2

ยายหนูของป้อ


2

ยายหนูของป้อ

 

พอดวงตาน้อยๆ เห็นวิวข้างทางผ่านกระจกของรถแท็กซี่ที่นั่งออกมาจาก JPK Entertainment เจ้าตัวจ้อยก็ดี๊ด๊าเริงร่าราวกับจำได้ว่านี่คือทางที่จะไปยังอะพาร์ตเมนต์ที่พริ้งพราวพักอาศัยอยู่

หญิงสาวอมยิ้มเอ็นดู ก้มลงหอมแก้มให้รางวัลคนในอ้อมแขนฟอดใหญ่ คนขับแท็กซี่เองก็ยังยิ้มบางๆ กับความน่ารักน่าชังของแก

“ป้อๆ”

“ขา อยากเจอคุณป้อเหรอคะ” พริ้งพราวเอ่ยเสียงเล็กเสียงน้อยกับเจ้าตัวจ้อยที่กำลังยิ้มหวานเสมือนเข้าใจการสื่อสารของผู้ใหญ่ทุกอย่าง

ครั้นนึกถึงลูกไม้ลีลาการกวนประสาทระคนดื้อรั้นใส่จอมทัพ พริ้งพราวก็หัวเราะออกมา ขันนักที่แกช่างรู้งาน ไม่หลุดเรียกเธอด้วยคำที่แสดงถึงฐานะที่แท้จริงระหว่างกัน ยอมเรียกจอมทัพว่าป้อโดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะงุนงงหรือต่อต้านชายหนุ่ม แถมยังออดอ้อนให้เขาอุ้มป้อนนม รู้จักโปรยเสน่ห์ให้คุณพ่อจำเป็นมาหลงรักทุ่มเทใจให้แกจนหมดหน้าตัก

“ปะ...ป้อ!”

“ค่ะ เรามาลุ้นกันนะคะ ว่าคุณป้อจะมาเจอเราไหม”

พริ้งพราวเอาจมูกเขี่ยจมูกเล็กๆ ด้วยความรักใคร่ กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น พร้อมกันนั้นก็ปล่อยให้ความคิดล่องลอยไปหาจอมทัพ

แม้จะทราบจากกลิกาว่าชายหนุ่มทิ้งวิถีเสือไปแล้ว แต่พริ้งพราวก็เชื่อว่าความเป็นเสือยังอยู่กับเขาเสมอ กลยุทธ์ที่เธอใช้กับเขามันจึงต้องเป็นไปด้วยความรอบคอบ ผ่านกระบวนการวางแผนมาเป็นอย่างดี วิเคราะห์ออกแบบมาในเชิงว่าให้เขาเป็นผู้ล่า

แทนที่จะเอาตัวเองไปเกาะติดเขา เธอเลยทำเป็นไม่แคร์ สวยเจิดเชิดใส่ แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการตัวชายหนุ่ม เพื่อเป็นฝ่ายคุมเกมให้เขามาตามติดเธอแทน

ถือคติว่า...คิดจะเล่นกับเสือ เราก็ต้องอ่อยเหยื่อให้เป็น

เพราะถ้าพลาดพลั้งเมื่อไร เราเองนี่แหละ ที่จะกลายเป็นเหยื่อให้เสือตะครุบ

 

“อยู่ๆ ก็มา อยู่ๆ ก็ไป ยังไม่รู้เรื่องแน่ชัดอะไรเลยก็หอบลูกหนีฉันไปแล้ว บ้าหรือเปล่าวะ!”

ปิติสะดุ้งตกใจ เหลือบมองเจ้าของเสียงเข้มจัดด้วยความหวาดหวั่น ขนาดว่าเขาคุ้นเคยกับภาวะเกรี้ยวกราดของเจ้านายประมาณหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังอดตัวสั่นกลัวแทนพริ้งพราวไม่ได้

โดยพื้นฐานแล้ว เจ้านายหนุ่มเป็นคนขี้หงุดหงิด ใจร้อนโผงผาง แต่ด้วยหัวโขนของทายาทคนโตประจำตระกูล บวกกับภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ยามที่ได้ก้าวขาเข้ามาในบริษัท จอมทัพเลยมักจะสวมหน้ากากของความเรียบนิ่ง กักเก็บความรู้สึกเอาไว้ภายใต้ใบหน้าหล่อเหลา

