7

บทที่ 7


 7

 

            “เราต้องคุยกัน” ปราณธรฉวยข้อมือเด็กสาวมากำแน่น จำกัดสายตาแค่วงหน้างามแฉล้ม ไม่ปรายตาไปมองหนุ่มน้อยที่เดินตามหลังออกมาจากห้องลองเสื้อ

            “คุยอะไร ดิฉันต้องเอาเสื้อไปให้เขาคิดเงินนะ” เธอกระตุกมือกลับ

            ปราณธรไม่ตอบ แต่ยื้อเสื้อผ้าทั้งหมดที่ถืออยู่ในอ้อมแขนของเด็กสาวมาพาดบนแขนตัวเอง เขาออกเดินนำตรงไปยังเคาน์เตอร์แคชเชียร์

            ลลิษามองตามตาปริบๆ แววตากินเลือดกินเนื้อ ชะงักนิ่งอยู่กับที่ด้วยว่ายังมึนงงสับสนผสมกับเคืองอยู่หน่อยๆ ที่ถูกเขาจู่โจม ไม่ต่างจากพิมพ์ใจที่มองปราณธรซึ่งกำลังยืนต่อคิวชำระเงินด้วยอาการมึนคงคาดไม่ถึง เธอละสายตากลับมามองเพื่อนที่ยังยืนอ้ำอึ้ง

            “นั่นคุณปราณธรใช่ไหม” พิมพ์ใจยังไม่อยากเชื่อตาตัวเอง

            “ใช่”

            “แล้วเขาโผล่มาที่นี่ได้ไง แล้วทำไมเขาถึงโผล่มา แล้วทำไมเขาถึงทำเหมือนรู้จักเธอดี แล้วทำไมถึงทำท่าเหมือนโกรธเธอมาแต่ชาติปางไหน เขาโกรธเธอจนฉันรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่มาถึงฉันด้วย”

“ก็แล้วทำไมต้องมี แล้วทำไมมากขนาดนั้นด้วย”

“กวนตีนแล้วไหมล่ะ” พิมพ์ใจจะเขกหัวเพื่อน แต่ลลิษาฉากหลบได้ทัน พิมพ์ใจปรายตาค้อน “สรุปว่าไงเธอยังไม่ตอบฉัน”

“อย่างแรกเลย ฉันไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงโผล่มาได้”

“แล้วที่เขาทำเหมือนสนิทกับเธอล่ะ” พิมพ์ใจถามต่อ “ฉันอยากจะคิดว่าเขาหวงเธอนะ แบบนี้ไม่ธรรมดาแน่ บอกมาซะดีๆ ระหว่างเธอกับเขามีซัมธิงอะไรกันใช่ไหม”

“บ้า...ซัมธิงอะไร ฉันว่าฉันไปดูเสื้อผ้าดีกว่า” ลลิษาค้อนเพื่อนแก้เกี้ยวแล้วเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ซึ่งถึงคิวปราณธรพอดี เขากำลังล้วงเครดิตการ์ดออกจากกระเป๋าสตางค์ส่งให้แคชเชียร์ เธอรีบผลักมือเขาออก

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวดิฉันจ่ายเอง” เธอบอกแคชเชียร์ ไม่มองไปทางปราณธรพลางล้วงกระเป๋าสตางค์ตัวเอง

ปราณธรนิ่วหน้า “ใช้เครดิตการ์ดผมนั่นแหละครับ” บอกแคชเชียร์ด้วยเสียงราบเรียบ ใช้มือข้างหนึ่งกระตุกแขนลลิษามากำข้างตัว

ลลิษาถลึงตามองเขาพลางกระชากแขนกลับ แต่เขาจ้องดุๆ กำแขนเธอแน่น

ลลิษาแยกเขี้ยว “ถ้าอยากเป็นเจ้าบุญทุ่มนักทำไมไม่บอกก่อน ดิฉันจะได้เลือกชุดอื่นด้วย ไม่ใช่แค่ชุดทำงาน”

ปราณธรจ้องเด็กสาวด้วยแววตาแข็งกร้าว “เชิญ อยากได้ชุดไหนก็ไปหยิบมาเลย”

ลลิษาจ้องตอบด้วยแววตาดุดัน กระชากแขนกลับแล้วเดินอาดๆ จัดแจงกวาดเสื้อผ้าบนราวเข้ามาในอ้อมแขน ทั้งเสื้อ กางเกงยีน กางเกงผ้า กระโปรง ชุดนอน ชุดชั้นใน และชุดว่ายน้ำ เธอกวาดเรียบโดยไม่มองแบบ มองลาย หรือมองขนาด กวาดๆ โกยๆ จนเต็มอ้อมแขนกระทั่งไม่อาจเอามาได้อีก จึงกลับไปที่เคาน์เตอร์ โยนแหมะตรงหน้าเขาจนแทบจะโดนหน้า

ปราณธรผงะ รีบถอยห่าง ขณะมองเสื้อผ้าที่กองเป็นพะเนินเทินทึกตรงหน้าอย่างพูดไม่ออก กะด้วยสายตาคร่าวๆ น่าจะถึงหลักร้อยชิ้น เอากับเจ้าประคุณรุนช่องสิ...แม่ตัวแสบนี่แสบยิ่งกว่าอะไร ปราณธรบดกรามแน่น พยายามไม่หันหน้าไปมองลลิษา สะกดกลั้นความรู้สึกอยากหักคอเธอเต็มที่

แคชเชียร์เงยหน้าจากเครื่องคิดเงิน เห็นเสื้อผ้าที่กองเป็นภูเขาเลากาก็ผงะตกใจ อ้าปากค้าง “จะคิดเงินทั้งหมดนี่เลยหรือคะ” ถามย้ำด้วยความไม่แน่ใจ มองลูกค้าชายหญิงตรงหน้าสลับกันไปมา

