6

เข้าใจว่าทำไม

6

เข้าใจว่าทำไม

 

ก่อนมาเผชิญหน้ากับลดาริน ภุมรินวางแผนการจนแน่ใจว่าแพรทองจะเปิดปากแผลเก่าออกมาต่อหน้าทุกคนอย่างไม่เกรงใจใคร ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังสะดุ้งตกใจตอนแม่โพล่งออกมาทั้งที่ยังไม่ทันไปถึงโต๊ะอาหารที่มหรรณพจองเอาไว้ ดังนั้นการแสดงออกของเธอจึงไม่เรียกว่าเสแสร้งเลย เธอตกใจจริงๆ ที่แผนการเริ่มไวขนาดนี้ สงสารก็แต่ลุงน้ำของเธอที่คงไม่ได้กินข้าวเย็นเสียแล้ว

“เธอเป็นเมียเก่าของน้ำ คนที่ทำน้ำผึ้งเกือบตายไม่ใช่เหรอ” แพรทองเพิ่งได้ยินลูกสาวเรียกคนตรงหน้าว่า ป้ารินเมื่อครู่นี้เอง จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าแขกอีกคนคือลดาริน

นิสัยของแม่ตัวเอง คนเป็นลูกย่อมรู้ดีที่สุด หรือไม่ก็รู้ในส่วนที่แย่ที่สุด ภุมรินอาศัยอยู่ร่วมกับแพรทองเกือบสิบหกปี แต่มีเวลาได้เจอหน้าพูดคุยกันจริงๆ รวมๆ แล้วไม่ถึงปี เพราะผู้เป็นแม่ชอบที่สุดก็คือยามลูกนอนหลับ หรือถ้าลูกตื่นก็โยนภาระเรื่องลูกไปให้คนอื่น เพื่อให้เธอได้ออกไปสนุกสนานกับบรรดาเพื่อนฝูงหรือชู้รัก และเพราะรู้จักแม่ของตนดี สิ่งที่ภุมรินเลือกบอกแพรทองก่อนจะมาพบหน้าลดารินก็คือ

...

‘ช่วงนี้น้ำผึ้งอึดอัดที่ป้ารินชอบมาวุ่นวายกับน้ำผึ้งแล้วก็ลุงน้ำ ทำเอาน้ำผึ้งปวดหัวไปหมด ถ้าแม่ช่วยเตือนๆ เขาหน่อยว่าเขาเคยก่อเรื่องอะไรเอาไว้ น้ำผึ้งก็จะช่วยพูดกับพ่อให้แม่เอง’

...

ต่อให้แพรทองไม่ได้เอ่ยปาก ภุมรินก็รู้ว่ามารดามาเพราะเรื่องเงิน ไม่อย่างนั้นหายหน้าไปเป็นปีจะโผล่มาทำไม ปีก่อนก็เช่นนี้ ทำเป็นถามว่าอยากได้อะไร แล้วต่อรองให้เธอช่วยพูดกับภมร ผู้เป็นพ่อให้โอนเงินช่วยเธอสักเล็กน้อย ก็แค่ไม่กี่หมื่น สำหรับแม่แล้ว แค่นี้พ่อขนหน้าแข้งไม่ร่วง ภุมรินไม่รู้ว่าหลังจากนั้นพ่อตกลงกับแม่อย่างไรบ้าง แต่แพรทองหายไปเกือบปี แล้วกลับมาอีกทีตอนใกล้วันคล้ายวันเกิดด้วยคำพูดแบบเดิมๆ หญิงสาวเลยไม่ผิดหวังและไม่ปลาบปลื้มที่แม่จำวันเกิดของเธอได้เพียงเพราะเรื่องเงิน อย่างไรทั้งคู่ก็แค่คนกึ่งแปลกหน้าที่มีสายสัมพันธ์ทางสายเลือดอยู่แล้ว

“แม่คะ เรื่องมันนานแล้วนะคะ” ภุมรินออกหน้าปรามมารดา เพื่อไม่ให้มหรรณพกระอักกระอ่วนใจมากกว่านี้ แล้วก็เพื่อเล่นละครให้แนบเนียนด้วย

“ก็จริงนะ เรื่องมันตั้งหลายปีแล้ว ว่าแต่เธอขอโทษลูกฉันบ้างหรือยังล่ะ”

