11

บทที่ 11


11

 

“ป๋า สวยจริงๆ นะ หุ่นงี้เห็นแล้วน้ำลายสอเลย” ชัชชายบอกบิดาที่นั่งสูบซิการ์อยู่บนเก้าอี้เบาะหนังฝังหมุดในออฟฟิศสีน้ำเงินเข้มตกแต่งสไตล์นิวยอร์ก

ผู้เป็นใหญ่ในพื้นที่นี้ก็พยักหน้ารับคำเป็นอย่างดี ได้ยินคำเลื่องลือเรื่องความงามของลูกสาวคู่แข่งมามากมาย ยิ่งคนชอบคนสวยอย่างลูกชายมารับประกันด้วยยิ่งมั่นใจว่าไม่พลาด คงสวยขนาดนี้อดรนทนไม่ได้ ต้องมาหาเขาแบบนี้แหละ

“แล้วยังไง”

“ผมอยากได้” ชัชชายบอกหน้าตาเฉย ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายเพิ่งพูดใส่หน้าเขาหยกๆ ว่าแต่งงานแล้ว แถมแนะนำสามีให้รู้จักด้วยซ้ำ

“แกก็ไปจีบเขาสิ” คนเห็นดีเห็นงามกับลูกบอก ผลประโยชน์มหาศาลจะถูกเอามากองรวมทันทีถ้าลูกชายเขาทำสำเร็จ ไม่เดือดร้อนเหมือนกันหากว่าชัชชายจะต้องแย่งเมียใคร

“ได้ข่าวว่าผัวเป็นหมอติ๋มๆ คงจัดการได้ไม่ยากมั้ง” ชัชชาติอมควันที่สูบจากซิการ์มวนโตอีกครั้ง พูดลอยๆแต่เป็นการย้ำว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่บุตรชายจะทำ

“ป๋าโอเคนะ ถ้าผมจะเอา แล้วคุณนาคเขาจะอะไรหรือเปล่า” ชายหนุ่มยังมีแก่ใจทำตัวเป็นคนดีถามไถ่ถึงพ่อฝ่ายโน้น กลัวจะเกิดเรื่องขัดผลประโยชน์ ไม่พอใจกันถึงขั้นสูญเสียรายได้ คนลำบากก็คงเป็นเขา

“ก็ถ้าแกฉุดลูกเขามาทำเมียได้ เขาจะทำอะไรได้” บุรุษวัยหกสิบกว่าหรี่ตาที่เล็กอยู่แล้วมองบุตรชาย เขาไม่เคยมีปัญหากับการทำอะไรผิดกฎหมายไร้ศีลธรรม หากมันจะนำมาซึ่งสิ่งที่เขาต้องการ “ดีซะอีก ต่อไปทำอะไรจะได้ไม่ต้องมานั่งกลัวว่าจะทับเส้นทับไลน์ จะทำอะไรก็รีบๆ ทำละกัน คนมันไม่ได้รักกันแต่โดนจับแต่ง เลิกกันไม่ยากหรอก”

ชัชชายได้ไฟเขียวจากบิดาก็พยักหน้ารับคำพร้อมยิ้มกริ่ม หน้าตี๋มีแววสมใจ เรื่องผู้หญิงคือเรื่องใหญ่ ในเมื่อหาทางได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็ยอมวกเข้าเรื่องงาน

“แล้วเรื่องเลานจ์ที่ผมอยากเปิด ป๋าว่าไง” ปากถาม แต่ตากับมือไม้สาละวนอยู่กับการตัดก้นซิการ์ “จริงๆ พวกเด็กไซด์ไลน์ที่ป๋าส่งผู้ใหญ่ก็เยอะแยะ เอามานั่งๆ ทำงานให้ผมด้วยสิ”

ธุรกิจอีกอย่างของชัชชาติคือค้าประเวณี แต่ก็ยังบอกตัวเองว่าขายเฉพาะเด็กที่เต็มใจ ไม่ได้บังคับใครมา ส่วนใหญ่ก็จัดส่งสนองตัณหาผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ได้เปิดซ่องเป็นจริงเป็นจัง 

“อยากทำก็ทำ ที่ทางอะไรมีแล้วเหรอ” คนเป็นพ่อบอก เขาไม่เคยขัดลูก ตามใจกันตลอด เห็นดีเห็นงามด้วยซ้ำที่จะทำธุรกิจสายสีเทา เพราะได้เงินง่าย ได้เงินไว และต้องอาศัยพวกใจถึงอย่างเขาทำเท่านั้น

“มี ไอ้เอ้ไง มันจะให้เอาตึกที่เป็นผับมารีโนเวต หุ้นกัน ผมไม่ทำคนเดียวหรอก”

ชัชชายเอ่ยถึงเพื่อนสนิทที่เป็นเจ้าของสถานบันเทิงชื่อดัง แต่ธุรกิจแบบนั้นวงจรชีวิตมันสั้น พอกอบโกยผลประโยชน์ได้เต็มที่ก็ปรับเปลี่ยนไปทำธุรกิจอื่นที่อยู่ในสายเดียวกันเพื่อให้คนไม่เบื่อ ซึ่งจะได้กำไรมากกว่า