ทว่าเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงที่ได้เจอหน้าพริ้งพราวกับคนตัวน้อย จอมทัพกลับควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จนเผลอแสดงความหงุดหงิดและสบถถ้อยคำอันไม่สมควรออกมาเสียหลายหน

“แล้วคุณไนท์จะทำยังไงต่อไปครับ”

“ไม่ทำยังไง มาคิดดูอีกที ก็ดีแล้วละที่ผู้หญิงคนนั้นหนีกลับไปเอง ฉันจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนอะไร จะลืมไปเลยว่าเคยมีเมียแบบนั้น”

ปิติหลุดยิ้ม เพราะท่าทางกระแทกกระทั้นยามที่จอมทัพทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงาน มันช่างตรงกันข้ามกับสิ่งที่ออกมาจากปากของเจ้านายหนุ่มเสียเหลือเกิน

“จะว่าไป คุณไนท์จำคุณพริ้งไม่ได้จริงๆ เหรอครับ ผมว่าออร่าความสวยของคุณพริ้งเนี่ยโดดเด่นสว่างจ้ายิ่งกว่าใครเลยนะครับ ขนาดใส่ชุดเดรสสีขาวยาวแค่เข่าธรรมดาๆ หน้าก็ไม่ได้แต่ง ยังสวยเสียจนน่าเอามาปั้นเป็นนักร้องหน้าใหม่ของค่ายเรา...”

ชื่นชมความงามของพริ้งพราวอยู่ดีๆ เงาหัวของปิติก็มีแววว่าจะไม่ปลอดภัย ด้วยโดนนัยน์ตาวาวโรจน์ของเจ้านายกำราบให้หุบปากฉับ และได้แต่ยิ้มเจื่อนเป็นทำนองว่าตนไม่ได้คิดอะไรเลย

“ความสวยของเขามันไม่ใช่หัวข้อที่ควรจะพูดถึงตอนนี้เลยนะปิติ”

จอมทัพตำหนิเสียงแข็ง ถึงเวลานี้จะไม่ได้เป็นอะไรกับพริ้งพราวแล้ว แต่การมีบ่วงตัวน้อยร่วมกันกับเธอมันก็ทำให้เขาตงิดใจอยู่บ้าง หากได้ยินผู้ชายคนอื่นพูดถึงเธอเช่นนี้

“เป็นแม่ประสาอะไรก็ไม่รู้” ชายหนุ่มบ่นถึงสาวเจ้า ขบกรามดังกรอด เมื่อนึกถึงการเชิดหน้าเชิดตาของเธอ

“ทำเป็นสอนให้ยายหนูเรียกฉันว่าป้อ แต่กลับไม่ยอมรอให้พ่อได้เจอหน้าลูก ก็ดี ชาตินี้ก็คงจะไม่ได้เจอหน้ากันอีกแล้ว ไม่มีทางที่ฉันจะเดือดร้อนตามหา!”

ปิติหลุดยิ้มเมื่อได้ยินถ้อยคำที่จอมทัพประกาศกร้าวออกมา เสมือนว่ายินดีกับการจากไปของสองสาว ทั้งที่จริงแววตาของอีกฝ่ายกำลังไหววูบสะเทือนใจ

“ให้ผมประสานงานกับ รปภ. หรือพนักงานของเราดีไหมครับ คงมีคนเห็นบ้างว่าคุณพริ้งกับคุณหนูน้อยออกไปตอนไหน ถ้าเพิ่งออกไป เราอาจจะตามทัน” เลขาฯ หนุ่มแกล้งหยั่งเชิงถามเจ้านายหน้าหยก ผลคือโดนจอมทัพตวัดนัยน์ตาวาววับใส่

“ไม่ต้อง ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะไม่เดือดร้อนตามหา ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเมื่อกี้เหรอ เป็นเลขาฯ ยังไง ไม่ฟังคำที่เจ้านายพูด มันน่าหักเงินเดือนจริงๆ!”

“ครับ ผมขอโทษครับคุณไนท์” ปิติค้อมหัวให้จอมทัพ เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายกำลังตกอยู่ในภาวะคนโดนลูกเมียทิ้งแบบฉับพลัน เลยอาจจะคุมสติไม่ค่อยอยู่สักเท่าไร

และด้วยความเป็นเลขาฯ ที่รู้ใจเจ้านาย ปิติก็ทราบดีว่าจอมทัพทำเป็นฟอร์มจัดแสร้งว่าไม่ต้องการพริ้งพราวกับคุณหนูน้อยไปอย่างนั้นเอง ใจจริงคงอยากจะพุ่งตัวไปสืบหาเบาะแสของสองสาวจะแย่แล้ว

“หือ...” เลขาฯ หนุ่มเลิกคิ้วสงสัย เมื่อเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นเล็กที่สอดอยู่บนโซฟา ครั้นเดินไปหยิบขึ้นมาดูก็คลี่ยิ้มยินดี และหันไปบอกเจ้านาย “คุณไนท์ครับ คุณพริ้งฝากข้อความไว้ให้คุณไนท์ด้วยครับ”

“ไหน!”

