้าของบ้านบอกพลางถอดแจ็กเกตตัวนอกแล้วโยนทิ้งสะเปะสะปะไม่เป็นที่เป็นทาง ทำเอาเดฟขมวดคิ้ว

                “ไม่กลัวเมียด่าหรือไง”

                “คุณเธอบินไปคุยงานที่แคลิฟอร์เนีย ไม่อยู่หนึ่งสัปดาห์เต็มๆ”

                “นายควรจะหาคนทำความสะอาดก่อนเธอจะมา”

                “ก็มาแล้วนี่ไง” แดเนียลหัวเราะร่วน

เดฟชักสีหน้าโหดเข้าใส่ “เออจะช่วย แต่นายต้องบอกมาก่อนว่าเกิดเรื่องอะไรที่บ้านของพวก ‘เจ้านาย’ ฉัน” พูดพลางก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ เขาเสียเวลาไปมากแล้ว ทั้งยังทิ้งแมคเคนซี่ไว้ตามลำพัง ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรไม่ดีกับเธอหรือไม่

                เมื่อเห็นท่าทีเคร่งเครียดของเพื่อน แดเนียลก็ถอนหายใจ พยักหน้าและเริ่มเข้าเรื่องด้วยการค้นแฟ้มเอกสารออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้เดฟ

                “อะไร” นายทหารรับจ้างหนุ่มขมวดคิ้ว แต่ก็รับมาไว้แต่โดยดีและเปิดดูอย่างละเอียด ก็พบว่าเป็นงานรักษาความปลอดภัยอัยการเขตคนเก่า ที่บริษัทของแดเนียลเป็นผู้รับผิดชอบนั่นเอง

                เดฟเงยหน้าจากแฟ้มเอกสารขึ้นแล้วสบตาเพื่อน ท่าทางจริงจังของแดเนียลทำให้เดฟรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าเรื่องนี้อาจมีเงื่อนงำมากกว่าที่นายจ้างบอก และอาจมีอิทธิพลมืดเข้ามาเกี่ยวข้องมากกว่าที่คิด

                แดเนียลพยักหน้าแล้วบอกเสียงเรียบ “ตามเข้ามาสิ แล้วจะอธิบายให้ฟัง”

                ห้องทำงานของแดเนียลแตกต่างจากด้านนอกอย่างสิ้นเชิง ภายในตัวอะพาร์ตเมนต์มีแต่ข้าวของต่างๆ กระจายเกลื่อนอยู่ในสภาพรกมากถึงมากที่สุดตามประสาผู้ชายที่อยู่บ้านตามลำพัง ทว่าในห้องทำงานกลับเป็นระเบียบเรียบร้อย ผนังด้านข้างเรียงรายไปด้วยแฟ้มเอกสารเรียงตามรหัสเป็นระเบียบ ซึ่งล้วนน่าจะเป็นงานของแดเนียลทั้งหมด

                “ต่างกันเยอะนะ”

                “แน่นอน” เจ้าของห้องยักไหล่ แล้วเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงานที่อยู่มุมสุดในห้อง

                เดฟเดินสำรวจแฟ้มเอกสารสีดำทั้งหมดที่เรียงอยู่บนตู้เก็บเอกสารกว่าสามชั้น เรียงเป็นรหัสขึ้นต้นด้วยตัว ดี ตัว เอ็ม และตามด้วยตัวเลขตามจำนวนงานที่รับไว้

                “นายเปิดบริษัทรักษาความปลอดภัยจริงๆ หรือวะ”

                “อะฮะ” เจ้าของบริษัทส่งเสียงเออออ แต่ก็ไม่พูดอะไรต่อ เสียงรัวคีย์บอร์ดดังอย่างต่อเนื่องอยู่สักพัก แดเนียลก็เดินมาที่ตู้เอกสารแล้วหยิบแฟ้มงานออกมา

                “ดีเอ็มศูนย์สามเจ็ดหนึ่ง” เดฟมองตามแฟ้มเอกสารแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพื่อน

                “ใช่ ดีคือชื่อฉัน ส่วนเอ็มน่ะเชื่อเมียฉัน เมลิสสา”