“ดี หุ้นกับเอ้ก็ดี พ่อมันจะได้ช่วยเคลียร์เรื่องตำรวจ” ชัชชาติพยักหน้าเห็นด้วยกับหุ้นส่วนรายนี้ เนื่องจากบิดาของอีกฝ่ายเป็นนายตำรวจใหญ่ที่ใครๆ ก็รู้จัก “เรื่องเลานจ์ก็ไปจัดการมาละกัน ขาดเหลืออะไรค่อยมาบอกป๋า ส่วนเรื่องนิคกี้ รีบจัดการให้เรียบร้อย ถ้าแกทำสำเร็จเร็วเดี๋ยวป๋ามีรางวัลให้”

ได้ยินแบบนั้นชัชชายก็หัวเราะในลำคอ ตาตี่เป็นประกาย ก่อนยกแก้วกอญักของตัวเองชนกับแก้วของบิดาที่วางอยู่

“ผมจะไม่ทำให้ป๋าผิดหวังเลยละ” พูดจบก็กดโทรศัพท์สั่งการลูกน้อง ไม่นานสัญญาณเตือนว่ามีข้อความเข้าก็ดังขึ้น รอยยิ้มเมื่อครู่จึงกว้างขึ้นอีก พร้อมกับแผนการบางอย่างที่กำลังผุดขึ้นในหัว

 

                ด้านนคราที่มาถึงบ้านพักตากอากาศของตระกูลฉัตราวุธตั้งแต่เมื่อสาย ก็มัวแต่เพลิดเพลินกับการขี่ม้าสายพันธุ์ดีที่ทายาทฉัตราวุธซื้อไว้เล่นๆ กว่าจะเดินกลับเข้าบ้านพักอีกทีก็เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น คนหน้าสวยชะงักเล็กน้อยเมื่อมองขึ้นไปบนเฉลียงหลังบ้านแล้วเห็นฉัตรบดินทร์ยืนกอดอกมองมาพลางทำหน้าบอกบุญไม่รับ คนร่างบางจึงก้าวเท้าให้เร็วขึ้นเพราะมีลางสังหรณ์ว่างานจะเข้า

“ไปไหนมา” ถามทั้งๆ ที่รู้เพราะคนงานในบ้านรายงานเรียบร้อยว่าคุณผู้หญิงออกไปขี่ม้าเล่นตั้งแต่บ่าย

“โทรศัพท์ก็ไม่เอาไป ที่ทางแถวนี้รู้จักหรือไง” น้ำเสียงฉุนที่สุด โมโหที่สุดที่ทำให้เขาเสียสมาธิขนาดนี้

เขานั่งไม่ติดเพราะนคราหายออกไปจากบ้านเกือบสามชั่วโมง โดยที่ไม่สามารถติดต่อได้ ใจคิดจินตนาการไปล้านแปดว่าภรรยาของเขาจะหลงทาง หรือโดนโจรผู้ร้ายที่ไหนดักทำร้ายหรือเปล่า หนังสือที่อ่านอยู่ตอนนคราเดินมาบอกว่าจะออกไปเดินเล่นถูกโยนทิ้งไว้อย่างไม่ไยดี เพราะใจมันอยู่ไม่สุขเสียแล้ว

“นิคกี้ไปเดินเล่น แล้วก็ขี่ม้ามาค่ะ” หญิงสาวตอบ ไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิดตรงไหน เพราะก่อนจะออกไปก็บอกเขาแล้ว มีแต่เขานั่นแหละที่แทบจะไม่เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือด้วยซ้ำ “พี่ฉัตรมีอะไรหรือเปล่าคะ”

คนร่างบางเดินผ่านคนตัวโตไป ไม่สนใจท่าทางโมโหของเขา แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเปิดประตูบ้านแล้วพบโต๊ะกินข้าวน่ารัก มีทั้งเทียน ดอกไม้ และเซตติงเก๋ๆ แบบดูก็รู้ว่าตั้งใจทำ

“นี่พี่ฉัตรทำเหรอคะ” หญิงสาวหันไปหาสามีที่เดินตามเข้ามา แต่แล้วก็ต้องอุทานเพราะชนเข้ากับกำแพงเนื้อหนาทันที “อุ๊ย!”

“เดินให้มันดีๆ สิ” ฉัตรบดินทร์ทำเป็นดุ แต่แววตาเต็มไปด้วยความพอใจ ความขุ่นมัวเพราะหาหล่อนไม่เจอมลายไปตั้งแต่เห็นเงาร่างบางลิบๆ เหลือเพียงความอยากแกล้ง อยากชวนคุยให้เกิดความคุ้นเคยกันบ้าง รู้ดีว่าพื้นเสียตั้งแต่ที่เจอใครก็ไม่รู้ในห้างสรรพสินค้า ซึ่งภรรยาตัวแสบของเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะอธิบายอะไรเพิ่มเติมว่าผู้ชายที่ทำกิริยาสามหาวคนนั้นเป็นใคร เดือดร้อนให้เขาต้องโทร. หานคเรศเอง จนได้ความว่าเป็นลูกชายคู่แข่งนั่นแหละ ฉัตรบดินทร์ถึงพอเข้าใจเจตนาของฝ่ายโน้น