เมื่อครู่ลดารินตกใจ แต่พอฟังถึงตรงนี้เธอเริ่มไม่พอใจแล้ว หลังจากเกิดเรื่องเธอก็ขอโทษภุมรินหลายครั้ง ที่สำคัญแพรทองกล้าขึ้นเสียงใส่เธอได้อย่างไร ในเมื่อเรื่องนี้ไม่ได้เริ่มต้นที่เธอ

“ขอโทษไปแล้วค่ะ หลายปีนี้ยังนึกเสียใจอยู่เลยที่น้ำผึ้งต้องแยกกันอยู่กับแม่เพราะแฟนเก่าของพี่แพร” ลดารินเหน็บแนมกลับอย่างไม่เกรงใจ

ถึงตรงนี้คงไม่ต้องกินข้าวกันแล้ว พนักงานร้านที่เดินออกมาต้อนรับก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก มหรรณพในฐานะเจ้าภาพอยากจะไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน ได้แต่ดึงแขนลดารินเอาไว้พร้อมกับส่งสายตาไปทางแพรทอง แล้วขอร้อง

“พี่แพรครับ ผมว่าเรากลับไปคุยกันที่บ้านดีกว่า วันนี้วันเกิดน้ำผึ้ง”

“ก็เพราะวันนี้วันเกิดของน้ำผึ้ง พี่ถึงอยากจะพูดเรื่องเมื่อตอนนั้นยังไงล่ะ ลูกพี่เสียเปรียบคนอื่นมาตั้งหลายปีแล้ว จะให้นิ่งเงียบได้ยังไง”

“อย่ามาทำเป็นพูดว่าทำเพื่อลูกเลยค่ะ เรื่องก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว รื้อฟื้นมาแบบเนี้ย จะเรียกค่าเสียหายใช่ไหมคะ” ลดารินเลิกทำงานร้านเสริมสวยมาสามปีแล้ว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเร่งรัดหนี้สินของบริษัทประกันภัยชื่อดัง จะมีคนแบบไหนบ้างที่เธอไม่เคยเจอมาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนหิวเงิน

“ถ้าจะทวงก็ค่าเสียหายทางจิตใจนี่แหละ แปดปีก่อนถ้าไม่ใช่เธอเย้วๆ หาว่าลูกฉันจะแย่งผัวเธอ ผึ้งมันจะเดือดร้อนขนาดนั้นไหม”

“ก็...” ลดารินจะเถียงกลับ แต่คนข้างตัวกระตุกแขนเตือน

“พอได้แล้วริน อายคนอื่นมั้งสิ”

“คนเริ่มก่อนนี่คือรินเหรอคะ แล้วที่พี่น้ำกลัวจะอายเขา พี่น้ำกลัวใครอายคะ” มีบางเรื่องที่ถูกสะกิดแล้วลดารินยอมไม่ได้

“จะว่าลูกฉันอีกแล้วสิ ตอนนั้นผึ้งมันอายุเท่าไรเอง ตอนน้ำไปเกณฑ์ทหาร เด็กเพิ่งจะสิบขวบ เธอยังจะหาว่าลูกฉันหลงรักสามีเธอ กีดกันไม่ให้น้ำผึ้งติดต่อน้ำ”

เด็กอายุเพียงสิบขวบ ต่อให้แก่แดดเพียงไหนก็ไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งกับผู้ชายที่แก่กว่าสิบห้าปีอยู่แล้ว ตอนที่มหรรณพแต่งงานก่อนไปเกณฑ์ทหาร เธอร้องไห้อย่างหนักเพราะความหวงเพื่อนเล่นต่างวัย แต่ไม่ได้มีความหึงหวงเจือปนเลย ลดารินเองก็เช่นกัน ในตอนแรกเธอไม่ได้มองเด็กข้างบ้านเช่นนั้น มีเพียงความรำคาญที่ถูกแย่งความสำคัญจากสามีไปตลอดเวลา แต่เรื่องมันเริ่มรุนแรงตอนภุมรินอายุสิบสองปี

“นี่เราไม่ได้พูดถึงตอนน้ำผึ้งสิบขวบนะคะ ตอนที่เกิดเรื่องน้ำผึ้งอายุแค่สิบสองก็จริง แต่แก่แดด คงเพราะแม่สอนให้วิ่งตามผู้ชาย”

“มันจะเกินไปแล้วนะริน” สีหน้าและน้ำเสียงของมหรรณพเปลี่ยนทันทีที่ภุมรินโดนกล่าวหา อาการหงุดหงิดเมื่อมีใครแตะต้องหลานสาวของเขาเป็นสิ่งที่สร้างความไม่พอใจให้แก่ลดารินเสมอ

