3

บทที่ ๒


นภนต์กระตุกยิ้มหยันเด็กหนุ่มขณะเปิดประตูรถให้เดือนอ้ายก้าวขึ้นไป ความหงุดหงิดก่อนหน้านี้ลดระดับลงฮวบฮาบกลายเป็นความลำพองอย่างผู้ชนะ เขาปรายตามองผู้ที่ก้มหน้าก้มตารัดเข็มขัดนิรภัยเล็กน้อย แล้วจึงเคลื่อนรถออกไป 

บทที่ ๒

 

เมื่ออยู่กับคนหมู่มากหรือกิจการของตัวเอง นภนต์คือคนคล่องและเจนจัดอย่างหาตัวจับยาก คงยกเว้นแต่เวลาที่เขาตื่นมาในห้องอันว่างเปล่าของคอนโดมิเนียมชุดสุดหรู ความว้าเหว่จึงเล่นงานเขาอีกครา มันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเพื่อนรักที่สุดกำลังจะมีโลกส่วนตัวอีกใบ ส่วนเขา...เขามันรักอิสระ แต่ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนตกเป็นทาสของมัน

ไม่หรอก ไม่เพียงแต่เรื่องนั้นที่ทำให้เขาเบื่อหน่ายไปเสียทุกสิ่ง แต่เพราะลึกลงไปในใจเขารู้ดีว่ามีตะกอนบางอย่างตกค้างอยู่ และเพราะเหตุนี้มันจึงทำให้เขาหงุดหงิดงุ่นง่านใจ ถ้าเพียงแต่เขาได้จัดการบางสิ่งให้แล้วๆ ไป คงไม่ต้องเก็บงำไว้ในใจนานขนาดนี้ก็เป็นได้

เออนะ แล้วทำไมเขาต้องลังเลด้วยเล่า เขามันคนคิดน้อยและใช้อารมณ์นำพา ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเหมือนที่พ่อเคยค่อนแคะ กับเรื่องแค่นี้เขาก็ควรจะทำความเข้าใจกับเธอให้มันจบๆ ไปเสียที

หลังตัดสินใจเช่นนั้น ชายหนุ่มก็กระเด้งลุกจากเตียงอย่างมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง แต่ก่อนอื่น...ได้แอลกอฮอล์มาลูบท้องสักแก้วก็คงดี

 

ทันทีที่รถจักรยานยนต์รับจ้างจอดหน้าประตูรั้วอัลลอยสูงใหญ่ สายตาของหญิงสาวก็สะดุดเข้ากับรถบีเอ็มดับเบิลยูสีดำที่จอดอยู่หน้าระเบียงบ้าน เธอจำได้ทันทีว่าเป็นรถของใคร สี่ทุ่มแล้ว...เขามาทำไม แล้วไหนว่าเย็นนี้พี่มีนัดดินเนอร์กับสิทธา แต่ทำไมรถของพี่กลับจอดอยู่ในโรงรถเหมือนเคย

เดือนอ้ายรีบเดินจ้ำเข้าบ้าน ภาพที่เห็นในห้องรับแขกคือดลฤดีนั่งเหยียดขาไปตามโซฟาตัวยาว ในมือแกว่งแก้วไวน์ไปมา ส่วนบนโต๊ะกระจกตัวเตี้ยนั้นมีขวดไวน์วางอยู่สองขวด เธอพลอยผิดหวัง น้อยใจพี่แทนสิทธา บังเกิดความตั้งใจว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวหากทั้งสองมีปัญหากันอีกแล้ว

หญิงสาวแสร้งมองไม่เห็นคนที่ยืนเป็นยักษ์ปักหลั่นขวางกรอบประตู แต่เมื่อจะเดินแยกไปขึ้นห้องของตนอย่างไม่อยากก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของพี่ ดลฤดีกลับเรียกเธอไว้ด้วยเสียงปกติ ไม่อ้อแอ้ดังปริมาณไวน์ที่พร่องไปถึงขวดครึ่งสักนิด

“ยายอ้าย กลับมาแล้วเหรอ”