“เอ่อ...ขอโทษค่ะ” นคราลูบหน้าผากตัวเองป้อยๆ เงยหน้ามองอีกฝ่าย ก่อนจะถามย้ำเพื่อความมั่นใจ “ใครจัดโต๊ะคะ น่ารักมาก พี่ฉัตรน่าจะบอกก่อนนิคกี้ออกไป จะได้กลับมาให้ทันเวลา”

นครามองโต๊ะอาหารค่ำไปอมยิ้มไป พานนึกว่าเขาจะรู้ไหมว่าสไตล์การจัดโต๊ะกินข้าวเหมือนนักตกแต่งชื่อดังที่หล่อนเห็นในหนังสือตอนรอเขาเมื่อวาน

ส่วนคนตัวโตก็ไม่ยอมพูด จะให้กล้าบอกได้อย่างไรว่าเขามีอารมณ์มุ้งมิ้งมาจัดโต๊ะอาหารสร้างบรรยากาศให้โรแมนติก ปกติเคยแต่ตีหน้ายักษ์ใส่ เลยเปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆ

“เครื่องเคราอาจจะไม่ครบถ้วนมากนักนะ แต่คิดว่าคงไม่ทำให้เสียรสหรอก”

ชายร่างสูงใหญ่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามภรรยาคนสวย นคราสวยทุกอิริยาบถ มีเสน่ห์ทุกมุมมอง ทั้งที่อยู่ในชุดเสื้อยืดคอกลมแขนสั้นพอดีตัวกับกางเกงยีนขาสั้นกุดโชว์ขาเรียวยาวขาผ่อง ชนิดที่คงต้องปรามกันบ้างว่าใส่แบบนี้เดินเล่นที่นี่ไม่ได้ เพราะคนงานผู้ชายอยู่กันเต็มไปหมด แต่ยังมีสติบอกตัวเองว่าเดี๋ยวรอให้ผ่านพ้นมื้ออาหารไปก่อนค่อยว่ากันก็ได้ ไม่อย่างนั้นก็จะไม่มีบรรยากาศดีๆ กันอีก

ส่วนนคราก็ยิ้มหวาน อาหารตรงหน้าน่ากิน แถมสภาพแวดล้อมรอบข้างก็ถูกใจ มีแต่เรื่องตรงใจไปเสียทุกอย่าง

“มาถึงนี่ ทำได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้วนะคะ” มือบางหยิบมีดส้อมคู่นอกสุด หันไปหาชีสสดที่จัดใส่จานมาพร้อมมะเขือเทศลูกเล็กและน้ำมันมะกอก กิริยาน่ามองจนฉัตรบดินทร์เพลิดเพลิน “ทานเลยนะคะ หิวพอดี”

ฉัตรบดินทร์พยักหน้ารับ ตีหน้าตายไม่แสดงอาการ แต่ยิ้มมุมปากด้วยความพอใจเมื่อคนตรงหน้าถูกใจสิ่งที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ มือหนายกขวดไวน์ที่เปิดไว้เรียบร้อยมารินลงในแก้วหญิงสาวก่อน ต่อด้วยแก้วของตัวเอง แล้วจึงยกแก้วขึ้นเรียกให้อีกฝ่ายสนใจ

“ดื่มสิ” เขาบอกเมื่อเห็นนคราทำหน้าสงสัย สงสัยว่าทำไมชายหนุ่มถึงมาทำท่าทีเอาอกเอาใจแบบนี้

“ดื่มได้ ไม่มียานอนหลับหรอก” ชายหนุ่มบอกเย้าๆ จึงได้รับค้อนวงใหญ่ คนหน้าสวยเม้มปากแน่น แอบน้อยใจนิดหนึ่งเพราะเขาเอาเรื่องนี้มาล้อเล่น จนคุณหมอใหญ่ต้องรีบแก้ตัว

“ไม่ล้อก็ได้ ลองชิมดู ปีนี้น่าจะใช้ได้” ฉัตรบดินทร์ชวนหญิงสาว มองความงามตรงหน้าด้วยความเผลอไผล

นคราเอียงคอแล้วยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ โชว์เครื่องหน้าด้านข้าง หน้าผากโหนกรับกับสันจมูกโด่งปลายงุ้มเป็นรูปหยดน้ำ ริมฝีปากอิ่มสีแดงสดทาบกับขอบแก้ว หลับตาลงเห็นแพขนตาหนายาวทาบบนโหนกแก้มสีพีช ล้อมกรอบหน้าสวยด้วยผมยาวสีน้ำตาลอ่อนตามธรรมชาติที่ไดร์เป็นลอนไว้อย่างดี

เขายอมรับว่ายิ่งเห็นภาพตรงหน้าก็ยิ่งถอนตัวไม่ขึ้นทุกที อาการหนักกว่าเมื่อหลายปีก่อนที่หัวใจเต้นคร่อมจังหวะยิ่งได้อยู่ใกล้ชิด นอนห่างกันแค่คืบแบบนี้ ยิ่งหวั่นไหว ติดอยู่ก็แค่ไม่รู้จะเริ่มทำตัวเป็นปกติกับอีกฝ่ายอย่างไร เพราะท่ามากสร้างกำแพงเสียสูงลิบตั้งแต่ต้น จนกลัวตัวเองเสียฟอร์ม