จอมทัพหน้าตื่นตาโต รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปแย่งกระดาษแผ่นเล็กมาไว้ในมือตัวเอง

แอ้แอ๊ะ คุงป้อขา หนูกับแม่ขอกลับก่อนนะคะ ถ้าคุงป้อคิดถึงหนู ก็ไปหาหนูกับแม่ตามที่อยู่นี้ได้นะคะ...

พอได้อ่านสิ่งที่พริ้งพราวทิ้งไว้ ชายหนุ่มก็ถอนใจโล่งอก รีบเก็บกระดาษแผ่นนี้ไว้ในกระเป๋าสตางค์ หวงแหนมันราวกับว่านี่คือสมบัติล้ำค่าในชีวิต

 

หญิงสูงวัยหน้าตาสะสวยบรรจงเช็ดฝุ่นที่เกาะอยู่บนถ้วยรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมด้วยความทะนุถนอมระคนภาคภูมิใจ เพราะนี่คือสิ่งที่การันตีฝีมือของ ‘จ๋า จารุณี’ นางเอกยอดนิยมเมื่อสมัยสามสิบกว่าปีที่แล้ว เจ้าของฉายา ‘นางฟ้าของจอแก้ว’ ผู้คว้าใจประชาชนจนเป็นที่รักของคนไทยทั้งประเทศ

แม้ทุกวันนี้จารุณีจะไม่ได้รับงานแสดงแล้ว แต่เธอก็ยังคงคิดถึงกองถ่ายและบรรยากาศของการทำงานอยู่เสมอ หากมีบทดีๆ ที่เหมาะสมกับวัยและท้าทายความสามารถ เธอก็อาจจะหวนคืนบัลลังก์ดาราให้แฟนละครรุ่นเก่าได้หายคิดถึงบ้าง

“ทำไมไม่ให้แม่บ้านทำให้ล่ะครับ คุณจ๋า จารุณี เช็ดเองทำไมครับ”

หญิงสูงวัยค้อนเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องโถงของบ้านจิตรภากร ก่อนตอบกลับเขา “ของรักของหวงฉันนี่คะ ฉันไม่ให้คนอื่นทำหรอก เกิดเสียหายขึ้นมาจะทำยังไง”

นำทัพหัวเราะ ก่อนจะเดินเข้ามานั่งข้างๆ ภรรยา แกล้งเย้าอีก “เห็นถ้วยรางวัลพวกนี้แล้วนึกถึงสมัยนั้นเนอะ กว่าผมจะพิชิตใจนางฟ้าของวงการบันเทิงไทยได้ เหงื่อแตกไปหลายหยดเลย”

“ก็แหม ตอนนั้นคุณคือหนุ่มนักเรียนนอก ทายาทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ที่สาวๆ กรี๊ดกร๊าดกันทั้งวงการนี่คะ นางฟ้าอย่างฉันก็ต้องเล่นตัวให้มีค่าหน่อยสิ ไม่งั้นจะเข้ารอบสุดท้าย คว้าคุณมาเป็นสามีได้เหรอ”

นำทัพอมยิ้ม จ้องใบหน้างามสมวัยของภรรยาอยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นว่าเธอกำลังอารมณ์ดีก็ลองหยั่งเชิงเอ่ย “งั้นคุณนางฟ้าก็ช่วยใจดีกับหนูก้อยของลูกชายเราหน่อยไม่ได้เหรอครับ”

จารุณีชะงักกึก หรี่ตามองสามี “อ้อ ที่เข้ามาชวนฉันคุยเนี่ย คือจะมาช่วยตานบละสิท่า”

โดนรู้ทัน นำทัพก็หัวเราะแหะๆ “ผมสงสารตานบนี่ ลูกคงใจแป้วแย่แล้ว”

“แป้วก็แป้วสิ ก็ฉันไม่ชอบเด็กนั่นจริงๆ นี่!”

