บทที่ ๑๑

๑๑

ระยะทางพิสูจน์ม้า รอยคล้ำใต้ตาพิสูจน์คน

ตึก ตึก ตึก

แม้เข็มนาฬิกาจะย่างเข้าสู่เวลาเที่ยงคืนในอีกสามสิบนาที แต่ข้างบ้านหลังหนึ่งยังมีเสียงขุดดินดังแว่วสลับกับเสียงกระซิบกระซาบพูดคุย 

“ชู่...แกสับดินเบาๆ สิ” ดุจตะวันเตือนคนที่กำลังเงื้อจอบขึ้นกลางอากาศ

ศศิมาชะงักมือค้างอยู่กับที่ เหลือบตามองบ้านหลังข้างๆ ที่ปิดไฟมืดสนิททุกดวง แล้วย่นคอคล้ายเต่าหดคอเข้ากระดอง พึมพำเสียงแผ่ว 

“กราบขออภัย เพื่อนสนิทมิตรสหายทุกท่าน” จากนั้นจึงค่อยๆ สับจอบลงดินอีกหน ผลผลิตที่ฟูมฟักด้วยสองมือขายจนหมดเกลี้ยง เธอจึงมีเรี่ยวแรงขยายแปลงเพาะปลูกมาทางฝั่งข้างบ้าน สองสาวเพื่อนซี้ช่วยกันพรวนดินทำแปลงผักด้วยความคล่องแคล่ว ตราบจนกระทั่งเข็มนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน จึงแยกย้ายกันไปพักผ่อน

ถึงตัวเลขบนหน้าปัดนาฬิกาจะเปลี่ยนเป็นเลขสิบสองมาพักใหญ่แล้ว แต่คนที่อยู่บนเตียงก็ยังไม่มีวี่แววที่จะล้มตัวลงนอน ชลชาติหลุบตามองเสี้ยวหน้าเล็กของเด็กน้อยที่หลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ นับตั้งแต่น้องชายหมั้นหมายกับวนาลี บุตรชายก็มักจะขอไปนอนกับซิ่มคนโปรดทุกครั้งที่เธอมาที่บ้าน แต่ในคืนนี้เจ้าตัวเล็กกลับมีท่าทีที่แปลกออกไป อาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนเสร็จก็ขอให้เล่านิทานให้ฟัง ทว่าเล่าไปยังไม่ถึงครึ่งเรื่อง บุตรชายที่ร้องไห้แทบจะนับครั้งได้กลับพลิกตัวตะแคงข้างหันหลังให้กับเขา ใช้หลังมือปาดน้ำตากลั้นเสียงสะอื้นจนไหล่ไหว 

ในตอนนั้นเขาลนลานจนแทบจะทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่อุ้มลูกเข้ามากอด ลูบไหล่ลูบหลังปลอบประโลมอยู่พักใหญ่น้ำตาที่ไหลก็ไม่มีทีท่าจะหยุด หัวใจของคนเป็นพ่อก็คล้ายกับมีมือที่มองไม่เห็นบีบขยำหมายให้แหลกสลายคามือ แต่นั่นก็ยังไม่เจ็บปวดเท่าคำพูดเจือสะอื้นของคนในอ้อมกอด

“ทำไมเสียงหมาป่ากับลูกแกะถึงเหมือนกันล่ะป๊า ข้าวปั้นบอกว่าแม่ของข้าวปั้นเล่านิทานสนุกมาก ทำเสียงได้หลายเสียงด้วย ถ้า...ฮึก...ถ้าต้นน้ำมีแม่ แม่ก็จะเล่านิทานได้หลายเสียงเหมือนกันใช่ไหมป๊า”

“...”

“วันนี้แม่ของติวเตอร์ทำขนมให้ติวเตอร์เอาไปแจกเพื่อนที่โรงเรียน ฮึก...วันก่อนแม่ของเรียวตะก็ฝากขนมมาให้ต้นน้ำ แต่ต้นน้ำไม่เคยมีอะไรไปฝากเพื่อนเลย เพราะต้นน้ำไม่มีแม่”

“...”