“ค่ะ” ผู้อ่อนอาวุโสกว่าตอบรับอย่างเสียมิได้ “พี่หนูดีมีอะไรให้อ้ายทำหรือเปล่าคะ”

“ไม่มีหรอก คืนนี้เดียวจะค้างที่นี่ พี่ให้พี่แมวจัดห้องแล้วละ นี่ดื่มกันมาตั้งแต่บ่าย ไม่ให้ขับรถเด็ดขาด”

อดีตนางเอกสาวเดินมาโอบไหล่เพื่อนขณะเอ่ยประโยคสุดท้าย ไม่ทันสังเกตว่าคนฟังหน้าถอดสี

“ค่ะ อ้ายขอตัวก่อนนะคะ”

“อืม พี่ไปด้วย พรุ่งนี้เครื่องออกแต่เช้ามืด”

ดลฤดีผละจากเพื่อนมาโอบไหล่ญาติผู้น้อง แต่ยังไม่วายหันมากำชับคนเมา

“หมดขวดนี้ก็ขึ้นห้องได้แล้วนะยะ เปลืองไฟบ้านหนูดี”

“ตลก” นภนต์ย้อนเสียงยานคาง

“ตลกก็ขำสิ”

หญิงสาวสะบัดหน้าราวปึ่งงอน อากัปกิริยาที่เดือนอ้ายคิดว่าไม่มีใครทำแล้วน่ารักเท่าพี่อีกแล้ว เธอเดินตามดลฤดีขึ้นบันไดไป แต่แทนที่จะเปิดประตูเข้าห้องของตนที่ถึงก่อน เธอกลับตามดลฤดีไปจนอีกฝ่ายหันมาเลิกคิ้วฉงน

“เอ่อ ขออ้ายปรึกษาอะไรพี่หนูดีได้ไหมคะ แค่สิบนาที ห้านาที...สองนาทีก็ได้ค่ะ”

ผู้เป็นพี่โคลงศีรษะขัน ก่อนเปิดประตูกว้างให้ญาติที่เปรียบเสมือนน้องสาวเข้ามาในห้องของเธอ

“มีอะไรก็ว่ามา”

คนถามมิได้หยุดรอฟัง ร่างเพรียวบางของดลฤดีเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวแบบบิลต์อิน เปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ

“คือว่า...” พอมีโอกาสก็พูดไม่ออกเสียอย่างนั้น เดือนอ้ายได้แต่คิดหาทางเข้าเรื่อง “อ้อ จริงสิ เมื่อวานพี่หนูดีบอกว่าวันนี้มีนัดกับคุณสิทธาไม่ใช่หรือคะ อ้ายเลยทำรายงานกับเพื่อนจนดึก”

“ใช่ แต่พอดีเดียวมาหาเมื่อบ่าย พี่เลยยกเลิกนัดกับคุณสิทธา เพราะถึงอย่างไรเช้ามืดพรุ่งนี้เราก็จะไปฝรั่งเศสด้วยกันอยู่ดี”

“คือว่า...”

“อ้ายมีปัญหาอะไรก็พูดมาเถอะ เร้ว พี่จะอาบน้ำนอน”

เดือนอ้ายจำต้องสืบเท้าไปทางห้องน้ำเมื่อผู้เป็นพี่เปิดน้ำใส่อ่างเสียงดัง มิหนำซ้ำยังเริ่มลงมือปลดกระดุมเสื้อโดยไม่เกรงสายตาเธอ

เออหนอ ก็พี่ไม่มีอะไรให้ได้อายสักนิด ผิวพรรณขาวนวลตา ไฝฝ้าจุดน้อยก็ไม่มี หน้าอกกลมกลึงใต้บราลูกไม้เป็นของธรรมชาติ แล้วยังหน้าท้องแบนราบแตกต่างจากคนเอวหนาอย่างเธอ เดือนอ้ายเอ๋ย เธอไม่มีอะไรน่าแลกด้วยจริงๆ

“อ้าย”

เสียงเรียกติดจะรำคาญดึงสติหญิงสาวกลับมาอีกครั้ง เธอโพล่งความอัดอั้นใจออกไปโดยลืมไตร่ตรอง

“อ้ายเห็นคุณนภนต์กอดพี่หนูดี คืนที่พี่หนูดีเมากลับมา”