ลลิษาชิงตอบ “ทั้งหมดนี่แหละค่ะ ถ้าโกยมาได้ทั้งร้านก็โกยมาแล้วค่ะ” เธอบอกหน้าตาเฉย

ปราณธรบดกรามแน่น

แคชเชียร์กะพริบตาถี่ๆ หันไปทางเขาเพื่อคอนเฟิร์ม “จะให้ใช้เครดิตการ์ดใบนี้รูดไหมคะ”

“ครับ รูดทั้งหมด” ปราณธรย้ำด้วยเสียงราบเรียบ ใบหน้าสงบนิ่งทั้งที่ภายในข่มความรู้สึกเต็มที่ เขาอยากจับแม่ตัวแสบมาหักคอเต็มกำลัง

 

“ลาเพื่อนซะ” ปราณธรหันมาบอกลลิษาเมื่อจ่ายเงินเสร็จ พนักงานขนถุงเสื้อผ้าลงในรถเข็นซึ่งแทบจะเต็มคัน และพร้อมที่จะเข็นไปส่งให้ที่รถ

“อะไรนะ”

“เราจะไปหาที่เงียบๆ คุยกัน”

“ดิฉันหิว ดิฉันนัดเพื่อนไว้แล้ว”

“ฉันจะพาไปหาอะไรกิน...แค่เราสองคน” ปราณธรเน้นประโยคท้าย

“คุณจะเผด็จการแบบนี้ไม่ได้นะ”

“จะลาหรือไม่ลาลลิษา” ปราณธรพูดเสียงต่ำอย่างส่งสัญญาณเตือน

เธอคอแข็ง ไม่ทันเอ่ยอะไร พิมพ์ใจก็เป็นฝ่ายพูดขึ้น

“ไปกับเขาเถอะ เอาไว้วันหลังเราค่อยนัดกันใหม่” พิมพ์ใจแข็งใจบอกด้วยเสียงราบเรียบ ยื่นถุงเสื้อผ้าให้เพื่อน เธออยากแนะนำตัว อยากทำความรู้จักเพื่อสอบถามความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลลิษา แต่ดูท่าปราณธรไม่อยากญาติดีด้วย เขาประกาศตัวโต้งๆ ว่าไม่เป็นมิตรด้วยการทำเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุ เธอเลยไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน

ลลิษาอึ้ง “เธอไม่ต้องไปหรอก...”

“ตรงกันข้ามเธอควรปล่อยให้เพื่อนไป” ปราณธรบอกหน้าตาเฉย

ลลิษาคอแข็ง หันไปค้อน บทจะกวนประสาท ปราณธรทำได้ดียิ่งกว่าเด็กที่ไร้วุฒิภาวะเสียอีก

พิมพ์ใจเอ่ยว่า “เอาแบบนี้เถอะ ฉันสบายใจกว่า”

“ฉันขอโทษนะทั้งที่เป็นคนชวนเธอมาแท้ๆ”

“ไม่เป็นไร ไม่ใช่ความผิดของเธอ เอาไว้เจอกัน”

“ขอบใจมาก แล้วฉันจะโทร. ไปหา”

พิมพ์ใจพยักหน้า เดินออกจากร้านโดยไม่แม้แต่จะชายตาไปทางปราณธร ลลิษาละสายตากลับมาจ้องปราณธรอย่างเป็นเดือดเป็นแค้น กล่าวด้วยวาจาเผ็ดร้อน

“คุณเป็นผู้ชายที่แย่มาก นิสัยเสีย เป็นผู้ใหญ่ที่ไม่น่าเคารพ เสียมารยาท ทำตัวแย่ เอาแต่ใจตัวเอง ดิฉันไม่...”

เธอไม่มีโอกาสบริภาษจนจบเมื่อปราณธรเอื้อมมือมาคว้ามือเธอไปบีบข้างตัวแน่น พลางกระตุกถุงเสื้อผ้า 2-3 ถุงที่เธอถืออยู่ ส่งไปให้พนักงานชายที่ยืนอยู่ข้างรถเข็น

“ฝากด้วยครับ”

พนักงานโน้มศีรษะรับอย่างนอบน้อม ปราณธรกึ่งลากกึ่งจูงมือเธอเดินออกจากร้าน พนักงานเข็นรถตาม

“ปล่อยดิฉันค่ะ คุณไม่อายคนอื่น แต่ดิฉันอาย ดิฉันโตแล้ว เดินเองได้ ไม่ต้องจูงหรอก”

“ฉันจะจูงมีอะไรไหม” ปราณธรตอบกลับอย่างไม่ยี่หระ ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมามอง

ลลิษานิ่วหน้า “รู้ตัวไหมว่าคุณทำตัวแย่มาก ไม่เป็นสุภาพบุรุษ เอาแต่ใจตัวเอง”

“ว่าไปเถอะฉันไม่สะดุ้งสะเทือนหรอก”

“เหอะ” ลลิษาทำเสียงขึ้นจมูก แต่ไม่ทันได้เอ่ยโต้ เมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน ไม่ห่างจากปราณธรนัก

“นี่หรือคะธุระที่คุณว่าต้องรีบกลับไปทำที่บ้าน ไม่สามารถอยู่ชอปปิงกับฉันได้”