“พอเป็นเรื่องของน้ำผึ้ง พี่น้ำก็เป็นแบบนี้ทุกที”

“พี่ไม่ได้เข้าข้างน้ำผึ้ง แต่รินพูดแบบนั้นมันเกินไป” 

“เกินไปตรงไหนคะ อายุแค่สิบสอง เอะอะก็วิ่งมาหาผู้ชายถึงบ้าน ถ้าไม่ทำอย่างนั้นจะตกจากชั้นสองบ้านพี่น้ำลงมาบาดเจ็บเหรอ”

“ป้ารินคะ ที่น้ำผึ้งจะปีนขึ้นบ้านลุงน้ำก็เพราะจะหาคนช่วยต่างหาก แล้วเพราะป้ารินไม่ให้น้ำผึ้งเข้าบ้านลุงน้ำ น้ำผึ้งถึงต้องปีนเข้าไปแล้วตกลงมาบาดเจ็บสาหัส” ภุมรินที่เงียบฟังด้วยท่าทางเหมือนคนทำอะไรไม่ถูกเข้าร่วมวงโต้เถียงด้วย แต่เป็นการชักจูงให้ทุกคนกระชากบาดแผลที่ต่างคนต่างพยายามปกปิดเอาไว้ออกมา

“เธอจะมาหาว่าฉันผิดไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะแม่เธอเอาผู้ชายที่ไหนไม่รู้เข้าบ้านจะมีเรื่องได้ยังไง” แล้วลดารินก็หันไปจ้องหน้าเอาเรื่องแพรทอง เพราะถ้าจะพูดถึงต้นเหตุทั้งหมด รวมถึงคนที่ก่อให้เกิดการวิวาทขึ้นมาวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นความผิดของอีกฝ่าย

“ปล่อยให้แฟนใหม่มาลวนลามลูกสาว แล้วยังมีหน้ามาโทษคนอื่นอีก” 

โดนลดารินด่าซึ่งหน้า แพรทองที่ไม่เคยยอมรับผิดอยู่แล้วก็เถียงกลับเสียงดัง

“คนเรามันไม่ได้ฉลาดทุกเรื่องซะหน่อย เธอเองตอนนั้นก็ยังหาว่าน้ำผึ้งโกหกเลยไม่ใช่เหรอ แล้วแค่น้ำผึ้งจะขอหลบเข้าบ้านน้ำ เธอไม่ใช่เจ้าของบ้านด้วยซ้ำ กลับปิดประตูไม่ยอมให้น้ำผึ้งเข้าไป”

ภุมรินแสร้งทำหน้าตื่นตกใจที่เห็นแม่กับอดีตป้าสะใภ้ถกเถียงกัน แต่ในใจลอบยิ้มหยัน เพราะถ้าจะหาคนผิดจริงๆ แพรทองก็ผิดกว่า แต่ลดารินก็ไม่ใช่คนดีอะไร 

แปดปีก่อนแพรทองหย่าขาดจากภมรแล้ว แต่เพราะฝ่ายชายมีภรรยาหลายคน หนำซ้ำยังทำธุรกิจกลางคืน จึงส่งต่อภาระที่ชื่อว่าลูกให้แก่อดีตภรรยาพร้อมด้วยบ้านและเงินค่าเลี้ยงดู แต่ฝ่ายหญิงก็ไม่ใช่คนที่เหมาะกับคำว่าแม่ของลูกเช่นกัน มักจะทิ้งลูกออกไปหาผู้ชายคนใหม่เสมอ เมื่ออดีตสามีไม่รู้ก็ยิ่งได้ใจ ถึงขั้นพาผู้ชายคนใหม่เข้ามาอาศัยร่วมบ้านกับลูกสาวที่กำลังเริ่มเข้าวัยรุ่น ภุมรินเป็นเด็กโตช้า แต่นั่นไม่ใช่อุปสรรคสำหรับผู้ชายที่มีความคิดสกปรกอยู่เต็มหัวสมองและคอยจ้องจะเอาเปรียบเธอยามที่แม่เผอเรอ

ที่พึ่งของลูกกลับไม่ใช่พ่อที่ไม่ใส่ใจ หรือแม่ที่นำภัยเข้าบ้าน แต่เป็นลุงต่างสายเลือดที่ขณะนั้นอยู่ในสถานะทหารเกณฑ์ ภุมรินวัยสิบขวบเป็นแค่เด็กขี้หวง แต่วัยสิบสองปีเป็นเด็กหญิงหน้าตาน่ารักที่สร้างความหวาดระแวงให้แก่ภรรยาที่ต้องอยู่ห่างสามี 

