ราวๆ สี่เดือนก่อนหน้านี้ ภายในห้องทำงานของท่านรองประธานบริษัทเดชาธร กรุ๊ป ชายหนุ่มวัยเพียงสามสิบสามปี ทายาทผู้สืบทอดอันดับหนึ่งของตระกูล ซึ่งช่วยบิดาดูแลกิจการทั้งหมดของบริษัทกำลังก้มหน้าขะมักเขม้นกับเอกสารกองโตบนโต๊ะ
วูล์ฟ โลเวล กิตติเดชาธร บุตรชายของคุณธากร ผู้ก่อตั้งบริษัทเดชาธร กรุ๊ป ซึ่งมีธุรกิจในเครือมากมาย โดยเฉพาะผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีชื่อติดตลาดเป็นที่รู้จัก รวมถึงธุรกิจอื่นๆ และโรงแรมที่มีสาขาถึงอเมริกาด้วยแล้ว ทำให้ตระกูลนี้ร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของประเทศเลยก็ว่าได้
ยิ่งได้บุตรชายคนโตที่เก่งรอบด้านมาดูแลด้วยความรู้ความสามารถ จนเป็นที่กล่าวถึงในวงการธุรกิจว่าเขาคือนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่มากความสามารถน่าจับตามอง ก็ส่งผลให้บริษัทแข็งแกร่งขึ้น ยิ่งกว่านั้นการศึกษาและหน้าตาที่หล่อเหลาแบบลูกครึ่งไทยที่ได้จากฝั่งบิดาผสมกับเลือดฝั่งมารดาซึ่งเป็นคนอเมริกัน ทำให้โลเวลเป็นหนุ่มในฝันที่สาวๆ ทั้งเมืองอยากเข้าใกล้
ใครๆ ก็รู้ว่าชายหนุ่มเป็นคนเข้าถึงยาก หน้าที่การงานทำให้เขาวางตัวน่าเกรงขาม แต่ก็มีผู้หญิงหลายคนคิดจะเสี่ยง ทว่าอย่างมากพวกหล่อนก็เป็นได้แค่คู่นอนชั่วคราวของเขา กระนั้นก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเสียใจสักคนเดียว พวกหล่อนคิดเพียงว่าการได้เป็นคู่นอนชั่วคราวของผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างโลเวลถือว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม เพราะการนอนกับเขาเพียงครั้งหรือสองครั้งนั้น ผลตอบแทนที่พ่อหนุ่มโยนให้คือรางวัลก้อนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง เครื่องประดับ รถยนต์ ซึ่งนับเป็นค่าตอบแทนที่พวกเธอพึงพอใจ แต่รับรองไม่มีใครได้ขึ้นเตียงกับโลเวลเป็นครั้งที่สาม
เสียงอินเตอร์คอมที่ตั้งบนโต๊ะทำงานดังขึ้น แน่นอนว่าคนที่กดอินเตอร์คอมมาหาเขาจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากเลขาฯ ประจำตัว ทว่าเมื่อกดรับ เสียงที่ดังผ่านเข้ามากลับไม่เป็นอย่างที่รองประธานบริษัทคาดไว้
“คุณวูล์ฟครับ นี่ผมเอง คีรี”
“คีรี นายไปยุ่งอะไรกับโต๊ะเลขาฯ” โลเวลเลิกหัวคิ้วด้วยความฉงน คีรีคือมือขวาและผู้ติดตามของเขา ปกติมีหน้าที่รับงานตามคำสั่งของเขาเท่านั้น แล้วตอนนี้ไปทำอะไรอยู่ที่โต๊ะเลขาฯ หน้าห้อง
“ขอโทษครับ คือผมเห็นคุณครองขวัญนอนฟุบหมดสติที่โต๊ะทำงาน ผมมาเรียกเธอก็ยังไม่รู้ตัวครับ ผมเลยถือวิสาสะกดอินเตอร์คอมมาบอกคุณวูล์ฟว่าผมจะขออนุญาตพาเธอไปส่งโรงพยาบาล” เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน คีรีจึงเลือกเอาอุปกรณ์สื่อสารใกล้ตัวและสะดวกเพื่อรายงานเจ้านายในเวลานั้น และคนที่ทำงานกับโลเวลมานานอย่างคีรีก็รู้ใจเจ้านายดีว่าไม่ได้เย็นชาหรือน่ากลัวอย่างที่คนนอกมอง ลึกๆ แล้วโลเวลก็มีด้านน่ารัก อบอุ่น และมีน้ำใจเห็นใจคนอื่นไม่น้อยเช่นกัน
“แล้วกัน!...โอเค นายรีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาลเลย แล้วอาการคุณขวัญเป็นยังไงก็โทร. มารายงานด้วย” คนเป็นนายสั่งทิ้งท้าย แล้วลุกจากเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่เดินไปเปิดประตูห้องทำงาน
โลเวลออกไปทันเห็นว่าคีรีอุ้มครองขวัญเดินตรงดิ่งไปที่ลิฟต์ แม้คนเป็นรองประธานไม่ได้แสดงความร้อนใจออกทางสีหน้าหรืออากัปกิริยา แต่ลึกๆ แล้วเขาก็มีความห่วงใยพนักงานทุกคนที่ทุ่มเททำงานและเสียสละเพื่อบริษัทเสมอ เพราะถือว่าทุกคนคือครอบครัวเดียวกัน ยิ่งครองขวัญเป็นเลขาฯ หน้าห้อง ถึงแม้จะเข้ามาทำงานกับเขาได้เพียงปีเศษ แต่เธอก็ช่วยงานเขาได้เยอะทีเดียว ซึ่งโลเวลก็หวังว่าหญิงสาวจะไม่เป็นอะไรมาก นอกจากโรคธรรมดาๆ ที่รักษาหาย
ภายในอาณาบริเวณกว้างขวางของคฤหาสน์หลังงามของตระกูลกิตติเดชาธรมีผู้อาศัยเป็นเพียงชายเจ้าของบ้านทั้งสองคนเท่านั้น ได้แก่โลเวลและธีราทร น้องชายต่างมารดา ส่วนธากร บิดาของทั้งสองมักจะอยู่ที่อเมริกาเป็นส่วนใหญ่เพราะท่านชอบที่โน่น และอีกอย่างก็เพื่อดูแลกิจการโรงแรมสาขาที่นิวยอร์ก แต่ก็ไม่ได้ทิ้งกิจการที่เมืองไทยเสียทีเดียว เพราะมีบุตรชายที่เก่งกาจคอยดูแลให้ ท่านจึงไม่ห่วงมาก และกลับมาช่วยโลเวลกับธีราทรดูกิจการปีละสองหนอยู่แล้ว