ลลิษาชะงัก เบิกตาโตด้วยจำได้ว่าสาวสวยตรงหน้าคือโฉมฉายดาราคนดังซึ่งตอนนี้กำลังจ้องมือปราณธรที่กำลังกุมมือเธอ แววตาอีกฝ่ายเกรี้ยวกราดจนเธอสัมผัสได้ถึงความหึงหวง ลลิษาถือจังหวะนั้นกระชากมือกลับ มองโฉมฉายสลับกับปราณธรอย่างนึกสนุก ไม่ต่างจากกำลังดูหนังมันหยดสักเรื่อง

 

ปราณธรไม่ตอบโฉมฉาย แต่หันไปทางพนักงานขายที่เข็นรถเข็นอยู่ทางด้านหลัง เขาส่งกุญแจรถพร้อมทิปเงินพันบาทให้ บอกตำแหน่งรถที่จอดอยู่แล้วสำทับว่า “ช่วยเข็นเสื้อผ้าเอาไปใส่หลังรถแล้วรออยู่แถวๆ นั้น เดี๋ยวผมตามไป”

พนักงานขายโน้มศีรษะรับอย่างนอบน้อมแล้วเข็นรถเข็นออกไปตามคำสั่งเงียบๆ ปราณธรละสายตาไปทางโฉมฉาย

“นี่คือธุระของผม เธอ...” ปราณธรปรายตามองไปทางลลิษาด้วยใบหน้าราบเรียบ “เป็นเด็กในปกครองผม ตอนนี้ทำตัวไม่อยู่กับร่องกับรอย ผมเลยต้องปราม”

ลลิษาเบิกตาโต ขณะที่โฉมฉายโต้กลับทันควัน

“ถึงว่าตลอดเวลาที่เราดินเนอร์ด้วยกัน คุณเอาแต่จ้องมาที่ร้านนี้ เพราะเด็กคุณอยู่ในร้านนี้นี่เอง” โฉมฉายจงใจเน้นคำว่าเด็กแต่ด้วยนัยที่ต่างจากเขา “แล้วเด็กคุณทำอะไรไม่ถูกใจล่ะ คุณถึงได้นั่งไม่ติดเก้าอี้ ต้องอ้างเหตุกับฉันเพื่อจะได้มาหาเธอน่ะ”

ลลิษาเบิกตาโตอีกครั้ง แววตาเต้นพราวระยับด้วยความขบขัน โฉมฉายกำลังหึง

“ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายเรื่องส่วนตัวให้ใครฟัง และนี่ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ถ้าคุณยอมรับไม่ได้ ผมก็ต้องบอกว่าขอโทษ”

ลลิษาเบิกตาโต เธอหันไปทางปราณธร โบกมือว่อน “ไม่เอาค่ะป๋า อย่าใจร้ายกับเพื่อนป๋าแบบนั้นสิคะ ถึงป๋าจะให้ความสำคัญกับหนู แต่ยังไงก็ไม่ควรใจร้ายกับเพื่อนแบบนั้นค่ะ ไม่น่ารักเลย ภาษาของผู้หญิงเราเรียกว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษค่ะ” แล้วเธอก็หันไปทางโฉมฉาย รอยยิ้มแต้มริมฝีปาก “คุณคือคุณโฉมฉายใช่ไหมคะ ดิฉันเป็นแฟนคลับตัวยง ยินดีที่ได้รู้จัก วันนี้โชคดีจังได้เจอดาราขวัญใจ คุณอาจสงสัยว่าดิฉันเป็นใคร ดิฉันชื่อลลิษา อย่างที่คุณปราณว่า...” แสร้งทอดจังหวะเพื่อเรียกความสนใจ ก่อนบอกต่อ

“ดิฉันเป็นเด็กในปกครองเขา คุณปราณเป็นผู้มีพระคุณ ไม่ต่างจากพ่อคนที่สอง เขาอุปการะส่งเสียดิฉันเรียนอยู่ค่ะ ต้นเดือนหน้านี้เขาก็กรุณาให้ดิฉันไปเป็นเลขาฯ ส่วนตัว ถ้าคุณไปที่บริษัทไมเนอร์ เราคงมีโอกาสได้เจอกัน อ้อ...ถ้าคุณไปที่บ้านคุณปราณ เราก็คงมีโอกาสได้เจอกันด้วยค่ะ เพราะดิฉันกับคุณปราณอยู่บ้านเดียวกัน” ลลิษาจงใจทิ้งสายตาอ้อยอิ่งอย่างมีความหมายไปที่ปราณธร แล้วเธอก็หันไปทางโฉมฉาย กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ยินดีอีกครั้งที่ได้รู้จักกันนะคะ ดิฉันไม่รบกวนเวลาคุณดีกว่า คุณจะได้คุยกับคุณปราณสะดวก เพราะดูเหมือนคุณอยากคุยอยากซักคุณปราณอยู่หลายเรื่อง ดิฉันขอตัวนะคะ เจอกันโอกาสหน้าค่ะ”

ปราณธรบดกรามแน่น แม่ตัวแสบ...ลลิษาเป็นนิยามของแม่ตัวแสบขนานแท้ แถมยังกวนประสาทเป็นที่หนึ่ง ด้วยว่าทิ้งระเบิดตูมใหญ่ไว้ให้เขาแล้ว เธอก็เดินอาดๆ จากไปทันทีด้วยมาดดุจนางพญา เขาละสายตาจากสะโพกผายกลมกลึงที่กำลังยักย้ายไปมาอย่างน่าดูชม หันมาทางโฉมฉาย กล่าวว่า

“ผมต้องขอตัว”

“เดี๋ยวค่ะ คุณจะไม่แก้ต่างที่เด็กนั่นพูดหน่อยหรือคะ” โฉมฉายเอื้อมมือไปยื้อแขนเขา

“เรื่องอะไร”