ลดารินมีเหตุผลในการไม่พอใจภุมริน เพราะทุกครั้งที่มหรรณพกลับบ้าน เขาจะเอาใจใส่เพียงเด็กข้างบ้าน พาไปเที่ยว พาไปกินข้าวนอกบ้าน จดหมายที่ส่งมากว่าครึ่งเป็นของภุมริน หลังจากจบการฝึกหนักสองเดือนแรกก็แอบพกโทรศัพท์มือถือไปค่ายทหารเพื่อเอาไว้ให้หลานโทร. หาเผื่อมีเหตุฉุกเฉิน ที่สำคัญเขาจะต้องฝากฝังให้เธอช่วยดูแลภุมรินเสมอ จนเธอเริ่มคิดว่าการที่เขาแต่งงานกับเธอก็เพราะอยากให้มีคนช่วยดูแลหลานหรือเปล่า 

ในสายตามหรรณพ ก่อนเขาไปเข้ากรม ภุมรินเป็นเพียงเด็กหญิงวัยสิบขวบ แต่ในสายตาลดาริน เธอเห็นเด็กน้อยเติบโตขึ้นทุกวันจากเด็กตัวน้อยๆ เป็นสาวขึ้นทีละนิด ซึ่งมีแต่จะเพิ่มความหวาดระแวง หนำซ้ำเด็กคนนี้ยังชอบเกาะติดสามีของเธอ แย่งความรักจากเธอ ยังจะให้เธอรักใคร่เอ็นดูเด็กคนนี้อีกหรือ

วันที่ภุมรินมาเล่าให้ฟังว่าโดนแฟนใหม่ของแม่แอบลวนลาม ติดต่อมหรรณพไม่ได้เพราะโทรศัพท์มือถือของเขาชำรุด ให้เธอช่วยต่อสายไปยังค่ายทหารหาเขาให้ที สิ่งที่ลดารินคิดก็คือ เด็กนิสัยเสียกำลังเรียกร้องความสนใจ โกหกเพื่อจะได้โทร. หาสามีของเธอ

ไม่เพียงปฏิเสธและกล่าวหาว่าภุมรินโกหก ลดารินยังไม่ยอมให้เธอมาหลบซ่อนที่บ้าน แต่ไม่นึกว่าภุมรินจะพูดความจริง และเรื่องราวจะลุกลามใหญ่โต

ผู้ชายของแพรทองพยายามจะปลุกปล้ำภุมริน เด็กหญิงหวาดกลัวจนต้องปีนเข้าบ้านมหรรณพจากทางหน้าต่างชั้นสอง หวังจะรอลุงน้ำที่กำลังจะปลดประจำการกลับมาบ้านในวันนั้น ผลก็คือเด็กหญิงพลัดตกจากหน้าต่างได้รับบาดเจ็บสาหัสต่อหน้าต่อตาเจ้าของบ้านที่ไม่คิดว่าความยินดีจากการหมดวาระทหารเกณฑ์จะเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก

หลังจากสืบสวนเรื่องทั้งหมด มหรรณพไม่ทำอย่างอื่น นอกจากเฝ้าอยู่ข้างเตียงภุมริน ที่จริงนอกจากตอนลากชายชั่วมาอัด เขาก็แทบไม่ห่างจากเธอเลย แล้วข้อแก้ตัวของลดารินว่าทำไมปล่อยให้เด็กที่เขาห่วงใยต้องอยู่ในสภาพโคม่า กระดูกแขนขาหักอย่างละข้าง ซี่โครงหักแทงเข้าปอดเกือบเอาชีวิตไม่รอดก็คือ...

‘น้ำผึ้งไม่ใช่ลูกของรินกับพี่น้ำ ทำไมรินต้องยอมให้เด็กนี่เข้าใกล้สามีของรินด้วย’

ผลก็คือ มหรรณพต่อว่าภรรยาอย่างไม่ไว้หน้า สุดท้ายก็ไม่อาจประคองชีวิตคู่ต่อไปได้อีก แล้วจะไม่ให้ลดารินเกลียดภุมรินได้อย่างไรเมื่อเธอเจอประโยคนี้เข้าไป

‘ถ้ารินรักน้ำผึ้งเหมือนที่พี่รักไม่ได้ ก็คงไม่เหมาะจะมาเป็นเมียพี่’