“ทำไมคนอื่นมีแม่ แต่ต้นน้ำไม่มี ทำไมแม่ต้องตาย ต้นน้ำอยากมีแม่”

ชลชาติใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างคลึงหัวคิ้ว เอนศีรษะลงพาดหัวเตียง ถึงจะเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว แต่ก็มีครอบครัวที่อบอุ่นคอยช่วยเหลือ อีกทั้งบุตรชายยังเป็นเด็กเลี้ยงง่ายและอารมณ์ดี เขาจึงมั่นใจมาตลอดว่าตัวเองทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบแล้ว แต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้ทำให้ความมั่นใจที่มีมลายหาย ไม่รู้ว่าควรจะชดเชยและเติมเต็มความรู้สึกของบุตรชายอย่างไรดี 

“แค่ป๊าคนเดียวไม่ได้หรือ ป๊าบกพร่องตรงไหน บอกป๊าได้ไหมลูก” ชลชาติวางฝ่ามือซ้ายลงบนศีรษะเล็ก ก่อนจะคว้าวิสกี้ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงขึ้นกระดกจนหมดแก้ว 

คนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานกำหมัดแน่น พยายามระงับโทสะหลังได้อ่านรายงานที่ผู้ช่วยทำสรุปมาให้ ปัญหาทุจริตภายในยังไม่ได้ถอนรากถอนโคน โรงงานที่ทำประกันกับบริษัทก็เกิดไฟไหม้ และจากรายงานลับที่ได้รับก็พบว่า ผู้บริหารที่เขาไว้ใจอนุมัติวงเงินคุ้มครองให้แก่โรงงานที่ใกล้ปิดกิจการแห่งนี้สูงถึงเก้าหลัก 

“เบี้ยประกันกับวงเงินคุ้มครองไม่สมเหตุสมผล ไม่มีใครทักท้วงเลยหรือไง” ชลชาติทุบโต๊ะทำงานระบายอารมณ์ โรงงานขนาดใหญ่แต่เหลือคนงานเพียงไม่กี่คน แถมยังไม่ได้รับงานใหม่มาสองปี แต่คนของเขากลับเซ็นสัญญาเมื่อปีก่อน ด้วยเงื่อนไขเดียวกันกับโรงงานที่มีผลประกอบการหนึ่งพันล้านบาท

“นายจะให้เรียกประชุมเลยหรือเปล่าครับ” ธีร์ถาม เพราะจากข้อมูลที่เขาหามาได้ ยังมีโรงงานอีกสองแห่งที่มีเงื่อนไขคล้ายคลึงกัน

“ยัง” ชลชาติตอบ เพราะพบความผิดปกติบางอย่างในเอกสาร เขาจึงให้ผู้ช่วยตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง จึงพบกับความไม่ชอบมาพากลมากมาย สำหรับเขาแล้วไม่ว่าจะเป็นเงินเพียงหลักสิบ หลักร้อยหรือหลักล้าน ก็นับว่าเป็นการทุจริต และเขาจะไม่ทนเลี้ยงคนพวกนี้ไว้ใกล้ตัว แต่ที่ยังไม่ฟันดาบในตอนนี้ ก็เพราะต้องการหลอกล่อให้ตัวละครสำคัญเผยตัว 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ชลชาติเบนสายตาไปทางประตู และเมื่อเห็นคนที่อยู่อีกฝั่งของประตูเยี่ยมหน้าเข้ามา ใบหน้าถมึงทึงท่าทีที่แข็งกร้าวก็พลันแปรเปลี่ยน ชายหนุ่มยิ้มกว้างพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้

“ป๊า” เด็กชายในชุดนักเรียนร้องเรียก พร้อมกับวิ่งเข้าไปมา ทว่าก่อนจะพุ่งตัวเข้าอ้อมกอด ก็ไม่ลืมที่จะหยุดยืนให้ปลายเท้าชิดกันแล้วกระพุ่มมือไหว้

“เป็นยังไงบ้าง วันนี้เรียนสนุกหรือเปล่า” ชลชาติถามหลังจากกดจมูกลงบนแก้มยุ้ยทั้งสองข้าง