“ก็เรื่องที่เด็กนั่นพูดเหมือนว่าเป็นอีหนูที่คุณกำลังส่งเสียเลี้ยงดูอยู่”

“ผมไม่มีอะไรต้องแก้ตัว”

“หมายความว่าจริงหรือคะ”

“ที่เธอพูดเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณเข้าใจ แต่ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายการกระทำของผมให้ใครๆ ฟัง”

โฉมฉายเลิกคิ้ว แววตาคุกรุ่น “ถ้าคุณไม่มีคำอธิบาย งั้นเราอาจต้องยุติความสัมพันธ์กันสักพัก”

“ผมต้องขอโทษถ้าหยาบคาย แต่ผมอยากบอกว่า เอาตามที่คุณสบายใจเลย ผมขอตัวนะครับ” ปราณธรปลดมือโฉมฉาย

“คุณเหมือนไม่แคร์ฉันเลย” โฉมฉายตัดพ้อ

ปราณธรเมินจากใบหน้าต่อว่าของโฉมฉาย สายตาไม่คลาดจากลลิษาที่กำลังจะเลี้ยวไปยังมุมหนึ่งของห้าง “ผมบอกคุณตั้งแต่นาทีแรกที่เราคบกันแล้ว ชีวิตผมจะไม่มีแค่ผู้หญิงคนเดียว และจะไม่หยุดอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่งด้วย ถ้าคุณยอมรับได้ เราก็คบกัน และจนถึงตอนนี้ผมก็ยังยืนยันคำตอบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ผมจะไม่หยุดที่ใคร แต่ถ้าตอนนี้คุณจะยอมรับไม่ได้แล้วก็ไม่ว่ากัน ผมว่าเรายุติความสัมพันธ์ก็น่าจะเป็นคำตอบที่ดี”

“คุณปราณ” เธอครางเสียงเบาหวิว

“ขอโทษถ้าฟังดูเย็นชาโหดร้าย แต่นั่นคือตัวผม ที่ผ่านมาผมไม่เคยอธิบายเรื่องส่วนตัวให้ใครๆ ฟัง และผมจะไม่มาเปลี่ยนแปลงตัวเองเอาตอนนี้ด้วย ผมขอตัวนะครับ”

โฉมฉายอึ้ง ด้วยว่าทันทีที่ปราณธรพูดจบก็เดินลิ่วๆ จากไป เขาไม่แยแสว่าเธอจะคิดจะรู้สึกอย่างไร ปราณธรเป็นผู้ชายเย็นชาโหดร้ายอย่างที่เขาพูดจริงๆ โฉมฉายเม้มริมฝีปากแน่น

 

ปราณธรเดินแกมวิ่งไปยังทิศทางที่ลลิษาเพิ่งหายลับไป ตลอดเวลาที่คุยกับโฉมฉาย สายตาเขาไม่ได้คลาดจากแผ่นหลังเด็กสาว ฉะนั้นเขาจึงตามเธอไปทันตอนที่ลลิษากำลังจะเดินผ่านห้องน้ำ ปราณธรลากเด็กสาวเข้าไปในห้องน้ำของคนพิการแล้วจัดการล็อกประตู

ลลิษาสบถเสียงดังเมื่อจู่ๆ ก็ถูกลากตัว แต่เมื่อเงยหน้าเห็นเป็นปราณธร เธอก็ชะงัก เขากระชากเธอไปติดกับผนัง ก่อนจู่โจมด้วยจูบดุดันเร่าร้อน กิริยาเป็นไปอย่างหยาบกระด้างราวกับต้องการลงทัณฑ์ก็ไม่ปาน

“ปล่อยฉัน” เธอดิ้นขลุกขลัก ปฏิเสธเสียงอู้อี้ โกรธจนเปลี่ยนสรรพนามมาใช้ฉันแทนดิฉัน

ปราณธรไม่ตอบ แต่คว้ามือบางทั้งสองข้างไปไพล่ไว้ที่ผนังเหนือศีรษะของเด็กสาวด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างเกาะกุมปลายคางเธอ บังคับให้แหงนหน้ารับจูบถนัดถนี่ ปราณธรบดขยี้ริมฝีปากนุ่มอย่างดุดันเร่าร้อน เมื่อเธอยังเม้มปากแน่น เขาก็ใช้ฟันงับกลีบปากล่าง ลลิษาสบถยาวเหยียด เขาถือโอกาสแทรกปลายลิ้นร้อนๆ เข้าไปในโพรงปาก เกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นของเด็กสาว แล้วบทสนทนาระหว่างเธอกับเพื่อนหนุ่มในห้องลองเสื้อก็ย้อนกลับมาในความทรงจำ

ฉันว่าเสื้อบางไปหรือเปล่า มันบางจนเห็นยกทรงเลยนะ แล้วนมเธอทะลักซะขนาดนั้น

บ้ารึไง จู่ๆ มาจับนม คนเขาตกใจหมด

ก็นมเธอขาวจั๊วะ แถมกลมบ๊อกน่าจ๊วบมาก ฉันว่าคืนนี้เธอไปค้างกับฉันเถอะ

บ้า...จู่ๆ จะชวนไปให้เธอฟัน

ไม่บ้าหรอก เราไม่ได้ขึ้นสวรรค์ด้วยกันมานานแล้วนะ ไปค้างกับฉันคืนนี้เถอะนะ

บ้า ไม่เอาหรอก แล้วเอามือเธอไปไกลๆ ด้วย ฉันจะรีบลองเสื้อ

ขาเธอสวยนะ ขาวเรียวนวลเนียนน่าลงลิ้นมาก...ชุดนี้ก็ดูดี แต่คอเสื้อคว้านลึกไปหน่อยเปล่า จะเห็นนมอยู่แล้ว’ ‘มีเกาะอกย่ะ ว่าแต่เธอนี่สนใจแต่นมนะ