แสดงว่าทั้งหมดที่เขาต้องการจากเธอก็คือภรรยาที่รักเด็กข้างบ้าน ดูแลเด็กข้างบ้าน ยอมทนให้เด็กคนนั้นแย่งความรักของเขาไปจากเธอ

“สรุปก็คือที่เรียกฉันมากินข้าวด้วยก็เพื่อให้แม่เธอมาด่าฉันสินะ” ลดารินหันไปจ้องหน้าภุมริน โดยไม่สนใจแพรทองที่กำลังหาเรื่องเธอเหยงๆ

การที่ลดารินมาวันนี้ก็แค่เพื่อสานสัมพันธ์แล้วเอาความรักในอดีตกลับคืนมา แต่ดูสีหน้าที่มหรรณพมองเธอด้วยความโมโหแล้ว คิดว่าทุกอย่างที่หวังคงไม่สำเร็จ และต่อให้ไม่มีอคติกันมาก่อน ลดารินยังรู้ว่าเป็นเพราะใคร

“น้ำผึ้งก็แค่อยากให้เรามากินข้าวกันแล้วลืมเรื่องเก่าๆ ไปซะ” ภุมรินตอบโต้ด้วยท่าทางน่าสงสาร ทั้งที่มันเป็นไปตามที่ลดารินกล่าวหา

ต่อให้ตาย ภุมรินก็ไม่ลืมว่าลดารินทำอะไรไว้กับเธอบ้าง วันนั้นเธอเป็นแค่เด็กหญิงไร้ที่พึ่ง โทร. หาพ่อ พ่อก็ไปเที่ยวเมืองนอกกับภรรยาใหม่ ติดต่อไม่ได้ บอกแม่ แม่ก็เข้าข้างแฟนใหม่ เธอขอแค่ที่หลบภัยเพียงไม่นาน แค่รอให้มหรรณพกลับมา เธออาจจะโง่ที่พยายามปีนขึ้นไปชั้นบนแทนที่จะหลบอยู่ที่ไหนสักที่ที่ไม่มีใครเจอตัว แต่เธอก็ได้รับผลจากความโง่นั้นแล้วด้วยการนอนอยู่บนเตียงคนไข้นับเดือน แล้วสิ่งที่เธอได้ยินจากปากลดารินในตอนที่อีกฝ่ายคิดว่าเธอหลับและมหรรณพไม่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็คือการด่าเธอให้เพื่อนฟังผ่านโทรศัพท์มือถือ

...

‘มันก็แค่เด็กแรดๆ อยากมีผัว มีก็แค่พี่น้ำนั่นแหละที่มองมันเป็นเด็กใสซื่อ ใครจะรู้ว่าแฟนใหม่แม่มันจะปล้ำมัน หรือว่ามันไปยั่วเขาก่อนกันแน่ อย่างมันน่าจะโดนรุมโทรมตายๆ ไปซะ’

สารพัดถ้อยคำร้ายๆ จากคนที่ภุมรินเรียกว่าป้ากลายเป็นพิษที่ฝังอยู่ในใจของเธอ ดังนั้นต่อให้ลดารินมาขอให้เธอยกโทษให้ ภุมรินก็ไม่เคยยอมให้อภัยจากใจจริงสักครั้ง หลายปีผ่านไปเธอย่อมรู้ว่าวันนั้นอีกฝ่ายพูดกับเพื่อนผ่านโทรศัพท์เพราะความโกรธที่ถูกสามีต่อว่า แต่มันไม่ได้ช่วยให้เธอหายโกรธเลย แล้วต่อให้เธอรู้ว่าคนบางคนเข้าข้างชายชั่วคนนั้น กังขาว่าเด็กหญิงอายุสิบสองยั่วผู้ชายของแม่หรือเปล่า เธอก็ยังไม่ให้อภัยคำพูดวันนั้นของลดารินอยู่ดี เธอเป็นเหยื่อ เธอมีสิทธิ์แค้น

“ไม่ต้องมาแกล้งทำหน้าซื่อ เธอมันก็แค่นังเด็กใจแตกที่คิดแต่จะแย่งผัวชาวบ้าน” ยามโกรธ ลดารินก็หยาบคายได้ไม่แพ้ใคร

“ทำไมป้ารินต้องด่าน้ำผึ้งขนาดนี้ด้วยคะ” แค่ภุมรินทำท่าจะร้องไห้ แววตาของมหรรณพก็เปลี่ยนจากไม่พอใจเป็นจะเอาเรื่องลดารินทันที เขาขยับมายืนบังเธอเอาไว้ แล้วตำหนิอดีตภรรยาอย่างไม่ไว้หน้า