คิดได้แบบนั้นคนที่บริหารโรงพยาบาลยักษ์ใหญ่ก็แทบถอนใจ ก่อนจะบอกตัวเองว่าคงต้องทำหน้าด้านหน้ามึนตีเนียนไปเลย ไม่อย่างนั้นต้องไม่สมหวังกันแน่นอน  มือหนาจึงวางแก้วไวน์ลงพร้อมถอนหายใจ ส่ายหัวอย่างอ่อนใจกับตัวเอง แต่กิริยาชัดเจนจนนคราออกปากถาม

“เป็นอะไรคะ” คนสวยหน้าเสีย นึกว่าทำอะไรให้เขาไม่พอใจอีก แต่กลับกลายเป็นว่าอีกคนตอบมาเสียจนหล่อนเขิน

“ชนแก้วกันหน่อย ถือว่าเราสองคนเริ่มต้นชีวิตกันแล้ว ที่เคยพูด เคยทำอะไรไม่ดีใส่กันก็ลืมมันไปนะ” แววตาของฉัตรบดินทร์สื่อความหมายตรงตามที่พูด เขายื่นแก้วข้ามมาชี้ชวนขอความร่วมมือจากอีกคน

นคราก็หัวใจพองฟู ใครจะไปนึกว่าอยู่ดีๆ เขาก็มาสงบศึกขอเริ่มต้นใหม่กันแบบนี้ หญิงสาวได้ยินแบบนั้น เห็นท่าทีแบบนี้ก็ยื่นมือออกไปเพื่อให้แก้วสัมผัสกันจนเกิดเสียงสะท้อนกังวาน เสมือนเป็นสัญญาการเริ่มต้นชีวิตใหม่

“ค่ะ เริ่มต้นกันใหม่”

 

ไม่น่าเชื่อว่าพอทั้งคู่เปิดใจ ลดทิฐิการเอาชนะระหว่างกัน ระหว่างคนสองคนก็ทวีความผูกพันอย่างรวดเร็ว อาจเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เห็นกันมาตั้งแต่เกิดเลยทำให้คนทั้งสองมีเรื่องคุยกันมากมาย ไม่ว่าจะเอ่ยเรื่องไหนก็รับรู้และอยู่ในเหตุการณ์ด้วยกันทั้งคู่

“โอ๊ย ขำจะแย่ พี่ฉัตรรู้ไหมคะ นิคกี้นะ โดนพี่หนามโกรธไปหลายวัน”

นคราหัวเราะร่วนหลังดื่มไวน์ขวดที่สองหมดขวด มีฉัตรบดินทร์คอยบริการอย่างดีตลอดมื้ออาหาร คนหน้าหล่อยิ้มตามภรรยาคนสวย เออออไปกับเรื่องที่อีกคนเพิ่งเล่าจบ เห็นหล่อนยิ้ม เขาก็สบายใจ อย่างนี้คงมาถูกทาง จะจีบเมียให้ติดก็คงไม่ยากอย่างที่คิดอีกต่อไป

“จำได้ หนามโทร. มาบ่นอุบ บอกว่าไม่รู้จะมองหน้านิคกี้ยังไงเลย”

เหตุเกิดเมื่อนคราอายุได้สิบแปดปี หล่อนเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปในห้องพี่ชาย เห็นภาพนคเรศนัวเนียกับนางแบบสาว ไม่ใช่แค่คนเดียว แต่มีถึงสามคน หญิงสาวยืนเอียงคอชมการแสดงอยู่นานกว่าพี่ชายจะรู้ตัว ลนลานหาผ้าผ่อนมาปิดตัวให้วุ่นไปหมด

“โธ่...นิคกี้ก็ไม่ใช่เด็กแล้ว” นคราทำหน้ายู่ เรื่องแบบนี้สำหรับคนที่เติบโตมาในต่างแดนเป็นเรื่องปกติ “อะไรที่พี่หนามทำนิคกี้รู้หมดละค่ะ จะมาเขินอะไรกับเรื่องแบบนี้”

ชายหนุ่มยิ้มรับคำตอบพลางมองภรรยา ไม่แปลกใจที่ตัวเองหลงรักผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เมื่อหกปีก่อน ตอนนั้นก็บอกตัวเองแค่ว่าเป็นความแปลกตา เพราะไม่ได้พบหล่อนตั้งแต่อีกฝ่ายเดินทางไปเรียนต่อตอนอายุสิบสอง มาเห็นจากรูปที่น้องสาวส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือมาบอกตอนนครากลับมาเยี่ยมบ้านเมื่ออายุสิบห้าว่าให้นคเรศฝากของผ่านนครามาให้ ให้เขารีบกลับมา

แต่ฝ่ายพี่ชายที่ได้รับข้อความกลับตาพร่าเพราะความน่ารักสดสวยของอีกฝ่าย ที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากเด็กกะโปโลวิ่งตามฉัตรระวีต๊อกๆ เป็นสาวสวยโตเต็มวัยทั้งๆ ที่เพิ่งเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อจากเด็กหญิงเป็นนางสาว หนำซ้ำเมื่อเจอตัวจริงก็ยิ่งรู้ว่าใจเต้นแรง ไม่ได้มองอีกคนเป็นน้องสาวแล้ว เลยพยายามวางตัวห่างเหิน