ดลฤดีผินมองสีหน้าจริงจังของผู้อ่อนวัยกว่า ก่อนจะหัวเราะคิก

“ยายอ้ายยย นั่นพี่ขอให้เขากอดพี่เอง ไปๆ พี่จะอาบน้ำ”

หญิงสาวจำต้องถอยออกมาด้วยสีหน้าจ๋อยสนิท สมองประมวลคำตอบเพื่อหาค่าความรู้สึกของพี่ จากที่คิดว่าเป็นความผิดของนภนต์ฝ่ายเดียว ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าพี่เองก็เต็มใจมอบความสนิทสนมพิเศษนี้แก่เขาเช่นกัน

เพราะมัวแต่ครุ่นคิด เดือนอ้ายจึงไม่ทันสังเกตว่าเครื่องปรับอากาศในห้องนอนของตนเปิดทิ้งไว้ เธอแทบสิ้นสติเมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างสูงที่นอนแผ่หลาเต็มเตียง เสียงคำรามหงุดหงิดดังมาจากคนที่ยกมือป้องดวงตาจากแสงไฟ

เธอรีบวิ่งจี๋กลับไปที่ประตู ทว่าเสียงบ่นถามส่งผลให้หัวใจสาวแกว่งไกว

“ทำไมกลับดึก เห็นไหมว่าสี่ทุ่มกว่าแล้ว ฉันมารอตั้งแต่บ่ายสาม เด็กบ้า!”

‘เด็กบ้า’ ค่อยๆ หมุนกายกลับไปมองผู้ใหญ่ขี้โวยวาย เธอเห็นเขายันกายลุกนั่งที่ขอบเตียง สองมือเสยผมที่ใส่เจลให้ตกลงมาปรกหน้าผาก เขาดูหล่อเหลือร้ายในสายตาเธอ

“นะ...นี่ห้องนอนอ้าย ห้องนอนแขกอยู่ติดกัน” เธอทำใจดีสู้เสือเอ่ยออกไป

ดวงตาคมกริบตวัดมองใบหน้าซีดขาวอย่างนึกหงุดหงิดขึ้นมาอีก โตแล้ว ทำไมเข้าใจอะไรยากเย็นนัก

“ฉันบอกว่าฉันมารอเธอ” เขาเน้นเสียงชัดทุกพยางค์ “ชัดไหม”

“ค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงสั่น “แต่ว่าดึกแล้ว ไว้...”

เดือนอ้ายพูดไม่ออกเสียอย่างนั้น เมื่อนภนต์ลุกยืนแล้วสาวเท้ามาอย่างเชื่องช้า ก้อนเนื้อในอกของเธอก็เต้นโครมครามอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนตลอดยี่สิบเอ็ดปี ร่างอวบอิ่มยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น ปล่อยให้เขารวบตัวเธอเข้าสู่อ้อมกอดไร้ความหมายอย่างสิ้นท่า

ทำไม เขากอดเธอทำไม ในเมื่อเธอไม่มีอะไรสู้เพื่อนรักของเขาได้สักนิด...หรือกอดเพื่อเปรียบเทียบดู หรือเพราะเขาเป็นพวกชอบถึงเนื้อถึงตัวผู้หญิง...เหมือนที่เขาควงกับนางเอกวัยรุ่นคนนั้น หรืออาจเพียงเพราะเหตุผลสามัญธรรมดาที่สุดคือเขาเมา

“เด็กเอ๊ย”

เสียงเอ่ยยานคางกลั้วหัวเราะดึงสติเดือนอ้ายกลับมา เธอออกแรงผลักจนหลุดจากอ้อมกอดเขา น้ำตารื้นอย่างเจ็บใจตัวเอง

“เฮ้ย ร้องไห้ทำไม” นภนต์โวยวายถาม

หญิงสาวถอยห่างจากมือที่ทำท่าจะยื่นคว้าเอวเธออีกครา เธอลนลานเปิดประตูออกไปและตรงเข้าไปในห้องนอนแขก ก่อนจะกดล็อกประตูทันที