“หยุดได้แล้วนะริน ถ้าไม่หยุดพี่จะให้น้ำผึ้งแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท” 

การเข้าข้างอย่างเต็มที่ของมหรรณพทำให้ภุมรินแอบยิ้มในใจ

ถ้าลดารินไม่คิดจะกลับเข้ามาในชีวิตของมหรรณพอีก สักวันหนึ่งภุมรินอาจจะกรวดน้ำอุทิศให้เธอในฐานะเจ้ากรรมนายเวร แต่เมื่อเหตุการณ์ตรงกันข้าม เธอก็ยอมเป็นนางมาร เอาคืนทุกเรื่องในอดีต

“ก็ได้ค่ะ รินจะหยุดแค่นี้” สุดท้ายลดารินก็ได้แต่ยิ้มขื่น แต่ก่อนจะจากไปก็หันไปส่งยิ้มเหยียดหยามให้ภุมริน แล้วตั้งคำถามกับมหรรณพ หวังจะเล่นงานศัตรูให้ย่อยยับ

“แต่พี่น้ำแน่ใจเหรอคะว่าหลานนอกไส้ของพี่เป็นเด็กดี”

 

“พี่โน้ตแน่ใจเหรอคะว่าจะไม่ไปงานวันเกิดน้ำผึ้ง” 

อมราอดสงสัยไม่ได้ เพราะมาโนชเอาแต่มองหน้าจอมือถือ พอเธอถามก็บอกว่าวันนี้วันคล้ายวันเกิดภุมริน เขาบอกว่าไม่ไปร่วมงาน แต่กลับมาเช็กว่างานไปถึงไหนแล้ว

“ไม่ละ น้ำผึ้งบอกว่าจะกินข้าวกับแม่ พี่ไม่สนิทกับพี่แพร” เป็นข้ออ้างที่พอจะฟังขึ้น ยกเว้นพฤติกรรมเฝ้าหน้าจอมือถือ

“บอกมาดีกว่าค่ะว่ามีอะไรหรือเปล่า” อมราไม่ใช่พวกชอบจับผิด แต่มันน่าหงุดหงิดที่เขาลากเธอมากินข้าวที่ห้องเขา ทว่าเอาแต่เฝ้าหน้าจอ ด้วยสีหน้าเหมือนรอข่าวร้าย

“น้ำผึ้งชวนแม่ไปกินข้าว แต่พี่น้ำชวนแฟนเก่าไปด้วย” เขารู้ว่าด้วยความสัมพันธ์ของทั้งคู่ วันหน้าเธอก็ต้องรู้ จึงแจกแจงอดีตของภุมรินกับลดารินออกมา

“เลวอะ ปล่อยให้น้ำผึ้งโดนรังแก ถ้าเป็นอี๊ดอย่าว่าแต่กินข้าวเลย จะลากไปอัดด้วยซ้ำ” เธอทำท่าจะถลกแขนเสื้อไปทวงความยุติธรรม แต่โดนเขาปรามเอาไว้ ดึงแขนไม่พอ ยังดึงเธอมานั่งตัก

“วันนี้น้ำผึ้งเลยอยากจะเคลียร์ไง” แล้วก็เป็นเหตุผลที่มาโนชไม่ไปร่วมงาน

มาโนชไม่ได้มีความสามารถระดับนักแสดงออสการ์ แค่ได้บังเอิญรู้ว่าภุมรินเชิญแพรทอง ส่วนมหรรณพชวนลดาริน เขาก็ปลีกตัวออกห่าง พร้อมกับภาวนาไม่ให้พี่ชายจับได้ภายหลังว่าเขารู้แล้วไม่บอก ก็เขาจะบอกได้อย่างไรว่าเด็กดีข้างบ้านไม่ใช่เด็ก และไม่ค่อยดีสักเท่าไร 

แต่ไม่ว่าภุมรินจะนิสัยอย่างไร มาโนชก็เข้าข้างเธอเต็มที่ เพราะในฐานะคนนอก เขามองออกว่าคนวงในอย่างมหรรณพควรรู้สักทีว่าตนเองรู้สึกอย่างไร

 

“พี่น้ำแน่ใจเหรอคะว่าหลานนอกไส้ของพี่เป็นเด็กดี”