จนอีกปีถัดมาเกิดเหตุให้เขาเป็นฝ่ายต้องช่วยชีวิตนคราขึ้นมาจากสระน้ำ จากที่ผายปอดกลายเป็นเขาห้ามตัวเองไม่อยู่ เผลอจูบคนตรงหน้าต่อหน้าคนงานทั้งบ้าน แถมตลอดระยะเวลาที่นครากลับมาเยี่ยมบ้าน และแวะเวียนมาที่บ้านเขา ชายหนุ่มก็ต้องหาเรื่องกลับบ้าน ทั้งๆ ที่ปกติขลุกอยู่ที่โรงพยาบาล และเขาก็เก็บอาการไม่อยู่ จนโดนมารดาแซ็วแรงๆเอาหลายรอบ

‘ตาฉัตร มองขนาดนั้น เดี๋ยวนิคกี้ก็ช้ำหรอก’

ครั้งแรกที่ได้ยินฉัตรบดินทร์ถึงกับสะดุ้งเฮือก รีบหันไปหามารดาแล้วปฏิเสธเสียงแข็งทันที

‘มองอะไรครับ ผมกลัวจะเป็นลมเป็นแล้งกันไปอีก เพิ่งจะตกน้ำวันก่อน ดูซิ วันนี้กระโดดลงสระเอง ยายระวีก็เอากับเขาด้วย’

คนร่างหนาที่ยืนจิบกาแฟมองออกไปนอกหน้าต่าง แอบดูนคราว่ายน้ำกับน้องสาวเขาอยู่นานสองนาน ซึ่งดึงความสนใจของเขาไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ แต่คนที่รู้และจับอาการได้ยังไม่ยอมหยุด

‘จ้า อยากพูดอะไรก็พูดไป เห็นฉัตรมองน้องแบบนี้แม่ก็ดีใจ แต่ช่วยรอให้น้องเรียนจบก่อนนะ อย่าเพิ่งสติแตกตอนนี้ นั่นน่ะเพิ่งสิบห้า แม่ไม่อยากโดนใครตราหน้าว่ามีลูกชายโรคจิตเป็นโลลิคอน’

คุณหญิงสรวงสุดาประชดลูกชาย อันที่จริงดีใจแทบตายเมื่อเห็นแววตาหวานเชื่อมและพฤติกรรมบางอย่างที่คนอาบน้ำร้อนมาก่อนมองออกว่าชายหนุ่มไม่ได้มองสาวน้อยเป็นน้องสาวอีกต่อไป สงสัยนมที่เมืองนอกมันคงดี ถึงทำให้นคราโตเป็นสาวไวแบบนี้

คิดย้อนถึงตรงนี้ฉัตรบดินทร์ก็ถอนหายใจ เพราะจากวันนั้นเขาก็พยายามสั่งตัวเองมาตลอดว่าไม่ให้คิดกับนคราเกินน้อง พยายามหาข้อเสียของหญิงสาวมาลบล้างความรู้สึกจริงๆ ในหัวใจ เพราะไม่อยากให้ใครมาตราหน้าว่าเขาเป็นไอ้โรคจิตหัวงู แต่ก็อดไม่ได้ทุกครั้งเมื่อได้พูดคุยกับน้องสาว หรือแม้แต่กับนคเรศที่เลียบเคียงถามถึงนครา จนคนทั้งคู่เริ่มผิดสังเกต และมั่นใจว่าคุณหมอใหญ่เอ็นดูนคราเกินน้องแน่ๆ กลายเป็นว่าทุกคนรอบตัวเขารู้กันหมด จะมีก็แต่ตัวเขาเองนี่แหละที่ปฏิเสธความจริงจนวินาทีสุดท้าย

ชายหนุ่มยกขวดไวน์ขึ้นเอียงขวดเล็กน้อย เลิกคิ้วใส่ภรรยาที่เพิ่งลดแก้วลงพอดี อีกฝ่ายก็พยักหน้ารับรู้ความหมายที่เขาจะสื่อ พลางลุกขึ้นทันทีที่เห็นแม่บ้านเดินเข้ามาเก็บโต๊ะอาหาร คุณผู้หญิงของฉัตราวุธยิ้มหวานเอาใจคนที่ต้องดูแลหล่อนกับสามีไปอีกสองวัน อดที่จะชมจากใจจริงไม่ได้ ในขณะที่ฉัตรบดินทร์เปิดตู้ไวน์หาเครื่องดื่มเพิ่ม

“กับข้าวอร่อยมากเลยค่ะ ขอบคุณป้านะคะ นี่ถ้าอยู่นานๆ นิคกี้อ้วนแน่” มือบางหมุนแก้วไวน์ก่อนยกขึ้นจิบเพลิดเพลินเป็นที่สุด แต่แล้วก็เกือบสำลักเมื่อได้ยินคำพูดของแม่บ้านที่ปฏิเสธเสียดื้อๆ

“โอ๊ย ป้าไม่ได้ทำค่ะ คุณหมอทำตั้งแต่สี่โมงโน่น” คนเป็นแม่บ้านพูดตามจริง คุณหมอใหญ่ง่วนอยู่ในครัวตั้งเกือบสองชั่วโมง ทำกับข้าวไปก็บ่นไปว่าภรรยาหายไปไหน ซึ่งลูกมืออย่างหล่อนก็ได้แต่บอกว่าอีกเดี๋ยวก็กลับมา