“ผมเตรียมกระเป๋าเดินทางพรุ่งนี้เรียบร้อยแล้วนะครับพี่วูล์ฟ หวังว่าพี่จะไม่เปลี่ยนใจอยากจะไปดูงานที่นิวยอร์กเองหรอกนะครับ” ธีราทรเอ่ยถามคนเป็นพี่ซึ่งนั่งโซฟาตรงกันข้ามภายในห้องนั่งเล่นแสนสบายและเป็นส่วนตัวของพวกเขา
หนุ่มลูกครึ่งพยักหน้าเนิบๆ ให้น้องชายหน้าไทยแท้และอายุห่างกันถึงห้าปี
เนื่องจากคุณธากรแต่งงานกับมารดาของธีราทรหลังจากที่ภรรยาชาวอเมริกันเสียชีวิตลงได้ราวๆ หนึ่งปี ส่วนโลเวลตอนมารดาเสียเขาอายุเพียงสี่ขวบ บิดาพากลับมาเรียนต่อที่เมืองไทย กระทั่งจบมัธยมต้นแล้วจึงส่งชายหนุ่มไปอยู่กับตาและยายที่อเมริกา เขาเรียนต่อที่นั่นจนจบปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจและกฎหมาย ก่อนจะกลับมาช่วยสานต่อธุรกิจของครอบครัวอย่างจริงจัง
“จะเปลี่ยนใจทำไม พ่อบอกเองว่าอยากให้นายไปดูงานที่โรงแรมสาขาที่โน่นบ้าง นายจะได้ไปหาพ่อด้วย ที่สำคัญนายก็คงอยากจะเจอคู่หมั้นจะแย่แล้วมั้ง ปกติแอบไปเที่ยวหากันบ่อยๆ คราวนี้ก็ไปทำงานด้วยเลยทีเดียว” โลเวลแซ็วน้องชายด้วยเสียงเรียบๆ
ธีราทรอมยิ้ม ไม่กล้าปฏิเสธว่าการได้ไปดูงานที่นิวยอร์กแทนพี่ชายเป็นเรื่องน่ายินดีมาก เพราะนอกจากจะเจอบิดาแล้ว คนที่เขาคิดถึงมากมายอีกคนก็กำลังรออยู่
หว่าหวาหรือปัญชิกาเป็นบุตรสาวของนักธุรกิจไทยคนหนึ่งที่รู้จักกับครอบครัวของเขา และเธอก็คือคู่หมั้นที่หมั้นหมายกันมาเกือบสามปีแล้ว พวกเขารักและเข้าใจกันดีมาตลอด ธีราทรเป็นสุภาพบุรุษ รักเดียวใจเดียว ไม่เคยทำให้ปัญชิกาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงหรือเสียใจเลยสักครั้ง ชายหนุ่มทะนุถนอมหญิงสาวไว้ราวไข่ในหิน โดยให้สัญญากันว่าตราบใดที่ยังไม่แต่งงาน เขาจะให้เกียรติเธอ ไม่แตะต้องเธอจนเกิดความเสียหายเกินงามแน่นอน แม้จะมีโอกาสที่จะเกินเลยกันได้บ่อยครั้งแค่ไหน แต่ธีราทรหักห้ามใจตัวเองได้ดีเสมอมา และนั่นยิ่งทำให้ปัญชิกาหวังฝากชีวิตไว้กับผู้ชายแสนดีคนนี้อย่างไม่คิดเปลี่ยนใจ
“ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้พี่วูล์ฟก็คงต้องเหงาหน่อยนะครับ ปกติบ้านนี้อยู่กันแค่เราสองคน ต่อไปพี่ก็อยู่คนเดียว”
“คนเดียวที่ไหน มีแม่บ้าน คนสวน คนงานอีกตั้งเยอะแยะ” เขาไหวไหล่
“แต่พี่ก็ไม่เคยคุยเล่นกับพวกเขานี่ครับ นอกจากออกคำสั่งแล้วทำหน้ายักษ์ให้ทุกคนกลัว” ธีราทรยิ้มเย้า พี่ชายของเขาชอบทำหน้านิ่งจนบางครั้งกลายเป็นว่าดูดุดัน ยิ่งเวลาโกรธหรือโมโหแล้วด้วยแทบไม่มีใครอยากจะเดินเฉียดใกล้สักคนเดียว แม้แต่เขาก็ตามที แต่เวลาอารมณ์ดีก็พอจะคุยกันได้อย่างตอนนี้
“เอาน่า...พี่มีวิธีคลายเหงาก็แล้วกัน ไม่ได้เหมือนนาย”
“ครับผมรู้ ผู้ชายเสน่ห์แรงอย่างพี่วูล์ฟมีคนช่วยคลายเหงา แต่ผมก็ห่วงว่าพอกลับจากคลายเหงาเข้ามาถึงบ้าน พี่ก็จะว้าเหว่ จริงๆ พี่วูล์ฟสามสิบสามแล้วนะครับ ทำไมถึงยังไม่คิดจะแต่งงาน...”
“หุบปากนายไปเลย” เขาขัดขึ้นทันทีแล้วตัดบท ไม่ชอบให้ใครมาคุยเรื่องแต่งงานกับตนเองนัก เพราะเรื่องนี้ห่างไกลจากความต้องการของเขามากเสียเหลือเกิน “พี่ว่านายไปพักผ่อนเถอะ เตรียมตัวบินเถอะ พรุ่งนี้ใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมง”
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่กวนแล้ว” น้องชายรู้ตัวว่าหลุดปากถามเรื่องที่อาจทำให้คนเป็นพี่ขุ่นเคืองรีบก้มหน้า แล้วขอตัวเดินออกจากห้องนั่งเล่นไป
และแล้วความเหงาก็ไม่เข้าใครออกใครแม้แต่คนที่เข้าถึงยากอย่าง วูล์ฟ โลเวล พอช่วงนี้ที่งานบริษัทเริ่มไม่ค่อยยุ่ง น้องชายอย่างธีราทรไม่อยู่ โลเวลก็ออกไปหาความสุขให้ตัวเองบ้าง แต่แน่นอนว่าเขาไม่ชอบพาคนแปลกหน้าเข้าบ้าน ดังนั้นจึงให้มือขวาคนสนิทที่ไว้ใจได้อย่างคีรีช่วยสรรหาสิ่งที่คิดว่าดีและพอใจมาส่งให้เขาถึงโรงแรมแทน โดยไม่จำเป็นต้องรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของพวกหล่อนเหล่านั้น เพราะแค่นอนด้วยกันครั้งเดียว บางคนไม่ทันข้ามคืนด้วยซ้ำก็แยกจากกันไปอย่างไม่มีพันธะผูกพัน
เช่นเดียวกับวันหยุดวันนี้ที่ชายหนุ่มรู้สึกเบื่อหน่ายตั้งแต่ตื่นนอน เขาจึงเลือกขับรถออกมาจากคฤหาสน์หลังงาม ในตอนแรกคิดว่าจะแวะไปดูที่บริษัท เผื่อมีงานอะไรที่ยังสะสางไม่เสร็จ แต่เอาเข้าจริงโลเวลก็นึกอยากมีเวลาให้ตัวเองได้ผ่อนคลายในวันหยุดบ้าง จึงเปลี่ยนความคิด ขับรถชมวิวเล่นรอบเมืองกรุง และคิดว่าคืนนี้จะโทร. ชวนจิรายุ เพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่มัธยมต้นและคบกันมานานจนถึงทุกวันนี้มานั่งดื่มที่คฤหาสน์ของเขาสักหน่อย แต่ระหว่างที่ขับรถไปตามท้องถนนในวันหยุดของเมืองกรุงได้สักระยะหนึ่ง หางตาของโลเวลก็สะดุดกับหญิงสาวที่รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา เธอเดินหิ้วข้าวของอยู่บริเวณทางเท้าข้างถนน และไม่นานก็เห็นเธอเดินซวนเซคล้ายคนกำลังจะล้ม