เดือนอ้ายพบคำตอบของความสับสนในใจ เขาแค่ต้องการแกล้งเธอ ต้องการเห็นเธออ่อนให้เขา เมื่อเธอตัวอ่อนในวงแขนนั้นจริงๆ เขาจึงได้หัวเราะกับชัยชนะของตน

 

เช้าวันใหม่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป บ้านที่ขาดเจ้าของเงียบสงบ ตรงข้ามกับใจที่เคยสงบกลับวุ่นวาย แม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่เดือนอ้ายรีบตื่นแต่เช้าและเตรียมตัวจะออกจากบ้านเพื่อหลบหน้าแขกของพี่ในห้องของเธอ

“พี่แมว วันนี้ไม่ต้องขึ้นไปทำความสะอาดข้างบนนะคะ” หญิงสาวสั่งขณะสวนกับสาวใช้ที่เพิ่งกลับจากตลาด

“อ้าว ทำไมล่ะคะ นี่คุณอ้ายจะไปไหนแต่เช้า เพิ่งหกโมงกว่าเอง แล้วใครจะรับรองแขกของคุณหนูดีคะนี่”

“นี่แหละค่ะอ้ายถึงบอกว่าพี่แมวไม่ต้องขึ้นไปทำความสะอาด อยู่รอรับรองแขกของพี่หนูดีก็พอ อ้ายต้องรีบไปมหาวิทยาลัย ฝากด้วยนะคะ”

เดือนอ้ายรีบโบกมือเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ขี่ผ่านหน้าบ้านพอดี เธอหันไปยิ้มแห้งๆ ให้สาวใช้อีกครั้ง ก่อนที่รถจักรยานยนต์จะเร่งเครื่องออกไป

ใบหน้าแฉล้มหมองหม่นลงเมื่อมาถึงสถานีรถไฟฟ้า เธอเพิ่งตระหนักว่าตนไม่มีที่ไป และป่านนี้ก็คงไม่มีเพื่อนคนไหนตื่นแล้วเป็นแน่ ถึงกระนั้นเธอก็ส่งข้อความเข้ากลุ่มสนทนา แต่แล้วก็มีข้อความตอบกลับมาไวกว่าที่คาดคิด

‘ตื่นแล้ว ตื่นมาทำบุญครบรอบปีให้พ่อ เดี๋ยวตามไปนะ เจอกันโต๊ะเดิม’

ข้อความนั้นเป็นของโชติ เพื่อนชายคนเดียวในกลุ่ม และเป็นผู้ชายเพียงไม่กี่คนในคณะอักษรศาสตร์ซึ่งเธอกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีสุดท้าย

‘ไม่เอาๆ เจอกันที่แมคดีกว่า อยากกินเฟรนช์ฟรายส์’

เมื่อเพื่อนตอบรับกลับมา เดือนอ้ายจึงค่อยยิ้มออกและพยายามใช้ความรู้สึกดีต่อกลุ่มเพื่อนหรือสังคมของตนกลบความขุ่นมัวในจิตใจ เธอนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานีติดกับห้างสรรพสินค้าซึ่งมีร้านแฟรนไชส์ชื่อดังตั้งอยู่ชั้นล่าง ที่สำคัญยังเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

ระหว่างนั่งรอเพื่อนในร้าน ใจเจ้ากรรมก็อดประหวัดถึงคนที่นอนอยู่ในห้องเธอไม่ได้ น่าแปลก เธอคิดว่าเธอรังเกียจเขาจากข่าวคราวพฤติกรรมต่างๆ นานา แต่เมื่อตกอยู่ในอ้อมกอดนั้น เดือนอ้ายจึงได้รู้ว่าเธอมิได้เกลียดเขาเลย และเขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้เธอรังเกียจมากไปกว่าแค่กอด หากไม่มีเสียงหัวเราะหลุดรอดออกมา เธออาจเผลอรู้สึกดีเสียด้วยซ้ำ

อ่อนเหลือเกินเดือนอ้าย หญิงสาวทอดถอนใจกับตัวเอง เธอไม่มีวันตามนภนต์ได้ทัน...ทั้งประสบการณ์และความคิด ทางที่ดีจึงควรอยู่ห่างเขาไว้ดีที่สุด อยู่ในโลกและสังคมของเธอก็พอ