ส่วนหญิงสาวมองสามีที่เดินไปหยิบไวน์ขวดใหม่ และหันกลับมาทำหน้าตกใจเมื่อโดนคนในปกครองขายความลับแบบนี้

“ป้า!” เสียงทุ้มดุดังขึ้นเรียกสติแม่บ้านเก่าแก่

“เก็บเสร็จก็ไปพักได้เลยนะ เดี๋ยวผมจัดการกันเองได้” หน้าหล่อเจือสีเลือดเพราะนัยน์ตานคราที่มองมานั้นพราวระยับ ไม่เว้นระยะให้เขาหายใจ และยืนรอฉัตรบดินทร์อยู่ที่ประตูทางออกเฉลียงหลังบ้าน

“พี่ฉัตรทำกับข้าวเองจริงๆ เหรอคะ” เสียงหวานทั้งชื่นชมทั้งล้อเลียน

เดี๋ยวเถอะ...ดีด้วยแล้วลามปาม น่าจะดุเหมือนเดิม จะได้ไม่กล้ามาล้อเขาแบบนี้

“อือ” คนเป็นพ่อครัวรับคำในลำคอ ตีหน้าขรึมเหมือนไม่รู้สึกอะไร

แต่แม่ตัวดีของเขาก็ยังเย้าต่อจนได้ “โห ทำเองก็ไม่บอก นิคกี้นี่โชคดีนะคะ มีสามีทำกับข้าวอร่อย ยังงี้อยากทานอะไรพี่ฉัตรคงทำได้หมด” คนสวยเดินมาจนถึงเก้าอี้ที่เฉลียง และนั่งลงก่อนจะรับผ้าคลุมไหล่มาจากเขา กล่าวขอบคุณเบาๆ ในความเอาใจใส่

ด้านฉัตรบดินทร์ก็นั่งลงข้างๆ หล่อนในเวลาไล่เลี่ยกัน “ยาก มีเวลาว่างแบบนี้บ่อยๆ ซะเมื่อไหร่” คนร่างหนาพิงเก้าอี้บ้าง เหลือบมองคนข้างๆ เล็กน้อย ทั้งตรวจสอบว่าอีกฝ่ายนั่งสบายดีแล้ว ทั้งอยากเรียนรู้อีกคนให้มากขึ้น

“เราล่ะ ทำได้ไหม” ไม่แปลกใจเมื่อคำตอบที่ได้รับคือการส่ายหัวดิก คนโตมาแบบมีคนรองมือรองเท้าเป็นร้อยขนาดนั้นจะไปทำอะไรเป็น

“ไม่เป็นชิ้นเป็นอันค่ะ ทำได้เฉพาะเมนูที่ตัวเองชอบกับเมนูที่คนในบ้านชอบเท่านั้นแหละ” นคราบอกตามจริง ไม่โอ้อวด “พี่ฉัตรล่ะคะ ทำได้หมดเลยไหม”

ฉัตรบดินทร์พยักหน้ารับคำ ตามองออกไปด้านหน้าเพราะรู้ว่านครามองหน้าเขาอยู่ ไม่อยากให้แววตาเปิดเผยความนัยไปมากกว่านี้ ถึงแม้จะเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยล้นฟ้า แต่ช่วงเวลาที่ไปอยู่หอเอย ไปศึกษาต่อเอย เขาก็ต้องดูแลตัวเองทั้งสิ้น

“ได้สิ ไม่งั้นตอนเรียนใครจะทำให้”

ด้านคนที่มองหน้าสามีก็ยิ้มหวาน พี่ฉัตรที่หล่อนรักมีข้อดีที่ควรรักมากมาย จะไม่ดีก็ตรงที่ชอบดุเสียงแข็ง ทำอะไรไม่นึกถึงใจคนอื่น แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ เขาก็บอกให้เริ่มต้นกันใหม่ ต่อไปนี้เขาอาจจะไม่ทำแบบนั้นกับหล่อนแล้วก็ได้

“ดีจัง” เสียงหวานชวนฝันดึงดูดให้ชายหนุ่มหันมามองหล่อน

แล้ววินาทีที่ตาสองคู่สบกันก็เหมือนโลกหยุดหมุน เสียงหรีดหริ่งเรไรที่ร้องระงมบอกความเป็นชนบทเหมือนจะเงียบหายไป ได้ยินแค่เพียงเสียงหัวใจของตนเองที่เต้นอยู่ในอก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทั้งเคมี ทั้งความรักที่มีอยู่ในใจทั้งคู่ดึงดูดร่างสองร่างเข้าหากัน

ในที่สุดริมฝีปากทั้งสองก็สัมผัสกัน เริ่มจากแผ่วเบาอ่อนหวานเรียนรู้กัน และเริ่มทวีความร้อนแรงมากขึ้น เมื่อฉัตรบดินทร์หยิบแก้วไวน์ออกจากมือนคราไปวางไว้ แล้วใช้สองมือหนาประคองหน้าสวยจัดมุมให้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้น คนที่เก็บงำความรู้สึกตัวเองมาหกปี รักแต่ไม่กล้ารัก เมื่อเจอกับคนที่รู้ใจตัวเองมาตลอดว่ารักอีกฝ่ายมากแค่ไหน ก็ทำให้ไฟรักที่ลุกโชนโหมแรงไปกันใหญ่

ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงอาการสั่นสะท้านเบาๆ จึงเลื่อนมืออีกข้างลงกอดเอวบางไว้ ดันตัวนคราให้แนบชิดเขายิ่งขึ้น ด้านคนโดนรุกถึงแม้จะตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดจะขัดขืน เพียงเขินอายกับสถานการณ์นี้ ชะงักเล็กน้อยเมื่อฉัตรบดินทร์ถอนจูบที่นัวเนียดูดดึงกันออก มองหน้าหล่อนด้วยสายตาวาบหวามแล้วยิ้มกริ่ม จนนคราหน้าแดง ก้มหน้าหลบตาสามีทันที เดือดร้อนคุณหมอใหญ่ต้องเชยคางให้เงยหน้าขึ้นสบตากัน

“โอเคไหม” เสียงทุ้มอ่อนโยนกว่าที่เคย มือหนาลูบหน้าสวยของนครา แววตาเคลิบเคลิ้มมากกว่าที่เคยเห็น

ฝ่ายหญิงสาวก็ไม่รู้ว่าอีกคนหมายถึงอะไร จึงได้แต่พยักหน้าตาม แต่แค่นั้นก็ทำให้คนที่ถือไพ่เหนือกว่ายิ้มกริ่ม

“นิคกี้...” เสียงทุ้มสั่นพร่าแบบคนมีความต้องการ ริมฝีปากบางย้ายเป้าหมายไปจู่โจมอยู่ที่ใบหูหญิงสาว

“นิคกี้คิดแบบเดียวกันไหม” พูดจบก็พ่นลมอุ่นๆ เรียกเลือดนคราให้ร้อนฉ่าตั้งแต่ศีรษะจดเท้า

“คะ...คะ...คิดอะไรคะ” หญิงสาวพูดตะกุกตะกักตอบสามีที่กำลังถูไถร่างใหญ่เบียดกับตัวหล่อน

หล่อนย่นคอเรียวหนี แต่ก็ทำได้ไม่นานเพราะริมฝีปากที่ดูดดึงลิ้นหล่อนเมื่อครู่พรมจูบลงบนลำคอระหงจนนคราตัวอ่อน รู้ตัวอีกทีชายหนุ่มก็อุ้มหล่อนขึ้นบันไดแล้วเปิดประตูห้องนอนเรียบร้อย ได้สติเต็มที่ตอนฉัตรบดินทร์วางหล่อนลงบนเตียงนุ่มขนาดคิงไซซ์ มือหนาบีบเคล้นอกอวบ คำรามในลำคอ ก่อนจะถลกเสื้อเนื้อผ้าดีไปกองเหนือเนินเนื้อ ตาคมกริบมองของที่เขาเป็นเจ้าของตาพร่า เห็นตัวบางๆ แบบนี้ ใครจะรู้ว่าที่จับอยู่ไม่ต่ำกว่าคัปซีแน่ๆ นิ้วเรียวเกี่ยวตะขอหน้าของบราเซียร์ลูกไม้ออก เผยให้เห็นสัดส่วนด้านใน นั่นคือยอดอกสีชมพูระเรื่อ ทำเอาหน้าฉัตรบดินทร์เปลี่ยนเป็นสีเดียวกันทันที

คนตั้งใจจะรักเมียขาดการควบคุม โน้มตัวลงชิมความหอมหวานที่เย้ายวนอยู่ตรงหน้า ด้านหญิงสาวก็สะดุ้งเฮือกกับสัมผัสที่ไม่คุ้นชิน ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว ร่างกายตอบสนองโดยการแอ่นอกรับพลางทึ้งผมสามีตามคลื่นอารมณ์ที่ซัดสาด ยอมให้เขาคลอเคลียอยู่กับร่างกายท่อนบน และดึงกางเกงขาสั้นที่ปกคลุมท่อนล่างออกไปจนสิ้น ก่อนที่ชายหนุ่มจะยืดตัวขึ้นดึงเสื้อยืดของตัวเองออก สลัดจ็อกกิงแพนต์ออกจากขาด้วยความเร็วแสง แล้วจับแขนนคราทั้งสองข้างให้ชูขึ้นเพื่อเปิดเปลือยร่างสมบูรณ์แบบต่อสายตาเขา

หน้าสวยแดงก่ำ ผมยาวคลี่กระจายเต็มหมอน เป็นภาพที่ทำให้ชายหนุ่มซึ่งผ่านโลกมาสามสิบหกปีแทบหยุดหายใจ เอวบางชนิดที่เขาน่าจะรวบมิดด้วยมือเดียวรับกับสะโพกผายและขาเรียวยาวได้อย่างเหมาะเจาะ