ธรรมดานี่ ฉันเป็นผู้ชายนะก็ต้องสนใจนมเป็นธรรมดา

บทสนทนาพวกนั้นบ่งบอกว่าเธอกับเพื่อนเคยมีอะไรกัน อาจไม่ถึงขั้นสอดใส่อวัยวะเพศ เพราะลลิษายังบริสุทธิ์ เขาผ่านการพิสูจน์ด้วยการจับพยานหลักฐานมาแล้วด้วยตัวเอง ฉะนั้นเป็นไปได้ว่าพวกเด็กๆ คงแค่เล่นสนุกๆ ด้วยการทำออรัลเซ็กซ์ให้แก่กัน แต่แค่นั้นก็มากไปแล้วสำหรับเขา แถมในห้องนั้นยังมีการแตะเนื้อต้องตัวกันอีก

พระเจ้า...พ่อหนุ่มนั่นจับนมลลิษา ไม่ใช่แค่ทอมที่ลลิษาเล่นเซ็กซ์ด้วย แต่เป็นหนุ่มน้อยคนนี้ด้วยอีกคนที่เธอเคยทำออรัลเซ็กซ์ให้

แค่คิดใจเขาก็ร้อนรุ่ม แล้วที่น่าเจ็บใจกว่านั้น คนของเขาเองที่เปิดโอกาสนั้น เธอให้พ่อหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคนนั้นเข้าไปในห้องลองเสื้อ หมอนั่นคงเห็นรูปร่างลลิษาหมด เธอคงถอดทั้งเสื้อและกางเกงยีนก่อนลองเสื้อผ้าชุดใหม่ หมอนั่นเห็นแล้วคงเกิดอารมณ์ เลยอดไม่ได้ที่จะจับต้องเนื้อตัวของลลิษา จินตนาการของเขากำลังคร่าความคิดอ่านที่เฉียบคม ปราณธรกำลังหน้ามืดตามัวด้วยความหึงหวง

ลลิษาดิ้นขลุกขลัก พยายามไล่งับลิ้นเขา แต่ปราณธรฉากหลบได้ทัน เขาตอบโต้ด้วยการกระชากเธอมาชิดแผงอกกว้าง รวบมือทั้งสองข้างไปไพล่ไว้ข้างหลังด้วยมือข้างหนึ่ง อีกข้างเลื่อนขึ้นบีบกราม สกัดไม่ให้เธองับลิ้นเขา ปราณธรดูดกลืนลิ้นเล็กๆ ในขณะที่ลลิษาผละหนีจนศีรษะแหงนหงายไปข้างหลัง เขาตามไปประกบจนแผงอกบดเบียดหน้าอกเธอ ก่อนเลื่อนมือข้างหนึ่งประคองท้ายทอย อีกข้างเลื่อนไปบีบกระชับสะโพกบังคับให้บดเบียดแก่นกายกลางลำตัว

เด็กสาวแก้เผ็ดด้วยการยกขาจะตีเข่า เขาอาศัยความได้เปรียบทางสรีระและความไวกว่าแทรกขากลางหว่างขาเธอ มือที่จับสะโพกอยู่เลื่อนขึ้นไปกดแผ่นหลังบังคับให้หน้าอกเธอบดเบียดกับแผงอกกว้าง

ลลิษาหน้าแดงก่ำ เพราะต้นขาเขาเสียดสีกับนวลเนื้อ ถึงจะมีเสื้อผ้าขวางกั้น แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงต้นขาที่กำลังถูไถไปกับนวลเนื้อ เธอพยายามอีกครั้งด้วยการใช้สองมือที่เป็นอิสระอ้อมไปทุบหลังเขา ทว่าเขาสอดมือมากลางลำตัว บีบเคล้นหน้าอกเธอผ่านเสื้อตัวนอกอย่างกักขฬะ ไม่ปรานีปราศรัย จนลลิษารู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วสรรพางค์ ปราณธรผลักดันอารมณ์เธอให้ดำดิ่งไปกว่านั้นด้วยการสอดมือเข้ามาใต้เสื้อเชิ้ต เกาะกุมทรวงอกผ่านบราเซียร์ เธอเริ่มคิดอะไรไม่ออกเมื่อเขาสอดมือมาใต้บราเซียร์ หยอกล้อกับยอดอกที่ครัดเคร่ง ลลิษาอ่อนระทวย ลมหายใจหอบกระชั้น ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงขัดขืน ได้แต่แหงนหน้าจนศีรษะเบียดติดผนัง ถ้าเขาไม่เบียดชิดอยู่เธอคงร่วงลงไปกองกับพื้นด้วยว่าเนื้อตัวเบาหวิวราวกับไร้กระดูก

ปราณธรก้มศีรษะไปคลอเคลียซอกคอหอมกรุ่น กิริยาอ่อนโยนขึ้นเมื่อเด็กสาวไร้การต่อต้าน เขาแกะกระดุมเชิ้ตอย่างใจเย็น อ้อมมือไปด้านหลังเพื่อปลดตะขอ เลิกบราเซียร์ขึ้นเหนืออกก่อนชะโงกหน้าไปดูดกลืนทรวงอกอวบอิ่มกลมกลึง เขาใช้ฟันงับครูดยอดทรวงสลับกับดุนเลีย ยอดอกผลิขยายในปากเขาราวกับมีชีวิต มืออีกข้างบีบเคล้นทรวงอกอวบอูมเปลือยเปล่า หน้าอกเด็กสาวสวย กลมกลึงและเต่งตึง เขาสามารถดื่มกินได้ไม่รู้เบื่อ