เด็กชายส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ทำไม” คนเป็นพ่อถาม หวั่นใจว่าลูกจะกดดันเรื่องที่ร้องไห้เมื่อคืนจนไม่อยากเรียนที่นั่นแล้ว

“ครูถามคำถามง่ายมาก ต้นน้ำตอบถูกหมดทุกข้อ” 

“ไม่สนุกเพราะไม่มีอะไรท้าทายงั้นเหรอ” 

“ต้นน้ำทำข้อสอบคณิตศาสตร์ได้เต็มด้วย อีซี่มาก” 

“ง่ายขนาดนั้นเชียว” ชลชาติระบายยิ้มมุมปาก จูงมือบุตรชายไปนั่งบนโซฟา

“อีกสิบนาทีป๊ามีประชุม ต้นน้ำอยากไปเล่นที่ไหนก็ให้อาพัฒน์พาไป” 

พัฒน์กับธีร์เหลือบตามองกันเล็กน้อย ด้วยที่ผ่านมาผู้เป็นนายจะให้บุตรชายวิ่งเล่นเฉพาะชั้นนี้เท่านั้น ทว่าวันนี้กลับมีคำสั่งที่ต่างกันออกไป ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับนักศึกษาฝึกงานคนนั้นมากเพียงไร แต่ก็ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องคิดแทน เพราะไม่ว่าผู้เป็นนายจะต้องการสิ่งใด พวกเขาก็พร้อมและยินดีจัดหามาให้ด้วยความเต็มใจ

“ต้นน้ำอยากไปหาพี่นางฟ้า แต่พี่นางฟ้าคงไม่มีเวลาเล่นด้วย” เด็กชายเอ่ยด้วยความเข้าใจ เพราะบิดาเคยบอกว่าที่นี่คือที่ทำงาน ทุกคนล้วนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ถึงจะไม่เข้าใจว่าหน้าที่และความรับผิดชอบคืออะไร แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะไปรบกวนใคร และไม่ชอบให้ใครมากวนใจเวลาเล่นด้วยเช่นกัน 

“พัฒน์” คนที่ตั้งใจว่าจะเติมเต็มบุตรชายในทุกๆ เรื่องเงยหน้าขึ้นมองผู้ช่วย

“ครับ” พัฒน์ขานรับ

“ต้นน้ำออกไปอ่านหนังสือหน้าห้องได้มั้ยป๊า” ทว่าก่อนที่บิดาจะทันได้ออกคำสั่ง เจ้าตัวเล็กบนตักก็เอียงหน้าขึ้นถาม

ชลชาติพยักหน้ารับ “ได้สิลูก แต่วันนี้ป้ามุกต้องเข้าประชุมกับป๊านะครับ”

“ต้นน้ำเล่นกับอาพัฒน์สองคนก็สนุกแล้ว” เด็กชายยกมือขึ้นจับแก้มบิดา ก่อนจะกระถดตัวลงจากตัก เดินไปจับมือผู้ช่วยของบิดาแล้วจูงออกไปจากห้องทำงาน

“ห้องประชุมพร้อมแล้วค่ะ” คล้อยหลังที่บุตรชายเดินออกไป เลขานุการหน้าห้องก็เดินเข้ามารายงาน

ชลชาติพยักหน้า จากนั้นจึงเดินนำผู้ช่วยและเลขานุการไปยังห้องประชุมใหญ่

เด็กชายดึงมือผู้ช่วยบิดาให้นั่งลงบนโซฟาตัวยาว ก่อนจะเดินไปหยิบหนังสือนิทานบนชั้นหนังสือด้วยตัวเอง 

“อาพัฒน์ครับ”

“ครับ” พัฒน์ขานรับ

“เล่านิทานให้ต้นน้ำฟังได้ไหมครับ” เด็กชายถาม หลังปีนขึ้นมานั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน

แม้จะทำหน้าที่ดูแลเจ้านายตัวน้อยมาตั้งแต่แบเบาะ แต่ก็ไม่เคยทำหน้าที่เล่านิทานให้ฟังเลยสักครั้ง คนไร้ประสบการณ์ที่ไม่มีแม้แต่คนรักหลุบตามองหนังสือนิทานสองเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะกลาง 

“อา...”