“คุณขวัญนี่ ไม่สบายแล้วมาเดินทำอะไร” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง แล้วรีบชะลอรถเลี้ยวเข้าจอดเทียบทางเท้าทันที เวลานั้นเขาเห็นว่าเลขาฯ สาวกำลังย่อตัวลงนั่งช้าๆ หน้าซีดเผือด
ครองขวัญหายใจแผ่วๆ ตาพร่าเหมือนจะหมดสติให้ได้ ประจวบเหมาะกับที่โลเวลวิ่งลงจากรถและเข้ามาช่วยประคองได้ทัน
“คุณขวัญ ทำใจดีๆ นะ นี่ผมเอง” เขาเรียกสติเธอ
หญิงสาวช้อนตาพร่ามัวมองหน้าคมคล้ามจึงรู้ว่าเป็นหนุ่มลูกครึ่งเจ้านายของเธอเอง
“คุณวูล์ฟ ฉันรู้สึกหน้ามืดนิดหน่อยน่ะค่ะ”
“ไม่นิดหน่อยแล้วมั้ง ช่วงนี้คุณไม่ค่อยสบาย น่าจะพักผ่อน ทำไมออกมาเดินตากแดดแรงๆ แบบนี้” เขากวาดตามองข้าวของพะรุงพะรังที่เธอวางไว้บนทางเท้า ก็เห็นเป็นของใช้ส่วนตัวหลายอย่างและรวมถึงอาหารแห้งและสดด้วย
“ฉันออกมาซื้อของค่ะ กำลังจะกลับแล้ว แต่จู่ๆ ก็หน้ามืด”
“เอาอย่างนี้ ไปนั่งในรถก่อน แล้วผมจะพาคุณไปหาหมอก็แล้วกัน”
“ไม่ค่ะ ฉันเพิ่งไปหามา ยายังทานไม่หมดเลย” เธอปฏิเสธเสียงแผ่ว
“ถ้าอย่างนั้นบ้านคุณอยู่ไหน ผมไปส่ง”
“ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ” แม้จะรู้สึกแย่จนทรงตัวแทบไม่อยู่ แต่ความเกรงใจทำให้หญิงสาวยังปฏิเสธ
โลเวลส่ายหน้า ก่อนจะตัดสินใจออกคำสั่งแทนการพูดหว่านล้อม “ผมจะไปส่ง ไม่ต้องปฏิเสธ คุณเป็นพนักงานของผมนะ จะให้ไม่ดูดำดูดีได้ยังไง บอกมาว่าบ้านคุณอยู่แถวไหน เร็วๆ อย่าให้ผมต้องโมโห”
“เออ...คะ...ค่ะ” ที่สุดเลขาฯ สาวที่เจอไม้ตายของเจ้านายก็จำต้องยอมให้เขาไปส่ง
...
บ้านของครองขวัญเป็นบ้านชั้นเดียวขนาดเล็กอยู่ในชุมชนตลาดแห่งหนึ่ง วิถีชีวิตของคนจนกับคนรวยต่างกันลิบลับ นี่เป็นสิ่งที่โลเวลยอมรับว่าไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เขาเกิดมาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ที่ใครๆ เรียกว่าคฤหาสน์ มีคนดูแลตั้งแต่เรื่องอาหารการกิน การแต่งตัว ไม่คิดว่าอีกมุมหนึ่งในเมืองหลวงแห่งนี้ยังมีชุมชนเล็กๆ เช่นนี้อยู่จริง แม้บริษัทเขาจะมีทุนสำหรับช่วยสังคม แต่นั่นก็แค่เงินบริจาคและให้ผู้ดูแลโครงการลงไปจัดการเอง ตัวเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับโครงการทุนพวกนั้นอย่างใกล้ชิดแม้แต่น้อย
“ที่นี่ใช่ไหม บ้านคุณ” โลเวลจอดรถตรงประตูรั้วไม้ มองเข้าไปในบ้านไม้ชั้นเดียวที่ยกสูงจากพื้นราวๆ หนึ่งเมตร
“ค่ะ บ้านหลังนี้แหละค่ะ เอ่อ...คือ...ฉันขอโทษนะคะ บ้านฉันหลังเล็กแล้วก็อาจจะรกไปหน่อย...”
“ช่างเถอะ ผมมาส่งคุณ ไม่ได้จะมาดูว่าบ้านเล็กหรือรก เข้าไปข้างในก่อน” เขาเปิดประตูแล้วเดินอ้อมมาช่วยพยุงเลขาฯ ซึ่งตอนนี้พยายามจะออกมาจากรถของเขาอย่าทุลักทุเล เธออ่อนแรงเกินจะเดินเหินได้คนเดียว แต่ก็ไม่ลืมห่วงข้าวของเยอะแยะที่ซื้อมา จนโลเวลอดไม่ได้ที่จะช่วยหิ้วให้เอง “มีใครอยู่ในบ้านไหม ผมควรจะเรียกให้เขามาช่วยพยุงคุณอีกแรง หรือไม่ก็มาหิ้วข้าวของพวกนี้”
“ไม่แน่ใจค่ะ ตอนฉันออกไปเมื่อเช้ายังไม่มีใครกลับมาเลย”
คำตอบของหญิงสาวทำให้โลเวลฉงน เธอพูดเหมือนกับว่าเมื่อคืนยังไม่มีใครกลับมาบ้านจนถึงเช้านี้ แปลก...คนไม่สบายทั้งคนไม่มีคนใส่ใจดูแล แล้วยังต้องหอบสังขารออกไปหาซื้อของด้วยตัวเอง เพราะไม่มีญาติพี่น้องให้พึ่งพาได้สักคน
สรุปชายหนุ่มก็ต้องพาเลขาฯ ของตัวเองเข้าไปส่งจนถึงในบ้าน ซึ่งบ้านไม้หลังเล็กๆ แห่งนี้เล็กสมที่หญิงสาวบอกนั่นละ ถ้าเทียบกับคฤหาสน์ของเขา บ้านของครองขวัญก็น่าจะเป็นแค่กระท่อมกลางป่าดีๆ นี่เอง
“ขอบคุณมากนะคะคุณวูล์ฟ นั่งก่อนสิคะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้” เธอบอกขณะที่ตัวเองถูกประคองลงนั่งบนเก้าอี้นวมราคาถูกๆ ตัวหนึ่งในบ้าน
“ไม่ต้อง ตัวเองจะไม่รอดอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วงผม ไปหายามากินซะแล้วก็นอนพักผ่อน” เขาไม่นั่งเพราะคิดว่าส่งเลขาฯ สาวแล้วก็จะกลับ จึงเลือกจะยืนคุยกับอีกฝ่าย
ครองขวัญยกมือไหว้ผู้เป็นนายอย่างซาบซึ้งน้ำใจ เรียวปากซีดแห้งขยับช้าๆ กล่าวเสียงอ่อนแรง “คุณวูล์ฟมีน้ำใจกับพนักงานจริงๆ ขอบคุณมากๆ อีกครั้งค่ะ”