ลลิษาครางกระเส่าอย่างสุดจะสะกดกลั้นเมื่อปราณธรผลักดันอารมณ์เธอให้เตลิดไปมากกว่านั้นด้วยการเลื่อนมือข้างหนึ่งลงไปลูบไล้หน้าท้องก่อนสอดเข้าไปในกางเกงยีน เกาะกุมเนินเนื้อผ่านผ้าเนื้อบาง มือที่เกาะบ่าเขาหลุดร่วงผล็อยลงข้างตัว เธอคิดอะไรไม่ออก สมองขาวโพลน มีแต่ความว่างเปล่า ไม่รู้ว่าทำไมเขาเปลี่ยนแปลงอารมณ์ไว จากนาทีหนึ่งเร่าร้อนเป็นพายุบุแคม แต่นาทีต่อมากลับนุ่มนวลอ่อนหวาน เขาอ่อนโยนราวกับเธอเป็นของเปราะบางที่บุบสลายง่าย แล้วสติเธอก็ขาดผึง ลมหายใจขาดวิ่น เด็กสาวครางอย่างสุขสม เมื่อเขาสอดมือเข้าไปในกางเกงในสัมผัสจุดหวามไหว

ปราณธรรู้สึกได้ถึงกายนุ่มที่กำลังเกร็งสะท้านไม่ต่างจากไผ่ลู่ลม เขายื่นหน้าไปดูดซับเสียงครางจากปากนุ่ม นอกจากเธอจะไม่ต่อต้านแล้วยังยื่นแขนโอบกระชับรอบคอเขา บังคับให้เขาจูบแนบชิดเธอมากขึ้น ลลิษาจูบเขาอย่างเร่าร้อนหิวกระหาย เธอสอดปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดและดูดกลืนลิ้นเขา ปราณธรครางอย่างถูกใจ เคล้นคลึงซอกเร้นลับหนักหน่วงและรุนแรงขึ้น กระทั่งร่างบางสั่นสะท้านอย่างสุดจะควบคุม ไม่กี่อึดใจต่อมาเธอก็เกร็งและสั่นเทิ้มรุนแรง ซวนซบศีรษะกับอกแกร่ง ทรุดนั่งบนขาเขาอย่างคนไร้เรี่ยวแรง

ปราณธรดึงมือออกอย่างไม่เต็มใจนัก โอบกระชับรอบเอวบางแนบแน่น โยกคลอนไปมาราวกับเห่กล่อมเด็กด้วยว่าลลิษายังสั่นระริกอย่างรุนแรงจากการถึงจุดไคลแมกซ์

“นี่หรือวิธีลงโทษของคุณฐานที่ไปแกล้งกวนประสาทคู่นอนของคุณ” ลลิษาถามเสียงแหบพร่า ผะแผ่ว ก่อนยกมือขึ้นปิดปากหาว เธอเหนื่อย รู้สึกอ่อนเพลียไม่ต่างจากวิ่งมาราธอนมายาวนานติดต่อกันหลายชั่วโมง เมื่อถึงจุดหมายจึงอยากเอนกายลงนอน เธอสามารถหลับในวงแขนเขา นึกพลางปิดปากหาวอีกรอบ สองมือโอบรัดรอบเอวเขาพลางยื่นหน้าไปซุกซอกคอ

ปราณธรอึ้งเมื่อเด็กสาวคิดว่าเขาลงโทษเพราะเธอไปกวนประสาททำให้โฉมฉายหึง ทั้งที่ความจริงแล้วเปล่าเลย เขาหึงหวงเธอต่างหาก แต่เรื่องอะไรเขาจะยอมรับ สู้ให้ลลิษาเข้าใจไปแบบนั้นดีแล้ว เขายังไม่อยากเสียเชิงชาย ฉะนั้นปราณธรจึงตอบเสียงเย็นชาว่า

“ใช่ แล้วถ้าเธอยังทำตัวไม่น่ารักแบบนี้อีก เธอก็จะโดนลงโทษแบบนี้ทุกครั้ง”

ปราณธรชะงักเมื่อไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ จากเด็กสาวนอกจากเสียงผ่อนลมหายใจที่ทอดยาวเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เขาก้มมอง พบว่าลลิษาผล็อยหลับอย่างง่ายดาย เขาจ้องภาพตรงหน้าราวกับตกในภวังค์ ลลิษาซุกหน้ากับซอกคอเขาอย่างสนิทสนม สองมือโอบรัดรอบเอวเขาอย่างไว้ใจ เขากวาดตามองทั่วใบหน้าสะสวยที่กำลังหลับอุตุไม่รู้เรื่องรู้ราว ใจเต้นแรงโดยไม่มีเหตุผล

พระเจ้า...ลลิษาสวยเหลือเกิน เธอสวยราวกับนางฟ้าตัวน้อยๆ ที่กำลังหลับปุ๋ยจนเขาไม่นึกอยากรบกวน ปราณธรจดปลายจมูกกับหน้าผากแผ่วเบา กิริยาเป็นไปอย่างนุ่มนวลอ่อนโยน ก่อนโอบรัดร่างบางเข้ามากอดกระชับอย่างทะนุถนอม เขามีปัญหาหนักกว่าเก่า เขาตกหลุมรักเด็กสาวอย่างถอนตัวไม่ขึ้น และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เขาหึงหน้ามืดตามัวแบบเมื่อครู่

 