“นะครับ ต้นน้ำอยากฟัง” เด็กชายเขย่าแขน

แม้จะเป็นคนใจแข็งมากเพียงไร แต่ก็พ่ายแพ้ให้แก่สายตาคู่นี้ทุกครั้ง พัฒน์เอื้อมมือไปหยิบหนังสือนิทาน ถึงจะไม่เคยเล่าเองแต่เขาก็อยู่ด้วยทุกครั้งที่มุกภาตาเล่านิทานให้เจ้านายตัวน้อยฟัง 

“คุณต้นน้ำอยากฟังเรื่องไหน” 

“เรื่องไหนก็ได้ที่อาพัฒน์มั่นใจ”

พัฒน์ขมวดหัวคิ้ว แค่เล่านิทานจะยากอะไร ก็แค่อ่านตามตัวอักษรไปเรื่อยๆ ก็เท่านั้นเอง ชายหนุ่มหยิบหนังสือที่มีรูปสิงโตกับลาขึ้นมาเปิด

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...”

แค่เพียงเริ่มต้นเด็กชายที่กำมือทั้งสองข้างรอฟังด้วยความตื่นเต้นก็พลันถอนหายใจ “อาพัฒน์ไม่มีฟีลลิ่งเลย” 

“ลาหนุ่มหันไปมองสิงโต...” ทว่าผู้ช่วยมือหนึ่งที่ได้รับความไว้วางใจให้เจรจาเรื่องสำคัญแทนผู้เป็นนายนับครั้งไม่ถ้วนยังไม่ละความพยายาม อ่านทุกตัวหนังสือด้วยระนาบเสียงเดียวกัน

“อาพัฒน์กับป๊าไม่เคยเรียนโด เร มี ใช่มั้ย” เด็กชายล้มตัวลงนอนคว่ำ วางคางบนกำปั้นทั้งสองข้าง

“คุณต้นน้ำอยากฟังนิทานเรื่องโด เร มีหรือครับ” 

เด็กชายเม้มปาก “งั้นก็คงมีแต่แม่ที่ใช้โดเรมีเล่านิทานได้”

“อะไรนะครับ” พัฒน์ขมวดหัวคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

“แม่ของเพื่อนต้นน้ำเล่านิทานสนุกมาก แต่ป๊ากับอาพัฒน์สอบตกทั้งสองคน” เด็กชายสมุทรพลิกตัวนอนหงาย วางฝ่ามือลงบนหน้าท้อง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม

“ต้นน้ำกินโกโก้ได้ไหมครับ”

“อาไปบอกป้าแม่บ้านให้นะครับ” 

ทว่าเด็กชายกลับพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง รั้งแขนของคนที่ตั้งท่าจะลุกขึ้นเอาไว้ “คุณป้าทำหวานเกินไป”

“อาจะบอกให้ลดความหวานลง” 

เด็กชายส่ายหน้า “พี่นางฟ้าทำน้ำหวานอร่อยที่สุดในโลก”

เขาเองก็เห็นด้วยว่าเด็กคนนั้นมีฝีมือในการทำเครื่องดื่ม แต่ถึงอย่างนั้นการจะเรียกตัวนักศึกษาฝึกงานให้ขึ้นมายังชั้นผู้บริหารก็ย่อมต้องสมเหตุสมผล หากเรียกขึ้นมาเพียงเพื่อต้องการน้ำหวานสักแก้ว เธออาจจะพบกับความยากลำบากในการฝึกงาน เพราะเจ้านายของเขาครองสถานะโสด เขากับธีร์ก็เช่นกัน ดังนั้นหากไม่มีเหตุอันสมควรเธอคงจะโดนเพ่งเล็ง และตกเป็นหัวข้อสนทนาได้ง่ายๆ 

ก๊อก แก๊ก ก๊อก แก๊ก

ในจังหวะที่พัฒน์กำลังไตร่ตรองอย่างรอบคอบอยู่นั้น เสียงรองเท้าคัตชูกระทบขั้นบันไดก็ดังขึ้นเป็นจังหวะ ชายหนุ่มต่างวัยจึงเบนสายตาไปมอง