                “ไม่ได้อยากรู้ อยากรู้งานนายมากกว่า นายจะให้ฉันดูอะไรกันแน่”

                “ปีก่อนฉันรับงานเป็นบอดีการ์ดให้อัยการเขตคนเก่า” แดเนียลเล่าพลางส่งแฟ้มข้อมูลให้เดฟดู ส่วนตัวเองก็เดินกลับไปที่คอมพิวเตอร์อีกครั้ง

                ดวงตาคมดุของอดีตนักบินหนุ่มไล่มองไปตามตัวหนังสือข้อมูลและภาพถ่ายของอัยการเขตคนก่อน ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อต้นปีเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ ก่อนหน้านั้นอัยการเขตเคยถูกตามล่าจึงจ้างบริษัทของเมลิสสา ภรรยาของแดเนียลมารักษาความปลอดภัย และอยู่ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุระหว่างที่เดินทางกลับบ้านที่อยู่นอกนิวยอร์กซิตี แน่นอนว่าเอฟบีไอที่ทำคดีนี้ปิดคดีลงอย่างรวดเร็ว และเป็นเอฟบีไอชุดเดียวกับที่ทำคดีของ บรูซ เกรย์สัน ด้วย

                “เหมือน โคลิน คอนโนลลี่ จะปิดคดีง่ายเกินไปเสมอนะว่าไหม...ถ้าไม่ใช่เพราะเก่งมาก ก็น่าจะเป็นเพราะมีอะไรซ่อนอยู่”

                “แล้วอะไรล่ะที่ซ่อนอยู่”

                “ฉันเคยรู้จักทนายคนหนึ่งที่เคยทำงานอยู่ในสำนักงานทนายของ บรูซ เกรย์สัน” แดเนียลบอกพลางรื้อค้นข้อมูลที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์

                “นายกำลังเอางานของนายมาให้ฉันดูเรอะ มันควรจะเป็นความลับไม่ใช่หรือ” ความลับของลูกค้าไม่ควรนำมาเผยแพร่ไม่ใช่หรือ แต่ดูเหมือนว่าแดเนียลจะสะกดคำว่าจรรยาบรรณไม่ถูกเสียแล้ว

                “เมียฉันยึดถือจรรยาบรรณเสมอ แต่ฉันไม่รู้จักคำคำนั้นหรอก” หนุ่มแว่นตอบทั้งที่ไม่ยอมมองหน้า เขารัวคีย์บอร์ดอยู่สักพักก็ฉายขึ้นโพรเจกเตอร์

                “ทีมทนายของบรูซคนหนึ่งเคยทำงานเกี่ยวกับคดีค้ายาในเขตบรองซ์ ทั้งที่สาวถึงตัวต้นตอแล้วแท้ๆ แต่ก็กลับประสบอุบัติเหตุจนสมองพิการ ทุกวันนี้ให้การอะไรไม่ได้เลย มันน่าจะมีอะไรแปลกๆ นะว่าไหม”

                “ทำไมทีมทนายของบรูซถึงได้มีอันเป็นไปกันทุกคนเลย” เดฟนึกย้อนไปถึงตอนที่ตัวเองบุกเข้าไปในสำนักงานทนายของ บรูซ เกรย์สัน แล้วค้นหาเอกสารต่างๆ ที่พอจะเชื่อมโยงได้ แต่ก็ไม่มีอะไรเลย ราวกับว่ามีใครมาเก็บกวาดไปก่อนหน้านั้นแล้ว และพวกที่มีอำนาจพอที่จะทำแบบนี้ได้ก็มีอยู่พวกเดียวคือเอฟบีไอ

                “ใช่ อยู่ที่ว่าใครกันแน่ที่ทำ...‘เจ้านาย’ ของนาย หรือว่า ‘พวกอื่น’ กันแน่”

                ทหารรับจ้างหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วย มีความเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง เพราะทั้งดิเอโกและโคลิน ฝ่ายหนึ่งเป็นมาเฟียก็จริง แต่ฝ่ายเอฟบีไอเองก็ทำงานกันแปลกๆ เช่นกัน