ลลิษาพลิกตัวอย่างไม่สบายตัวแล้วก็ชะงักเมื่อหัวพลัดตกลงมาจากอะไรแข็งๆ กะพริบตาถี่ๆ อย่างงัวเงีย พบว่าทุกอย่างรอบข้างเงียบสงัด มีเพียงเสียงหึ่งๆ ของเครื่องยนต์ที่กำลังทำงาน

“ตื่นแล้วหรือ เธอหลับไปเกือบชั่วโมง”

ลลิษาสะดุ้งโหยง เหลียวมองไปยังทิศทางเสียงซึ่งดังไม่ไกลจากตัวนัก ก่อนผงะด้วยความตกใจเมื่อพบว่าปราณธรกำลังนั่งกอดอกอยู่หลังพวงมาลัยรถ ตามองตรงไปข้างหน้า เธอพยายามปรับสายตาให้ชินกับความมืด ก็ไม่มืดสักทีเดียว...ลลิษาแก้ความคิดของตัวเองด้วยว่ามีแสงสลัวจากไฟทางเดินลอดเข้ามาในรถอยู่บ้าง

เธอปรับพนักเก้าอี้ที่เอนราบอยู่ให้ตั้งตรง เป็นผลให้สูทที่พาดอยู่บนตัวร่วงมากองที่เอว กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกลิ่นน้ำหอมผู้ชายผสมกับกลิ่นแห่งบุรุษเพศจากสูทโชยมาแตะจมูก กระตุ้นเร้าความรู้สึกแปลกๆ ภาพในหัวย้อนไปยังเหตุการณ์ในห้องน้ำอีกครั้ง

ปราณธรกระชากเธอเข้าไปในห้องน้ำคนพิการแล้วจัดการสำเร็จโทษด้วยการทำให้เธอถึงจุดสุดยอดอย่างรุนแรง ภาพสุดท้ายในหัวคือเธอโอบรัดเอวเขา ศีรษะซุกซอกคอเขาแล้วเธอก็ผล็อยหลับไปไม่รู้เรื่องรู้ราว นึกมาถึงตรงนี้เธอก็หน้าแดงก่ำด้วยจำได้ว่าก่อนผล็อยหลับ เธอยังไม่ได้แต่งตัวให้เรียบร้อย ลลิษาก้มมองตัวเอง พบว่าเชิ้ตติดกระดุมเรียบร้อย มองลอดคอเสื้อ บราเซียร์ถูกรั้งลงมาปิดหน้าอก แอบเลื่อนมือไปสำรวจซิปกางเกงก่อนพบว่ารูดปิดเรียบร้อย เธอข่มความรู้สึกขัดเขิน หันไปถามเขา

“นี่เราอยู่ที่ไหน แล้วเรามาที่นี่ได้ไง” เธอถามเสียงแข็งแล้วรีบหลุบตาต่ำ ไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ ได้แต่มองปลายคาง

“อาคารจอดรถของโรงแรมไมเนอร์ เราจะไปหาอะไรกินกันบนภัตตาคารชั้นดาดฟ้า”

“แล้วเรามาอยู่ที่นี่ได้ไง”

“เธอหลับ ฉันอุ้มมาขึ้นรถ”

ลลิษาชะงัก รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วใบหน้า มั่นใจว่าหน้าคงแดงก่ำจดลำคอ นึกดีใจที่แสงจากทางเดินไม่สว่างมากพอที่จะส่องให้เห็นใบหน้าเธอชัดๆ

“คนไม่ตื่นตกใจเอาหรือ เขาต้องคิดว่าคุณป้ายยาพาฉันเข้าไปข่มขืนในห้องน้ำ พอเสร็จสมก็คงอุ้มไปฆ่าหมกป่าแหงๆ”

เธอพูดอย่างเจื้อยแจ้วเพื่อหวังกลบเกลื่อนความเขิน ฟังจากเขาพูดเท่ากับเธอสลบไสลไม่ได้สติ ไม่รู้ตัวเลยตอนที่เขาสวมเสื้อผ้าให้ แถมอุ้มออกมาจากห้องน้ำ พามานอนบนรถเธอก็ยังไม่รู้สึกตัวอีก พระเจ้าช่วย...เธอต้องเพลียขนาดไหนนี่ถึงไม่มีสติขนาดที่เขาติดตะขอบราเซียร์ ติดกระดุมเสื้อ รูดซิปกางเกงให้ เธอก็ยังไม่รู้สึกตัว ลลิษาหน้าแดงจัด ยกมือขึ้นเสยผมด้วยความขัดเขินทั้งที่ไม่มีผมสักปอยหล่นมาปรกหน้า อับอายจนนึกอยากแทรกแผ่นดินหนี

“โชคดีตอนฉันอุ้มเธอออกมา ไม่มีคนผ่านไปผ่านมาแถวนั้นมากนัก แถมไม่มีใครสนใจใคร”

ปราณธรบอกหน้าตาเฉยทั้งที่ความจริงแล้วเปล่าเลย คนเดินไปเดินมามากมาย แถมทุกคนก็มองมาที่เขาอย่างสนใจใคร่รู้ระคนระแวง คงกลัวว่าเขาจะพาเธอไปทำปู้ยี่ปู้ยำ แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาถาม คงเพราะการแต่งกายของเขาไม่ได้บ่งบอกว่าเป็นพวกมิจฉาชีพ เขาเลยพาเธอมาที่ลานจอดรถโดยไม่มีใครกล้าเข้ามาวุ่นวาย