 

แขกหนุ่มตื่นมาอย่างอารมณ์ดีเมื่อย้อนนึกถึงร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอดเมื่อคืน แม้ตอนนั้นเขาอาจมีสติสัมปชัญญะไม่ครบถ้วนเท่าใดนัก แต่เขากลับจดจำกลิ่นกาย เสียงหายใจ และสัมผัสของคนในวงแขนได้เป็นอย่างดี นภนต์สับสนว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเป็นสุข ล่องลอยอยู่นี้ เป็นเพราะฤทธิ์ของไวน์หรือเจ้าหล่อนกันแน่

ร่างสูงพลิกกายอย่างเกียจคร้าน นาฬิการูปมินนี่เมาส์บนผนังปลายเตียงบอกเวลาเก้าโมงเศษ เห็นแล้วก็อดกลอกตาอ่อนใจไม่ได้เมื่อข้าวของทุกอย่างในห้องล้วนต้องมีลวดลายตุ๊กตาไม่ว่าจากค่ายใด สัญชาติใด เด็กหนอเด็ก

เขาลุกไปอาบน้ำ ถือวิสาสะใช้ห้องน้ำของเด็กที่ตนปรามาส ก่อนจะเดินตัวเปล่าออกมาเปิดตู้เสื้อผ้าหาผ้าเช็ดตัว เมื่อแต่งกายด้วยชุดเดิมเรียบร้อยแล้วเขาก็มองหาน้ำหอมบนโต๊ะเครื่องแป้งสีขาว แต่นอกจากครีมทาผิว ลิปมัน แป้งตลับ ก็เห็นมีแต่แป้งเด็กที่พอจะแก้ขัดได้ จากการที่ใช้ห้องนอนของเดือนอ้ายเพียงไม่นานเขาก็สิ้นสงสัย เด็กนั่นไม่มีอะไรเหมือนกับผู้หญิงที่เขารู้จักสักคน ไม่มีอะไรบอก ‘ราคา’ ของเธอได้เลย

นภนต์เกิดลังเลขึ้นมาอีกครั้ง หรือเขาควรจะเลิกอยากรู้จักเด็กสาวมากกว่านี้ แล้วใช้ชีวิตเหมือนว่าอยู่คนละโลกกันดังเช่นที่ผ่านมา แต่อีกใจก็บอกว่าแค่ทำความรู้จัก คบๆ กันไปไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจว่าจะให้เหตุการณ์เช้านี้เป็นตัวตัดสินแล้วกัน

ชายหนุ่มลงบันไดมาพร้อมกับหวังจะได้พบใบหน้าผ่องใสของน้องสาวเพื่อน ทว่าบ้านทั้งหลังกลับไร้วี่แววผู้อยู่อาศัย เขาเดินล้วงกระเป๋ากางเกงพลางสอดส่ายสายตาหาเด็กสาวทั่วทั้งบ้าน กระทั่งเดินมาถึงครัวจึงพบคนงานชายหญิงกำลังกินข้าวอยู่ แมวกุลีกุจอลุกขึ้นจนเขาต้องยกมือห้าม ถามถึงคนที่ตนตามหาแทน

“อ้ายล่ะครับ”

“คุณอ้ายออกไปมหาวิทยาลัยแต่เช้าแล้วค่ะ พี่แมวเตรียมโจ๊กไว้ให้คุณ หรือจะรับอาหารเช้าฝรั่งก็มีนะคะ”

“ไม่เป็นไร” นภนต์ขบกรามกรอดขณะเอ่ยปฏิเสธ ก่อนจะก้าวเร็วๆ กลับไปที่รถทันที

อีกแล้วนะ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เด็กนั่นจงใจหลบหน้าและทำตัวกระด้างกระเดื่องกับเขา ถ้าเพียงแต่เจ้าหล่อนเป็นคนเช่นนั้นโดยกมลสันดาน เขาจะเลิกตอแยอย่างแน่นอน ทว่าไม่ใช่ ท่าทีที่เธอแสดงออกต่อสิทธาบอกเขาได้เป็นอย่างดีว่าเธอเลือกปฏิบัติ ทำตัวหยาบคายกับเขาคนเดียว