                “ว่าแต่แฟ้มรูปที่ให้ไปได้เรื่องอะไรบ้าง” แดเนียลถามถึงแฟ้มรูปที่รวบรวมใบหน้าและประวัติของพวกมาเฟียในนิวยอร์ก รวมทั้งคนที่เกี่ยวข้องตามที่เดฟให้ช่วยหา

                คนถูกถามส่ายหน้าเบาๆ แล้วตอบเสียงเครียด “แม็กกี้บอกว่าไม่มีเลยสักคน เป็นไปได้ไหมว่าจะมีพวกอื่นอีกที่นายไม่รู้”

                “ไอ้เดฟ” อดีตพลสื่อสารหน่วยรบพิเศษหน้าตึง แล้วชี้นิ้วที่อกตัวเองก่อนจะถามเสียงแข็ง “ฉันนี่ใคร”

                “รู้ว่านายเคยทำอะไรมาบ้าง แต่นายอาจจะพลาดก็ได้นี่”

                “ฉันกับเมียรับงานมาทั่วแล้ว ดีไม่ดีจะตั้งบริษัทแข่งกับแบล็ควอเตอร์ของนายก็ได้ จะพลาดได้ไงวะ”

                “เมียนายเป็นแค่อดีตแอร์โฮสเตสจริงๆ หรือ”

                “จะสนใจเรื่องเมียฉันหรือสนใจเรื่องคนที่ตามล่าหวานใจของนาย” หนุ่มแว่นเท้าสะเอว ทำหน้าทำตาหาเรื่อง

                “ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในบาร์มาไหม”

                “ไม่ได้” แดเนียลส่ายหน้า “ของถึงมือเอฟบีไอแล้วไปขโมยออกมายาก”

                “แล้วนายจำหน้าได้บ้างไหม”

                “ใครจะไปจำได้วะ ก็เพราะมัวช่วยหวานใจของนายไง”

                “ถ้าอย่างนั้นก็ยากแล้ว” น้ำเสียงของอดีตนักบินไนท์สตล็กเกอร์หนุ่มเต็มไปด้วยความเครียดจัด เพราะคืนที่เกิดเรื่องในบาร์นั้นมืดมากจนเขาจำรายละเอียดใบหน้าบาร์เทนเดอร์รายนั้นไม่ได้เลย แล้วอย่างนี้จะตามตัวได้อย่างไร

                “ที่จริงมันก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธี” หนุ่มแว่นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์

                “พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”

                “ฉันมีวิธีหาให้นายได้แล้วกัน”

                “นานเท่าไหร่” จริงอยู่ที่ว่ายังหาทางติดต่อกับพวกกัสซาโนไม่ได้ แต่ภัยก็เข้ามาถึงตัวแมคเคนซี่อย่างรวดเร็วจนเดฟไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว

                “ฉันขอแค่วันนี้นี่แหละ พรุ่งนี้ข้อมูลจะส่งถึงนายแน่นอน”

                “ให้แน่เถอะ”

                “ไอ้...!”

                ยังไม่ทันที่แดเนียลจะด่าจบ โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของนายทหารรับจ้างหนุ่มก็สั่นเตือนเป็นสัญญาณโทร. เข้า เดฟยกมือบอกให้แดเนียลหยุดพูด แล้วจึงกดรับโทรศัพท์

                โจนาธานนั่นเองที่โทร. มา น้ำเสียงร้อนรนจากปลายสายทำเอานายทหารรับจ้างหนุ่มอดวิตกไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแมคเคนซี่หรือเปล่า

                “ฉันจะรีบไป!” เดฟกดวางสายแล้วพุ่งตัวออกจากห้องไปทันทีจนเจ้าของห้องแทบเรียกไว้ไม่ทัน

                “เกิดอะไรขึ้นวะไอ้เดฟ”

                “เกิดเรื่องกับแม็กกี้ ฉันต้องรีบไป นายรีบส่งข้อมูลของพวกที่ตามเธอมาให้ฉันให้ไวที่สุด ตกลงนะ”

                “ได้” หนุ่มแว่นรับปากแล้วกดปลดล็อกประตูจากคอมพิวเตอร์ ทำเอาเดฟต้องหันกลับมามองด้วยสายตาเหลือเชื่อ