จารุณียืนยันความรู้สึกตัวเอง วางถ้วยรางวัลลงบนโต๊ะไม้สักขนาดเล็กดังปัง อารมณ์ที่กำลังสุนทรีย์สลายไปทันควัน เมื่อนึกถึงคนรักของลูกชายคนเล็ก

คราแรกเธออาจจะยังมีแก่ใจเล่นละครต่อหน้าลูกชายว่าเอ็นดูกลิกา แต่แล้ว...ด้วยเลือดของคนเป็นแม่ที่รักลูกยิ่งชีพก็ทำให้เธออดใจไม่ไหว แปลงร่างเป็นว่าที่แม่สามีใจร้าย ประกาศลั่นกลางบ้านว่าไม่มีทางรับกลิกามาเป็นสะใภ้ จนลูกชายและสามีหน้าซีดไปตามๆ กัน

“ทำไมล่ะคุณ หนูก้อยก็น่ารักดีนะ ต่อให้คุณจะพูดกับลูกว่าหนูก้อยไม่เหมาะสมกับเขา แต่ผมก็เชื่อว่าคุณไม่ได้รังเกียจที่หนูก้อยฐานะต่างจากเรา”

จารุณีเงียบนิ่ง...ใช่ จริงๆ แล้วเธอไม่ได้รังเกียจที่กลิกายากจน ด้วยเธอก็มาจากดิน กัดก้อนเกลือกินมาก่อน ทั้งยังเคยโดนแม่สามีรังเกียจที่เธอไม่ใช่ผู้ดีจากตระกูลใด ย่อมไม่มีทางที่เธอจะมารังเกียจคนรักของลูกชายเพราะเหตุผลที่ตัวเองเคยโดน

“เรียบร้อยหัวอ่อนแบบหนูก้อย คุณก็ไม่ชอบ แล้วคุณอยากได้สะใภ้แบบไหนเหรอ”

ถามไปแล้ว นำทัพก็ไม่ได้คำตอบ เพราะจารุณีทำหูทวนลมเสมือนไม่ได้ยิน ทำทีเช็ดถ้วยรางวัลต่อหน้าตาเฉย ด้วยความมันเขี้ยวภรรยา ชายสูงวัยเลยแกล้งขู่

“เวรกรรมมีจริงนะคุณ ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ”

มือของจารุณีหยุดกึก ขมวดคิ้วสงสัย ก่อนหันไปถามสามี “ระวังอะไรคะ”

“ก็คนหัวอ่อนอย่างหนูก้อย คุณก็ไม่เอา” นำทัพหัวเราะหึ ขู่ซ้ำ “สวรรค์อาจจะหมั่นไส้ ส่งลูกสะใภ้หัวแข็งมาปราบคุณ เหมือนที่คุณปราบแม่ผมไง”

 

จอมทัพครุ่นคิดตรึกตรองมาพักใหญ่ก็ได้คำตอบว่าตนควรจะไปหาสองแม่ลูกตามที่อยู่บนกระดาษที่พริ้งพราวทิ้งไว้ให้

แม้จะยังสับสน สงสัย ตกใจที่จู่ๆ เมียกับลูกก็โผล่เข้ามาให้เขารู้จักโดยไม่ทันตั้งตัว เขาก็ขอปล่อยผ่านไปก่อน ด้วยตอนนี้ ความคิดถึงมันดันมาแรงแซงทุกความรู้สึก จนเขาแทบจะทิ้งการทิ้งงานแล่นไปหาคนตัวน้อยให้สมกับความห่วงหาอาวรณ์ที่กำลังอัดแน่นอยู่ในอก

“นี่ ปิติ มีอะไรที่ฉันต้องเคลียร์อีกไหม ยังไม่หมดอีกเหรอ”

“ใกล้แล้วครับคุณไนท์” เลขาฯ หนุ่มบอกพลางยื่นแฟ้มเอกสารให้เจ้านาย ท่าทางกระสับกระส่ายพร้อมการก้มมองนาฬิกาข้อมือแทบตลอดเวลาของอีกฝ่ายสร้างความขบขันให้ปิติจนเขาเกือบจะหลุดหัวเราะออกมาเสียหลายครั้ง “คุณไนท์จะรีบไปหาคุณหนูน้อยเหรอครับ”

“ยุ่งน่า!” จอมทัพตีรวนใส่คนที่เขาดูออกว่าถามเพื่อจงใจเย้ากัน ทำตาขวางใส่อีกฝ่าย “งานน้อยขนาดว่ามีเวลามาแซวเจ้านายอย่างนี้เลยเหรอ จะได้เพิ่มงานให้”

ปิติหลุดยิ้ม รู้ทันว่าจอมทัพกำลังเขิน

“ยังจะมายิ้มอีก ไปทำงานสิ!”

“ครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”

เลขาฯ หนุ่มค้อมหัวให้ ก่อนจะเปิดประตูออกไปจากห้องทำงานของเจ้านายหน้าหยก ในขณะที่จอมทัพเองก็อดใจไม่ไหว ยอมละฟอร์ม รีบต่อสายไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่แนบมาพร้อมกับที่อยู่ และตนก็จำมันได้ทั้งที่อ่านเพียงแค่ครั้งเดียว

“ฮัลโหล ใครคะ...”

“ผมเอง”

“ผมไหนล่ะคะ”

“พ่อของยายหนู!”

จอมทัพเอ่ยเสียงแข็งเสมือนคนยอมรับสถานะนี้แล้วอย่างเต็มปากเต็มคำ ใจจริงคืออยากจะพ่วงไปอีกสามคำด้วยว่า ‘ผัวคุณไง!’

“อ๋อ คุณไนท์นี่เอง ว่าไงคะ”

“คุณพายายหนูหนีผมไปทำไมฮะ!”

“หนีอะไร ฉันไม่ได้หนีเลย ฉันก็แค่หมดธุระของฉันแล้ว ลูกก็ตื่นแล้ว แต่คุณก็ประชุมไม่เสร็จสักที ฉันเลยพาลูกกลับ ก็แค่นั้น”

น้ำเสียงเรียบเรื่อยอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรของคนปลายสายทำจอมทัพขบกรามดังกรอด หงุดหงิดกว่าเดิม ทว่าเสียงอ้อแอ้ที่ดังแทรกมาก็ช่วยทำให้อาการพื้นเสียของเขาคลายลงได้โดยพลัน

“แอ๊ะ!”

“ขา คุณป้อโทร. มาหาค่ะ อยากคุยกับคุณป้อไหมคะ”

“ป้อ!”

“ค่ะ ถามคุณป้อเร็ว ว่าจะมาหาเราไหม”

“ป้อ!”

“ค่ะ ถามสิคะ คุงป้อขา จะมาหาหนูกับแม่ไหมคะ”

จอมทัพคลี่ยิ้มกับบทสนทนาที่ไม่ค่อยจะถูกหลักทางภาษาของสองแม่ลูก เต็มตื้นในอกแปลกๆ เมื่อรับรู้ได้ว่าคนตัวน้อยอยากให้ตนไปหา

“ว่าไงคะคุณพ่อ ไม่ตอบสักที ตกลงคุณจะมาหาลูกไหม”

“ก็...ขอดูงานก่อนละกัน” ชายหนุ่มแสร้งเล่นตัว แกล้งให้เธอร้อนรนอย่างที่ตนเป็นบ้าง “ถ้างานเยอะก็อาจจะไปไม่ได้”

“ค่ะ แล้วแต่คุณเลย แค่นี้นะคะ”

“เดี๋ยวสิ!”

คนอะไร...ผัว เอ๊ย อดีตผัวโทร. หาทั้งที ไม่คิดจะอยากย้อนรำลึกถึงความสัมพันธ์อันซาบซ่านในคืนนั้นบ้างเลยหรือไง

ถึงจะเป็นสามีภรรยากันแค่คืนเดียว แต่เวลาอันน้อยนิดนั้นมันก็สร้างพยานรักออกมาตั้งหนึ่งคน แทนที่จะโหยหากันบ้าง ดันมาทำเมินกันอยู่ได้

“มาด๋งมาเดี๋ยวอะไรอีกล่ะคะ วิถีคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวมันยุ่งนะคุณ ไม่มีเวลาว่างพอจะมาจี๋จ๋ากับผัวเก่าหรอกย่ะ”

เธอยกเอาฐานะแสนห่างเหินมากระแทกใส่หูจอมทัพ ก่อนจะตัดสายทิ้งไป โดยที่ไม่แยแสเลยว่าชายหนุ่มจะโกรธเพียงใด

“ผู้หญิงอะไร ไม่คิดจะทำตัวน่ารักน่าใคร่กับคนที่เคยขึ้นชื่อว่าเป็นผัวตัวเองบ้างเลยหรือไง”