คนอย่างนภนต์ เมื่ออยากได้ก็ต้องได้ อยากทำอะไรต้องได้ทำ และตอนนี้เขาก็อยากลงโทษเด็กนั่นให้หลาบจำว่าคราวหน้าคราวหลังอย่าได้ทำเหมือนเขาเป็นขยะเช่นนี้เป็นอันขาด

ชายหนุ่มได้คำตอบให้แก่ความลังเลใจก่อนหน้านี้ พร้อมกับที่รถพุ่งทะยานไปบนถนนมุ่งสู่มหาวิทยาลัยใจกลางเมืองหลวง โชคดีที่เมื่อวานเขาเพิ่งสอดแทรกคำถามเกี่ยวกับเดือนอ้ายระหว่างพูดคุยสัพเพเหระกับดลฤดี จึงรู้ว่าเด็กสาวกำลังศึกษาอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ของที่นั่น

กว่าจะหาประตูทางเข้าที่เปิดในวันหยุดได้คนขับก็ยิ่งหงุดหงิด นภนต์คลำทางไปยังตึกคณะจากแผนที่ที่ค้นหาผ่านอินเทอร์เน็ต ก่อนจอดรถหน้าตึกสูงหลังหนึ่ง แม้บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยจะเงียบสงบต่างจากวันธรรมดา แต่ก็มีหนุ่มสาวเดินผ่านไปมาเป็นระยะ

เอาวะ นภนต์สวมแว่นกันแดดพร้อมกับตัดสินใจลงจากรถเพื่อถามหาตึกคณะจากนักศึกษาแถวนั้นให้แน่ใจ แต่แล้วสายตาของเขาก็เห็นหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินมาจากทางหน้ามหาวิทยาลัย ฝ่ายหญิงสวมเสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายกับกระโปรงยีนยาวระดับเข่า บนไหล่สะพายถุงผ้า ช่างเข้ากันกับฝ่ายชายที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงยีนเสียนี่กระไร

หัวใจหญิงสาวตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่มทันทีที่เห็นร่างสูงโปร่งข้างรถคันคุ้นตา เดือนอ้ายกระตุกมือเพื่อนชายพลางขยับไปยืนชิดเขาโดยไม่รู้ตัว หารู้ไม่ว่าอากัปกิริยาเช่นนั้นยิ่งสร้างความเดือดดาลให้แก่คนมอง

“ไปกับฉัน” นภนต์เอ่ยลอดไรฟัน

แม้จะมีแว่นดำอำพราง แต่ชายหนุ่มอีกคนกลับรู้สึกได้ถึงแววตาซึ่งคงจะวาวโรจน์หลังแว่นกันแดดนั้น เพราะเขาเองยังขนคอลุกชัน

“เรากำลังจะไปทำรายงานกันครับ พอดีเพื่อนรออยู่” โชติออกตัวแทนเจ้าของมือเย็นเฉียบ

“อ้าย” นภนต์กดเสียงหนัก จงใจเมินเฉยคำพูดคนอื่น “ไปคุยกัน หนึ่งชั่วโมงจะมาส่ง”

หญิงสาวสบตาเพื่อนอย่างลังเล แล้วเมื่อมองบุรุษร่างสูงที่ยืนเผชิญหน้า เธอก็ต้องหลบตา ดีที่เขาไม่ได้ทำอะไรให้เธออับอายกว่านี้ ก่อนเธอจะปล่อยมือจากเพื่อนพลางเอ่ยเสียงเบา

“เดี๋ยวเรามา” 

นภนต์กระตุกยิ้มหยันเด็กหนุ่มขณะเปิดประตูรถให้เดือนอ้ายก้าวขึ้นไป ความหงุดหงิดก่อนหน้านี้ลดระดับลงฮวบฮาบกลายเป็นความลำพองอย่างผู้ชนะ เขาปรายตามองผู้ที่ก้มหน้าก้มตารัดเข็มขัดนิรภัยเล็กน้อย แล้วจึงเคลื่อนรถออกไป

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น