                “นายคิดจะขังฉันไว้ในห้องหรือไงวะไอ้แดน”

                “ระบบรักษาความปลอดภัยในบ้านน่ะ ขอโทษที”

                เดฟได้แต่คาดโทษเพื่อนแล้วรีบออกไปหาโจนาธาน ก็อยากจะอัดแดเนียลสักทีสองที แต่เพราะห่วงแมคเคนซี่มากกว่า จึงต้องรีบไปหาเธอก่อนที่จะสายเกินไป

                ถ้าพูดถึงวงการมาเฟียและอาชญากรรม นิวยอร์กมักจะเป็นที่แรกที่ผู้คนนึกถึงเสมอ แม้ว่าเจ้าพ่อคนสุดท้ายจะถูกกวาดล้างและเสียชีวิตไปจนเป็นข่าวครึกโครมเมื่อหลายปีก่อน เรื่องราวของมาเฟียนิวยอร์กเป็นเพียงแค่ ‘ตำนาน’ บทหนึ่งที่ถูกยกขึ้นมากล่าวถึงทั้งในวงการวรรณกรรมและภาพยนตร์ แต่ในความจริงแล้ว...มาเฟียไม่เคยหายไปไหน

                ในยุคก่อนมาเฟียแต่ละกลุ่มมักจะถูกเรียกชื่อตามชื่อตระกูลเป็นส่วนใหญ่ ในเวลานี้ก็ไม่ต่างกัน...

                ลอเรนโซ กัสซาโน...ทายาทคนต่อไปของกลุ่มกัสซาโนนั่งอยู่ตรงหน้า ดิเอโก เดรอตติ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นมือขวา และแน่นอน...เดรอตติคือมาเฟียกลุ่มหนึ่งที่เคยรุ่งเรืองเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่วงการนี้มีขึ้นมีลง ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ถึงแม้ว่าตอนนี้ลอเรนโซจะเป็นนาย แต่เขาก็ไม่เคยเห็นดิเอโกเป็นแค่ลูกน้อง แต่เห็นว่าเป็นอีกคนที่ต้องเคารพทุกการตัดสินใจของอีกฝ่ายเช่นกัน

                “ถึงเวลาที่คุณจะก้าวขึ้นมาควบคุมกัสซาโนเต็มตัวแล้วละ” ดิเอโกบอกเสียงเครียด หลังจากที่พ่อของลอเรนโซเสียชีวิตเพราะการจับกุมของพวกเอฟบีไอ ที่ยังพยายามทำทุกทางเพื่อหาหลักฐานการกระทำความผิดมาเล่นงานกัสซาโน  ดีที่พวกเขาไหวตัวทันและเก็บทุกอย่างไว้อย่างปลอดภัยที่สุดแล้ว

                ลอเรนโซไม่ตอบ เขานั่งเคาะนิ้วเป็นจังหวะ ใบหน้าคมคายฉายแววเคร่งเครียด จากเหตุการณ์ที่ทั้งเอฟบีไอและอัยการเขตคนใหม่บุกมาถึงบ้านไม่ใช่สัญญาณที่ดีแน่ โคลิน คอนโนลลี่ เป็นเหมือนหมาแก่ที่กัดไม่ปล่อย ส่วนอัยการเขตคนใหม่ก็คงต้องการสร้างผลงานเช่นกัน เพราะถึงแม้ว่าในทางทฤษฎีจะไม่มีอิทธิพลมืดของพวกมาเฟียเรียกเก็บค่าคุ้มครองอีกต่อไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีอยู่ทุกอย่าง ไม่ใช่แค่เรียกเก็บค่าคุ้มครอง แต่ทั้งยาเสพติดและอาชญากรรมก็ยังคงมีอยู่เสมอ เพียงแต่ไม่ครึกโครมเท่ายุคก่อนเกิดการกวาดล้างก็เท่านั้น

                “คุณควรจะแสดงตัวตนจริงๆ ได้แล้ว”

                “ยังไม่ถึงเวลา”

                “พวกมันไม่หยุดแค่นี้แน่”

                “ผมรู้” ลอเรนโซตอบ มีคนต้องสังเวยชีวิตให้การพยายามโค่นอิทธิพลมาเฟียในนิวยอร์กมามากแล้ว นั่นหมายความว่าพวกที่ตามล่าพวกเขาบ้าเลือดมากกว่าที่คิด