เขาทำตาขวางใส่หน้าจอโทรศัพท์ หมั่นไส้อดีตเมียคืนเดียวเสียจริง

สงสัยต้องทำให้ตัวเองเป็นผัวปัจจุบันของพริ้งพราวก่อนกระมัง เธอถึงจะว่างมาจี๋จ๋าด้วย

 

พริ้งพราวกลอกตามองบนสิบแปดตลบหลังจากได้ยินเสียง ‘พ่อตัวจริง’ ของยายหนูน้อย ซึ่งเขากำลังออดอ้อนลูกสาวสุดที่รักด้วยความกลัวว่าแกจะพิศวาสป้าอย่างเธอมากกว่า

“ลูกแมวน้อย อย่ารักป้าพริ้งมากนะลูก เดี๋ยวปะป๊ากับแม่พริ้มก็กลับแล้วนะครับ”

“แอ๊ะ ปะป๊า”

“คร้าบ คิดถึงตัวแสบของพ่อที่สุดเลย”

หฤทธิ์เอ่ยเสียงเล็กเสียงน้อย ส่งความรักความห่วงใยของคนเป็นพ่อผ่านการวิดีโอคอลทางหน้าจอโทรศัพท์มาให้คนบนตักพริ้งพราว ก่อนจะหันมองภรรยาที่นั่งเคียงกันบนเตียงของห้องพักในโรงแรมที่ทั้งคู่เข้าพักขณะมาเยือนโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

“พริ้มจ๋า พี่ไม่อยากเที่ยวแล้ว พี่คิดถึงลูก”

“งั้นเรากลับกันเลยดีไหมคะพี่ฮอต พริ้มก็คิดถึงลูกเหมือนกัน”

“พอเลย!” พริ้งพราวเอ่ยห้ามด้วยเสียงแหลมปรี๊ด ทำตาดุใส่ทั้งคู่ “เป็นเอามากทั้งผัวทั้งเมีย เพิ่งไปกันได้วันเดียวก็จะเป็นจะตายกันซะแล้ว”

“ก็ผมเป็นห่วงลูกนี่”

“ย่ะ รู้แล้วว่าเป็นห่วง” คุณป้าสุดแซ่บค้อนใส่น้องเขย “เชื่อใจฉันเถอะน่า ฉันจะดูแลยายหนูอย่างดีที่สุดเลย ฉันก็รักหลานฉันมากนะ”

พอเธอยืดอกรับประกันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หฤทธิ์ก็ถอนใจ พยักหน้ารับเบาๆ พริ้มเพราเองก็ยิ้มบางๆ โล่งอกที่สามีและพี่สาวไม่เถียงกันแล้ว

“สบายใจได้เลยนะพริ้ม พี่ไม่มีทางปล่อยให้ยายหนูเป็นอะไรอยู่แล้ว เชิญแกกับผัวสวีตหวานแหววกันให้เต็มที่เลย”

“ขอบคุณนะคะพี่พริ้ง จริงๆ พี่ฮอตก็เชื่อใจพี่พริ้งแหละค่ะ แต่แค่กำลังคิดถึงลูกจัด เลยงอแงไปหน่อย” พริ้มเพราเย้าสามี หัวเราะคิกคักจนยายหนูหัวเราะเอิ๊กอ๊ากตาม

“ว่าไงคะลูกแมวน้อยของแม่ วันนี้ป้าพริ้งได้พาไปเที่ยวไหนบ้างไหมเอ่ย”

“ก็...ไปเที่ยวเล่นหาความบันเทิงสุดสำราญตามประสาป้าหลานนั่นแหละ”

พริ้งพราวตอบแทนคนบนตัก ก่อนจะก้มหน้าถามเพื่อหาเสียงสนับสนุนจากแกด้วย “ใช่ไหมคะยายหนู เราไปหนุกหนานกันมาเนอะ”

“อ๊ะ!”

พริ้มเพราหัวเราะ หันไปยิ้มให้สามีเป็นเชิงปลอบประโลมกลายๆ ว่าลูกสาวตัวน้อยจะปลอดภัยและมีความสุขที่ได้มาอยู่ในความดูแลของป้าคนสวย

ถ้าพริ้มเพรารู้ว่าความสนุกที่พริ้งพราวเอ่ยถึง คือการที่เธอพายายหนูน้อยไปร่วมเล่นละครเป็นลูกเมียปลอมๆ หลอกจอมทัพมาละก็...น้องสาวเธอคงจะไม่สนุกด้วยเป็นแน่

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น