“เลิกขอบคุณได้แล้ว พนักงานทุกคนก็เหมือนครอบครัวของผม จะทิ้งขว้างได้ยังไง มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เสมอ แล้วถ้าอยู่คนเดียวเกิดเป็นอะไรขึ้นมาโทร. หาผมได้ทุกเมื่อ ส่วนเรื่องงานไม่ต้องห่วง ช่วงนี้คุณน่าจะพักผ่อนให้มากๆ”
“จริงๆ เรื่องนี้ฉันอยากจะคุยกับคุณวูล์ฟมาสักพักแล้วค่ะ คือฉันคิดว่าสุขภาพของฉันอาจทำงานให้คุณได้ไม่เต็มที บางทีฉันอาจจะขอลาออก”
สีหน้าผู้เป็นนายยังนิ่งเรียบ ไม่ได้สะทกสะท้านหรือตกใจ เขาพยักหน้าน้อยๆ เท่านั้น “เข้าใจ แต่ไม่ต้องถึงกับลาออกหรอก ไปหาหมอซะ หายเมื่อไหร่ก็กลับไปทำงานตามปกติได้”
“แต่ฉัน...” ครองขวัญพูดอะไรไม่ออก เธอจะบอกอีกฝ่ายว่าอย่างไรดี ในเมื่อโรคที่เธอเป็นไม่ใช่แค่เจ็บไข้ธรรมดา แต่เป็นโรคที่รุนแรงเอาการ ที่เธอพยุงตัวเองให้ลุกไปทำงานกับเขาได้จนถึงทุกวันนี้ก็เพราะอยากได้เงินมาซื้อยาให้ตัวเองและเก็บไว้สำหรับผ่าตัด ไหนจะมารดาของเธออีกคน ท่านก็ใช้เงินเก่งเหลือเกิน ลำพังแค่จับจ่ายใช้สอยในครอบครัวก็อาจพอมีเก็บอยู่บ้าง แต่นี่มารดาของเธอดันไปติดการพนัน เล่นเสียทีก็ต้องมารีดไถเงินจากเธอไปใช้หนี้ เลยทำให้เงินเก็บที่มีเวลานี้ยังไม่พอค่าผ่าตัดด้วยซ้ำ
“ไม่ต้องห่วง เรื่องคุณไม่สบายเป็นอะไรผมรู้หมดแล้ว วันนั้นที่คีรีพาคุณไปส่งโรงพยาบาล เรื่องของคุณก็ปิดไม่มิดแล้วละ แต่ผมยังถือว่าคุณเป็นพนักงานบริษัท และจะช่วยค่าใช้จ่ายเท่าที่จะช่วยได้”
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณจริงๆ” เธอยกมือขึ้นไหว้ปลกๆ จนชายหนุ่มต้องรีบห้าม
“บอกแล้วไงคุณขวัญ เลิกขอบคุณ เลิกไหว้ผมได้แล้ว ว่าแต่หมอเขานัดคุณผ่าตัดเมื่อไหร่”
หญิงสาวกำลังจะขยับปากบอก แต่เสียงใสๆ ของใครคนหนึ่งที่โผล่เข้ามาในบ้านทำให้เธอต้องรีบปิดปากเงียบ เพราะไม่อยากให้คนมาใหม่รับรู้อาการเจ็บป่วยของตนเอง และหนุ่มลูกครึ่งก็คิดว่าเข้าใจอีกฝ่ายดี จึงไม่ซักไซ้ต่อและหันไปมองเจ้าของเสียงใสคนมาใหม่นั้นแทน
“พี่ขวัญคะ น้ำกลับมาแล้วค่ะ ขอโทษนะคะที่กลับช้า แล้วรถข้างนอก...” หยาดอรุณ สาวสวยหุ่นบอบบาง แต่สมส่วนด้วยทรวงอกได้รูปสวย สะโพกผายกลมกลึง อยู่ในชุดกางเกงยีนสกินนีกับเสื้อยืดสีขาวพอดีตัวก้าวเข้ามาในบ้าน หญิงสาวตั้งใจจะถามต่อว่ารถยนต์คันใหญ่ที่จอดนอกประตูรั้วนั้นคือรถของใคร แต่พอเข้ามาเห็นแผ่นหลังกว้างของผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ในบ้านก็ต้องรีบหุบปาก “เอ่อ...ขอโทษค่ะ น้ำไม่รู้ว่าพี่ขวัญมีแขก”
“คุณวูล์ฟ โลเวล เป็นเจ้านายพี่เอง ส่วนนั่นน้ำค้างค่ะ น้องสาวของฉัน เป็นลูกของน้าสาว”
หยาดอรุณรีบยกมือไหว้ผู้ชายตัวโต ซึ่งหน้าตาของเขาคมคล้ามหล่อเหลาจนน่าตกใจ ก็เขาหล่อมากราวกับพระเอกหนังฮอลลีวูด จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วหนาพาดเรียงเหนือดวงตาคมกริบสีน้ำตาลที่น่าลุ่มหลง เรียวปากหนาหยักได้รูปสีแดง สาวคนไหนเห็นคงอยากจะจูบ ไรเคราเป็นแนวตามสันคางหนาส่งผลให้เขาดูดีอีกเท่าตัวอย่างประหลาด หญิงสาวรีบหลุบตาเมื่อรู้สึกว่าตัวเองจะตะลึงในความหล่อของเจ้านายพี่สาวมากเกินไปแล้ว เกิดมาใช่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เจอคนหล่อเสียที่ไหนกันเล่า แต่เหมือนอีกฝ่ายก็จ้องหน้าเธอไม่ละสายตาจนเธอรู้สึกว่าแก้มร้อนผ่าวเช่นกัน
โลเวลรู้สึกว่าตัวเองลืมหายใจไปชั่วขณะตอนที่หันไปเจอหญิงสาวหุ่นบางแก้มใสคนนี้ ‘น้ำค้าง’ แค่ชื่อเธอก็ทำให้เขาเย็นวาบและสดชื่นไปถึงหัวใจ ใบหน้าเรียวรูปไข่ขาวเนียน แก้มทั้งสองสีชมพูระเรื่อไม่ต่างจากเรียวปากอิ่มเล็กที่เผยอน้อยๆ ราวเว้าวอนขอจูบจากเขาก็ไม่ปาน ดวงตาเธอกลมโตดำขลับเหมือนเรือนผมสลวยที่ปล่อยยาวจนถึงกลางหลัง ผิวของหญิงสาวขาวละมุนจนชายหนุ่มคิดว่าถ้าได้สัมผัสคงนุ่มนวลไปทั้งฝ่ามือแน่ๆ ใบหน้าอ่อนวัยบอกว่าคงอายุห่างจากเขามากหลายปี แต่กลับทำให้ความต้องการของโลเวลพลุ่งพล่านได้เพียงแค่เห็นหน้าแม่สาวน้อยคนนี้แวบแรก
เขายกมือรับไหว้หยาดอรุณ แต่ก็ยังไม่ละสายตาจากนวลหน้าใส ไม่แปลกที่หญิงสาวตรงหน้ามีรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณผิดไปจากเลขาฯ ของเขาโดยสิ้นเชิง เพราะทั้งสองคนไม่ใช่พี่น้องที่คลานตามกันออกมา แต่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันเท่านั้น ครองขวัญเป็นผู้หญิงผิวสีน้ำผึ้ง หน้าตาคมขำ หุ่นดูผอมบางกว่าอีกฝ่าย แต่หยาดอรุณของเขามีผิวขาวอมชมพู ตากลมเหมือนตุ๊กตา แก้มเอย ปากเอย น่าหอมน่าจูบไปหมด