                ดิเอโกเงียบไป ลอเรนโซจึงต้องเป็นฝ่ายถามต่อไปว่า “ผมควรจะทำอย่างไรต่อไป”

                คนถูกถามยังไม่ตอบ แต่กลับมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบเฉย

                “ผมยังไว้ใจคุณนะดิเอโก ผมเคารพคุณเสมอ”

                “คุณควรอยู่เฉยๆ ก่อน” มือขวามาเฟียตอบในที่สุด “มันเข้ามาทั้งๆ ที่รู้ว่ามันจะไม่มีทางได้หลักฐานอะไรจากพวกเรา แต่ก็ยังมา บางทีมันอาจจะมีอะไรมากกว่านั้น”

                “มันอยากเห็นเรากระวนกระวาย เพื่อดูว่าเราจะติดต่อใครมาช่วยใช่ไหม” ลอเรนโซเลิกคิ้วถาม

                ดิเอโกพยักหน้า

                “ขอบคุณมาก” ลอเรนโซพยักหน้าเห็นด้วย จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของดิเอโกทำให้เขามั่นใจว่าอีกฝ่ายอ่านเกมขาดกว่าเขา กระนั้นก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้

                “คุณยังห่วงแมคเคนซี่อยู่ใช่ไหม” มือขวามาเฟียถาม

                “ใช่” ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อในฝีมือของเดฟ แต่เป็นเพราะว่าพวกเขาติดหนี้หญิงสาวอยู่โดยที่เธออาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

                “ก็ต้องหยุดเคลื่อนไหว”

                “เดฟไม่อยู่เฉยแน่ถ้าอยู่ๆ เราหายไป”

                “ถึงเวลานั้นเขาจะรู้เอง” ดิเอโกบอกเสียงเรียบ ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เหมือนเคย

                “ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นเร็วๆ แล้วกัน” ทายาทกลุ่มกัสซาโนพยักหน้า ระยะหลังมานี้พวกเขายุ่งกับการเก็บกวาดร่องรอยของกลุ่มกัสซาโนไม่ให้เหลือหลักฐานใดๆ ให้สาวมาถึงตัว จนไม่ได้ติดต่อกับเดฟเลย ไม่รู้ว่าตอนนี้เดฟเจอ ‘ของสำคัญ’ ที่ให้ตามหาหรือยัง หรือว่าแมคเคนซี่เป็นอย่างไรบ้าง เขาก็ได้แต่ภาวนาให้เดฟเจอ ‘ของสำคัญ’ ที่หายไป เรื่องพวกนี้จะได้จบไปเสียที

                “ถ้าผมหาวิธีติดต่อไปหาเดฟได้ล่ะ” ดิเอโกถามขึ้นเมื่อเห็นร่องรอยความกังวลบนใบหน้าของเจ้านาย

                “ไหนว่าเราไม่ควรเคลื่อนไหว”

                “คุณควรจะอยู่เฉยๆ ไว้...แต่คนอื่นไม่” มือขวามาเฟียยิ้มมุมปาก สีหน้าแววตาเจ้าเล่ห์นั่นทำให้ดูไม่น่าไว้ใจขึ้นอีกเท่าตัว

                ลอเรนโซเข้าใจในสิ่งที่ดิเอโกต้องการจะบอก ที่พูดถึงไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นพวกอาชญากรและหัวขโมยระดับล่างในเขตที่พวกกัสซาโนคุมอยู่ต่างหาก แต่ติดตรงที่ลอเรนโซไม่แน่ใจว่าพวกเอฟบีไอจะจับตามองกลุ่มคนเล็กๆ พวกนี้ด้วยหรือเปล่า

                “แน่ใจหรือว่าพวกเอฟบีไอจะตามไม่ทัน”

                “มันก็ต้องลองเสี่ยง”

                “งั้นก็ลองดู” เมื่อจนแต้มจนถึงที่สุดแล้วก็ต้องเดินหน้าสู้ แลกกันไปเลย เพราะมาเฟียอย่างพวกเขาก็ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว

 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น