เขาเจอพนักงานร้านเสื้อยืนรออยู่ข้างรถเพื่อคืนกุญแจ เลยให้ทิปไปอีกหนึ่งพันแล้วจึงอุ้มเด็กสาวเข้าไปนอนในรถ ปรับพนักเก้าอี้ให้เอนราบมากที่สุดเพื่อให้เด็กสาวหลับสบาย ถอดสูทคลุมบ่าให้เธอแล้วขับพามายังโรงแรมแห่งนี้ ซึ่งมีเพนต์เฮาส์ส่วนตัวของเขาอยู่ชั้นบนสุด ปราณธรตอบตัวเองไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงเลือกพาลลิษามาที่นี่ ทั้งที่ยังมีร้านอาหารมากมายที่เปิดอยู่ด้วยว่าตอนนี้ยังไม่ดึกมากนัก

เมื่อรถมาจอดในอาคารจอดรถของผู้บริหาร แต่เด็กสาวยังไม่ตื่น เขาเลยดึงเบรกมือ โดยไม่ดับเครื่อง นั่งรอเธอเงียบๆ เขาเฝ้าดูเธอหลับใหล ระหว่างนั้นเขาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พยายามค้นหาคำตอบว่าทำไมเขาถึงรู้สึกพิเศษลึกซึ้งกับเด็กสาวทั้งที่รู้จักกันได้ไม่ถึงสัปดาห์ เขาอยากหลอกตัวเองว่าเป็นแค่ความใคร่ ตัณหา หรือราคะ แต่เขาก็ผ่านโลกมามากพอจะแยกแยะความรู้สึกได้ว่าอย่างไหนคือความรัก อย่างไหนคือตัณหาและราคะ และสำหรับลลิษา มันไม่ใช่แค่ความใคร่หรือตัณหา แต่ยังเจือด้วยความรักแถมเป็นความรักที่พิเศษลึกซึ้ง รักที่ไม่พร้อมจะแบ่งปันเธอให้เป็นอาหารตาผู้ชายคนไหน

ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้หึงหน้ามืดตามัวเมื่อเธอปล่อยให้หนุ่มน้อยคนนั้นเข้าไปในห้องลองเสื้อด้วย เขาไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่เข้าใจว่าทำไมความรักถึงมาเคาะประตูหัวใจอีกครั้งเอาตอนที่อายุใกล้สี่สิบรอมร่อ เพราะความรักสำหรับเขาโดยเฉพาะรักแรกพบ เขาสาปส่งไปนานแล้ว นับแต่พลาดรักจากลักษณาผู้เป็นแม่เธอ เขาก็ระมัดระวัง ไม่เปิดใจรับใครอีก แล้วจู่ๆ ลลิษากลับแย้มเข้ามาในหัวใจเขาได้อย่างง่ายดาย เธอฉีกทุกกฎที่เขาตั้งไว้ ทั้งเยาว์วัย ไร้เดียงสา และเวอร์จิน แถมยังเป็นลูกสาวของอดีตแฟน เขาไม่ควรรักเธอ แต่เขากลับรักและหลงใหลเธออย่างบ้าคลั่ง แถมดูจะหนักหนาและรุนแรงกว่าเมื่อครั้งที่รักกับแม่เธอด้วย เขาจึงมึนงงสับสนและจับต้นชนปลายไม่ถูกอยู่ในตอนนี้

“จะบอกว่าตัวเองมาดดี ไม่มีใครระแวงว่าจะเป็นคนร้ายว่างั้นเถอะ”

เสียงลลิษาดังขึ้น ทำให้เขาตื่นจากภวังค์ ปราณธรตอบด้วยเสียงราบเรียบ “ก็คงงั้น”

เขาตอบแล้วไหวไหล่ ไม่รู้ตัวเลยว่าเริ่มติดนิสัยของเด็กสาวมาโดยไม่รู้ตัว เขาจ้องลลิษาตรงๆ ฝ่าแสงสลัวของยามราตรี ลลิษาเมินหลบ ไม่สบตาเขา เธอขยับตัวนั่งตรง เขาพินิจอากัปกิริยานั้นเงียบๆ ทำไมก่อนหน้านี้เขามองไม่ออกว่าเธอเป็นเด็กขี้อาย ลลิษาฉาบภายนอกด้วยความก๋ากั่นเจนโลกทั้งที่เนื้อแท้เธอแสนจะขี้อาย เขาแทบจะสัมผัสได้ถึงความขัดเขินที่ปะปนมากับน้ำเสียงยามที่เธอพยายามเสพูดแก้เกี้ยว เธอต้มเขาเสียเปื่อยสินะ แล้วที่น่าสนใจกว่านั้นทำไมเธอถึงพยายามหลอกให้เขาเชื่อว่าเธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์

ลลิษาเป็นเด็กสาวประเภทไหนกัน ทำไมถึงอยากให้คนอื่นมองเธอไม่ดี เป็นเด็กใจแตก เป็นครั้งแรกที่เขานึกอยากรู้จักตัวตนเธอให้ลึกซึ้งขึ้น อยากรู้จักทุกแง่ทุกมุมที่เกี่ยวกับเธอ ลลิษาไม่ต่างจากหนังสือที่อ่านยากซึ่งมันท้าทายให้เขาอยากเรียนรู้และอยากทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริง เขากำลังคิดว่าเธอเป็นเด็กสาวที่น่าสนใจ

ลลิษาไหวไหล่ เปลี่ยนเรื่องพูด “นี่เสื้อของคุณ ขอบคุณ”

“เก็บไว้เถอะ ข้างบนเย็นมาก เธออาจจำเป็นต้องใช้มัน”

ปราณธรพูดแค่นั้นแล้วดับเครื่อง ก้าวลงจากรถ กดรีโมตล็อกรถ พลอยทำให้เธอต้องรีบพาดสูทกับแขนแล้วเดินแกมวิ่งตามหลังเขาไปติดๆ เข้าไปในลิฟต์

รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น