ส่วนนคราเห็นสายตาของสามีแบบนั้นก็อดสั่นสะท้านไม่ได้ ปากอิ่มเม้มแน่น จนฉัตรบดินทร์ที่จับจ้องอยู่เลื่อนนิ้วมาคลี่ออก ก่อนจะสอดประสานมือของทั้งคู่ไว้เหนือหัวคนสวยที่นอนระทดระทวย คลุกวงในรอบที่เท่าไรก็ไม่รู้ ริมฝีปากบางขบเม้มทั่วเนินอกจนเกิดรอยแดง ก่อนจะวกขึ้นมาประทับจูบอ่อนหวาน ลิ้นเรียวสอดสัมผัสแผ่วเบา ก่อนจะเร่งเร้าเป็นดุดันร้อนแรงมากยิ่งขึ้น มือเริ่มเคลื่อนลงต่ำแตะจุดอ่อนไหวแผ่วเบา แต่ทำให้นคราสะท้านยิ่งนัก

“อ๊า” คนเสียงหวานครางแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ขาเรียวบิดหนีการรุกล้ำที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน

แต่ฉัตรบดินทร์ใช้ชั้นเชิงที่มีมากกว่าทำให้คนสวยปลดปล่อยตัวเองไปตามอารมณ์

“พี่ฉัตร...พี่ฉัตร...พี่ฉัตร...” 

เอวเล็กเด้งรับสัมผัสร้อนแรงที่สามีปรนเปรอให้ ในขณะที่เขาเองก็ซุกไซ้ซอกคอหอมเนื้อสาว อยากจะสอดแทรกตัวเองเติมเต็มทุกความรู้สึก แต่ก็ไม่แน่ใจว่าภรรยาหมาดๆ ผ่านประสบการณ์วาบหวามมาก่อนหรือไม่ ทว่าในที่สุดความต้องการที่จวนเจียนจะระเบิดทั้งเพราะห่างหายเรื่องแบบนี้มานาน และเพราะเป็นรสรักจากคนตรงหน้า ก็ทำให้ฉัตรบดินทร์รั้งอารมณ์ตัวเองต่อไปไม่ไหว เขาใช้หัวเข่าเขี่ยขาเรียวให้อ้าออก ฉวยจังหวะที่นครายังหมุนคว้างอยู่ กระซิบแผ่วเบาอ่อนหวานที่สุดเท่าที่เคยเอ่ยกับใครมาในชีวิต

“อยู่ด้วยกันไปตลอดนะ”

สิ้นเสียงฉัตรบดินทร์ก็ฝังตัวตนความเป็นชายลงกลางตัวนครา แล้วก็ยิ้มมุมปาก ตาเป็นประกายระยับ สมใจ ภูมิใจ พอใจ เมื่อมีปฏิกิริยาตอบรับทั้งร่างกายและเสียงร้อง

“เจ็บค่ะ” คนร่างบางกระถดหนี แต่ไปไหนไม่พ้นเพราะโดนคนตัวโตกดทับไว้ อีกทั้งยังแทรกตัวเข้ามาตรึงหล่อนไว้จนแทบขยับไม่ได้ หล่อนทำหน้านิ่ว มีเพียงสัมผัสอุ่นๆ กับลมหายใจหนักๆ ตอบรับที่ข้างหู ก่อนเขาจะยืดตัวขึ้นมองหน้าหล่อน แต่ไม่ถอนตัวออก

“ไหวไหม” น้ำเสียงเหมือนปลอบโยนและแววตาใจดีเหมือนพี่ฉัตรที่เอ็นดูหล่อนเมื่อก่อน มือหนาลูบหน้าชื้นเหงื่อ ลูบผมให้เข้าทรง จูบหน้าผากหล่อนแผ่วเบาเป็นการปลอบขวัญ

นคราก็พยักหน้าน้อยๆ แต่ยังไม่วายปรามเขา “เบาๆ ก่อนได้ไหมคะ” ถึงจะไม่เคย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ คนไร้ประสบการณ์เลยร้องขอคนคุมเกมพลางทำตาใส

ผู้ชายใจแข็งปากร้ายกลับใจอ่อนยวบ พยักหน้ารับแล้วก้มลงจูบหญิงสาวอย่างอ่อนหวานอีกครั้ง

“ได้สิ อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ”

แต่แล้วจากที่ตั้งใจไว้ว่าจะให้ครั้งแรกของนคราอบอุ่นอ่อนหวานมากที่สุดก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเมื่อหญิงสาวคลายเจ็บก็ร่วมมือร่วมสนองความต้องการของร่างกาย เติมเต็มอารมณ์เร่าร้อนกันทั้งสองฝ่าย จนฉัตรบดินทร์แทบลืมไปเลยว่าคนที่มอบความอ่อนหวานสุขล้ำให้เขาไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน สะโพกสอบยังคงเร่งเร้าตามจังหวะรักไม่หยุดพัก จนเนื้อตัวเกร็งผ่าวเมื่อสัมผัสสุขล้ำเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้

เขาทิ้งตัวลงทับนคราที่หายใจหอบกระเส่า และคงพร้อมจะหลับทันทีถ้าหมอหนุ่มไม่พลิกตัวหล่อนมาไว้บนอกเขา มือหนาลูบหลังเปล่าเปลือย ทั้งปลอบให้หายเหนื่อย ทั้งถ่ายทอดความรักที่ไม่เคยพูดผ่านสัมผัสอุ่น บอกคนที่นอนขยับยุกยิกเบาๆ ก่อนกดจูบที่กลางกระหม่อม

“พักให้เหงื่อแห้งแป๊บเดียว เดี๋ยวพาไปอาบน้ำ”

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น