‘ไอ้วูล์ฟ บ้าไปแล้ว คิดอะไรของมึง!’ ชายหนุ่มสบถด่าตัวเองในใจ ก่อนจะรีบละสายตาจากคนที่กำลังก้มหน้าเขินอาย แล้วพูดกับเธอราวกำลังสั่งสอนเด็กคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงขึงขังอย่างผู้ใหญ่ดุๆ
“คุณเป็นน้องสาวของคุณขวัญเหรอ แล้วไปไหนมาแต่เช้า ทำไมถึงปล่อยให้พี่สาวอยู่บ้านคนเดียว”
“เอ่อ...คุณวูล์ฟคะ คือน้ำค้างไม่ได้ไปเที่ยวหรอกค่ะ เธอออกไปทำงานค่ะ” ครองขวัญรีบออกรับแทนน้องสาว เพราะไม่อยากให้เจ้านายมองหยาดอรุณผิดๆ เนื่องจากน้องสาวคนนี้ของเธอไม่เคยเถลไถล มีแต่คิดจะช่วยแบ่งเบาภาระของเธอตลอด
“ทำงานอะไร” เขาหันกลับมาหาครองขวัญ รอคำตอบอย่างสนอกสนใจ
“น้ำค้างเขาทำงานโรงงานผลิตเครื่องดื่มค่ะ เข้ากะดึกก็เลยออกเช้า”
“ยังเด็กอยู่เลย เรียนจบแล้วเหรอ” คิ้วหนาขมวดชนกัน เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปเอาคำตอบจากคนสวยหน้าเด็ก
หยาดอรุณช้อนสายตามองหน้าเจ้านายของพี่สาวอย่างกล้าๆ กลัวๆ ไม่รู้ว่าทำไมแค่ดวงตาสีน้ำตาลคู่คมกริบนี้มองเธอก็ทำให้เธอสั่นสะท้านและกริ่งเกรงได้ถึงเพียงนี้ ผิดไปจากสายตาผู้ชายคนอื่นๆ ที่เธอเคยเห็นมาโดยสิ้นเชิง เพราะคนพวกนั้นไม่เคยทำให้เธอรู้สึกเช่นนี้สักคน
“คือ...ฉะ...ฉันเรียนอยู่ค่ะ แต่เรียนช่วงเสาร์-อาทิตย์ เพราะต้องทำงานหาเงินส่งตัวเองเรียนด้วย”
“แล้วอายุเท่าไหร่ เรียนใกล้จบหรือยัง”
“อายุยี่สิบสองค่ะ เหลือสอบอีกแค่สองตัวก็จะจบแล้วค่ะ” ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องมายืนตอบคำตอบพวกนี้กับคนที่เพิ่งรู้จักด้วย และเขาทำราวกับเป็นผู้ปกครองของเธอถึงได้กล้าซักไซ้เรื่องส่วนตัวแบบนี้
“แล้วเรียนคณะอะไร”
“บริหารธุรกิจค่ะ”
“ดี ถ้างั้นจบเมื่อไหร่ก็ไปสมัครงานที่บริษัทผมแล้วกัน”
“คะ?” หยาดอรุณอ้าปากค้างเพราะสิ่งที่ได้ยิน ไม่อยากจะเชื่อหูแต่ยอมรับว่ารู้สึกดีใจลึกๆ ที่อยู่ดีๆ ก็มีผู้บริหารชวนไปทำงานด้วย ยิ่งรู้ว่าบริษัทที่ครองขวัญทำงานเป็นบริษัทใหญ่มากและมั่นคง ก็ทำให้หญิงสาวยิ่งยินดี
“ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ ถ้าสนใจก็ให้คุณขวัญพาไปแล้วกัน” เขาบอกสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่ได้แสดงให้เด็กที่คงอายุห่างจากเขาเป็นสิบปีรู้ว่า แม่คุณกำลังมีอิทธิพลต่อความต้องการของร่างกายเขาแค่ไหน แย่กว่านั้นมันส่งผลให้หัวใจเต้นแรงอีกต่างหาก
บ้าไปแล้ว...สงสัยเขาจะห่างจากเรื่องอย่างว่ามานาน แค่เห็นคนสวยหน่อยก็เกิดอาการอยากเสียอย่างนั้น มันคงเป็นเพราะความสวยกับรูปร่างของเธอที่ดูจะสมส่วนเกินไป หน้าอกฟู สะโพกผาย...โอ้ย...ให้ตายเถอะ! ครั้งสุดท้ายที่เขามีอะไรกับผู้หญิงมันเมื่อคืนก่อนไม่ใช่หรือไง นานตรงไหนกันวะเนี่ย
“น้องสาวคุณขวัญกลับมาแล้ว ยังไงผมขอตัวก่อนแล้วกัน” เขารีบเปลี่ยนเรื่อง หันมาเอ่ยขอตัวกับเลขาฯ เพราะรู้ว่าอยู่ต่อร่างกายชายคงร้อนรุ่มไปมากกว่านี้
แม่น้ำค้างกลางหาวเล่นเอาผู้ชายอย่างเขาแทบไม่เป็นตัวของตัวเองเพียงแค่ยืนมองหน้า เธอนี่มันแน่จริงๆ
“ขอบคุณค่ะคุณวูล์ฟที่มาส่ง แล้วก็ขอบคุณเรื่องงานของน้ำค้างล่วงหน้าด้วยนะคะ ฝากน้องสาวของฉันด้วย” เธอบอกราวกับฝากฝังน้องสาวไว้ในมือคนที่ไว้ใจได้ โดยหารู้ไม่ว่าคนที่เธอคิดว่าเป็นคนดีนั้นจริงๆ แล้วกำลังคิดไม่ซื่อกับหยาดอรุณ “น้ำค้างไปส่งคุณวูล์ฟแทนพี่ด้วยนะ พอดีพี่รู้สึกเวียนหัว”
“พี่ขวัญเป็นอะไรมากไหมคะ ช่วงนี้พี่ขวัญไม่สบายบ่อยจัง”
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก นอนพักสักนิดก็คงหาย น้ำค้างไปส่งคุณวูล์ฟเถอะ”
“ค่ะ” น้องสาวก้มหน้ารับคำ แม้จะอึดอัดที่ต้องอยู่ใกล้ๆ ผู้ชายตัวใหญ่หน้าตึงคนนี้ แต่ก็ไม่กล้าขัดใจพี่สาวแม้แต่น้อย
หยาดอรุณเดินตามร่างสูงใหญ่ของหนุ่มลูกครึ่งไปยังประตูรั้ว เธอไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองสูงเพราะกลัวเขาจะหันมาแล้วสบตากันอีก
นี่คงเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้เธอกลายเป็นคนกลัวคนได้ขนาดนี้ ปกติผู้ชายทุกคนแทบจะคุกเข่าตรงหน้าเธอมากกว่า ไม่เคยมีใครทำให้หยาดอรุณยอมสยบให้ง่ายๆ สักครั้ง ทว่านายหมาป่านี่มีสายตาที่น่ากลัวจัง แต่ในเวลาเดียวกันก็มีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ แน่นอนว่าเธอไม่อยากสบตากับเขาให้ใจสั่นอีก
“เอ่อ...คุณ...”