คำถามของลดารินไม่ได้รับคำตอบ มีเพียงความกระอักกระอ่วนครอบคลุมทุกคน แม้ว่าเธอจะจากไปแล้วก็ตาม บรรยากาศเป็นอย่างนี้ แพรทองก็ยังมีอารมณ์กินข้าวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มหรรณพจึงต้องนั่งกินด้วยในฐานะเจ้าภาพ โดยไม่รู้สึกถึงความอร่อยสักนิด เมื่อไปส่งแขกที่เขาไม่ได้เชิญกลับไปเรียบร้อย ก็ได้เวลาที่เขาควรจะถามภุมรินสักที

“ลุงรู้ว่าน้ำผึ้งไม่ใช่เด็กไม่ดี แต่ลุงก็รู้ว่าน้ำผึ้งเจตนาให้พี่แพรมาหาเรื่องริน” มหรรณพตั้งคำถามระหว่างขับรถออฟโรดกลับบ้าน และแน่ใจว่าภุมรินจะหลบหนีไปไหนไม่ได้

“ใช่ค่ะ น้ำผึ้งเจตนา” ภุมรินตอบรับหน้าตาเฉย ทำเอามหรรณพถึงกับเผลอเหยียบคันเร่งโดยไม่รู้ตัว

“ทำไมถึงทำแบบนี้ มีอะไรเก็บไปพูดกันที่บ้านไม่ได้เหรอ”

“ถ้าน้ำผึ้งนัดป้ารินมาเคลียร์ที่บ้าน ป้ารินจะมาเหรอคะ แม่ก็เหมือนกัน ถ้าไม่เพราะลุงน้ำจะเลี้ยงข้าว เขาก็ไม่มาหรอก”

“ลุงไม่คิดอย่างนั้นนะ ถ้าพี่แพรขอให้น้ำผึ้งช่วยบางอย่าง เช่น ไปขอเงินจากพี่มร ต่อให้ไปตีกับใคร ยังไงเขาก็ต้องไปอยู่แล้ว ส่วนรินก็นัดมาที่บ้านแบบไม่ให้รู้ตัวก็ได้ เหมือนที่น้ำผึ้งทำวันนี้ยังไงล่ะ” 

มหรรณพวิเคราะห์ชนิดที่ภุมรินหมดทางโต้แย้ง แต่พอเห็นเธอนิ่งเงียบยอมรับ ก็เป็นเขาที่ถอนใจหนักหน่วง อารมณ์โกรธคุกรุ่นในใจ ทั้งโกรธแพรทองที่ก่อเรื่องวันนี้เพราะหวังผลประโยชน์จากลูกสาว โกรธลดารินที่นอกจากเต้นไปตามเกมยังเผยความคิดแง่ลบที่มีออกมาจนหมด สุดท้ายเขาโกรธภุมรินที่เป็นคนวางแผนการทั้งหมด ทำลายงานเลี้ยงวันเกิดที่เขาหวังจะทำให้เธอมีความสุข

“ทำไมต้องทำให้เรื่องมันใหญ่โตอย่างนั้นด้วย” เขาอาจจะเข้าข้างเธอเสมอ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้เธอก่อเรื่องโดยไม่ทักท้วง

“เพราะน้ำผึ้งเกลียดป้าริน” 

คำตอบสั้นๆ ของภุมรินทำเอามหรรณพผงะ

“น้ำผึ้ง...” เขาเรียกชื่อเธอแล้วก็ไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อ มหรรณพเห็นการเติบโตของภุมรินมาตั้งแต่เธอยังเป็นเพียงแค่เด็กหญิงตัวเล็กๆ แต่ตอนนี้เขาเหมือนไม่เคยรู้จักเธอเลย

“ทำไมคะ ทำไมน้ำผึ้งจะเกลียดป้ารินไม่ได้ ตลอดแปดปีเขามีความจริงใจที่จะขอโทษบ้างหรือเปล่า ลุงน้ำก็เห็นอยู่ เจ็ดปีแล้วที่เขาไป ถ้าเขาไม่พยายามกลับมาหาลุงน้ำอีก น้ำผึ้งก็จะถือว่าทางใครทางมัน แต่เขาอยากจะกลับมาแต่งงานกับลุงน้ำอีก น้ำผึ้งยอมไม่ได้หรอก” 

สายตาภุมรินจับจ้องมองมายังมหรรณพ ประกาศชัดว่าใครก็ตามที่หวังจะแทรกตัวเข้ามาระหว่างทั้งคู่ คิดจะมีความสัมพันธ์กับเขาจะต้องย่อยยับ 