“พี่นางฟ้า!” เด็กชายดันตัวลงจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหา 

คนที่หอบเอกสารรีบขยับออกห่างจากหัวบันได ย่อตัวลงนั่ง วางเอกสารในมือลง แล้วกางแขนรับร่างกลมเข้ามากอดแนบอก

“ต้นน้ำอยากกินโกโก้ พี่นางฟ้าทำให้ต้นน้ำกินได้มั้ยครับ” เด็กชายสมุทรยกมือขึ้นจับแก้มนุ่มขณะถาม

แม้จะปวดแขนปวดขา อ่อนล้าไปทั้งตัว แต่ศศิมาก็ยังยิ้มกว้างจากหัวใจ “ได้สิครับ”

“เย้!” เด็กชายยกแขนขึ้นทั้งสองข้าง

“แต่พี่อิงต้องเอาเอกสารไปส่งก่อน”

“ส่งห้องไหน” คนที่ยืนมองอยู่ห่างๆ ถาม

“ท่านประธานค่ะ” ศศิมาตอบ

“ผมจัดการให้เอง น้อง...” พัฒน์หยุดนิ่งอย่างแนบเนียน ถึงจะเคยเห็นหน้าค่าตากันหลายครั้ง แต่ยังไม่เคยแนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการสักที หากผู้เป็นนายไม่สั่งให้เขาไปสืบประวัติของเธอ เขาก็คงไม่รู้ว่าเธอชื่ออิงฟ้า ไม่ใช่นางฟ้าเหมือนที่เจ้านายตัวน้อยเรียกขานจนติดปาก

“อิงฟ้าค่ะ”

พัฒน์พยักหน้ารับ “น้องอิงฟ้าช่วยทำโกโก้ให้คุณต้นน้ำหน่อยก็แล้วกัน” 

“จะดีหรือคะ” ถึงเธอจะไม่รู้ว่าเขาทำงานในตำแหน่งอะไร แต่หากเขาตามเจ้าของบริษัทเป็นเงาแบบนี้ ก็ย่อมไม่ใช่ตำแหน่งธรรมดา

“ไม่เป็นไร เรื่องของคุณต้นน้ำสำคัญที่สุด” พัฒน์ว่า พลางพยักหน้าให้หญิงสาวเดินตามไปยังห้องครัวเล็กๆ บนชั้นผู้บริหารที่มีขนม ผลไม้ ของว่างครบครัน

“ฝากด้วยนะครับ” พัฒน์ค้อมศีรษะลงก่อนจะถือแฟ้มเอกสารไปยังห้องประธานกรรมการบริหาร

“โกโก้ร้อนหรือเย็นดีครับ”

“เย็นค้าบ” 

“พี่อิงจัดให้” หญิงสาวยกมือขวาขึ้นทำสัญลักษณ์โอเค พร้อมขยิบตา ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นและชั้นเก็บของต่างๆ เพื่อหาวัตถุดิบและอุปกรณ์

“ต้นน้ำอยากลองทำมั้ยครับ” ศศิมาถาม เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเล็กที่สูงระดับขาเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสนใจ

เด็กชายพยักหน้าแรงๆ ดังนั้นศศิมาจึงไปยกเก้าอี้มาวางชิดขอบเคาน์เตอร์ อุ้มร่างเล็กขึ้นไปยืน จากนั้นจึงเริ่มต้นชงโกโก้ตามสูตรที่เคยทำในคาเฟ่ โดยมีผู้ช่วยตัวน้อยเป็นลูกมือทุกขั้นตอน

“มันยอดเยี่ยมมาก” เด็กชายทำตาวาวหลังจากดูดเครื่องดื่มที่ตัวเองมีส่วนร่วมอึกใหญ่

“ต้นน้ำเก่งที่สุดเลย” ศศิมาชม

เด็กชายยิ้มกว้างจนตาหยี ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “พี่นางฟ้าช่วยต้นน้ำทำอีกแก้วได้มั้ยครับ”