ปึ้ก!
เพราะจู่ๆ โลเวลก็นึกเรื่องที่จะพูดขึ้นได้ ขณะที่เดินใกล้จะถึงประตูรั้วอยู่แล้วเขาก็หยุดฝีเท้าแล้วหันขวับมาหา คนตัวเล็กซึ่งเดินตามอย่างใจลอยแถมไม่ได้ดูทางจึงชนเข้ากับแผงอกกว้างแกร่งนั้นจังๆ
“ว้าย!”
มือใหญ่รีบคว้าหมับเข้าที่เอวคอด รัดเธอไว้แนบอกกว้างทันก่อนที่หญิงสาวจะเสียหลักล้ม และโลเวลมั่นใจว่าตัวของเขาสูงกว่าเธอมากเกินกว่าที่จมูกโด่งๆ จะอยู่ระดับเดียวกับใบหน้าของหญิงสาวได้...แต่ถ้าเขาโน้มหน้าลงนิดก็ไม่แน่
ไวเท่าความคิดหนุ่มลูกครึ่งใช้โอกาสของอุบัติเหตุนั้นโน้มหน้าลงใกล้กับพวงแก้มใส แล้วจดปลายจมูกสัมผัสความนุ่มหอมบนแก้มข้างหนึ่งของหญิงสาวอย่างตั้งใจ แต่เขาวางสีหน้านิ่งเสมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความบังเอิญ ไม่ใช่ความผิดของตนเอง
“อุ้ย!” หญิงสาวยกมือขึ้นลูบแก้ม พลางใช้มืออีกข้างที่ว่างผลักอกกว้างดันตัวออกห่างจากคนตัวใหญ่ ไม่อยากจะคิดว่าถูกเจ้านายของพี่สาวฉวยหอมแก้ม เพราะเหลือบมองหน้าอีกฝ่ายก็เห็นวางเฉย หยาดอรุณจึงปัดเรื่องนี้ให้เป็นความผิดของตัวเองที่ซุ่มซ่ามเอง “ขอโทษค่ะ”
“ผมก็ขอโทษ” เขาซ่อนรอยยิ้มเสน่หาไว้ใต้ใบหน้าเรียบนิ่ง ขณะที่ตาคมกริบจ้องมองแม่สาวแก้มแดงที่แอบค้อนเขานิดๆ อย่างน่ามอง
“คุณขอโทษฉันเรื่องอะไรคะ” จะถามออกไปว่าเรื่องหอมแก้มเมื่อครู่เขาตั้งใจใช่ไหมก็กระดากปาก และกลัวว่าถ้าหากชายหนุ่มตอบว่าไม่ใช่ เธอก็หน้าแตกยับพอดี
“ก็เรื่องที่ทำให้คุณตกใจ ผมไม่คิดว่าคุณจะขวัญอ่อนขนาดนี้”
“แล้วคุณหยุดทำไมล่ะคะ จู่ๆ หยุดเดินแบบนี้ ใครก็ตกใจ” อดไม่ได้ที่จะตำหนิเขา ค้อนด้วยหางตาอีกครั้ง “หรือว่าลืมอะไรคะ ฉันจะได้กลับเข้าไปเอามาให้”
“ไม่ ไม่ลืมอะไร แค่มีเรื่องจะบอกคุณนิดหน่อยเท่านั้น” เขาตรึงสายตาไว้ที่นวลหน้าใสของหญิงสาว หยาดอรุณเสมองทางอื่นทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตาของคนตัวใหญ่
“คุณ...คุณมีอะไรจะบอกฉันเหรอคะ” ถามโดยไม่มองหน้าเขา
โลเวลเงียบไปอึดใจราวจะแกล้งให้คนที่หลบตาทำอะไรไม่ถูก จนสุดท้ายหญิงสาวทนความอึดอัดไม่ไหว หันกลับมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มตรงๆ
“คุณจะยืนเงียบแล้วมองหน้าฉันแบบนี้อีกนานไหมคะ”
“บังเอิญผมไม่ชอบให้ใครเมินใส่ โดยเฉพาะคู่สนทนา การคุยกันโดยไม่มองหน้าเรียกว่าเสียมารยาท”
“ขอโทษค่ะ” พอถูกตำหนิซึ่งๆ หน้าแบบนี้ แก้มใสก็ร้อนผ่าวด้วยความโกรธแกมอาย ขณะที่ในใจก่นด่าผู้ชายตัวใหญ่ที่ไม่ทันได้เป็นเจ้านายเธอก็เบ่งใส่เสียแล้ว แบบนี้ใครอยากจะไปทำงานด้วยเล่า
โลเวลทำหน้านิ่งตีขลุมเฉกเช่นปกติ ทั้งที่จริงอยากจะยิ้มเพราะความน่ารักของคนตรงหน้าแทบแย่ ก็ดวงตากลมโตที่จ้องประสานกับเขายามนี้ดูสั่นระริกราวกับกริ่งเกรงเต็มกำลัง แต่แปลกเขาก็เห็นแววดื้อเงียบในดวงตานั้นด้วย
“ผมจะบอกว่าคุณขวัญเธอไม่สบาย หน้ามืดเป็นลมบ่อยๆ ยังไงคุณก็อย่าปล่อยเธอไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะมันอันตราย”
“เอ่อ...ค่ะ จริงๆ ช่วงนี้ฉันก็เห็นว่าพี่ขวัญเป็นอย่างที่คุณบอก ฉันขอให้พี่ขวัญหยุดทำงาน แต่พี่ขวัญก็ยังไม่ยอมหยุด”
“ช่วงนี้ผมบอกให้คุณขวัญลาป่วยได้ คงไม่ต้องไปทำงานสักพักจนกว่าจะหาย คุณก็ควรดูแลเธอให้ดีๆ” เขาไม่ได้บอกความจริงว่าครองขวัญเป็นเนื้องอกในสมอง แล้วหมอต้องการให้ผ่าตัดเร็วที่สุดถ้าทำได้ เพราะโลเวลอยากให้คนป่วยบอกกับครอบครัวด้วยตัวเองเมื่อพร้อมมากกว่า ซึ่งถ้าครองขวัญต้องผ่าตัดจริงๆ เขาก็ยินดีจะช่วยเหลือค่าใช้จ่ายส่วนเกินจากที่สวัสดิการของบริษัทมีให้แก่พนักงาน
“ค่ะ ขอบคุณคุณ...” เธอเว้นจังหวะพูดไปนาน ไม่ใช่ลืมชื่อเขา แต่ไม่กล้าเรียกเสียมากกว่า
“ผมชื่อวูล์ฟ อะไรกัน พี่สาวคุณเพิ่งแนะนำไป จำไม่ได้ซะแล้วเหรอ ผมยังจำชื่อคุณได้เลย น้ำค้าง”
“ฉันจำได้ค่ะว่าคุณชื่ออะไร”
“งั้นก็เรียกสิ หัดเรียกให้ชินปากเข้าไว้ ไม่แน่ต่อไปคุณอาจต้องเรียกหาชื่อนี้บ่อยๆ ก็ได้นะ” เขากระตุกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ไม่สนใจสีหน้าประดักประเดิดของหญิงสาวแม้แต่น้อย ก่อนจะขอตัว “ผมกลับก่อนนะน้ำค้าง แล้วคงมีโอกาสเจอกันอีก”