นี่มันไม่ใช่สายตาของเด็ก 

หัวใจของมหรรณพกระตุกวาบ มือกำพวงมาลัยรถแน่นขึ้น ดีใจที่ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เขาใช้รีโมตบังคับประตูเลื่อนของอู่ซ่อมรถให้เปิดออก นำรถเข้าไปจอดในช่องของเขา อู่ซ่อมรถในตอนกลางคืนไม่มีความเคลื่อนไหวและเสียงแปลกปลอม เช่นเดียวกับภายในรถที่ความเงียบปกคลุมไปทั่วนับจากวินาทีที่ภุมรินประกาศกร้าวถึงเหตุผลในการเล่นงานลดาริน

มหรรณพทำสิ่งที่เคยทำมาแล้วนับพันครั้ง เขาก้าวลงจากรถ เดินไปยังประตูข้างคนขับ เปิดออกแล้วประคองภุมรินลงมา ชั่วขณะที่สัมผัสตัวเธอ เขาก็ตระหนักถึงสิ่งหนึ่ง เธอไม่ใช่เด็กเล็กๆ ที่เขาจะโอบอุ้มไปไหนต่อไหน แล้วก็ไม่ใช่เด็กน้อยที่เขาจะหลอกล่อชักจูงให้ทำตามได้โดยง่าย ดังนั้นคำพูดที่ผ่านมาของเธอไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอหมายความตามนั้นทุกคำ รวมถึงการเย้าหยอกหัวใจของเขาด้วย

การรับรู้ทำให้หัวใจของมหรรณพเต้นระรัวราวคลุ้มคลั่ง แต่เมื่อตรึกตรองดีๆ มันก็ค่อยๆ สงบลงไม่ต่างจากโดนแช่แข็ง เพราะไม่ว่าเธอจะคิดหรือไม่คิดอะไรกับเขาก็ตาม มหรรณพก็มีคำตอบให้แก่ความสัมพันธ์ในภายหน้าระหว่างเขากับภุมรินเรียบร้อยแล้ว

เขาใช้ช่วงก้าวเดินคู่กันไปยังบ้านเธอเรียบเรียงคำพูดทีละประโยคในใจ มันไม่ใช่คำที่ยืดยาวเลย แต่มหรรณพอยากจะมั่นใจว่าภุมรินจะเข้าใจ

เมื่อเธอไขประตูหน้าบ้านออก เขาก็ก้าวเข้าไปสำรวจตัวบ้านทันทีก่อนระบบไฟอัตโนมัติในบ้านของเธอที่เขาเป็นคนติดตั้งจะทำงานด้วยซ้ำ เขาดูจนแน่ใจว่าไม่มีคนหรืออะไรแปลกปลอมจะเข้ามาทำร้ายเธอได้ แล้วค่อยส่งสัญญาณมือให้เธอเข้ามา จังหวะนี้มหรรณพต้องกลับบ้านของตนแล้ว แต่เขายังยืนนิ่งรอให้ภุมรินที่ก้มหน้ามาตลอดทางเงยขึ้นมาสบตาเขา เพื่อจะบอกให้เธอเข้าใจ

“ระหว่างเราเป็นได้แค่ลุงกับหลานเท่านั้น” 

แววตาที่แปรเปลี่ยนไปของเธอตกอยู่ในสายตาของเขา เริ่มจากประหลาดใจ ไม่อยากจะเชื่อ เป็นเจ็บปวด มันคงคล้ายกับสิ่งที่เกิดกับหัวใจของเขาเช่นกัน มหรรณพอยากจะถอนคำพูด แต่เขาต้องการมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ภุมริน ต่อให้ทุกคำที่เอ่ยออกจากปากคือการเฉือนเนื้อจากหัวใจของเขาไปทีละก้อนก็ตาม

“วันหน้าน้ำผึ้งจะเจอคนอื่นที่ดีกว่าลุง แล้วน้ำผึ้งจะเข้าใจว่าทำไมลุงถึงพูดอย่างนี้”

มหรรณพหันหลังเดินออกมาโดยไม่ลืมล็อกประตูบ้านให้ภุมรินตามหลัง เขามั่นใจว่าคำพูดเมื่อครู่จะทำให้เธอเข้าใจว่าทำไมความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาไม่ต้องการที่สุดก็ยังเกิดขึ้นจนได้ เขาทำร้ายจิตใจเธอ 

 

 


รีวิวผู้อ่าน

0 ผู้รีวิว

จัดเรียงตาม

ความคิดเห็น