ศศิมาจิ้มพุงกลมๆ ก่อนตอบ “ทำได้ครับ แต่ถ้าเรากินของหวานเยอะเกินไป มันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ”

“ต้นน้ำไม่ได้กินเอง ต้นน้ำอยากทำให้ป๊า”

“น่ารักจังเลย” ศศิมายิ้มกว้าง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบผงโกโก้ที่เพิ่งเก็บเข้าที่ออกมาเปิดอีกรอบ “ป๊าของต้นน้ำ ต้องชื่นใจมากๆ แน่เลย”

เสียงสนทนาและเสียงหัวเราะของคนในห้องครัวดังแว่วออกไปถึงด้านนอก พัฒน์ยืนพิงขอบประตู รอจนกระทั่งศศิมากุมมือเล็กของเจ้านายตัวน้อยเทเครื่องดื่มลงแก้วน้ำแข็งเรียบร้อยแล้วจึงเดินเข้าไปสมทบ

“อาพัฒน์เอาไปให้ป๊าได้มั้ย” เด็กชายเอียงหน้าขึ้นถาม

“ได้ครับ” พัฒน์รับคำ ก่อนจะหันไปทางนักศึกษาสาวโดยตรง “ขอบคุณมากนะครับ”

“ยินดีค่ะ” ศศิมาค้อมศีรษะลง “งั้นพี่อิงไปทำงานต่อก่อนนะครับ”

“ขอบคุณค้าบ” เด็กชายว่า แล้วทำปากจู๋ ศศิมาจึงลดใบหน้าแนบแก้มกับริมฝีปากเล็ก

“ฮึบ!” หญิงสาวชูกำปั้นทั้งสองข้างขึ้นระหว่างอก “ได้กำลังใจดีแบบนี้ พี่อิงมีพลังทำงานถึงตีสามเลย”

ในขณะที่เด็กชายมึนงงด้วยความไม่เข้าใจ คนได้รับกำลังใจเต็มเปี่ยมก็ค้อมตัวเดินออกไปจากห้องครัว 

“ทำไมต้องตี ตีตั้งสามพี่นางฟ้าคงเจ็บแย่” เด็กชายยกมือขึ้นเกาท้ายทอย

พัฒน์ยกมุมปากขึ้นนิดๆ วางเครื่องดื่มทั้งสองแก้วลงบนถาด แล้วจูงมือของเจ้านายตัวน้อยพาเดินออกไปยังโซฟาหน้าห้องทำงาน ชายหนุ่มกวาดตามองหาแม่บ้าน เมื่อเห็นว่าเช็ดฝุ่นอยู่ตรงมุมหนึ่ง จึงเรียกให้ยกถาดเครื่องดื่มพร้อมกระดาษโน้ตที่เจ้านายตัวน้อยบอกให้เขาสอนเขียนไปให้ผู้เป็นนายในห้องประชุม

ประตูห้องประชุมที่ถูกเปิดออก เรียกความสนใจจากผู้เข้าร่วมประชุมในห้อง ไม่เว้นแม้กระทั่งคนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะรูปตัวยู ชลชาติเหลือบตามองแม่บ้านที่ยกถาดเครื่องดื่มเข้ามาเล็กน้อย ก่อนจะเบนความสนใจกลับไปยังข้อมูลบนจอขนาดใหญ่หน้าห้องดังเดิม ทว่าเมื่อเบนสายตากลับมาอีกหน แก้วเครื่องดื่มบนถาดก็ถูกวางเอาไว้ตรงหน้า

ชายหนุ่มเบนสายตาไปทางธีร์ ผู้ช่วยหนุ่มส่งสัญญาณทางสายตาให้ผู้เป็นนายมองกระดาษที่ติดอยู่บนจานรอง ชลชาติจึงหลุบตาลง มุมปากยกขึ้นโค้งเพียงชั่วขณะ ก่อนจะคลายออกเป็นสีหน้าที่เรียบเฉยดังเดิม ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นจิบ แล้วอ่านลายมือคุ้นตาบนกระดาษสีเหลืองอ่อนอีกรอบ

โกโก้เพิ่มพลัง จากต้นน้ำกับพี่นางฟ้า


 

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น