ใบหน้าสวยใสกับหุ่นเพรียวบางแต่สมส่วนยั่วยวนใจของหยาดอรุณยังตามมารบกวนจิตใจและความต้องการของโลเวลจนครบสัปดาห์
ใช่...สัปดาห์หนึ่งเต็มๆ ที่เขาทนอยู่กับความทรมาน อยากเจอหน้า อยากอยู่ใกล้ อยากรู้ข่าวความเคลื่อนไหวของหญิงสาวตลอดเวลา แต่เขาไม่อาจทำตัวเหมือนว่างงานแล้วเดินดุ่มๆ ไปหาผู้หญิงที่เจอกันเพียงครั้งเดียวและสะกดเขาจนอยู่หมัดคนนั้นได้ และมากกว่านั้นคือคนอย่างโลเวลไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่า เขาถูกใจแม่สาวน้อยที่อายุห่างกับเขาเกือบรอบคนนั้น เพราะจากที่เคยมั่นใจตัวเองมาตลอดว่าไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะได้ขึ้นเตียงกับเขาเกินสองครั้ง แต่เพียงแค่เจอหน้าหยาดอรุณ ความคิดนี้ก็เกือบจะโดนลบทิ้งไปเสียแล้ว ทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้ลิ้มลองรสชาติสวาทของเธอเลยสักนิด ได้แค่สัมผัสนวลแก้มนุ่มๆ นั้นเล็กน้อยก็เก็บมาฝันหาเป็นเรื่องเป็นราว และนั่นทำให้เขาต้องลำบากหาทางระบายความร้อนรุ่มที่หยาดอรุณก่อไว้ให้ไปออกกับผู้หญิงคนอื่น
“อ๊ะ...คุณวูล์ฟคะ อุ๊ย! ร้อนแรงจังเลยค่ะ จีจะไม่ไหวแล้วนะคะ โอ๊ะ...อืม...” หญิงสาวร่างเปล่าเปลือยอวบอัดใต้ร่างโลเวลครางกระเส่าเมื่อเขาขยับโยกสะโพกสอบเข้าหารัวเร็วและถี่ยิบไม่ยั้ง
สองทรวงอิ่มสะท้อนขึ้นลงตามแรงขยับส่ายด้วยไฟพิศวาสไร้ซึ่งความรัก บางครั้งถูกเคล้นคลึง ดูดดื่มตามแต่ใจของชายหนุ่มต้องการ ปรารถนาของเขาร้อนระอุจนพริตตีสาวสวย ที่มือขวาอย่างคีรีไปทาบทามหามาให้เจ้านายได้เชยชมแทบหมดแรงกลางเตียง
เสียงครางในลำคอของชายหนุ่มบอกความสุขสมเมื่อเขาส่งตัวเองให้ถึงสวรรค์ไปพร้อมๆ กับแม่สาวใต้ร่าง และคงทำให้รุ่งรุจีได้ภาคภูมิใจตัวเองกว่านี้ที่ทำให้โลเวลหลงใหลในเนื้อตัวของเธอและรสรักเร่าร้อนได้อย่างบ้าคลั่ง ถ้าจะไม่ได้ยินชื่อของหญิงสาวคนหนึ่งหลุดออกมาจากริมฝีปากหนาได้รูปของพ่อหนุ่มลูกครึ่งตลอดเวลาที่เธอกับเขาระเริงรักกันบนเตียง
“น้ำค้าง...ที่รัก คุณกำลังจะทำให้ผมคลั่งตาย” เขาซบเสี้ยวหน้าหมดแรงลงกับทรวงอกขนาดใหญ่ของแม่สาวพริตตีคนสวย แต่ปากยังพึมพำหาแต่ผู้หญิงในจินตนาการครั้งแล้วครั้งเล่า
รุ่งรุจีแทบจะกรีดร้องใส่หน้าผู้ชายบ้า ถ้าไม่ติดว่าเขาทั้งหล่อทั้งรวยจ่ายหนัก แถมลีลาบนเตียงยังเด็ดถึงใจแล้วละก็ เธอรับรองว่าจะใช้เล็บยาวๆ ข่วนหน้าหล่อๆ ของโลเวลให้เป็นรอยแน่นอน ก็มีที่ไหนนอนกับเธอหาความสุขกับร่างกายของเธอจนแทบช้ำในตายอยู่แล้ว แต่ดันเรียกหายายน้ำค้างบ้าบอที่ไหนก็ไม่รู้อยู่ได้
“คุณวูล์ฟคะ ลีลาจีเป็นไงบ้างคะ ถ้าถูกใจ โอกาสหน้าเรียกใช้จีอีกนะ” แม่สาวกระซิบเสียงหวานข้างใบหูใหญ่ แต่กลับกลายเป็นว่าทำให้ชายหนุ่มรีบผละตัวห่างเธอหลังจบเกมสวาทอย่างรวดเร็วราวกับว่าเขาเพิ่งรู้ตัวว่า ผู้หญิงที่ตักตวงความสุขอยู่เมื่อครู่ไม่ใช่แม่สาวในฝันที่เขาเพ้อหา
โลเวลพาร่างร้อยแปดสิบหกเซนติเมตรที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสวยแข็งแรงหายเข้าไปในห้องน้ำ โดยไม่คิดหันมามองหรือกล่าวคำใดกับคนบนเตียงอีก เสมือนเธอเป็นแค่อากาศธาตุก็ไม่ปาน
รุ่งรุจีสะบัดหน้าค้อนพวกคนรวยฟอร์มจัดอย่างหัวเสีย พอได้ปลดปล่อยราคะสมใจแล้วก็ถีบหัวเธอส่ง ไม่คิดจะจูบหรือปลอบขวัญหวานๆ เลยสักนิด
“อย่าคิดว่าหล่อรวยแล้วจะทำอย่างนี้กับรุ่งรุจีได้นะคะคุณวูล์ฟ ข่าวที่ใครๆ บอกว่าคุณไม่ยอมนอนกับผู้หญิงซ้ำเกินสองหน ฉันก็อยากจะรู้นักว่าจะจริงไหม เจอผู้หญิงทั้งเก่งทั้งร้อนอย่างฉันแบบนี้ไม่ติดใจเรียกใช้ซ้ำให้มันรู้ไป” หญิงสาวยกยิ้มมุมปาก คิดอย่างเข้าข้างตัวเอง ก็ปกติแล้วเสี่ยน้อยเสี่ยใหญ่ คนมีชื่อเสียงดังๆ หลายวงการยังเรียกเธอไปหาบ่อยๆ เพราะติดใจในรสสวาทเร่าร้อนของเธอเลย ที่สำคัญเธอมั่นใจว่าเธอสะอาดปราศจากโรค เพราะรับแต่ลูกค้าเกรดเอ
หญิงสาวขยับร่างอวบอัดเปล่าเปลือยลุกจากเตียงช้าๆ ขาเรียวที่ได้รับการบำรุงอย่างดีไม่ต่างจากทุกส่วนของร่างกายก้าวลงจากเตียง แล้วเดินไปหยิบเสื้อคลุมสีขาวที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้มาสวม จากนั้นจึงเดินไปเคาะประตูห้องน้ำ ทำเสียงออดอ้อนอ่อนหวานเอ่ยเรียกคนข้างใน
“คุณวูล์ฟขา ให้จีเข้าไปช่วยถูหลังให้ไหมคะ จีถูเก่งนะ”
ยืนรออยู่อึดใจใหญ่ รุ่งรุจีก็ยังไม่ได้คำตอบจากชายหนุ่ม นอกจากเสียงน้ำจากฝักบัวกระทบพื้นกระเบื้องเท่านั้น
“สงสัยเสียงน้ำดัง ไม่ได้ยินแน่ๆ เลย” หญิงสาวบอกกับตัวเองแล้วลองหมุนลูกบิดประตูห้องน้ำช้าๆ เมื่อรู้ว่ามันไม่ได้ล็อกไว้ เรียวปากบางก็ฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจ
“แหม...แล้วก็ไม่บอกแต่แรกว่าอยากให้ตามเข้าไป” กระหยิ่มยิ้มย่อง เพราะคิดว่าการที่โลเวลไม่ล็อกประตูห้องน้ำแบบนี้คือการเปิดทางกลายๆ ว่าเขาต้องการอีกยก แต่เปลี่ยนสถานที่จากบนเตียงเป็นในห้องน้ำ
คิดได้ดังนั้นพริตตีสาวจึงสลัดเสื้อคลุมที่สวมเมื่อครู่ทิ้งลงบนพื้น แล้วค่อยๆ แง้มประตูห้องน้ำออกช้าๆ ก้าวเท้าเบากริบตรงไปหาร่างสูงใหญ่ซึ่งกำลังยืนชำระร่างกายใต้ฝักบัว เห็นแค่แผ่นหลังเซ็กซี่บาดใจของหนุ่มลูกครึ่งก็พลอยให้นึกไปถึงเกมรักที่เขาปรนเปรอให้เธอเมื่อครู่ที่ผ่านมา จนอดไม่ได้ที่จะกระโจนเข้าไปหา
“จีช่วยนะคะ” เธอรวบกอดเขาจากด้านหลัง กระซิบบอกด้วยน้ำเสียงหวามไหวเซ็กซี่ มือเรียวลูบไล้ไปตามหน้าท้องที่มีมัดกล้ามเป็นลอนสวย ลากไล้ต่ำลงไปจนเกือบจะได้สัมผัสกับความยิ่งใหญ่กลางกายชาย ที่ทำให้เธอร้องครางครวญตลอดเกม ทว่ากลับถูกมือใหญ่แข็งแรงคว้าหมับที่ข้อมือเล็กแล้วกระชากออกห่างรวดเร็ว ไม่เท่านั้นเขายังผลักไสเธอด้วยความไม่พอใจ
“ลูกน้องของผมคงลืมบอกคุณไปสินะว่าผมไม่ชอบให้ผู้หญิงคนไหนกอด นอกจากเวลาอึ๊บกันเท่านั้น” เขาคำรามเสียงเข้มจัด ตาคมกริบวาวโรจน์ แค่นั้นก็ทำให้หญิงสาวชะงักหน้าซีดไปชั่ววินาที แต่รุ่งรุจียังไม่ลดละความพยายามที่จะเอาใจอีกฝ่าย เธอค่อยๆ ยิ้มยั่ว เผยอปากอย่างเชิญชวน พลางเลื่อนฝ่ามือเรียวของตัวเองมาเคล้นคลึงทรวงอกอิ่มให้โลเวลมองตาม หวังปลุกอารมณ์ปรารถนาดิบๆ ของเขาอีกครั้ง
หนุ่มลูกครึ่งถอนหายใจอย่างรำคาญ มองร่างเปลือยของผู้หญิงที่เขามีอะไรด้วยสายตาแข็งจัด รูปร่างอวบอัดของเธอตอนนี้ไม่มีความหมายกับเขา และไม่อาจปลุกความต้องการอะไรจากเขาได้ทั้งนั้น ในเมื่อเขาได้กินเธอแล้ว และก็ไม่ปรารถนาจะกินซ้ำจำเจ
“ผมจะอาบน้ำ เชิญคุณออกไปซะ”
“แต่ว่าจีอยากจะ...”
“หุบปากของคุณสักที!” คราวนี้เขาตะคอก สีหน้าเดือดดาลเต็มกำลัง “ผมไม่รู้ว่าคุณชอบดูผู้ชายแก้ผ้าอาบน้ำมากแค่ไหน แต่ผมไม่ชอบให้ใครมายืนจ้อง หมดธุระของคุณกับผมแล้ว เช็คผมก็เซ็นให้ก่อนที่จะนอนกับคุณแล้วไม่ใช่เหรอ คุณน่าจะกลับออกไปสักที”
“จีมีบริการเสริม ไม่คิดเงินหรอก”
“ผู้หญิงน่ารำคาญ” เขาขบกรามแน่น ถลึงตามองแม่พริตตีราวอยากจะฉีกปากที่พูดมากนั้นให้ขาดกระจุย “ลูกน้องของผมคงไม่ได้บอกคุณอีกเรื่องว่าไม่ต้องมาแทนตัวเองด้วยชื่อกับผม ผมไม่ได้อยากจะรู้จักชื่อของคุณ แล้วตอนนี้ก็เริ่มไม่อยากเห็นหน้าคุณแล้วด้วย ให้ตาย คีรีมันไปหาผู้หญิงปากมากน่ารำคาญคนนี้มาจากไหนว่ะ”
คนถูกด่าหน้าม้าน ค้อนคนตัวใหญ่ตาคว่ำด้วยความโกรธ แต่ก็ข่มอาการไว้ ในเมื่อโลเวลคือลูกค้าชั้นยอด ลีลาก็เยี่ยม และเธอก็ถูกใจเขาไม่น้อย เพราะฉะนั้นถ้าอยากมีครั้งที่สองกับเขา เธอไม่ควรขัดใจ
“ขอโทษค่ะ จริงๆ ลูกน้องของคุณวูล์ฟบอกไว้แล้ว แต่ว่าจี...อุ้ย! ฉันลืมเอง ปกติไม่เคยเจอลูกค้าแบบคุณวูล์ฟสักที ก็เลยไม่ชิน ต้องขอโทษอีกทีนะคะ”
“พูดจบแล้วก็ออกไปสักที หวังว่าผมออกจากห้องน้ำจะไม่เห็นหน้าคุณอยู่ในห้องแล้วนะ ถ้าไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าผมไม่เตือน” ดวงตาคมกริบฉายวาบบอกความไม่สบอารมณ์ และฟ้องว่าเขาทำอย่างที่ขู่ได้จริงๆ ถ้าเธอยังกล้าขัดใจและขัดคำสั่ง
“ค่ะ ค่ะ ฉันกลับเดี๋ยวนี้เลย” รุ่งรุจีละล่ำละลักบอก แล้วลนลานออกจากห้องน้ำไปไวเท่าใจสั่ง
ความคิดเห็น |
---|